ตอนที่แล้วตอนที่ 189 ลมหายใจเฮือกสุดท้าย Dying Toxic
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 191 ปราสาทดำ Black Castle

ตอนที่ 190 2 เควสใหญ่ๆ


ตอนที่ 190 2 เควสใหญ่ๆ

แม้การที่ต้องเผชิญหน้ากับมังกรปีศาจ Xanidarth จะเป็นเรื่องที่โหดหินที่สุด ที่ตัวเขาเคยเผชิญตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจเลี่ยงได้อยู่ดี เพราะส่วนหนึ่งของเควสระดับตำนานที่เจสเปอร์ได้รับมาจาก ปรมาจารย์เมนอสในตอนต้น กล่าวถึงการให้ออกตามหาศิษย์ทั้งสามคนเพื่อแจ้งเตือนข่าวร้าย แต่ทว่านี้ก็ใกล้เวลาเกือบจะหนึ่งปีแล้ว(เวลาภายในเกม)ตามข้อกำหนดของเควส

เขาเพิ่งจะสามารถตามหาศิษย์เอกได้เพียงคนเดียวเท่านั้นเอง นั้นเท่ากับว่าเวลานี้เจสเปอร์จำเป็นต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อโฟกัสที่เควสระดับตำนานนี้เพียงอย่างเดียว นั้นจึงเป็นเหตุให้ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงต้องรีบจัดการเคลียร์เรื่องของกิลด์ให้เสร็จไว

[เควส: ออกตามหาศิษย์เอกทั้ง3 (เควสตำนาน)เควสสำหรับผู้ควบคุมธาตุไม่สามารถปฏิเสธได้ ระยะเวลาคงเหลือ 2 เดือน 3 วัน]

[รายละเอียดความสำเร็จ : ศิษย์เอก เกโด (สำเร็จ) ศิษย์เอกซีริก ศิษย์เอกทอน์]

‘2 เดือน 3 วัน’

หากจะมองว่ามันนาน มันก็นาน หากจะมองมันว่าสั้นก็สั้น แต่โทษที่ต้องได้รับหากทำเควสระดับตำนานไม่สำเร็จเห็นทีจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

‘ตัวละครเลเวลกลับไป 1 อีกครั้งรวมถึง ไอเท็มทั้งหมดสูญหาย แถมยังถูกดีบัฟจากระบบไม่สามารถเพิ่มเลเวลได้นี้ไม่เท่ากับว่า เจสเปอร์จำเป็นต้องลบตัวละครทิ้งไปเลยอย่างนั้นเหรอ!!’

หลังจากที่เจสเปอร์ได้ตอบรับเควสเนื้อเรื่องจากกษัตริย์ Candor และ ดยุกซิมป์สัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวเขาก็ได้ขอตัวลากลับเพื่อไปช่วยสร้างประตูมิติทันที ซึ่งในระหว่างที่กลับออกไปนั้นเอง ตัวเขาก็ได้ชำเลืองไปเห็นดยุกอาเซนิค กำลังทำท่าทีลับล่อๆอยู่ทิศตรงกันข้ามกับห้องบรรทมของกษัตริย์

“เจ้าบารอน!!แกคิดจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว เห็นว่าเป็นสหายรักขององค์หญิงและองค์ชาย แล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้อย่างนั้นเหรอ คอยดูเถอะการสร้างประตูบ้าบออะไรนั่น จะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคนของราชวงศ์โดยเด็ดขาด! ทหารทุกนายจงฟังให้ดี…หากใครคิดช่วยบารอนผู้นี้ มันผู้นั่นจะมีโทษในข้อหาเป็นกบฏต่อเมือง”

ดยุกซิมป์สันแสร้งแสดงละครเป็นผู้ร้ายเพื่อวางอำนาจบาตรใหญ่อีกครั้ง ส่วนที่เขาต้องการประกาศออกไปเช่นนี้ก็เพื่อที่จะกันไม่ให้ดยุกอาเซนิคที่ต้องสงสัยว่าเป็นคนวางยากษัตริย์ Candor ได้เข้าไปยุ่งกับเรื่องการสร้างประตูมิติ มิเช่นนั้นแล้วประตูที่อาจนำผลประโยชน์มาให้อาจเปลี่ยนเป็นหายนะที่มาทำลายก็เป็นได้

คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ ภายใต้หน้ากากอันยิ้มแย้มอาจแฝงด้วยจุดประสงค์ร้ายก็เป็นได้ ส่วนคนที่เราคิดว่าร้ายกาจไม่น่าคบหา แท้ที่จริงเนื้อแท้ของพวกเขาอาจสวยงามกว่าที่จะจินตนาการได้ก็มี

“ลูกศิษย์ข้ากลับมาก็ดีแล้ว…รีบไปดูอาการของจอมเวทย์น้อยเสียเถิด เธอเพ้อเจ้อยกใหญ่แล้ว??!!” ทันทีที่เจสเปอร์ได้กลับมายังที่พักของเขา ศจ.อลาสเตอร์และแม่มดขาว Elunirก็พุ่งมาดักเข้าที่ด้านหน้าประตูในทันที ก่อนจะเล่าอาการของหิมะน้อยที่โดนจิตสังหารหรือรังสีฆ่าฟันเข้ากดดันจนเสียสติ

“พี่เจส!!พี่ต้องเชื่อหนู...หนูไม่ได้เพ้อเจ้อตามที่ท่านอาจารย์กับพี่คลูเอลบอก ดยุกอาเซนิคเป็นคนปลดปล่อยจิตสังหารนั่นเข้ากดดันพวกเราไม่ใช่ดยุกซิมป์สันอย่างที่พวกเราเข้าใจหนูจำสายตาที่มันมองพวกเราได้ดี มันเหมือนกับบอสพ่อมดมืด Dark Magic ที่ป้อมปราการ Mirage Tower ไม่มีผิด!!”

หิมะน้อยซุกหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา โผเข้ากอดเจสเปอร์เสมือนพี่ชายจริงๆของเธอด้วยความกลัวที่สั่นเทา ก่อนที่เจสเปอร์จะใช้เวลากว่า 10 นาที ลูบหัวหิมะน้อยมาร์กี้เพื่อปลอบให้เธอคายความกลัวในใจลง

“ไม่ต้องร้อง!!พี่ได้ส่งข้อความเรียกคนอื่นๆให้มาหาพวกเราที่เมืองอีรูไดซ์แล้ว แถมพี่ไอรีนยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเชียวละที่รู้ว่ามีคนมาทำร้ายเธอ...คิดไม่ออกละสิว่าพี่ไอรีนโกรธจะเป็นยังไง?”

เจสเปอร์จัดการส่งข้อความเรียกสมาชิกแกนนำคนอื่นๆให้มาพบเขาที่เมืองอีรูไดซ์ตั้งแต่ที่กลับมาจากการพูดคุยกับดยุกซิมป์สันแล้ว เนื่องจากเขาคิดเอาไว้ว่าหากเสร็จจากการสร้างประตูมิติในขั้นตอนแรก ตัวเขาจะรีบออกเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปยังปราสาททมิฬ

‘แบล็คแคสเทิน’

เพื่อนำลมหายใจมังกรจากมังกรปีศาจ Xanidarth มารักษากษัตริย์ Candor ที่ถูกพิษ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายกัดกินร่างและเผื่อว่าระหว่างทางเขาอาจได้พบกับศิษย์เอกซีริค ที่ถูกจับตัวไว้ตามภาพนิมิตรที่เขาได้เห็นจากการต่อสู้กับร่างเงาของมังกรปีศาจ Xanidarth ก่อนหน้านั่นก็เป็นได้

...............

