ตอนที่ 137-138
ตอนที่ 137 : ความร้อนใจของสั่วหวังจิน
“เริ่มขั้นตอนที่สองของการทำสัตว์โลกย่างถ่าน...”
เสียงระบบดังต่อเนื่อง ภาพฉากแปรเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง...
ในชั่วระยะเวลาอันสั้น ลั่วฉวนรับรู้ได้ถึงประสบการณ์ราวกับเป็นชีวิตใหม่
“ไม่นึกเลยว่าระบบฝึกสอนทำครัวจะน่าตื่นตาตื่นใจได้ขนาดนี้” ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
แต่นี่มันก็ทำให้ลั่วฉวนได้ใช้ความคิด
เมื่อตระหนักอย่างถี่ถ้วน เขาจึงตัดสินใจเพิ่มเติมระบบแก่การฝึกสอนทำครัว
“ระบบ” ลั่วฉวนเรียก
“เจ้าของร้านมีอะไรหรือ?”
“รู้สึกว่าประสบการณ์การหาอาหารที่แข็งแกร่งนี้ดีสำหรับผู้เล่นมากเกินไป มันอาจทำให้เกิดเป็นความเสียเปรียบได้” ลั่วฉวนกล่าวออก “สมควรต้องมีการจำกัดใช้งานบ้าง”
“จำกัดใช้งานอย่างไร?”
“แบ่งระดับการเข้าถึงตามขอบเขตการฝึกฝนของโลกใบนี้” ลั่วฉวนเอ่ยตอบ
“เปิดใช้การจำกัดเรียบร้อย”
สาเหตุว่าทำไมลั่วฉวนทำเช่นนี้ก็เพราะมีความคิดหนึ่งผุดขึ้น
ร้านต้นตำรับเดิมทีก็ชวนโลกตื่นตะลึงพอแรงแล้ว ขณะนี้ผู้ฝึกตนยังจะได้เผชิญกับห้วงอวกาศอันไร้สิ้นสุด ถึงตอนนั้นไม่ทราบแล้วว่าปัญหาอะไรจะเกิดขึ้นอีกบ้าง
เพื่อความสงบของทวีปเทียนหลันและโลกใบนี้ นี่คือสิ่งที่ลั่วฉวนต้องกระทำ
กระนั้นลั่วฉวนไม่ทราบ ว่าโลกใบนี้มันแตกต่างจากที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง!
ผู้คนที่นี่ไม่มีแนวคิดเรื่องอวกาศหรือจักรวาลอะไรทั้งสิ้น!
……
เมื่อถอดหมวกออก ลั่วฉวนค่อยสูดลมหายใจเข้าลึก
รับชมสภาพในร้านอันคุ้นเคย บอกกล่าวตามตรง เขารู้สึกราวกับฝันไป
เมื่อครู่ได้ประสบการณ์ในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ บอกกล่าวเช่นนี้ผู้ใดกันเชื่อ?!
แม้ประสบการณ์เป็นในโลกเสมือนจริง ทว่าที่นั่นแทบไม่อาจหาความต่างอะไรจากโลกจริง
ลั่วฉวนรู้สึกคอแห้งจึงคิดอยากได้โคล่าดับกระหาย
เมื่อดื่มไปขวดหนึ่ง ลั่วฉวนค่อยกลับมาสวมใส่หมวกอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้คือหอคอยแห่งการทดสอบโหมดท้าทาย
วันนี้เขามีเป้าหมายแก่ใจแล้ว นั่นก็คือผ่านชั้นที่สามในโหมดปกติให้จงได้
เวลาผันผ่านรวดเร็ว เพียงพริบตาก็บ่ายแล้ว
“เฮ้อ ผ่านเสียที”
ลั่วฉวนถอยหายใจโล่งอกกับตนเองพร้อมเผยยิ้มอ่อน
ที่ตรงหน้าเขาตอนนี้ มันคือร่างของเสือดาวเงาสองตัว
บอกกล่าวตามตรง ลั่วฉวนต้องพยายามไปไม่ใช่น้อยกว่าจะสังหารเสือดาวเงาทั้งสองตัวนี้ได้
บ่อยครั้งตัวเขาจะฝืนต้านรับมันไว้ตัวหนึ่ง ขณะที่อีกหนึ่งซ่อนเร้นในความมืดพร้อมโจมตีทุกเมื่อ
ประเด็นก็คือลั่วฉวนตกตายภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นกว่าสิบครั้ง!
แต่แล้วในที่สุด ตัวเขาก็ผ่านพ้นมันมาได้
ด้วยพรสวรรค์อันชวนสะพรึง เป็นผลให้เขาก้าวหน้าได้อย่างมหาศาล
นอกจากนี้แล้ว ตัวเขายังระเบิดพลังออกมาเพิ่มได้อีกไม่ใช่น้อย!
