บทที่ 20 วิเวียน(อ่านฟรี 20-11-2020)
“นี่……” ซูยี่เกาหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะเขารู้สึกว่าเขาประมาทเกินไป
แต่ทว่าก็ไม่สามารถตำหนิซูยี่ได้ ในโลกเดิมเขาไม่ค่อยได้พูดคุยกับเด็กผู้หญิงเท่าไหร่นัก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเครื่องจักรเขาจึงมีความรู้สึกช้าต่อเรื่องนี้
แล้วมาดูทาสตัวน้อยคนนี้ เธอมีรูปร่างที่ผอมแห้งและการเจริญเติบโตของเธอก็ไม่ดีนักดังนั้นเธอจึงไม่มีรูปลักษณ์ของเด็กผู้หญิงอยู่เลย
ถ้าไม่ใชเพราะมีคนมาบอกซูยี่ก็คงไม่สังเกตุเห็น
เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูอึดอัดของซูยี่สเตลล่าก็เผยรอยยิ้มออกมา
“ซูยี่ฉันเข้าใจนายผิดไปจริงๆ ตอนที่ฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ในบ้านนายฉันก็นึกว่านายเป็นพวกที่มีรสนิยมแบบเดียวกับขุนนางพวกนั้นซะอีก”
ซูยี่อดไม่ได้ที่จะกลอกตา
รสนิยมแบบใหนล่ะ? แม้ว่าเขาจะสนใจเรื่องนั้น แต่เด็กคนนั้นก็มีรูปร่างอย่างกับถั่วงอกเธอจะทำให้เขามีอารมณ์ได้ยังไง
“หยุดพูดเรื่องฉันเถอะว่าแต่เธอนั้นแหละมาบ้านฉันได้ไง” ซูยี่ถามกลับอย่างรวดเร็ว“เธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเธอรู้สึกว่าฉันเป็นคนแบบนั้นทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ? นอกจากนี้เธอยังทำอาหารให้ฉันอีก นี่ความหมายอย่างไร”
“นายนี่ถามเยอะจริงๆ” สเตลล่าพึมพำ “ฉันมาขอบคุณนายที่นายช่วยฉันทำเปียโนจำลองจนเสร็จ ฉันเลยว่าจะมาพานายไปเลี้ยงข้าวแต่ว่าเห็นนายดูเหนื่อยๆฉันเลยไม่กล้าปลุก ฉันเลยจะทำอาหารให้ยังไงล่ะ เมื่อดูจากห้องที่รกขนาดนี้ของนายคงไม่เคยมีคนมาทำอาหารเย็นให้ นายจะไม่ขอบคุณฉันหน่อยเหรอ?”
ใบหน้าของสเตลล่างดงามราวดอกไม้บวกกับรอยยิ้มที่มีเสน่และน่ารักนั้นก็ทำให้ซูยี่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“เอ่อ...เธอบอกว่าเธออยากจะเลี้ยงข้าวฉัน แต่ว่าดูเธอใช้วัตถุดิบแล้วไม่ค่อยจะประหยัดเละนะ”
“หึพี่สาวคนนี้มาทำอาหารให้เป็นการส่วนตัวขนาดปู่ฉันฉันยังไม่เคยทำให้เลยนะ นายไม่พอใจตรงใหนกัน” สเตลล่าส่งเสียงเย็นเยียบและชี้ไปที่ห้องข้างใน “ไปเรียกสาวน้อยคนนั้นออกมากินข้าว แม้ว่าตามสถานะของทาสเธอจะไม่ควรมาทานข้าวกับเรา แต่ฉันเห็นว่านายก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนทาส”
