ตอนที่ 9 สมบัติล้ำค่า
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ บุตรชายคนรองของตระกูลหยาง หยางหยุนเทียน นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ด้านข้าง และชายที่อยู่ตรงกลางคือชายวัยกลางคนที่มีคิ้วคมเข้มและดูราวกับเป็นอมตะ
เขาคือบุตรชายคนโตของบรรพบุรุษตระกูลหยาง และเป็นลุงใหญ่ของหลงเฉิน --- หยางชิงเสวียน
หลงเฉินเดินเข้าไปในห้องโถง และบังเอิญสบตาเข้ากับหยางชิงเสวียนเข้าพอดี
‘หยางชิงเสวียนผู้นี้ดูท่าทางมีจิตใจดี แต่แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาเขานี่สิ เขาต้องเป็นยอดฝีมือที่แกร่งกล้ามากแน่ ๆ และน่าจะแข็งแกร่งกว่าหยางหยุนเทียนด้วย’
การฝึกวิชาของหลงเฉินก้าวหน้าขึ้นมาก และความสามารถในการประเมินผู้อื่นก็มากขึ้นเช่นกัน
หยางชิงเสวียนมองมาที่หลงเฉินและเอ่ยขึ้น
“เจ้าคงจะเป็นหยางเฉินสินะ? ข้าออกไปท่องยุทธภพตั้งแต่ยังเยาว์วัย และเคยเห็นเจ้าเพียงไม่กี่ครั้ง ตอนนี้เจ้าก็โตเป็นหนุ่มแล้ว”
‘หยางชิงเสวียนไม่ได้ลงโทษข้าทันทีที่มาถึง ดูท่าน่าจะพอมีความหวังอยู่บ้าง’
หลงเฉินแอบคิดในใจ เขามีคติประจำใจว่าลูกผู้ชายจะต้องสามารถมีชีวิตที่ดีและควรใช้ชีวิตโดยปราศจากความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อตอนนี้เขาทำร้ายลูกชายของหยางหยุนเทียน นับว่าเป็นความผิดที่เขาก่อขึ้นเอง เขาจึงต้องเคารพคนทั้งสองตามกฎของตระกูล
“หลาน... หยางเฉิน ขอคารวะท่านลุงใหญ่และท่านลุงรอง”
เขาให้สัญญากับบิดาว่าจะเปลี่ยนแซ่ แต่ในตอนนี้ เขายังไม่กล้าพอจะประกาศออกไปต่อหน้าตระกูลหยางของตนเอง เช่นนั้นแล้ว เขาจึงต้องยอมตามน้ำไปก่อน
“เจ้าบรรลุถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสามแล้วสินะ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าเจ้าบ่มเพาะร่างกายได้เช่นนี้ ข้าเดาว่าเจ้าคงเรียนรู้ทักษะการบ่มเพาะร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะแอบฝึกฝนอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายปีทีเดียว ถึงได้ประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ การจะไล่ตามหลิงชิง หลิงเยว่ และคนอื่น ๆ ให้ทันในวันข้างหน้านั้น นับเป็นเป้าหมายที่สูงยิ่งนัก”
หลงเฉินไม่กล้าเห็นต่าง
‘คนผู้นี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ข้าไปต่อยตีกับคนอื่น และพูดคุยกับข้าเป็นปกติ แต่กับหยางหยุนเทียน เขากำลังจ้องเขม็งมาที่ข้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้’
ในตอนนั้นเอง หยางหยุนเทียนพลันตะโกนออกมา
“พี่ใหญ่!”
เมื่อได้ยินหยางหยุนเทียนร้องเตือน หยางชิงเสวียนจึงยิ้มและเอ่ยขึ้น
“เจ้าเป็นเด็กที่มีหน่วยก้านดีใช้ได้ แต่การสู้กับพี่น้องในตระกูลนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ข้าได้ยินว่าเจ้าเล่นงานเขาหนักพอดู...”
