บทที่ 22 เป็นแขก(อ่านฟรี 26-11-2020)
ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของซูยี่ทุกคนก็ตกอยุ่ในความโกลาหล
“สิบเหรียญทอง? มากขนาดนั้นเลยเหรอ!”
"พระเจ้า!โอรินเขาปรับแต่งอะไรกันแน่ ทำไม่เขาถึงได้รางวัลตั้งสิบเหรียญทอง”
“ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ก่อนฉันเองก็คงจะศึกษาเรื่องนี้เหมือนกัน เรื่องรูปแบบเวทมนตร์ฉันเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าทำได้”
“ใช้สิบเหรียญทอง ถ้าฉันได้รางวัลนี้มาแม่ของฉันก็จะได้พักบ้าง...”
… ...
เป็นที่รู้กันดีว่านักเรียนเหล่านี้จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสองเหรียญเงินต่อการจารึกรูปแบบเวทมนตร์หนึ่งอัน หากพวกเขาต้องการที่จะได้เงินสิบเหรียญทองพวกเขาจะต้องจารึกรูปแบบเวทมนตร์ถึงห้าร้อยชุด!”
นักเรียนทั่วไปไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวยเหมือนกับโอรินเหรียญทองสิบเหรียญถือเป็นเงินจำนวนมากสำหรับพวกเขา
เมื่อได้ยินการพูดคุยกันของนักเรียน ซูยี่ก็มองไปที่ไฮนซ์ที่กำลังตกตะลึง ไฮนซ์ที่เห็นแบบนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีและเดินออกมา ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับถุงใบเล็กๆและยื่นให้โอริน
“โอรินนี่คือรางวัลของนาย จะลองนับดูก็ได้นะ”
“ไม่จำเป็นหรอกครับท่านประทาน ผมก็แค่สนใจรูปแบบเวทมนตร์ก็เลยศึกษามัน รางวัลนี้ผมไม่ต้องการจริงๆ”โอรินส่ายหัวไม่อยากรับรางวัลนี้
แม้ว่าในเวลาปกติเขาจะมีความภาคภูมิ แต่เขาก็รู้ว่ามีเส้นกั้นระหว่างเขากับนักเรียนคนอื่นๆเพราะภูมิหลังทางครอบครัว หากเขารับรางวัลนี้ต่อหน้าคนอื่นๆระยะห่างระหว่างเขากับคนอื่นๆก็จะยิ่งใกลออกไปอย่างสิ้นเชิง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก
“เอาไปเถอะ นี่เป็นนโยบายของบริษัทไม่ใช่เฉพาะนายเท่านั้น” ซูยี่ยัดถุงใส่มือโอริน “นับดูสิว่าข้างในมีเหรียญทองอยู่สิบเหรียญมั้ย”
เมื่อเห็นว่าซูยี่มั่นคงแค่ไหนโอรินจึงทำได้เพียงเปิดถุงกระดาษด้วยใบหน้าที่อึดอัดและหยิบเหรียญทองข้างในออกมาเพื่อนับทีละเหรียญ
เมื่อเห็นเหรียญทองระยิบระยับในมือของโอรินสายตาของนักเรียนคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นประกาย
ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงอีกครั้ง“ฟังนะที่ฉันพูดเมื่อกี้นโยบายนั้นไม่ได้มีผลแค่กับโอรินเพียงคนเดียว หากพวกเธอสามารถทำการดัดแปลงหรือปรับปรุงพัดลมเวทมนตร์ได้พวกเธอจะได้รับรางวัลเช่นเดียวกัน!”