เป็นเวลากว่า 3 วันที่เจสเปอร์ช่วย ศจ.อลาสเตอร์เตรียมพื้นที่ในการสร้างประตูมิติ จนในที่สุดขั้นตอนแรกของการเปิดผนึกประตูก็เริ่มต้นขึ้น เจสเปอร์กวัดแกว่งดาบอีเทอนัลวอร์เบลดในมือไปมา ควบแน่นพลังเวทมนต์(Sp) จากภายในลงสู่ดาบ คล้ายกับการเสริมพลังธาตุให้กับอาวุธ ก่อนจะปักดาบในตำนานเล่มนี้ลงที่จุดกึ่งกลางระหว่างเสาทั้งสองข้าง พร้อมทั้งบรรจงวาดดาบที่แหลมคมกรีดลงบนเนื้อหิน เป็นลวดลายอาคมเวทย์ตามที่ศจ.อลาสเตอร์ได้สอนเอาไว้

‘กึกก!!...ฟิ้วว!’ เมื่อเจสเปอร์ได้ลากเส้นอาคมจนบรรจบกันเส้นเวทมนต์ ลำแสงสีขาวดุจน้ำทะเลก็พลันส่องสว่างขึ้นเจิดจ้า ซึ่งตามมาด้วยแรงดึงดูดอันมหาศาลที่ดูดกลืนสิ่งรอบตัวๆเข้ามาหามัน ก่อนจะก่อตัวเป็นม่านน้ำสายหนึ่งที่ตกลงมาระหว่างกึ่งกลางของเสาทั้งสองต้นและในจังหวะนี้เองศจ.อลาสเตอร์และแม่มดขาว Elunir ที่เฝ้ารอช่วงจังหวะนี้มาตั้งแต่ต้นอยู่ข้างๆเจสเปอร์ก็รีบร่ายอาคมโบราณเพื่อปลดผนึกเสาที่ทำจากแร่ Telelium ให้คลายออก ‘#$@&#&$!!’...... ‘ซูมม!!’

“มันสำเร็จไหม??!!”เกิดเป็นคำถามที่ทั้งสามคนต่างเฝ้ารอคำตอบ ทันใดนั้นเอง...

‘ติ้ง!!’

[ประกาศจากระบบ:ประตูเคลื่อนย้ายมิติเมืองอัลคาเดีย ถูกปลดผนึกแล้ว ผู้กล้าทุกท่านสามารถใช้งานประตูมิติเพื่อเดินทางระหว่างเมืองได้เป็นที่เรียบร้อย จุดที่ตั้งของประตูอยู่ที่ห้องสมุดประจำเมืองอัลคาเดีย ณ ห้องทำงานของ ศจ.อลาสเตอร์ หัวหน้าสมาคมผู้ควบคุมธาตุประจำอาณาจักรกรีนเวต้า]

[ประกาศจากระบบ:ประตูเคลื่อนย้ายมิติเมืองอีรูไดซ์ ถูกปลดผนึกแล้ว ผู้กล้าทุกท่านสามารถใช้งานประตูมิติเพื่อเดินทางระหว่างเมืองได้เป็นที่เรียบร้อย จุดที่ตั้งของประตูอยู่ที่ประตูทางออกที่ 3 ทางทิศตะวันออกเมืองอีรูไดซ์]

‘ห้องสมุดประจำเมืองอัลคาเดีย ณ ห้องทำงานของ ศจ.อลาสเตอร์??’ ประตูมิติใช้การได้มันก็ดีอยู่หรอก...แต่ระบบกำลังกวนประสาทพวกเขาผู้เล่นเมืองอัลคาเดียอยู่หรือไงกัน?

ใครๆก็ต่างรู้ดีว่าห้องสมุดประจำเมืองอัลคาเดียนั้น ผู้เล่นทั่วไปที่ไม่ใช่อาชรพจอมเวทย์หรือผู้ควบคุมธาตุไม่มีสิทธิที่จะขึ้นไป? มิหนำซ้ำประตูมิติยังอยู่ในห้องทำงานของหัวหน้าสมาคมผู้ควบคุมธาตุอย่าง ศจ.อลาสเตอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดด้วยนี้สิ เกรงว่า ชาตินี้ผู้เล่นเมืองอัลคาเดียคงจะไม่มีโอกาสได้ใช้งานมัน

‘ทำไมไม่สร้างประตูมิติให้เหมือนกับเมืองหลวงอีรูไดซ์กันล่ะ? เอ๊ะ…แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าประตูของเราตั้งอยู่ในห้องทำงานของ ศจ.อลาสเตอร์ งั้นก็เท่ากับว่าผู้เล่นเมืองอีรูไดซ์ที่จะเดินทางมาก็ต้องมาโผล่ที่ห้องของ ศจ.อลาสเตอร์ด้วยเหมือนกันไม่ใช่หรือไง? ฮ่าฮ่า!!’