หลงเฉินรีบตอบในทันที
“ท่านลุง ระหว่างการต่อสู้ แขนขามันไม่มีตาสักหน่อย ลำพังความแข็งแกร่งของข้าจะไปสามารถควบคุมการโจมตีให้ได้ดั่งใจได้อย่างไรกัน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเขาเลย”
เมื่อหลงเฉินพูดแทรกขึ้นมา หยางชิงเสวียนจึงไม่พูดอะไร
“แล้วเหตุใดข้าถึงได้ยินว่าเจ้าต้องการทำร้ายจ้านเอ๋อร์ให้ถึงตาย? หากเจ้าโหดเหี้ยมด้วยอายุเพียงเท่านี้ ภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้น? หากวันนี้ข้าไม่สั่งสอนเจ้า เจ้าจะไม่สร้างเรื่องใหญ่โตมากกว่านี้อย่างนั้นรึ?”
หยางหยุนเทียนยืนขึ้นและเดินตรงไปหาหลงเฉินทีละก้าว คลื่นพลังรุนแรงกดดันร่างของหลงเฉินเอาไว้จนแทบจะบดขยี้เขาลงกับพื้น
หลงเฉินไม่ได้พูดอะไรเลยขณะที่เขาอดทนอย่างขมขื่น
เขาตระหนักดีว่าหากหยางหยุนเทียนต้องการฆ่าเขาจริง เขาก็สามารถลงมือได้ทันที
ทว่าในตอนนั้นเอง เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากนอกประตู
“พี่รอง ส่งเขามาให้ข้าเถอะ แล้วข้าจะจัดการเขาแทนท่านเอง”
หลงเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ยังมีความกลัวหลงเหลืออยู่
เขารู้ว่าใครอยู่ข้างหลังเขา ... หยางเสวี่ยชิง นั่นเอง
ทุกคนต่างรู้ดีว่าหยางเสวี่ยชิงมีทัศนคติอย่างไรต่อหลงเฉินตลอดหลายปีมานี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่หากหลงเฉินอยู่ตกอยู่ในมือของนาง
หยางหยุนเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหัวเราะ
“น้องสาม พาเขากลับไปเถอะ อย่างไรเสีย การสู้กันของพวกเด็ก ๆ นับว่าไม่ใช่เรื่องเล็กเลย น้องสามช่วยอบรมเขาสักหน่อยก็แล้วกัน”
พูดจบ เขาก็จากไป
ในเมื่อไม่มีอะไรให้จัดการแล้ว หยางชิงเสวียนก็ยิ้มพลางลุกขึ้นยืน และจากไป แต่ก่อนที่เขาจะไป เขากระซิบข้างหูหยางเสวี่ยชิง
“ไม่ถึงห้าวัน เขาก็ฝึกเพลงหมัดดาวตกได้สำเร็จด้วยอายุเพียงเท่านี้”
หยางเสวี่ยชิงชะงักไปครู่หนึ่ง และเมื่อหยางชิงเสวียนจากไป นางจึงเดินมาข้างหน้าเขา
หลงเฉินก็ได้ยินคำพูดของหยางชิงเสวียนด้วยเช่นกัน เขาหวังจะได้เห็นสีหน้าตกใจของหยางเสวี่ยชิง แต่โชคร้ายที่ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง
‘จริงสินะ การเอาชนะหยางจ้านได้ในวันนี้ คงไม่ทำให้นางรู้สึกเคารพในตัวข้าได้มากขึ้นเท่าไรนักหรอก’
ในใจของหลงเฉินยังคงเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“จะทำอะไรกับข้าก็แล้วแต่ท่านเลย แต่ถ้าไม่ทำ มีอะไรก็พูดมา”
หยางเสวี่ยชิงนิ่วหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง และน้ำเสียงของเจ้าก็แข็งกร้าวขึ้น ช่างเหมือนกับเจ้าคนไร้ค่า ...ยอดอัจฉริยะอายุสั้นผู้นั้นไม่มีผิด ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว”
ดวงตาของหลงเฉินฉายแววสังหารรุนแรง เขาจำต้องข่มตนเองให้ได้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วละก็ ข้าขอตัว”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินผ่านหยางเสวี่ยชิง เมื่อเดินมาถึงประตู นางก็พูดขึ้น
“ในเดือนหน้า ข้าจะแต่งงานกับบุตรชายคนที่ 3 ของตระกูลไป๋ --- ไป๋จ้านสง สำหรับตัวเจ้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้าอยู่ในเมืองพฤกษาหมอกอีกต่อไป หากเจ้ายังขืนอยู่ที่นี่อีก อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีก็แล้วกัน”
อย่างไรก็ตาม แม้แต่หัวใจของเขาที่แข็งแกร่งขึ้นมาก ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนถูกเอามีดกรีด ไม่ควรมีแม่ลูกคู่ใดที่ควรเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้
หลงเฉินหันกลับมา มองนางด้วยสายตาเย็นชา
“เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่ไม่บอกท่านก็แล้วกัน ไป๋จ้านสงผู้นั้น สูงศักดิ์และสง่างามเพียงแค่เปลือกนอก ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนดี ข้าเคยเห็นเขาใช้กำลังลักพาตัวหญิงสาวที่อายุไม่ถึง 16 ปี และลอบขายให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้...”