ขณะนี้เองที่ลั่วฉวนได้กลิ่นหอมลอยโชยมา
เมื่อออกจากเกมจึงถอดหมวกออก พบว่าในร้านไม่มีลูกค้าแล้ว
คล้ายว่าเวลาหมดกันแล้ว ดังนั้นจึงแยกย้ายกลับไป
“เถ้าแก่ มื้อกลางวันพร้อมแล้ว” เสียงของเหยาซือหยานดังให้ได้ยิน
ลั่วฉวนจึงเผยสายตากลับคืนความสงบ
ให้เหยาซือหยานเรียนรู้การทำอาหารถือเป็นเรื่องถูกต้อง อย่างน้อยตัวเขาก็ไม่ต้องคอยไปยังภัตตาคารทุกวี่วัน
ที่ไม่ทราบคือขณะนี้ เจ้าของภัตตาคารเซียนวิหคอมตะสั่วหวังจินยืนรอคอยลูกค้าคนสำคัญอยู่
ด้วยรูปร่างของสั่วหวังจินยืนที่หน้าร้าน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อื่นจะไม่ต้องตา
ก่อนหน้านี้ลั่วฉวนเพียงไปทานแต่มื้อค่ำ ดังนั้นสั่วหวังจินจึงให้การต้อนรับอย่างถูกต้องเป็นเวลา ทว่าภายหลังนี้แทบไปทุกมื้อ
ตราบเท่าที่ดูแลอย่างดีเยี่ยมพร้อมอาหารเลิศรส เช่นนั้นปัญหาใดล้วนไม่เกิด
แต่แล้ววันนี้ไม่ใช่ ไม่เพียงแต่ยามเช้าลั่วฉวนไม่มา ทว่ายามบ่ายก็ยังไม่มา
เรื่องนี้เป็นผลให้สั่วหวังจินต้องกังวล พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าทางภัตตาคารยังดูแลลั่วฉวนได้ไม่ดีพอ!
คำของจักรพรรดิเทียนชิงยังคงดังก้องในโสดประสาทของเขา
หากดูแลลั่วฉวนไม่ดี เช่นนั้นภัตตาคารนี้ก็ไม่ต้องการเถ้าแก่ไร้ความสามารถ!
กระนั้นลั่วฉวนหาได้ทราบเรื่องราวเหล่านี้ไม่...
ตอนที่ 138 : ร้านนี้ช่างน่าสนใจ!
ที่ชั้นสองของร้านต้นตำรับ
ขณะนี้เหยาซือหยานเตรียมมื้อกลางวันไว้บนโต๊ะพร้อมแล้ว
อาหารมีสองอย่าง หนึ่งคือหมูหยองพร้อมปลาฝอย อีกหนึ่งคือหมูตุ๋น
พร้อมทั้งมีถ้วยใส่ข้าววางไว้สองถ้วย
นี่ไม่นับว่ามากอะไร ทว่ากลิ่นนั้นหอมโชยขนาดดึงความสนใจผู้คน
แน่นอนว่าอาหารเหล่านี้ย่อมมีพลังวิญญาณรุนแรงอัดแน่น เพราะตัววัตถุดิบหาได้ธรรมดาไม่
เมื่อนั่งลงแล้วลั่วฉวนค่อยอุทานออก “พวกนี้ก็เรียนรู้จากแบบฝึกทำอาหารหรือ?”
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้ว ข้าคิดว่าอาหารเหล่านี้มีแต่ในตำรา ดังนั้นจึงเรียนรู้และทดลองทำดู”
“แล้ววัตถุดิบ...”
“เป็นของในครัว”
ลั่วฉวนจึงพยักหน้ารับ ขณะนี้ภายในใจเผยความยินดี
ระบบถึงกับใจดีโอบอ้อมอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้!