“แน่นอนว่าในโลกนี้ไม่ควรจะมีสิ่งที่เหมือนทาสอยู่แล้ว” ซูยี่ถอนหายใจและส่ายหัวก่อนจะเดินไปที่ห้อง
เมื่อได้ยินซูยี่ถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว สเตลล่าก็ตกตะลึงเล็กน้อย ดวงตาของเธอสว่างขึ้นเล็กน้อยขณะที่เธอมองดูซูยี่เดินจากไป
“ใช่แล้วซูยี่ นอกจากจะมาที่นี่เพื่อเลี้ยงอาหารเพื่อแสดงความขอบคุณแล้วฉันยังมีเรื่องอื่นจะบอกนายอีก” ในขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารทันใดนั้น เสตลล่าก็พูดขึ้น
“ หืม?มีเรื่องอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะช่วงนี้ฉันหยุดงานไปหลายวันท่านจอมเวทย์คามิลล่าเลยจะไล่ฉันออกน่ะ” ซูยี่ถามด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
“ห๊า ใครจะไล่นาย”สเตลล่าจ้องมองเขาก่อนที่จะชี้ไปที่ซูยี่และพูดว่า“ขอบอกไว้ก่อนนะว่าคุณปู่ชอบนายไม่น้อย แม้ว่านายจะปฏิเสธที่จะเป็นศิษของเขา แต่เขาก็บอกว่านายมีความสามารถด้านเวทมนตร์ค่อนข้างสูงและนายมักจะมีความคิดใหม่ ๆ การขังนายไว้ในหอคอยเวทมนตร์จะทำให้เขามีแรงบันดาลใจดังนั้นเขาจะเต็มใจปล่อยคุณไปได้อย่างไร”
“นั่นเป็นเรื่องดี ถ้าเขาำม่ไล่ฉันออกเขาต้องการให้เธอมาบอกอะไรฉันอีกล่ะ”
“ฟังให้ดีนะซูยี่ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมนายถึงไม่ค่อยสนใจจะเพิ่มพลังเวทย์ของตัวเองนัก แต่ฉันก็ต้องบอกนายว่าที่ทวีปไซน์นี้พลังคือทุกสิ่ง” ใบหน้าของสเตลล่ากลายเป็นจริงจังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เห็นได้ว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้มาก “นอกจากนี้อีกไม่ถึงสามเดือนก็จะมีการสอบรับรองประจำปีของสมาคมนักเวทย์ คุณปู่ในฐานะสมาคมนักเวทย์ได้รับการยอมรับว่าเป็นจอมเวทย์ระดับสามดาว เขาใบแนะนำอยู่สามใบและเขาจะให้นาย เขาจะแนะนำให้นายเข้าร่วมการสอบรับรอง นายเข้าใจความหมายหรือไม่”
ซูยี่ส่ายหัว“ฉันไม่เข้าใจ”
สเตลล่าไม่สามารถคงสีหน้าจริงจังได้อีกต่อไปตอนนี้เธอแทบจะหายใจไม่ออกแล้วตะโกนออมาด้วยความโกรธว่า “นายโง่รึไง ทำไมนายถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้ หากเป็นคนที่ถูกแนะนำโดยจอมเวทย์สมาคมนักเวทย์จะผ่อนคลายมากขึ้นในระหว่างการสอบ ซึ่งหมายความว่าด้วยคำแนะนำนี้นายจะผ่านการสอบรับรองคุณสมบัติได้ง่ายกว่านักเวทย์ทั่วไป!”