เมื่อเปิดเผยความจริงที่เขาเก็บงำมานานออกไป หลงเฉินคิดว่านางจะรู้สึกซาบซึ้ง แต่ไม่คิดเลยว่าสายตาของนางจะกลับเย็นชามากขึ้น เมื่อหลงเฉินพูดจบ นางก็รีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยท่าทีเยาะเย้ย
“หยางเฉิน การที่เจ้าเอาชนะหยางจ้านได้ทำให้เจ้าคิดว่าข้าจะมองเจ้าใหม่สินะ ข้าอุตส่าห์หวังว่าเจ้าจะทิ้งนิสัยเลวทรามแล้วกลับตัวเป็นคนดี ข้ารู้สึกดีใจกับเจ้าจริง ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำให้ข้าผิดหวังได้มากถึงเพียงนี้”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งงานใหม่ แต่เจ้าไม่ต้องใส่ร้ายท่านไป๋ด้วยเรื่องน่าขันเช่นนั้น หากไม่เห็นแก่พ่อเจ้า ข้าก็คงแต่งงานกับเขาไปนานแล้ว”
หลงเฉินผงะไปทันที เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังและดูถูกเหยียดหยามของนาง เขาค่อย ๆ กำหมัด รู้สึกถึงเลือดที่พลุ่งพล่าน และอสูรร้ายที่ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งภายในใจ
“อย่างนั้นหรือ? ลูกชายในไส้ของท่านช่างไร้ค่ามากเลยสินะ?”
หลงเฉินมองนางด้วยความแน่วแน่ และพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
หยางเสวี่ยชิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“สิ่งที่เจ้าทำในช่วงหลายปีมานี้ โดยที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยสักอย่าง เจ้ากลั่นแกล้งคนอื่นไปทั่ว ข้ารู้หมดทุกเรื่อง เมื่อ 10 ปีก่อน ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก และคนในตระกูลหลงของเจ้าก็ช่างชั่วช้าและไม่ควรค่าแก่การเชื่อถือ แล้วทำไมข้าจะต้องเชื่อในตัวเจ้าด้วย?”
หลงเฉินรู้สึกราวกับอกจะระเบิดออกมา เขามองหยางเสวี่ยชิงด้วยดวงตาแดงก่ำ ทันใดนั้น เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“หยางเสวี่ยชิง ท่านก็พูดง่ายเกินไป ในฐานะแม่ ท่านได้ทำหน้าที่อะไรบ้างสักนิดหรือไม่? ข้าไม่มีทั้งพ่อและแม่ ไม่มีใครคอยสั่งสอนข้า ทุกวันนี้ข้าถึงได้มีสภาพเหมือนสุนัขไร้ค่าอย่างไรเล่า แล้วท่านยังจะมาโทษข้าอีกหรือ? ท่านอาจจะโทษข้าที่เกิดมาเป็นคนเสเพลเกินเยียวยา แต่ข้าขอบอกไว้เลยนะ แม้ในชีวิตข้าจะทำร้ายคนไปบ้าง แต่ข้าไม่เคยทำร้ายคนดีเลยแม้แต่คนเดียว! ส่วนไป๋จ้านสงของท่านน่ะ ไม่เหมือนกัน...”
หลงเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ท่านผิดหวังในตัวข้า ในวันนี้ ข้าเองก็ผิดหวังในตัวท่านมากเช่นกัน หากท่านต้องการจะแต่งงาน โดยที่มีข้า ‘หลงเฉิน’ อยู่ใกล้ ๆ มันคงไม่ง่ายนักหรอก! ท่านได้ยินหรือไม่? หลงเฉิน!”