“ท่านประทานการปรับแต่งแบบใหน?” นักเรียนที่ค่อนข้างสูงยกมือขึ้นและถาม
“ตราบเท่าที่มันเกี่ยวข้องกับพัดลมเวทมนตร์และมีผลดีต่อพัดลมเวทมนตร์ก็เพียงพอแล้ว” ซูยี่กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง“แน่นอนว่ามันต้องไม่ส่งผลกระทบต่องานของพวกเธอ หากพวกเธอคิดแค่เรื่องนี้และทำให้งานของพวกเธอล่าช้าส่งผลกระทบต่อความเร็วในการผลิตไม่เพียงแต่ฉันจะหักเงินของพวกเธอฉันยังอาจไล่พวกเธอออกตามสัญญาของเราด้วย”
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเป็นคนเลว หากนักเรียนเหล่านี้หัวร้อนและมุ่งแต่ศึกษาการดัดแปลงโดยลืมที่จะทำงานพื้นฐานที่สุดของพวกเขาผลที่ได้รับจะไม่เท่ากับการสูญเสีย
นักเรียนมองหน้ากันและทุกคนก็ก้มหน้าลงขณะที่ในใจก็จดจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้พวกเขาทำงานอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น
ไฮนซ์มองไปที่โอรินที่กลับมาทำงานอย่างซื่อสัตย์และถามซูยี่ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า“สิบเหรียญทอง? มันคุ้มใช่มั้ย”
ซูยี่หัวเราะเบา ๆ “แน่นอนสิ ไฮนซ์นายต้องจำไว้ว่าการปรับเปลี่ยนประเภทนี้มีความสำคัญต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์มาก นโยบายนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลในอนาคตและไม่ควร จำกัด เฉพาะการปรับแต่งพัดลมเวทมนตร์แต่ยังรวมถึงสายการผลิตพัดลมเวทมนตร์ในอนาคตด้วย หากใครสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของพัดลมเวทมนตร์ได้พวกเขาจะได้รับรางวัลเช่นกัน ถือเป็นสนับสนุนพวกเขา”
ไฮนซ์พูดด้วยน้ำเสียงสับสน“นายไม่ได้ทำทั้งหมดนี้เองเหรอ? นายคิดว่าสิ่งที่นายค้นคว้าจะเปรียบเทียบเด็กที่ขนยังไม่ขึ้นพวกนั้นไม่ได้เหรอ”
“ไม่ว่าฉันจะเก่งแค่ใหนแต่ฉันก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งนะ ความสามารถของคนคนเดียวมีจำกัด แต่สติปัญญาของคนหลายคนนั้นไร้ขอบเขต นายไม่ควรจะดูถูกนักเรียนพวกนี้ สุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวะกรรมเครื่องกลเวทมนตร์ในอานาคตอาจจะเป็นหนึ่งในพวกเขาก็ได้”
ไฮนซ์มองไปที่นักเรียนที่ทำงานอย่างหลงใหลและส่ายหัว
ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นกัน
เมื่อไฮนซ์กำลังจะปรึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะทำต่อไปก็มีเสียงเรียกจากภายนอกกระท่อมดังขึ้น “คุณซูยี่”
ทั้งสองตกรู้สึกแปลกใจ มีเพียงพ่อบ้านของวิสเคานท์เลสลี่เท่านั้นที่จะพูดกับซูยี่ด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการแบบนี้
เมื่อหันกลับไปคนที่โผลมาจะเป็นใครได้อีกหากไม่ใช่พ่อบ้านบรูไน
ซูยี่รีบเดินเข้ามาทักทายทันที
“พ่อบ้านบรูไนทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ละหรือว่าคุณมีอะไรที่ต้องการอย่างนั้นเหรอครับ”
พ่อบ้าบรูไนมองไปที่กระท่อมไม้ก่อนจะหยิบการโเชิญที่เคลือบด้วยทองคำออกมาจากอกของเขาให้ซูยี่
“คุณชายซูยี่ ฉันเป็นตัวแทนของนายท่าน ลอร์ดวิสเคานท์เลสลี่เพื่อเชิญคุณไปที่คฤหาสน์ของเขาเพื่อเป็นแขกในตอนเที่ยงด้วยความจริงใจ”
ซูยี่งงงัน เขามองไปทางไฮนซ์แต่ทว่าเขาก็สับสนเช่นกัน
ตอนที่พวกเขาเช่าที่ดินวิสเคานท์เลสลี่ไม่ได้แสดงตัวด้วยซ้ำทำไมจู่ๆเขาถึงเชิญซูยี่ไปเป็นแขก
###
เมื่อเขาเห็นวิสเคานท์เลสลี่ซูยี่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย
เนื่องจากเขาเช่าที่ดินจากวิสเคานท์เลสลี่ ซูยี่จึงรู้เกี่ยวกับลอร์ดวิสเคานท์คนนี้เล็กน้อย
ตามข้อมูลที่ไฮนซ์หามาซูยี่รู้ว่าวิสเคานท์เลสลี่คนนี้มีชื่อเสียงมากในหมู่ขุนนางในเมืองบันตา เขาเพิ่งอายุสามสิบในปีนี้และว่ากันว่าเพราะเขาหล่อมากและมาจากตระกูลที่ร่ำรวยเขาจึงได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีในเมืองบันต้า เขามีชื่อเสียงว่าเป็นชายหนุ่มเจ้าสำอางในเมืองบันต้า
