Guild Master ตอนที่ 43 เสียเงิน
ตอนที่ 43
เสียเงิน
“พี่กวี มีนขอโทษนะคะ....”หลังจากกลับลงมาจากสนามประลอง สิ่งแรกที่มีนทำก็คือมาขอโทษกวีเป็นอย่างแรกทั้ง ๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ ๆ
“ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ”กวีถามด้วยใบหน้านิ่ง ๆเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการพ่ายแพ้ของมีนเลย
“ก็ พี่กวีเสียเงินไปเพราะมีนแพ้นี่นา”มีนตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีรู้สึกผิด
“การพนันมันก็ต้องเสียเงินอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เจ้ามือก็ไม่รวยจากการพนันหรอกนะ จริงสิพวกเราไปเก็บเลเวลต่อเถอะ”กวีว่าพลางนำพวกมีนออกจากสนามประลองทันที เป้าหมายของกวีไม่ใช่เงินที่ลงพนันอยู่แล้ว แต่กวีอยากเห็นว่ามีนยังสามารถสู้ภายใต้แรงกดดันได้หรือไม่ ซึ่งผลที่ออกมานั้นก็น่าสนใจไม่น้อย พอเริ่มต่อสู้แล้วมีนก็จะใช้สมาธิทั้งหมดไปที่การต่อสู้จนลืมภาระที่แบกเอาไว้ไม่เหลือเลย แบบนั้นจะเรียกว่าดีก็ได้ร้ายก็ไม่เชิงเพราะหากมอบหน้าที่สำคัญให้บางทีมีนอาจจะมัวแต่สู้กับคู่ต่อสู้ระหว่างทางจนลืมเป้าหมายก็ได้ แต่หากเป้าหมายเป็นคู่ต่อสู้คนนั้นเองก็ไม่มีใครทำได้ดีกว่ามีนอีกแล้ว
“น้องสาว น้องสาวคนนั้นหยุดก่อน”ระหว่างพวกกวีกำลังเดินทางออกไปที่หน้าประตูเมือง อยู่ ๆชายคนหนึ่งก็เข้ามาทักมีนด้วยท่าทียิ้มแย้มเสียอย่างนั้น แต่กวีจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยเจอคน ๆนี้มาก่อน
“น้องสาวที่ลงประลองก่อนหน้านี้ใช่ไหม พี่เห็นฝีมือของน้องแล้วมันสุดยอดมากเลย”ชายคนนั้นว่าพลางเดินเข้ามามีนพร้อมคนอีก 5 คน ท่าทางคนพวกนี้จะเป็นปาร์ตี้เดียวกันกระมัง
“ขอบคุณค่ะ....”มีนตอบพลางเดินถอยหลังมาหลบด้านหลังเมฆกับกวีเสียอย่างนั้น ไอ้ท่าทีขี้อายนี่ไม่เหมือนตอนสู้บนเวทีเลยจริง ๆ
“พวกเราไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ ผมชื่อสองเป็นจอมเวทของปาร์ตี้นี้ครับ”เห็นมีนถอยไปอยู่ข้างหลังชายหนุ่มตัวเล็กที่มีใบหน้ายิ้มแย้มสดใสก็แทรกตัวเข้ามายืนข้างหน้าชายที่เข้ามาทักตอนแรกทันที เขาคงคิดว่าหน้าตาเหลี่ยม ๆของชายคนแรกอาจจะทำให้มีนกลัวก็ได้
“สวัสดีครับผมชื่อกวี ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับคนของเรางั้นเหรอ”กวีเห็นมีนไม่กล้าคุยก็เลยออกไปรับหน้าแทน ท่าทางคนพวกนี้คงมีเรื่องบางอย่างถึงเข้ามาทักไม่ใช่แฟนคลับมาขอลายเซ็นแน่ ๆ
“ก่อนหน้านี้พวกเราได้เห็นพี่สาวคนนั้นสู้ในลานประลอง พวกเราก็เลยสนใจฝีมือของพี่สาวมากเลย”สองตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีจริงใจ ดูแล้วท่าทางจะไม่มีจุดประสงค์ร้ายอะไร