แม้เพิ่งทำเป็นครั้งแรก ทว่าทั้งสองจานต่างก็อร่อย
ลั่วฉวนจึงทานเข้าไปไม่ใช่น้อย
อาหารมื้อนี้อิ่มหนำและหอมหวาน
เพราะมันราวกับได้กลับไปเยือนบ้าน
ในช่วงบ่าย หลังดื่มกินเสร็จเรียบร้อย ลั่วฉวนค่อยไปนอนอาบแดดที่ม้าหินหน้าร้านเหมือนดังทุกวัน
เว่ยฉิงจู่และคณะมาเยือนร้านเหมือนดังเคย
และไม่นานจากนั้น คณะของโจวหู่ก็ตามมาถึงร้าน
กลุ่มคนต่างได้ทราบว่าเครื่องเล่นมีความเปลี่ยนแปลง
เหยาซือหยานบอกกล่าวอธิบายโดยคร่าว
“ไม่นึกเลยว่าในร้านของเถ้าแก่จะมีอะไรไม่ต้องจ่ายด้วย!” เว่ยฉิงจู่อุทานพร้อมเผยยิ้มบาง
ขณะเดียวกันนี้ ดวงตาทั้งสองของนางได้จ้องไปยังลั่วฉวนที่นอนหน้าร้าน
ลั่วฉวนหลับไปเรียบร้อยแล้ว
เหยาซือหยานกล่าวได้ถูกจังหวะเวลา ขณะนี้จึงเริ่มอธิบายให้กลุ่มได้ทราบ
ทราบว่าจะได้รับประสบการณ์ออกล่าเหยื่อที่แข็งแกร่ง พวกเขาต่างเผยอาการตื่นตะลึง
“ทว่าเวลามีอย่างจำกัดเหมือนเดิม” โจวหู่ถอนหายใจ
“โจวหู่อย่าได้ใจฝ่อไปแล้ว” ซ่งฉิวหยิ่งหันมองทางโจวหู่ “ของในร้านเถ้าแก่วันนี้มีให้ใช้โดยไม่เสียอะไรถือว่าดีเป็นไหน ได้เท่านี้ยังคิดอื่นใดอีก?”
โจวหู่ได้แต่ยิ้มแห้งรับคำอย่างไม่คิดโต้แย้ง
กลุ่มคนจึงแทบจะเข้าไปเรียนการทำอาหารเสียหมด
รอคอยไม่นาน เสียงกลุ่มคนจึงอุทานร้อง
แม้เรียกว่าฝึกสอนทำอาหาร ทว่าไม่ใช่การทำอาหารโดยพื้นฐานทั่วไป
“ของในร้านเถ้าแก่วิเศษเกินไปแล้ว!”
ความคิดนี้ต่างผุดขึ้นในใจแต่ละคน
……
เวลาผ่านพ้นไปรวดเร็วและเงียบงัน
เพียงพริบตาหลายวันก็ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ค่อนข้างแปลกออกไป เพราะไวน์หยกได้กลับมาเติมสู่ร้านในรอบเจ็ดวันแล้ว!
เข้าตรู่แต่วันนี้ เปิดประตูออกไป ที่พบเจอคือไม่มีคน
ลูกค้าเก่าทราบกันดี ว่าเถ้าแก่จะเปิดร้านเป็นเวลาตามกำหนดทุกวัน
เมื่อเปิดประตูร้านเรียบร้อย สิ่งแรกที่นึกถึงคืออาหารเช้า
กล่าวถึงอาหารเช้า พรสวรรค์ของเหยาซือหยานก็น่าชวนตื่นตะลึง
ช่วงไม่กี่วันมานี้ ฝีมือการทำอาหารของนางถึงกับเหนือล้ำกว่าภัตตาคารเซียนวิหคอมตะแล้วด้วยซ้ำ
มันเป็นอาหารเลิศรส!
เพื่อหลีกเลี่ยงการรับชมเถ้าแก่ทานอาหารเลิศล้ำ ลูกค้าหน้าเดิมจึงหลบเลี่ยงเปิดโอกาสให้เถ้าแก่ได้สำราญแต่เพียงผู้เดียว
มื้อเช้าทานเรียบร้อย ลั่วฉวนจึงคิดเข้าหอคอยแห่งการทดสอบเพื่อคลายกล้ามเนื้อ แต่แล้วเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น
บุรุษในชุดดำมาเยือน
อีกฝ่ายดูอายุราวสามสิบปี ทั้งยังดูเรียบเฉย หากอยู่ท่ามกลางฝูงชนคงไม่มีทางแยกตัวออกมาจากกลุ่มคนได้เป็นแน่
ออร่าใดล้วนไม่มี ทั้งหมดเหมือนดังคนธรรมดา นี่จะต้องเป็นการใช้พลังจิตเพื่อปกปิอเอาไว้
ลั่วฉวนหรี่ดวงตาพร้อมกล่าวถาม
อย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็สมควรเป็นขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุด
กล่าวได้ว่านครจิ่วเหยาทุกวันนี้มีแต่ยอดฝีมือซ่อนเร้นกยู่กันไม่ขาด
“ร้านต้นตำรับงั้นหรือ... ถึงกับตั้งชื่อนี้ ร้านนี้น่าสนใจ!”
บุรุษชุดดำหันมองป้ายชื่อร้านต้นตำรับด้วยสีหน้าให้ความสนอกสนใจ