ซูยี่คิดว่าคนคนนี้จะต้องเติบโตมาแบบไข่ในหินและเขาจะต้องไม่สนใจสิ่งรอบข้างและหยิ่งผลองในแบบคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ใช้คนที่เข้าถึงได้ง่ายนัก
แต่หลังจากได้พบกับตัวจริง ซูยี่ก็ต้องประหลาดใจ
ชายหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้าเขาดูจริงจังและดวงตากลมโตของเขาก็คมกลิบ สีผิวบนใบหน้าของเขาไม่ได้เป็นสีขาวที่นิยมกันในหมู่ขุนนางแต่เป็นสีบรอนซ์ซึ่งถือว่าคล้ำเล็กน้อย
ตัวของเขาค่อนข้างสูงและมีสัดส่วนที่ดี ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้ว่าเขาต้องออกกำลังกายเป็นประจำไม่ได้อ่อนแอเหมือนเหล่าคุณชายตระกูลชั้นสูง
เพียงแค่มองไปที่วิสเคานท์เลสลี่เพียงครั้งเดียวความดูถูกในใจของซูยี่ที่มีต่อเขาก็หายไป
วิสเคานท์เลสลี่คนนี้เขาไม่เหมือนคุณชายผู้เย่อหยิ่งและโง่เขลาที่เขาเคยเห็นมาก่อน
ในขณะที่ซูยี่กำลังพิจารณาวิสเคานท์เลสลี่ เขาเองก็กำลังพิจารณาซูยี่เช่นกัน และดูเหมือนว่าเขาจะสนใจซูยี่ไม่น้อย เขามองไปที่ซูยี่อย่างลึกซึ้งก่อนจะชี้ไปที่โต๊ะตัวเล็กข้างๆเขา “เชิญนั้ง”
ซูยี่แสดงความเคารพเหมือนสามัญชนก่อนจะนั่งลงต่อหน้าวิสเคานท์เลสลี่ด้วยความเคารพ
เมื่อเห็นการแสดงออกของซูยี่วิสเคานท์เลสลี่ก็หัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น ฉันไม่ได้เข้มงวดกับเรื่องมารยาทเหมือนกับพวกชายชรา นายทำตัวตามสบายเถอะ เห็นมั้ยฉันไม่ได้เชิญนายมาที่ห้องโถงใหญ่ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่การเจอกันอย่างเป็นทางการ นายก็คิดซะว่ามาทานข้าวกับเพื่อนละกัน”
ซูยี่มองไปที่เขาและรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยที่เขาจะสุภาพกับเขาขนาดนี้
ซูยี่เป็นสามัญชนธรรมดาในขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นถึงวิสเคานท์ของอาณาจักรลัมปูรีเขาเป็นขุนนางที่แท้จริง
ถึงแม้สถานะของซูยี่จะเป็นนักเวทย์ ในทวีปแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพบเห็น และคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักเวทย์ธรรมดาทั่วไป
ในเมืองบันตามีเพียงจอมเวทย์อย่างคามิลล่าเท่านั้นที่ได้รับความเคารพจากทุกคน
ไม่ต้องพูดถึงว่าซูยี่ยังไม่ผ่านการสอบรับรองของสมาคมเวทมนตร์ดังนั้นเขาจึงไม่มีค่าอะไรเลย
หากมองจากมุมของธุรกิจซูยี่เช่าที่ดินจากวิสเคานท์เลสลี่หมายความว่าเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ที่ถูกต้องควรจะเป็นเขาเคารพวิสเคานท์เลสลี่
“ท่านวิสเคานท์ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆคุณถึงเรียกฉันมา มีอะไรเร่งด่วนหรือไม่” ซูยี่อดไม่ได้ที่จะถาม
“เราจะพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง มากินข้าวกันก่อน” วิสเคานท์เลสลี่โบกมือและไม่ตอบกลับ
ซูยี่ครุ่นคิดก่อนจะผ่อนคลายตัวเอง จากนั้นจึงดื่มด่ำกับอาหารกลางวันที่วิสเคานท์เลสลี่นำออกมา
เหมือนอย่างที่วิสเคานท์เลสลี่พูดเอาไว้เขาไม่ได้เขาไม่ได้มาที่ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์แต่เป็นศาลาเล็กๆข้างๆมีสระว่ายน้ำ อาหารที่เขานำออกมาไม่ได้หรูหราหรือเป็นทางการ เป็นเพียงอาหารธรรมดาไม่กี่อย่าง
แน่นอนว่าอาหารเหล่านี้ถูกทำขึ้นอย่างประณีตไม่ใช่สิ่งที่ร้านอาหารทั่วๆไปในเมืองบันตาจะสามารถเปรียบเทียบได้
วิสเคานท์เลสลี่ในระหว่างรับประทานอาหารเป็นมิตรมาก เขาพูดคุยกับซูยี่เกี่ยวกับเรื่องต่างๆของอาณาจักรโดยไม่พูดซ้ำแม้แต่เรื่องเดียวซึ่งแสดงให้เห็นว่าข้อมูลเชิงลึกของเขาดีกว่าพลเมืองทั่วไปมาก
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วคนรับใช้ก็เก็บจานบนโต๊ะอาหารออกไปและนำน้ำผลไม้เย็น ๆ ออกมาสองแก้วในเวลาที่เหมาะสม วิสเคานท์เลสลี่หยุดพูดและมองไปที่ซูยี่ก่อนที่จะพูดว่า“ ซูยี่ฉันได้ยินพ่อบ้านบรูไนบอกว่าโรงงานพัดลมเวทมนตร์ของคุณเริ่มทำงานแล้ว?”