“พวกเราเลยอยากจะชวนพี่สาวคนนั้นไปร่วมทำเควสกับพวกเราครับ จริงสิพวกพี่ ๆจะไปด้วยกันก็ได้นะครับ”ที่แท้สองก็ต้องการคนไปช่วยทำเควสนี่เอง การที่ชวนทั้งปาร์ตี้นั้นหมายความว่าเควสที่ว่าสามารถพาคนไปได้มากกว่า 1 ปาร์ตี้แน่ ๆ
“เป็นเควสแบบไหนเหรอครับ”กวีเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย หากเควสมันยากเกินไปแล้วจะพาคนของเขาไปตายกันหมดก็ไม่คุ้มที่จะช่วยเหลือหรอก
“มันเป็นเควสช่วยเหลือหมู่บ้านครับ เราสามารถใช้คนได้หนึ่งเรดแต่เลเวลห้ามเกินสี่สิบครับ”สองตอบพลางเอารายละเอียดเควสออกมาให้ดู โดยเนื้อหาเควสนั้นเป็นการปกป้องหมู่บ้านจากโจรภูเขาที่กำลังจะบุกเข้ามายืดหมู่บ้าน หน้าที่ของผู้เล่นคือการปราบโจรหรือไม่ก็ถ่วงเวลาจนกว่าทหารของเมืองข้างเคียงจะมาถึง และในรายละเอียดเควสก็เขียนเอาไว้ชัดเจนว่าเงื่อนไขการเข้าร่วมเควสคือเลเวลต้องไม่เกิน 40 อย่างที่สองบอกมาจริง ๆ ท่าทางที่คนพวกนี้เข้าไปดูการประลองก็เพื่อจะหาคนเก่ง ๆที่เลเวลไม่เกิน 40 ด้วยนั่นเอง
“น่าสนใจดี งั้นพวกเราเอาด้วย”กวีอ่านรายละเอียดเควสอยู่พักหนึ่งก็ตอบตกลงออกมา รางวัลของเควสนี้น่าสนใจดี แถมความยากก็ไม่สูงนัก เป็นเควสที่ดูดีทีเดียว แน่นอนว่าอะไรที่ดูดีเกินไปย่อมมีกลิ่นแปลก ๆ แต่กลิ่นแบบนี้สำหรับกวีเป็นกลิ่นของความน่าสนุกเสียมากกว่า
“จริงเหรอครับ ยอดเลยเท่านี้เราก็หาคนได้ครบสักที”สองยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ การหาคนเลเวลน้อยแต่มีฝีมือนั้นยากมาก อย่างน้อยสองก็อยากได้คนมีฝีมือไปร่วมสู้ด้วยสักคนก็ยังดี และการได้มีนไปนั้นก็ทำให้สองมีความมั่นใจขึ้นมาก หวังว่าปาร์ตี้อื่น ๆที่หาคนมาเพิ่มจะได้คนมีฝีมือมาเยอะ ๆนะ
“งั้นผมขอรายงานให้ปาร์ตี้เจ้าของเควสรู้ก่อนนะครับ”สองรีบเปิดระบบสื่อสารออกมาก่อนจะติดต่อไปยังหัวหน้าเรดทันที ตอนนี้สองยังรับพวกกวีเข้าเรดไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจเชิญ แต่พอกวีไปยังหมู่บ้านที่เป็นเป้าหมายแล้วก็จะให้หัวหน้าเรดรับเข้าเรดได้ทันที
“เจ....ถ้าเจออะไรผิดปกติรีบบอกผมทันทีนะ”กวีว่าพลางหันไปหาเจที่อยู่ข้าง ๆ
“เอ๊ะ....ครับ”เจพยักหน้าช้า ๆด้วยท่าทีงุนงง ตอนแรกเจก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่พอกวีบอกให้คอยดูสิ่งผิดปกติ ใบหน้าของเจก็มีท่าทีระมัดระวังขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่วายหันไปหวานแหววกับมายด์ต่อเสียอย่างนั้น
“แบบนี้ไม่ไหวมั้ง”ไอช่ายิ้มเจื่อน ๆออกมาก่อนจะมองไปทางเจที่กำลังยิ้มร่าให้กับมายด์ ท่าทางเจจะพึ่งเคยคบหาเป็นแฟนกับคนอื่นก็เลยมีท่าทีดีอกดีใจขนาดนี้
“ไม่เป็นไรหรอกแบบนี้ดีแล้ว”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจก่อนจะมองไปทางมายด์ด้วยหางตา ตอนนี้มายด์ทำตามที่กวีคาดหวังเอาไว้อยู่แล้ว เพียงแต่เธอไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
.