สีหน้าของหยางเสวี่ยชิงเรียบเฉยขณะที่นางโยนถุงเล็ก ๆ มาที่เท้าของหลงเฉิน
“ในใจของข้า เจ้าไม่เคยคู่ควรกับสกุลหยางอยู่แล้ว นี่คือหยกวิญญาณ 50 ชิ้น รับไปซะ เมืองพฤกษาหมอกไม่ใช่ที่ของเจ้าอีกต่อไป”
หลงเฉินชอบที่จะคว้าโอกาสในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ แต่ทว่าครั้งนี้ เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่หยกวิญญาณเหล่านั้น ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
หลังจากที่รีบรุดออกมาจากตระกูลหยาง เขาก็มาถึงริมแม่น้ำ เขาตะโกนกู่ร้องอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับระเบิดก้อนหินไปก้อนแล้วก้อนเล่า กระทั่งหมดสิ้นเรี่ยวแรง เขาจึงทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น
เขามองไปยังที่ตั้งของตระกูลหยาง ปีศาจขนาดมหึมาตรงหน้าเขา และมันใหญ่โตราวภูเขาที่กดทับหัวใจของเขาเอาไว้
หลงเฉินค่อย ๆ กำหมัดอย่างช้า ๆ จิตสังหารปะทุขึ้นทั่วร่าง
“ท่านพ่อ ข้าไม่รู้ว่านางมีค่าพอให้ข้าทำเช่นนี้หรือไม่ ข้ารู้เพียงว่าไป๋จ้านสงเป็นคนไม่ดี และไม่ว่านางจะปฏิบัติต่อข้าอย่างไร ข้าก็จะหยุดนางให้ได้”
เขากำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าเนื้อจนเลือดไหล
“ท่านพ่อ ไม่มีใครหยุดข้าไม่ให้แข็งแกร่งขึ้นได้ วันนี้ ข้าเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของท่านแล้ว หากต้องการอยู่เหนือผู้อื่น อยากให้ผู้อื่นเคารพยำเกรง และหันมาประจบสอพลอ ข้าก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปถึงจุดสูงสุดของยุทธภพ!”
“คนพวกนั้น ต้องขอบใจที่เคยสบประมาทข้ามาก่อน มิเช่นนั้น ข้าคงคิดว่าการฝึกวิชานั้นน่าเบื่อ และไร้ซึ่งเป้าหมายใดในชีวิต ต่อไปสิ่งที่พวกเจ้าจะได้เห็นคือเรื่องประหลาดใจที่ยิ่งใหญ่จากข้า!”
“ภายในเวลาครึ่งเดือน ในการประชุมตระกูล และการทำลายงานแต่งงานในเดือนหน้า หากมีข้า... ‘หลงเฉิน’ อยู่ละก็ ข้าจะต้องทำให้พวกเจ้าทุกคนประหลาดใจให้ถึงที่สุด!”
หลังจากระบายอารมณ์ออกมาแล้ว ไม่นานนัก รัตติกาลก็มาเยือน
ขณะมองไปยังท้องฟ้ายามกลางคืนซึ่งกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด หลงเฉินนั่งอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่งทางฝั่งตะวันออกของเมือง
“หยางเสวี่ยชิงอยากให้ข้าออกจากเมืองพฤกษาหมอก แต่ในเมื่อท่านพ่อต้องการให้ข้าได้ผนึกมังกรมา แล้วข้าจะจากไปได้อย่างไรกัน? แต่ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ หากนางโจมตีข้า ข้าจะป้องกันตัวได้อย่างไร? หรือข้าจะต้องออกจากเมืองพฤกษาหมอกไปเพื่อซ่อนตัวสักระยะ และกลับมาที่ตระกูลหยางเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน?”
หลงเฉินครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่คิ้วขมวดแน่นของเขาจะคลายลง
“ข้าจะอยู่ในเมืองพฤกษาหมอกนี่แหละ ข้าอาจจะออกล่าสัตว์อสูรเพื่อฝึกฝีมือให้ก้าวหน้าเร็วขึ้น บางทีข้าอาจจะได้ครอบครองขุมทรัพย์ฟ้าดินด้วยก็ได้”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะออกไปข้างนอกสักพัก แต่เมื่อตอนนี้เขารู้สึกหิวขึ้นมา เขาจึงกระโดดลงจากหลังคา และมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมตะวันฉาย
แม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว โรงเตี๊ยมตะวันฉายก็ยังคงครึกครื้นเช่นเดิม
หลงเฉินแอบดอดเข้าไปใกล้ ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินใครบางคนร้องขึ้น
“ข่าวใหญ่! พวกเจ้าอาจจะยังไม่รู้ แต่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในตระกูลหยาง!”