"เอ่อ" หัวใจของซูยี่เต้นผิดจังหวะ เขาจิบน้ำผลไม้ทำให้ชุ่มคอพลางเรียบเรียงความคิด หลังจากหยุดชั่วขณะเขาตอบพร้อมกับพยักหน้าว่า "ใช่"
“ฉันได้ยินมาด้วยว่าโรงงานของคุณมีคนงานจำนวนไม่น้อย บอกหน่อยได้ไหมว่าในแต่ละวันคุณผลิตพัดลมเวทมนตร์ได้กี่ตัว” หลังจากถามคำถามนี้วิสเคานท์เลสลี่ก็โบกมืออย่างรวดเร็ว“แน่นอนถ้าเรื่องนี้เป็นความลับคุณไม่ต้องบอกฉัน”
ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ “นี่ไม่ใช่ความลับ ตอนนี้เราผลิตได้หนึ่งร้อยห้าสิบตัวต่อวันไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้”
“โอ้? วันละหนึ่งร้อยห้าสิบ… .. ขอฉันนับมันก่อนนะ คุณเปิดโรงงานได้สามวันแล้วก็จะมีพัดลมราวๆสี่ร้อยห้าสิบตัว”
“หากวันนี้ทุกอย่างยังคงราบรื่นนั่นคือจำนวนที่แท้จริง”ซูยี่พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นฉันมีคำถามจะถามคุณ”วิสเคานท์เลสลี่มองไปที่ซูยี่ด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและถามว่า“ถ้าคุณสามารถผลิตได้หนึ่งร้อยห้าสิบตัวในแต่ละวันคุณสามารถผลิตได้สี่พันห้าร้อยในหนึ่งเดือน? คุณคิดว่าคุณสามารถขายพัดลมเวทมนตร์ทั้งหมดนี้ได้หรือไม่? ในเมืองบันต้ามีคนอยู่เพียงสามมพันครัวเรือน ฉันไม่คิดว่าแต่ละครอบครัวจะสามารถซื้อพัดลมเวทมนตร์ได้มากนัก”
“ขอบคุณมากสำหรับความกังวลของท่านวิสเคานท์” ซูยี่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“จริง ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คุณพูดความต้องการของพัดลมเวทมนตร์ในเมืองบันต้านั้นอิ่มตัวแล้วมันยากที่จะขายพัดลมเวทมนตร์ให้ได้มากกว่านี้”
“โอ้? แล้วทำไมคุณถึงผลิตพัดลมเวทมนตร์มากขนาดนี้ล่ะ? คุณไม่กังวลว่าคุณจะขายไม่ได้หรือ”
“ถ้าไม่มีใครในเมืองบันตาที่ต้องการซื้อพวกมัน แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากนอกเมืองบันตาที่ต้องการมันเช่นกัน”ซูยี่ตอบด้วยรอยยิ้ม“ท่านวิสเคานท์ฉันจะไม่ซ่อนอะไรเลยจริงๆแล้วคำสั่งซื้อที่เรามีอยู่เกินห้าพัน มีส่วนน้อยมากที่มาจากเมืองบันตาและส่วนใหญ่มาจากหมู่บ้านนอกเมือง นอกจากนี้ในแต่ละวันคำสั่งซื้อยังคงเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่นเมื่อเช้าวานนี้ฉันเพิ่งได้รับคำสั่งซื้อพัดลมเวทมนตร์หนึ่งพันตัว” หลังจากพูดสิ่งนี้ซูยี่ก็หยุดชั่วขณะ เขามองไปที่การแสดงออกของวิสเคานท์เลสลี่และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น“สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือคำสั่งนั้นมาจากเมืองคาร์มา”