.
“บ้าจริง คนมาน้อยชะมัด”หลังจากผ่านเหตุการณ์ในเมืองทันดร้ามาจนถึงวันประมูลสินค้าของกิลด์อัศวินนภา ตอนนี้ไม้กำลังเครียดจัดเพราะลูกค้าที่ไม้ติดต่อไปมาร่วมการประมูลแค่ไม่กี่คนเท่านั้น กลัวว่าจะเป็นเพราะข่าวการรั่วไหลของสกิลเวทสายฟ้าแน่ ๆ
“ยังดีนะที่ยังมีคนมาบ้าง อย่างน้อยก็ต้องขายหนังสือเวทสายฟ้าให้ได้เกินสิบล้านเข้าใจหรือเปล่า”รองคนหนึ่งของไม้ว่าพลางกำชับกับผู้ดำเนินงานประมูลด้วยท่าทีจริงจังทำเอาเขาหน้าซีดไปไม่น้อย ตอนนี้ราคาประมูลของเวทสายฟ้าตกลงมาจนเหลือแค่ 3 ล้านเท่านั้น ทั้งนี้เพราะเวทสายฟ้าถูกกระจายข่าวออกไปว่ามีหลุดไปในเมืองทันดร้าอย่างน้อย 2 เล่ม แถมยังมีข่าวลือตามมาอีกด้วยว่าหนังสือเวทมนตร์สายฟ้าหลุดออกไปมากกว่านั้น บ้างก็ว่าเวทสายฟ้ากำลังจะกลายเป็นเวทดาษดื่นที่มีกันทั่วไปในอีกไม่ช้าแล้ว การจ่ายเงินหลายสิบล้านเพื่อครอบครองมันเลยไม่ใช่เรื่องน่าสนใจเท่าไร
“ผมจะพยายามครับ”ผู้ดำเนินงานประมูลตอบพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แม้คนจะมาน้อยแต่คนที่มาต่างเป็นเศรษฐีกระเป๋าหนักกันทั้งนั้น แถมคนที่มาอย่างน้อยก็ต้องอยากได้เวทสายฟ้ากันอยู่แล้วไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสู้ราคากันบ้าง
“พี่อ้อน สวัสดีค่ะ”ทางฝั่งที่นั่งคนประมูลยามนี้กลับปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้าไปหาหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเธอกล่าวทักทายออกมาก็ทราบได้ทันทีว่าผู้ที่มานั่งก่อนก็คือ อ้อน หญิงสาวที่ให้ข่าวเรื่องเวทสายฟ้ากับกวีนั่นเอง
“นาตาลี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ มาสิลูกมานั่งด้วยกัน”อ้อนยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้นรับไหว้นาตาลีอย่างเอ็นดู เธอแทบไม่มีท่าทีแปลกใจเลยที่เห็นนาตาลีมาร่วมงานในครั้งนี้
“ขอบคุณค่ะพี่อ้อน ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ราคาเวทสายฟ้าคงไม่ถูกลงขนาดนี้แน่ ๆ”ระหว่างการประมูลกำลังเริ่มและสินค้ากำลังออกมาขายทีละรายการ นาตาลีก็กล่าวทักทายอ้อนด้วยท่าทียินดีอย่างมาก นาตาลีเป็นจอมเวทที่แข็งแกร่งคนหนึ่งของประเทศไทย และมีชื่อเสียงเรื่องชอบสะสมเวทมนตร์หลาย ๆสายไม่ว่าจะเป็นเกมไหนก็ตาม แถมฐานะการเงินของเธอยังสนับสนุนให้เธอทำแบบนี้ได้สบาย แต่เธอไม่ได้อยากจ่ายเงินให้กิลด์อัศวินนภาเสียเท่าไร ยิ่งจ่ายได้น้อยก็ยิ่งดีกับเธอมากเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เข้าทางอ้อนพอดี เธอมีปัญหาไม่ลงรอยกับกิลด์อัศวินนภาอยู่พอดี ประจวบเหมาะกับตอนกวีกลับมาก็เลยอาศัยเรื่องที่ไอช่าติดกวีมาก ๆเพื่อให้กวีช่วยหาเวทสายฟ้ามาตีราคากับเวทสายฟ้าของกิลด์อัศวินนภา ตอนแรกก็แค่ให้กวีได้เวทสายฟ้าไปเท่านั้น ไม่นึกเลยว่ากวีจะช่วยสร้างข่าวลือจนราคามันร่วงขนาดนี้