“เรื่องใหญ่อะไรกัน? บอกข้ามา!”
“พวกเจ้าไม่รู้หรอก แต่ข้าได้ยินมาเมื่อเช้า นายน้อยหยางจ้านสู้กับลูกชายของหยางเสวี่ยชิง ... หยางเฉิน และต่อหน้าทุกคน นายน้อยหยางจ้านถูกจับแก้ผ้าจนล่อนจ้อน หลังจากหนีไปได้ เขาก็ฆ่าตัวตาย!”
“เป็นความจริงรึ?”
“จะเป็นเรื่องโกหกไปได้อย่างไร? ข่าวนี้เพิ่งแพร่ออกมา และตระกูลหยางกำลังพลิกแผ่นดินตามหาหยางเฉิน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลงเฉินจึงรีบรุดจากไปทันที
“ข้านึกว่าอย่างมากเขาก็แค่รู้สึกอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครอีก แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่สามารถทนได้จนต้องฆ่าตัวตาย ช่างน่าสมเพชเสียจริง อย่างไรเสีย เขาก็ไม่เคยปฏิบัติต่อข้าเหมือนมนุษย์คนหนึ่งอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะทนรับไม่ไหว”
“ในเมื่อหยางจ้านก็ตายไปแล้ว ข้าคงอยู่ในเมืองพฤกษาหมอกไม่ได้อีก คงต้องออกจากเมืองนี้เสียที”
เขาคุ้นเคยกับเมืองพฤกษาหมอกเป็นอย่างดี เขาจึงเดินทางผ่านอุโมงค์ใต้ดินและออกจากเมืองได้ก่อนที่คนจากตระกูลหยางจะมาถึง
หลังจากเดินทางเป็นเวลานาน เขาก็หันกลับไปมองเมืองพฤกษาหมอกที่อยู่ไกลออกไป
“ข้าเกรงว่ามันจะเป็นเรื่องอันตรายมากแน่ ๆ หากข้าเข้าร่วมการประชุมตระกูล แต่ข้าได้ยินว่าบรรพบุรุษตระกูลหยางต่างชื่นชมคนมีฝีมือ หมัดดาวตกในวันนี้คงทำให้พวกเขาตกตะลึงไม่น้อย”
แต่เมื่อออกมาจากเมืองพฤกษาหมอกแล้ว เขาจะไปที่ไหนได้อีก?
“ภูเขาเดียวดายที่ห่างไกลออกไปทางตะวันออกของนครพฤกษาหมอกเต็มไปด้วยป่าทึบ และเป็นสวรรค์ของเหล่าแมลงพิษ รวมถึงสัตว์อสูร แต่ก็มีสมบัติอยู่พอสมควร...”
ขณะที่หลงเฉินกำลังจะเดินทางไปยังภูเขาเดียวดายที่ห่างไกล ใครบางคนก็ตามเขามาจากด้านหลัง
เขาตกใจและรีบซ่อนตัวทันที
แต่เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นคือใคร เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วจึงหัวเราะร่า
เขาคือผู้ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาเด็กหนุ่มสองคนที่ติดตามหยางหลิงเยว่เมื่อเช้านี้ ชื่อของเขาคือ ไป๋ซื่อซวิน บุตรชายคนสุดท้องของไป๋จ้านสง
ภาพที่เขาถูกไป๋ซื่อซวินสบประมาทตอนอยู่ที่หอนางโลมหยกมรกตผุดขึ้นในใจของหลงเฉิน
‘เจ้าไป๋ซื่อซวินผู้นี้ไล่ตามอะไรอยู่นะ?’
หลงเฉินคิดว่าไป๋ซื่อซวินไล่ตามตนเอง แต่เมื่อพิจารณาดูดี ๆ แล้ว ปรากฏว่าเขากำลังไล่ตามลำแสงที่สว่างจ้าลำหนึ่ง
********************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm