ตอนที่ 135-136
ตอนที่ 135 : มู่หรงไห่เถิงขอลอง
หลังพูดคุยไร้สาระกันไปมา ปู้หลี่เกื๋อค่อยกลับมายังเรื่องร้านต้นตำรับ
“ได้ยินจากเถ้าแก่ว่าเมื่อครู่มีคนเล่นระบบฝึกสอนทำครัว ไฉนจึงไม่เล่นหอคอยแห่งการทดสอบ?” ปู้หลี่เกื๋อเอ่ยคำถาม
“ยังไม่ทราบหรือ?” เซียวเฉิงเผยยิ้ม “ระบบฝึกสอนทำครัวเป็นเถ้าแก่นำเสนอมาวันนี้ ตอนแรกแต่ละคนต่างไม่ให้ความสนใจมันด้วยซ้ำ”
ปู้หลี่เกื๋อจึงพยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้ว ลำพังเพียงชื่อก็ไม่น่าสนใจแล้ว! เวลาเล่นมีเพียงสามชั่วโมง จะเอาไปเสียกับการทำอาหารได้อย่างไร?”
คนทั้งสองขณะนี้ยืนอยู่ด้านหลังกู่หยุนซี
แม้ว่าเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง มันก็ไม่ใช่ปิดกั้นกู่หยุนซีจากการยินเสียงจากภายนอก
เพียงครู่กลับต้องสัมผัสได้ถึงความรู้สึกกล่าวโทษต่อการรบกวน
“แปลก ทำไมปุบปับจึงหนาวได้?” ปู้หลี่เกื๋อเริ่มสั่นเล็กน้อย
“ไม่ใช่แล้ว” เซียวเฉิงสงสัยเช่นกัน เขาไม่ทราบว่าไฉนตนเองรู้สึกเช่นนี้
“หรือจะเป็นภาพลวงตา...” ปู้หลี่เกื๋อพึมพำกับตัวเอง
ถัดจากนั้นเซียวเฉิงจึงบอกกล่าวต่อปู้หลี่เกื๋อ ถึงประสบการณ์มุมมองบุคคลที่หนึ่งซึ่งได้รับจากการหาวัตถุดิบทำอาหาร
ปู้หลี่เกื๋อย่อมตื่นตะลึง
“เอาจริงหรือนี่?” ปู้หลี่เกื๋อเผยสีหน้าตื่นตะลึง
ประสบการณ์การต่อสู้ของยอดฝีมือจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง มันคือประสบการณ์อันล้ำค่าที่ไม่อาจหาได้จากโลกความเป็นจริง!
มันจะเป็นไปได้ก็แต่ในโลกเสมืมอน กระทั่งฟื้นคืนชีพก็ทำได้มาแล้ว!
“บอกกล่าวตามตรง ครั้งแรกได้ยินเถ้าแก่อธิบายก็คิดว่านี่มันเหลือเชื่อเกินไป” เซียวเฉิงไหวไหล่กล่าวบอก
ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้าเห็นพ้อง
พูดคุยกันอีกไม่กี่คำ ปู้หลี่เกื๋อจึงย้ายมายืนทางด้านปู้ฉืออีและเจียงเฉิงจวิน
“ทราบแล้วว่าเล่นอะไรกันอยู่!” ปู้หลี่เกื๋อเผยคำด้วยความยินดี
“บังเอิญนัก พวกเราก็เพิ่งได้ทราบ” เจียงเฉิงจวินเผยยิ้ม
ปู้ฉืออีจึงหันมายิ้มให้
ที่ข้างกายทั้งสอง คือมู่หรงไห่เถิงซึ่งยืนอยู่
ปู้หลี่เกื๋อถึงกับพูดกล่าวไม่ออก เพราะตนเสียเวลาพล่ามมากเกินไป
“ผู้อาวุโสไห่เถิง ขณะนี้ข้ายังไม่ได้คิดเข้าร่วมสถาบันวิญญาณเมฆาแต่อย่างใด” ปู้ฉืออีกล่าวต่อมู่หรงไห่เถิงที่ยืนด้านข้าง
แม้พบกันเมื่อวานนี้ ทว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้เพิ่งได้มีบทสนทนาต่อกัน
พบเจอกันอีกครั้งที่ร้านวันนี้ มู่หรงไห่เถิงค่อยทราบศักยภาพของปู้ฉืออี
ด้วยไม่เข้าร่วมสถาบันใด นางกลับสามารถฝึกฝนถึงขอบเขตจิตวิญญาณระดับที่ห้าได้สำเร็จ และขณะนี้ยังจะพุ่งทะยานไปต่อ!
หากเทียบกับยอดอัจฉริยะเช่นกู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉาง นี่หาได้น้อยหน้ากว่ากันไม่!
เพียงครู่มู่หรงไห่เถิงย่อมสัมผัสได้ถึงพรสวรรค์
“งั้นหรือ...” มู่หรงไห่เถิงถอนหายใจ
นางทราบดีว่าท่าทีของปู้ฉืออีไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจโดยง่าย
ไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้ว มู่หรงไห่เถิงค่อยนำเอาเหรียญตราออกจากแหวนมิติ
เหรียญตรานี้ทำจากโลหะสีขาวเงิน มีคำวิญญาณเมฆาแกะสลักเอาไว้
ที่หนึ่ง มันมีสี่อักษรแกะสลักเอาไว้ มู่หรงไห่เถิง
ด้วยยื่นตราให้แก่ปู้ฉืออี มู่หรงไห่เถิงจึงเผยยิ้ม “รับตรานี้เอาไว้ หากเปลี่ยนใจให้ไปพบข้าที่สถาบันวิญญาณเมฆาได้ทุกเมื่อ”
ไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถเข้าร่วมสถาบันวิญญาณเมฆา จากถ้อยคำของมู่หรงไห่เถิง ย่อมเผยให้ทราบว่าเหรียญตรานี้สำคัญเพียงใด!
ขณะปู้ฉืออีคิดปฏิเสธ ลั่วฉวนพลันกล่าวคำขึ้น “รับไว้ ด้วยพรสวรรค์เจ้า อยู่แต่ในนครจิ่วเหยาอันเล็กจ้อยเช่นนี้มีแต่จะถ่วงรั้ง”
เถ้าแก่กล่าวเช่นนี้ นางก็ยากจะปฏิเสธแล้ว
ดังนั้นนางจึงรับเหรียญตราไว้
ตอนที่ 136 : ข้อสงสัยของลั่วฉวน
ถัดจากนี้คือเวลารับชม
เนื่องด้วยผู้อื่นไม่อาจไปไหน
ขณะนี้จึงได้แต่รับชมให้เวลาผ่านพ้นไป
เครื่องเล่นทั้งสิบต่างเผยภาพที่แตกต่างกันออกไป
พวกเขายังคงสงสัย ว่าระบบสอนทำครัวนั้นแท้จริงมีกี่สูตรตำรับอาหารให้ได้เรียนรู้กันแน่
เวลาผ่านพ้นอย่างรวดเร็ว
สามชั่วโมงหายวับ ศิษย์กลุ่มแรกของสถาบันวิญญาณเมฆาที่เข้าเล่นเกมหมดเวลาแล้ว
กลุ่มคนต่างถอดหมวกออกก่อนจะกลับจากร้านต้นตำรับ
ในช่วงระยะเวลาสามชั่วโมง พวกเขาได้เรียนรู้มากมายยิ่งกว่าครั้งอยู่ที่สถาบัน
สิ่งสำคัญขณะนี้คือการย่อยประสบการณ์ที่ได้รับรู้และพบเห็นแปรเปลี่ยนเป็นกำลังของตนเอง!
กล่าวลากับมู่หรงไห่เถิง ลั่วฉวน รวมถึงเหยาซือหยานเรียบร้อย กลุ่มของกู่หยุนซีจึงกลับจากร้านต้นตำรับไปยังโรงเตี๊ยมจันทราเมรัย
“ในที่สุดก็ถึงคราวพวกเรา! แทบอดใจรอไม่ไหว!”