“แล้วก็กลายเป็นนักเวทย์ที่มีอันดับและความแข็งแกร่งไม่ตรงกันเ?” ซูยี่ถามกลับ
สเตลล่าอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
นี่เป็นเพราะจู่ๆเธอก็พบว่าเธอไม่สามารถหักล้างความหมายในคำถามของซูยี่ได้เลย
เมื่อเห็นการแสดงออกที่ตกตะลึงของสเตลล่า ซูยี่ก็เผยรอยยิ้มจาง ๆ เขายื่นมือไปทาง สเตลล่า“เอาให้ฉัน”
“เอาอะไร” สเตลล่าถามด้วยความงุนงง
“ใบแนะนำไง หากฉันไปที่สมาคมนักเวทย์แล้วบอกพวกเขาว่าจอมเวทย์คามิลล่าแนะนำฉันมาพวกเขาคงจะเชื่อฉันหรอกนะ”
สเตลล่าถามด้วยความงุนงงว่า“ไม่ใช่ว่านายไม่ต้องการใบแนะนำนี่เหรอ”
“ใครบอกเธอว่าฉันไม่ต้องการมัน”
“แต่นายเพิ่งพูดว่า……”
“ฉันพูดแบบนั้นจริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันไม่รู้ความสำคัญของการสอบนี้” ซูยี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“ตอนนี้ฉันอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้วนะ ฉันไม่ใช่เด็กเหมือนกัยเธอที่จะยึดมั่นในอุดมคติขนาดนั้น ฉันจะทิ้งสิ่งที่จะทำให้ฉันสบายขึ้นไปทำไม แล้วอีกอย่างนี่คือคำแนะนำของจอมเวทย์คามิลล่าเลยนะ ถ้าฉันปฏิเสธจะไม่เป็นการเสียน้ำใจของเขาหรอกเหรอ”
สตลล่ามองไปที่ซูยี่ด้วยความงุนงงสักพักก่อนที่จะตบโต๊ะและลุกขึ้นยืน เธอโยนประโยคกลับมาที่เขาอย่างโกรธ ๆ “นายนั่นแหละเด็ก!”
หลังจากพูดแบบนี้เธอก็ไม่ได้หันกลับมามองเขาในขณะที่เธอจากไป
ดูสเตลล่าเดินจากไปซูยี่ก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นคำต้องห้ามของเธอฉันไม่สามารถพูดแบบนั้นต่อหน้าเธอได้ง่ายๆในอนาคต”
เขาหันกลับไปเห็นทาสตัวเล็กที่อยู่ด้านข้างมองมาที่เขาด้วยความงุนงงพร้อมกับมองหน้าเธออย่างทำอะไรไม่ถูกซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ และถามเธอว่า“ขอโทษทีช่วงนี้ฉันยุ่งมากและไม่มีเวลาคุยกับเธอจริงๆจังๆเลย เป็นยังไงบ้าง? พักที่นี่สบายมั้ย”
ทาสตัวน้อยส่ายหัว แต่เมื่อคิดได้แล้วเธอก็พยักหน้าแรง ๆ
ซูยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย“เธอ…. พูดไม่ได้เหรอ?”
ทาสตัวน้อยพยักหน้า
"นั่นหมายความว่าอย่างไร? เธอพูดได้หรือไม่”
ทาสตัวน้อยค่อยๆอ้าปากและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดสองสามพยางค์“พูด… .. ได้……”
จากพยางค์ที่พูดติดอ่างที่มาพร้อมกับเสียงแหบของเธอดูเหมือนว่าเธอไม่ได้พูดมานานแล้ว อย่างน้อยเธอก็ยังไม่ชำนาญในการพูดตอนนี้
ซูยี่คิดเรื่องนี้และตักซุปเนื้อใส่ชามของเธอ
“เธอไม่ต้องกลัวฉันหรอกนะ แม้ว่าฉันจะซื้อเธอมา แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะปฏิบัติต่อเธอเหมือนทาสและฉันจะไม่ตีเธอมั่นใจได้เลย”
ทาสตัวน้อยมองไปที่ชามซุปเนื้อแล้วพยักหน้าเบา ๆ
“ฉัน… .. ฉัน… ... รู้ว่า…คุณ .. เป็น… ... คนดี”
“ ฮ่าฮ่าฮ่าฉันเป็นคนดีเหรอ” ซูยี่หัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้วเธอชื่ออะไร? ฉันไม่เคยถามเลย”
“ วิ… ... วิเวียน……”
“วิเวียน? นั่นเป็นชื่อที่ดี” ซูยี่กล่าวชื่นชม เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เจ็บปวดที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของทาสตัวเล็กเขารู้ว่าชื่อนี้เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับเธอ เขาส่ายหัวและไม่ถามอะไรอีก
เขารู้ดีว่าชีวิตของทาสตัวเล็กคนนี้ต้องลำบากมาก่อนและมันทำให้เธอบาดเจ็บสาหัส ถ้าเขาต้องการให้เธอพูดอย่างเปิดเผยเขาทำได้เพียงแค่ใช้ความพยายามอย่างช้าๆและไม่สามารถเร่งรีบได้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วทาสตัวน้อยก็ริเริ่มที่จะนำจานไปล้าง ซูยี่คิดถึงเรื่องนี้และไม่ได้หยุดเธอ
การปล่อยให้เธอทำบางสิ่งในตอนนี้จะทำให้เธอรวมเข้ากับชีวิตใหม่ได้ง่ายขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอจริงๆ
หลังจากทำบางอย่างอยู่สองสามครั้งซูยี่ก็มุ่งเน้นไปที่การศึกษาเรื่องการผลิตอีกครั้ง
ได้มีการผลิตเครื่องขันระบบบิดเวทมนตร์และเครื่องรีดเกลียวเวทมนตร์ขึ้นมาแล้วนั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถเริ่มผลิตพัดลมเวทมนตร์รุ่นที่สองได้อย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้ซูยี่ยังคงมีปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายที่เขาต้องแก้ไขก่อน
แม้ว่าจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นเพียงสามเท่าเมื่อเทียบกับพัดลมเวทมนตร์รุ่นแรก แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนมากมายสำหรับรูปแบบเวทมนตร์และโครงสร้างของพัดลมเวทมนตร์ดังนั้นจึงมีข้อมูลค่อนข้างมากที่ต้องคำนวณ
มีหลายสิ่งที่เขาปล่อยให้คนอื่นทำไม่ได้เพราะตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่มีทักษะเกี่ยวกับรูปแบบเวทมนตร์และวิศวกรรมเครื่องกล ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นคนเดียวที่สามารถใช้ทั้งสองอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“คนเก่งหายากจริงๆ” เมื่อนึกถึงปัญหาที่เขาต้องแก้ ซูยี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว ๆ
หากโลกนี้มีผู้มีความสามารถมากมายที่ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นและระบบความรู้ที่สมบูรณ์เหมือนบนโลกก่อนงานของเขาก็คงไม่ยากขนาดนี้
แต่เมื่อลองคิดดูถ้าทวีปไซน์มีความสามารถมากมายเท่ากับบนโลกก่อน ซูยี่ก็จะไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีพื้นฐานอย่างพัดลมเวทนตร์เพื่อหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้
“คงต้องเรียกว่ามีได้ก็ต้องมีเสียละนะ”
ซูยี่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น เมื่อเขาเตรียมพร้อมที่จะมุ่งเน้นไปที่การค้นคว้าของเขาจู่ๆถาดก็ปรากฏขึ้นข้างๆเขา
เมื่อเห็นถ้วยชาอยู่บนถาดซูยี่ก็พูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “วิเวียนเธอไม่จำเป็นต้องสนใจฉันไปนอนเถอะ”
วิเวียนวางถ้วยน้ำชาไว้ข้างๆซูยี่ก่อนจะก้มหัวลงแล้วพูดเบา ๆ “รับใช้… ... นายคือ… .. ความรับผิดชอบของฉัน”
ซูยี่ยิ้มและไม่พยายามเกลี้ยกล่อมเธอขณะที่เขาหันไปทำงานต่อ
ตอนแรกวิเวียนอยู่ที่ด้านข้างของซูยี่ในขณะที่ลดศีรษะลงอย่างระมัดระวัง แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นมองผลงานของซูยี่ด้วยสีหน้าสงสัย
เจ้านายคนใหม่คนนี้เขาดีกับเธอมากเมื่อเทียบกับเจ้านายคนเก่าของเธอ
ทำไมเขาต้องทำงานหนักขนาดนี้?