แน่นอนว่าถึงระบบจะประกาศการใช้งานประตูมิติให้กับผู้เล่นได้รับทราบแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะสามารถใช้งานได้ในทันทีเดี๋ยวนั้น!! โดยศจ.อลาสเตอร์และแม่มดขาว Elunirยังต้องตั้งจุดพิกัดและควบคุมมนต์อาคมให้ได้คงที่เสียก่อนเพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวผู้เล่นและNPC

“เจ้ามีภารกิจอะไรก็ไปทำเสียเถอะ...ส่วนที่เหลือข้าและยัยเฒ่าจะเป็นคนสานต่อที่เหลือเอง”

ศจ.อลาสเตอร์รู้แต่แรกแล้วว่า กำหนดภารกิจในตำนานที่ปรมาจารย์เมนอสได้ฝากฝังเอาไว้ของเจสเปอร์ใกล้กระชันเข้ามาทุกทีและตัวศาสตราจารย์เองก็ไม่อาจที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลืออะไรนอกเสียจากการสอนเวทย์เคลื่อนย้ายมิติพื้นฐานให้กับเจสเปอร์ติดตัวเท่านั้น

ซึ่งในตลอดเวลาทั้ง 3 วันที่ผ่านมา เจสเปอร์ก็ได้เรียนรู้และฝึกฝนพลังนี้อย่างหนัก จนสามารถที่จะร่ายเขตอาคมเพื่อใช้ในการเคลื่อนย้ายมิติได้ตามที่เขาต้องการโดยไม่ต้องเชื่อมกับประตูแล้ว เขาสามารถกำหนดจุดเคลื่อนย้ายได้เองตามที่ต้องการ เพียงแต่ปลายทางยังต้องใช้ประตูในการเชื่อมต่ออยู่(ตามข้อกำหนดของดาบที่ใช้ได้เพียง 1 ครั้ง ก่อนจะฟื้นฟูตัวเองในอีก 5 วัน)

เจสเปอร์ไม่ได้เลือกที่จะอยู่รอแกนนำสมาชิกคนอื่นๆเพื่อล่ำลาแต่อย่างใด เมื่อเข็มนาฬิกาตีบอกเวลาพระอาทิตย์อยู่กลางหัวในช่วงเที่ยง ชายหนุ่มผู้ควบคุมธาตุก็ออกเดินทางขึ้นเหนือโดยทันที ส่วนเรื่องการสืบหาตัวคนร้ายที่วางยากษัตริย์ Candorเจสเปอร์ได้มอบหมายให้กับคลูเอลเป็นคนจัดการทั้งหมดแล้ว โดยเขาได้ทำการบอกถึงข้อมูลที่จำเป็นและเป็นจุดเชื่อมโยงหลักๆเพื่อใบ้ให้กับคลูเอลนิดหน่อยๆ ส่วนจะไขความกระจ่างออกมาได้หรือไม่...ก็ขึ้นอยู่กับตำรวจหนุ่มประจำกิลด์คนนี้แล้ว!!

ต้องอย่าลืมว่าเจสเปอร์เป็นคนวางหมากให้คลูเอลประจำการอยู่ที่เมืองอีรูไดซ์มาตั้งแต่แรก ยิ่งตำรวจหนุ่มผู้นี้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงแห่งนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลดีต่อกิลด์ของเขามากขึ้นเท่านั้น

ส่วนตัวของเจสเปอร์นะเหรอ? แค่ลำพังเควสนำลมหายใจมังกรกลับมาช่วยรักษากษัตริย์ Candor แค่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากพออยู่แล้ว สู้เขาแบ่งเค้กก้อนใหญ่ให้คนอื่นได้กินบ้าง วันดีคืนดีกิลด์ของเขาอาจไม่มีรากฐานที่มั่นคงแค่ที่เมืองอัลคาเดียก็เป็นได้

“เมืองอีรูไดซ์ขอต้อนรับ...รีบเข้ามาข้างในเถอะ เจสเปอร์ได้ฝากฝังเรื่องให้พวกนายได้ทำไว้เพียบเลย!!”