รอยยิ้มเผยชัดที่ใบหน้าปู้หลี่เกื๋อ ขณะนี้เขาเร่งรีบเดินเข้าไปยังที่นั่ง
ที่นั่งเล่นมีสิบ ขณะนี้นั่งกันครบแล้วจึงเหลือที่ว่างอยู่หนึ่ง
ลั่วฉวนคิดอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจไปนั่ง
บอกกล่าวตามตรง ว่าตัวเขายังคงมีเรื่องคาใจกับระบบฝึกสอนทำครัว
ด้วยสวมใส่หมวก เข้าสู่ห้องเริ่มต้น ลั่วฉวนจึงเลือกลูกบอลเคียงข้างหอคอยแห่งการทดสอบ
พริบตารอบด้านจึงแปรเปลี่ยน ตัวเขาปรากฏขึ้นในห้องครัวที่ทันสมัย
ผู้คนที่เหลือซึ่งร่วมเล่นก็เช่นกัน
เมื่อเลือกเปิดหัวข้อตรงมุมล่างของจอ ทันใดนี้หน้าต่างโปร่งแสงจึงปรากฏต่อหน้าลั่วฉวน
ที่บนหน้าต่าง มันเรียงด้วยรายชื่ออาหารสารพัด
ลั่วฉวนยังต้องประหลาดใจไม่น้อย
“ระบบ อาหารจานไหนระดับสูงที่สุด?” ลั่วฉวนกล่าวถาม
“ในระบบฝึกสอนทำครัว มีอาหารระดับสูงมากมายเกินไป ดังนั้นคำถามนี้ไม่สามารถตอบได้”
ลั่วฉวนแทบพูดกล่าวต่อไม่ถูก
“ช่างมัน งั้นแนะนำอะไรก็ได้ที่ระดับสูงสุดมาสักอย่าง” ลั่วฉวนได้แต่ต้องกล่าวออกไปเช่นนี้
“สัตว์โลกย่างถ่าน” เสียงระบบดังตอบกลับมา
สัตว์โลก?
นั่นถือเป็นชื่อตัวอะไร?
ด้วยความสงสัย ลั่วฉวนจึงตอบรับ “เอาอันนั้นก็แล้วกัน”
สิ้นเสียง ลั่วฉวนจึงรับรู้ถึงแสงสว่างวูบ ราวกับตัวเขาได้กลายเป็นผู้อื่นในชุดสวมใส่สีดำ
หันมองรอบด้าน ขณะนี้พบว่าเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง
บอกกล่าวตามตรง สภาวะเช่นนี้มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาด
รอบด้านที่พบเห็นมันคือความว่างเปล่าอันไร้สิ้นสุด
ทั้งยังมีแสงดาวนับไม่ถ้วนระยิบระยับ
“จักรวาลงั้นหรือ?” ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะคาดเดา
ขณะนี้เองที่สิ่งมีชีวิตประหลาดสีดำสนิทปรากฏตัวออกมา สภาพของมันแทบไม่อาจบรรยายออกเป็นอักษร ขณะนี้มันฉีกกระชากความว่างเปล่าปรากฏตัวออกมา
ขนาดนั้นชวนสะพรึง มันไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าดวงดาว!
ลั่วฉวนคล้ายทราบอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว
สิ่งมีชีวิตนี้ สมแล้วที่ชื่อว่าสัตว์โลก
“ก่อนอื่น คือขั้นตอนสำคัญในการย่างถ่านสัตว์โลก นั่นก็คือสังหารสัตว์โลก...”
ลั่วฉวน ไม่สิ ชายชุดดำเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
ดาบพลันปรากฏในมือพร้อมสับฟันลง
คมดาบนั้นกรีดเชือดเฉือนได้ทั้งห้วงมิติและเวลา
ความว่างเปล่าเกิดความผันแปร ดวงดาวใกล้เคียงถึงกับต้องระเบิดออกราวกับฟองที่แตกตัว!
ทราบถึงวิกฤตร้ายแรง สัตว์โลกจึงเผยแสงสีดำทมิฬ
ราวกับสรรพสิ่งได้ผิดเพี้ยน ร่างนั้นกลับกลายเป็นมายา!
มันคิดหลบหนี!
สัตว์โลกถือกำเนิดขึ้นเพื่อทำลายบ้าง เผชิญหน้ากับคมดาบของชายชุดดำ มันไม่หาญกล้าต้านรับเอาไว้!
คมดาบทอแสงวูบ ร่างของสัตว์โลกกลับกลายเป็นสภาพเดิมอีกครั้ง
กระนั้นลมหายใจและชีวิตของมันถูกปลิดปลงแล้ว
ลั่วฉวนรับชมด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ภายในใจเกิดความรู้สึกหนึ่งอันรุนแรง
อนาคตต้องแข็งแกร่งให้ได้ระดับนี้!