“คุณนาตาลีมาแบบนี้ผมก็ต้องวางมือจากเวทสายฟ้าแล้วสินะ”เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากทางที่นาตาลีเพิ่งเดินเข้ามา ชายหนุ่มผมทองผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราหนังผู้นี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเรย์นั่นเอง สำหรับพ่อค้าแล้วไม่แบ่งฝ่ายหรอกว่าสินค้าจะได้มาจากไหน ขอเพียงเป็นของที่ทำกำไรได้เรย์ไม่สนว่าจะต้องจ่ายเงินให้ใครอยู่แล้ว
“หรือว่าน้องเรย์อยากจะแข่งกับพี่ล่ะ”นาตาลียิ้มบาง ๆออกมาก่อนจะมองเรย์ด้วยท่าทียิ้ม ๆ
“พี่มาตามคำสั่งของพี่กวีไม่ใช่เหรอ ขืนตัดหน้าพี่ไม่รู้ว่าผมจะเสียผลประโยชน์เท่าไร”เรย์ตอบพลางถอนหายใจออกมา ขืนสู้กันกับนาตาลีก็มีแต่สร้างผลประโยชน์ให้กับกิลด์อัศวินนภามากขึ้น และต่อให้เรย์ประมูลแย่งไปได้นาตาลีก็ต้องมาซื้อต่อเรย์อยู่ดี เรย์แค่ช้อนซื้อของอย่างอื่นที่ต้องการก็พอ
“เข้าข้างกวีแบบนี้ หรือว่าเรย์จะใจอ่อนแล้วนะ”อ้อนถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีรู้ทัน ความจริงเรย์ที่บอกว่ายังโกรธกวีอยู่สามารถแย่งประมูลกับนาตาลีได้ เพราะทำแบบนั้นเรย์จะได้กำไรแน่นอนเพราะไม่ว่าจะประมูลไปแล้วอัพราคาขึ้นเท่าไร นาตาลีก็พร้อมจะจ่ายอยู่แล้ว การที่เขาไม่ทำเพราะเข้าข้างกวีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“เปล่าสักหน่อย”เรย์ตอบพลางหันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยท่าทีไม่พอใจทำเอาอ้อนและนาตาลีพากันหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนานก่อนจะเริ่มร่วมประมูลสินค้ากันบ้างคนละนิดละหน่อย
สุดท้ายแล้วเวทมนตร์สายฟ้าถูกประมูลไปโดยนาตาลีด้วยเงินแค่ 5 ล้านเท่านั้น แม้ถ้าหากเวทสายฟ้าออกมาสู่ตลาดมากกว่านี้ราคามันจะเหลือเล่มละไม่เกินล้านก็ตาม แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ต้องใช้เวลานานเพราะไม่ใช่ทุกคนจะสามารถได้เวทสายฟ้ามาง่าย ๆ ความจริงต่อให้มีเป็นสิบ ๆเล่มออกมาสู่ท้องตลาดราคาของมันก็ควรแตะ ๆ 7 ล้านเสียด้วยซ้ำ ที่นาตาลีซื้อมาได้ถูกขนาดนี้เป็นเพราะชื่อเสียงเรื่องการรวบรวมเวทมนตร์ของเธอ ไม่มีใครอยากสู้กับเธอเรื่องประมูลเวทมนตร์หรอก แน่นอนว่าสามารถสู้เพื่อปั่นราคาได้แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเคืองกับเรื่องเวทสายฟ้าหลุดในตลาดอยู่เลยไม่มีใครอยากจะแย่งเวทมนตร์กับนาตาลีเลย แน่นอนว่าคนที่เจ็บหนักที่สุดย่อมเป็นไม้อย่างไม่ต้องสงสัย แถมไม่ใช่แค่นาตาลี เรย์เองก็ช้อนประมูลสินค้าดี ๆไปไม่น้อย แถมเพราะอิทธิพลของเรย์ทำให้หลาย ๆคนยอมปล่อยให้เรย์ชนะประมูลไปง่าย ๆ ทำให้สินค้าหลาย ๆตัวได้ราคาไม่เท่าเป้าที่ตั้งเอาไว้เลย