“หมอนั่นเดินทางขึ้นเหนือไปคนเดียวแล้วเหรอ??!!” หลังจากที่นั่งในรถม้าแข็งๆกันมาอย่างยาวนานหลายวัน ในที่สุดกลุ่มสมาชิกแกนนำเกือบทั้งหมดขาดเพียง โบม่อน เจ้ซันนี่และริคเตอร์ที่อยู่ดูแลสมาชิกกิลด์คนอื่นๆ ก็ได้มาถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อยตามคำเรียกของเจสเปอร์ที่เรียกพวกเขาให้มาช่วยจัดการเควสเนื้อเรื่องของกษัตริย์ Candor

เท่ากับว่าเวลานี้เจสเปอร์และกิลด์ Rising Sun กำลังดำเนินเควสใหญ่ๆถึง 2 เควสไปพร้อมๆกัน

1 คือเควสในตำนานที่ออกตามศิษย์เอกทั้งสาม ของปรมาจารย์เมนอส

2 คือเควสเนื้อเรื่องกษัตริย์ Candor ที่แยกย่อยออกเป็น 2 อย่างคือ รักษาอาการของกษัตริย์ที่ป่วย กับ ออกตามหาหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ดยุกอาเซนิค คือ หนอนบ่อนไส้ที่เป็นกบฏต่อราชวงศ์

“หิมะน้อย...เห็นพี่ไอรีนหรือเปล่า? ชื่อก็ยังออนไลน์อยู่นะ แต่ไม่เห็นตัวตั้งแต่เช้าแล้ว”พี่สาวบับเบิ้ลเอ่ยถามหิมะน้อยที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการจำศีล(นอนในเกม)เป็นคนสุดท้าย ด้วยความสงสัย

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะออกตามหาหรือถามสมาชิกคนอื่นๆก็ไม่มีใครพบเห็น นักบุญหญิงคนนี้เลยตั้งแต่เช้า เป็นไปได้หรือไม่ว่าเธอจะหายตัวหรือถูกจับตัวไป!!

‘ไอรีนถูกจับตัว??!!’

“คิดมากกันเกินไปแล้ว...ไอรีนนะเหรอจะถูกจับตัวไปง่ายๆ ป่านนี้คงออกเดินทางตามเจ้าเจสไปทำภารกิจทางตอนเหนือแล้วละมั้ง จำเรื่องเมื่อวานไม่ได้เหรอตอนที่พวกเรามาถึงเมืองอีรูไดซ์ คำถามแรกที่เธอถามคลูเอลเธอถามว่าอะไร...หมอนั่นเดินทางขึ้นเหนือไปคนเดียวแล้วเหรอ??!!” แต่ยังไม่ทันทีคนอื่นจะได้คิด เสียงของบุคคลที่หายตัวไปก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของอามมี่ พร้อมกับมองค้อนเข้าใส่อามมี่ที่กำลังแอบนินทาว่าเธอแอบหนีตามเจสเปอร์ไป

“อะแฮ่ม...ฉันว่านายนะสิที่คิดมากเกินไปอามมี่ ฉันแค่ไปช่วยงาน ศจ.อลาสเตอร์เรื่องประตูมิติที่เชื่อมกับเมืองของเราก็เท่านั้นเอง ไม่เชื่อก็ลองถามคลาซ่าดูสิ ฉันพาเข้ามากับฉันด้วย พร้อมกันนี้ถึงเวลาที่พวกเราจะเปิดร้านค้าสมาคมสาขา 2 ขั้นที่เมืองอีรูไดซ์แล้ว!!”

ไอรีนชี้กลับไปยังประตูมิติที่คลาซ่ากำลังก้าวขาข้ามธรณีม่านน้ำด้วยหน้าตาแตกตื่น พลางลากรถเข็นที่บรรจุอาวุธและอุปกรณ์มาเต็มคันรถ

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ

www.facebook.com/writelazy

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด