ตอนที่ 9 ฉันจะไม่บีบบังคับเธอ
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
กู้เฉิงเซียวพาหลินเฉี่ยนขึ้นลิฟต์จากลานจอดรถชั้นใต้ดินตรงมายังชั้นสองของบ้านซึ่งเป็นส่วนของห้องนอนในทันที ด้วยสภาพที่อ่อนล้าของเธอบวกกับตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเขาจึงจงใจพาเธอหลบเลี่ยงจากสายตาและการเผชิญหน้ากับคนอื่นๆภายในบ้านที่อยู่ชั้นล่าง
หลินเฉี่ยนกอดกระเป๋าเป้ในมือแน่น และยังมีท่าทางตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
‘ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่เป็นแค่นายทหารยศใหญ่ธรรมดาๆแล้วสิ’
“ไม่ต้องกลัว หลังจากนี้ที่นี่คือบ้านใหม่ของเธอ วันนี้ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ฉันค่อยพาเธอไปรู้จักคนอื่นๆก็แล้วกัน”
แสงไฟดวงแล้วดวงเล่าถูกเปิดขึ้นเมื่อร่างสูงเดินผ่านเข้าไป หลินเฉี่ยนพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หลังประตูบานหนึ่ง เธอมองสำรวจสิ่งที่อยู่หลังประตูบานนี้ มันเป็นโซนหนึ่งของบ้านที่คงจะหลังใหญ่มากๆ ด้านข้างมีโซฟาชุดรับแขก ถัดเข้าไปเป็นโถงทางเดินกว้างที่มีการออกแบบตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม ทว่าบรรยากาศภายในของที่นี่กลับให้ความรู้สึกถึงความเยือกเย็นจนหลินเฉี่ยนแทบขนลุก ‘คล้ายกับนิสัยของเจ้าของบ้านเลยแฮะ’ ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ความน่ากลัวของกู้เฉิงเซียวเพิ่มมากขึ้นในความคิดของเธอ
“ทำไมยังไม่เข้ามาอีก?” เสียงของกู้เฉิงเซียวดังขึ้นก่อนที่มือใหญ่จะยื่นออกมาเพื่อจะช่วยถือกระเป๋าให้สาวน้อย ทว่าหลินเฉี่ยนกลับรีบเบี่ยงตัวหลบทันที เธอปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาแถมดวงตาตื่นๆยังมีแววตื่นตระหนกหนักขึ้นกว่าเดิม เธอมีท่าทีระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่
กู้เฉิงเซียวส่งยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่ต้องกังวลหรอก ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่เราก็ยังต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน อะไรที่เธอไม่เต็มใจ ฉันก็จะไม่บังคับให้เธอทำ”
เมื่อเห็นสายตาลังเลของหลินเฉี่ยน กู้เฉิงเซียวจึงชี้ไปที่หมวกทหารที่แขวนอยู่ “ฉันสาบานด้วยเกียรติของตราประจำประเทศเลย ฉันจะไม่บีบบังคับเธอเด็ดขาด”
เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เขาใช้วิธีแปลกประหลาดในการปลุกเธอให้ตื่นจึงทำให้หลินเฉี่ยนยังคงรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ดีแม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้น
“ข้างหน้านั่นเป็นห้องนอนใหญ่ ข้างๆนั่นเป็นห้องนอนเสริมสำหรับแขก แต่ละห้องจะมีห้องน้ำอยู่ในตัว...” กู้เฉิงเซียวแนะนำห้องต่างๆภายในบ้านให้กับหลินเฉี่ยนทีละห้อง ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะคิดว่ามันเป็นเรื่องหยุมหยิมไร้สาระและเขาก็เกลียดที่จะทำแบบนี้แต่คนร่างสูงก็ยังคงพยายามอธิบายทุกอย่างอย่างใจเย็น
หลังจากฟังจบ หลินเฉี่ยนก็หลุบสายตาและก้มหน้าลงก่อนที่จะถามขึ้นมาว่า “เอ่อ...ฉัน...ฉันขอใช้ห้องนอนเล็กได้ไหม”
“เธอนอนห้องนอนใหญ่นั่นแหละ” สิ้นเสียงพูด กู้เฉิงเซียวก็เห็นสีหน้าต่อต้านของอีกฝ่าย เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้น เธอก็ใช้ห้องนั้นไปก่อนก็ได้”
“ขอบใจนะ” พูดจบหลินเฉี่ยนก็รีบเดินเข้าห้องนอนสำหรับแขกที่อยู่ถัดจากห้องนอนหลักไปในทันที...โดยทิ้งให้กู้เฉิงเซียวยืนอยู่อย่างเดียวดายในห้องรับแขกด้านนอก
เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ออกจากห้องแล้ว สีหน้าของกู้เฉิงเซียวก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง เป็นเวลากว่าครึ่งค่อนวันที่เขาต้องใช้ความอดทนทั้งหมดที่มีและต้องคอยระมัดระวังทุกคำพูดและการกระทำในการจัดการเรื่องนี้—แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ได้มากลับยังน้อยนิดซะจนชวนให้อ่อนใจ
เขาเป็นชายชาติทหาร ความรับผิดชอบคือหนึ่งในปณิธานที่ต้องธำรงไว้ มันหยั่งรากลึกลงไปในสายเลือดของเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เขาคิดว่าเรื่องราวในคืนนั้นเป็นแค่ ‘One night stand’ (ความสัมพันธ์ชั่วคืน)
และไม่ว่าจะยังไงเธอก็ได้มอบความบริสุทธิ์ให้กับเขาแล้ว เขาต้องรับผิดชอบเธออย่างแน่นอน
อันที่จริงเขาอยากจะค่อยๆทำความรู้จักและสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกับอีกฝ่ายอย่างช้าๆ เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเธออย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เป็นเพราะว่าพ่อกับแม่พยายามบีบบังคับให้เขาแต่งงานจึงทำให้เขาต้องทำแบบนี้
ใบหน้าที่บวมเป่งของหลินเฉี่ยนในเวลานี้มันดูไม่ดีเท่าไหร่นัก การที่พ่อแม่ของเขาจะไม่ชอบเธอก็เป็นเรื่องปกติ แต่เป็นเพราะเขาเคยเห็นใบหน้าของหญิงสาวมาก่อนแถมยังเคยลิ้มรสชาติอันแสนหวานจากร่างกายของเธอ เขาจึงรู้ถึงความงดงามที่ยากเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดนั้นเป็นอย่างดี
ระหว่างที่กำลังคิดถึงเรื่องวุ่นวายในช่วงเวลาเพียงไม่ถึงสองวันมานี้ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของกู้เฉิงเซียวก็ดังขึ้น บนหน้าจอแสดงเบอร์ของหลี่ปู้เหยียน
“หัวหน้าครับ ผมส่งรายงานภารกิจทั้งหมดในครั้งนี้ไปแล้วนะครับแล้วก็เพิ่งจะได้รับคำตอบกลับมา ยินดีด้วยนะครับหัวหน้า ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้สวยอีกงานนึงแล้ว”
“อื้อ” เขาตอบกลับไปเพียงสั้นๆเหมือนกับทุกครั้ง
“หัวหน้าครับ ผู้บัญชาการหลิวมีคำสั่งให้หัวหน้าไปพักร้อนก่อน ปล่อยงานที่เหลืออยู่ให้เป็นไปตามกระบวนการ มันน่าจะต้องใช้เวลานานเป็นเดือน ยังไงหัวหน้าก็อดทนรอหน่อยนะครับ”
“อื้ม”
“อ้อ แล้วอีกอย่างกองกำลังพิเศษจะถูกนำโดยซงต่าและกาวต้า สบายใจได้เลยนะครับหัวหน้า ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นผมจะรีบติดต่อทันทีครับ”
“อื้ม”
“ถ้างั้นผมไม่รบกวนแล้ว หัวหน้ารีบพักผ่อนนะครับ”
ตั้งแต่รับสายจนกระทั่งลูกน้องคนสนิทวางสายไป มีคำพูดเพียงสามคำเท่านั้นที่หลุดออกมาจากปากของกู้เฉิงเซียวและทุกคำก็คือการออกเสียง “อื้ม” สั้นๆที่แสดงการตอบรับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น —นี่แหละคือตัวตนของเขา—
หลี่ปู้เหยียนเองก็เคยชินไปแล้วกับนิสัยแสนเย็นชาและอาการสงวนคำพูดของเจ้านาย เพราะหลังจากที่รายงานความก้าวหน้าไปแล้วเขาก็กดวางสายโดยไม่คิดอะไรมาก
ในเวลานั้นเองก็มีเสียงโทรศัทพ์อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ครั้งนี้เป็นเสียงของโทรศัพท์หน้าประตูที่บ่งบอกว่ามีผู้มาเยือน กู้เฉิงเซียวสาวเท้าเข้าหาประตู เขามองดูหน้าจอมอนิเตอร์ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ ก่อนจะพบว่าแขกผู้มารบกวนเขายามวิกาลก็คือ—กู้หนานเห้อ ลูกพี่ลูกน้องของเขา
หลังจากกดเรียกคนด้านใน กู้หนานเห้อก็พบว่า กู้เฉิงเซียวญาติผู้พี่ของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่จอภาพในทันที
“พี่ พ่อบ้านไม่ยอมให้ผมเข้าไป เขาบอกว่ามันเป็นคำสั่งของพี่ จะเคร่งครัดอะไรนักหนา? กันขโมยหรือกลัวผู้ก่อการร้ายงั้นเหรอ?”
“กันนายนั่นแหละ” กู้เฉิงเซียวพูดเสียงเย็น
“อะไรของพี่เนี่ย รีบให้ผมเข้าไปข้างในเร็วเข้า ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่”
“ไม่สะดวก”
“ไม่สะดวก? ….” กู้หนานเห้อหรี่ตามอง ทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะโพล่งออกมาเสียงดัง “หรือว่า พี่กำลังเล่นจ้ำจี้กับสาวอยู่ ใช่ไหม?”
กู้เฉิงเซียวนิ่งและไม่ตอบ กู้หนานเห้อจึงพูดขึ้นมาว่า “พี่ ผมพูดกับพี่ตรงๆเลยก็แล้วกัน คุณป้าขอให้ผมมาพูดโน้มน้าวพี่ ผมถึงต้องมาดึกดื่นแบบนี้ แต่พี่ดันไม่ให้ผมเข้าไป ถ้าผมกลับบ้านไปทั้งแบบนี้ แล้วจะไปอธิบายกับคุณป้าว่ายังไงล่ะเนี่ย?”
กู้เฉิงเซียวยังคงไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายแถมสีหน้าของเขาก็สื่อเป็นนัยๆว่าพร้อมที่จะกดวางสายตลอดเวลา
“พี่ต้องให้ผมดูนะว่าสาวคนนั้นหน้าตาสละสลวยขนาดไหนถึงทำให้พี่อยากแต่งงานกับเธอจนกล้ามีเรื่องขัดใจกับคุณลุงคุณป้า...แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็ยังยืนอยู่ข้างพี่นะ ขอผมเข้าไปดูหน้าพี่สะใภ้หน่อยสิ”
‘พี่สะใภ้!’ กู้หนานเห้อเรียกพี่สะใภ้ออกมาได้อย่างเต็มปากขนาดนี้ก็ชี้ชัดว่าไม่ได้เข้าข้างพ่อและแม่ของเขาจริงๆ และกู้เฉิงเซียวเองก็ไม่อยากจะทำให้ญาติผู้น้องลำบากใจ แต่วันนี้ยังไงเขาก็ให้เข้ามาไม่ได้ “นายกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยนัดไปเจอกันข้างนอก”
พูดจบกู้เฉิงเซียวก็รีบกดวางสายโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสพูดอะไรอีก
เขาหันหลังเดินกลับเข้ามาสายตาจับจ้องไปยังห้องนอนเล็กที่มีไว้สำหรับรับรองแขกก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ
ณ ห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่าง เมื่อพ่อบ้านเห็นว่าเจ้านายของเขาตอบกลับมาแบบนั้นเขาจึงพูดย้ำอีกเป็นครั้งที่สิบของคืนนี้ว่า “คุณชายหนานเห้อ คุณชายได้ยินแล้วใช่ไหมครับว่ามันเป็นคำสั่งของคุณชายเฉิงเซียวจริงๆ”
กู้หนานเห้อพยักหน้าตอบกลับไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดและลำบากใจมากกว่านี้ ทว่าภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงมาก่อน แต่ครั้งนี้มันไม่ได้เป็นเหมือนกับทุกครั้ง และเป็นเพราะเหตุผลนี้เขาจะต้องทำทุกอย่างให้ได้เห็นโฉมหน้าหญิงสาวที่สามารถมัดใจเจ้าชายปีศาจแสนเย็นชาคนนี้ให้ได้
……...
วันรุ่งขึ้น กู้เฉิงเซียวก็นัดเจอกับกู้หนานเห้อที่ฟิตเนส
สองพี่น้องตระกูลกู้พูดคุยกันขณะที่กำลังใช้เครื่องออกกำลังกายสองชนิดที่อยู่ติดกัน เม็ดเหงื่อเกาะพราวบนร่างกายสมบูรณ์แบบทั้งสอง แม้แต่ในตอนที่ไม่มีเสื้อผ้าหรูหราหรือเครื่องแบบทรงเกียรติบนร่างทั้งคู่ก็ยังดูดีมีออร่าชวนหลงใหลคลั่งไคล้
กู้หนานเห้อเป็นหนึ่งในเพอร์เฟกต์กายของเมือง เขานั่งในตำแหน่งประธานบริหารของกู้เย่กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่มากในระดับที่เรียกได้ว่าสามารถควบคุมชะตากรรมทางเศรษฐกิจของเมืองนี้และทั้งประเทศได้เลย กู้หนานเห้อถือเป็นผู้นำรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีชื่อเสียง เขามีนิสัยรักความสนุกสนานและมีมนุษยสัมพันธ์ดี ซึ่งแตกต่างจากนิสัยของกู้เฉิงเซียวอย่างสิ้นเชิง
แต่ทว่าที่จริงแล้วหากจะพูดให้ถูก กู้หนานเห้อเป็นเพียงประธานแต่เพียงเบื้องหน้าเท่านั้น ผู้ที่ถือเป็นมันสมองกุมบังเหียนบริหารบริษัทอย่างแท้จริงและอยู่เบื้องหลังทุกความก้าวหน้าของกู้เย่กรุ๊ปก็คือกู้เฉิงเซียว
นอกจากพวกเขาทั้งสองแล้ว ยังมี—กู้ตงจวิน พี่ชายคนโตในลูกพี่ลูกน้องตระกูลกู้ทั้งหมดที่เป็นถึงนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ และได้รับการขนานนามว่าเป็นนายกที่อายุน้อยที่สุดของเมือง ด้วยหน้าที่การงานอันโดดเด่นทำให้ชายหนุ่มตระกูลกู้ทั้งสามคนมีชื่อเสียงอย่างมาก พวกเขาเป็นที่รู้จักกันดีเพราะเป็นผู้นำทั้งทางทหาร การเมืองและเศรษฐกิจ
และการที่กู้ตงจวินได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีก็เป็นผลมาจากการช่วยเหลือและสนับสนุนของกู้เฉิงเซียวด้วย
ภายใต้การผลักดันของกู้เฉิงเซียว พวกเขาทั้งสามคนช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหน้าที่การงานเพื่อที่จะนำพาตระกูลกู้ของพวกเขาให้ยิ่งใหญ่จนทำให้ทุกวันนี้ตระกูลกู้ขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดเท่าที่เคยเป็นมาได้
ด้วยอัจฉริยภาพของเขา กู้เฉิงเซียวจึงถือเป็นแกนหลักของตระกูลกู้และถือเป็นบอสใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง และเป็นผู้ที่สามารถควบคุมและชี้ชะตาชีวิตของทุกคนได้
หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วตัวของพวกเขาก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ซึ่งมันก็ช่วยขับเน้นร่างกายสมบูรณ์แบบ กล้ามเนื้อเป็นมัดและผิวสุขภาพดีของทั้งคู่ได้อย่างดีจนบรรดาสาวๆทั้งหลายส่งสายตาหยาดเยิ้มให้เป็นระยะๆ
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะฟังเรื่องของพี่สะใภ้ กู้หนานเห้อคงไม่มีทางมาที่นี่แน่ๆ เพราะทุกครั้งที่เขาต้องอยู่กับกู้เฉิงเซียว เขาก็จะถูกผู้หญิงงี่เง่าเหล่านั้นจ้องมอง ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยหรือไม่ชอบที่จะถูกสาวๆจับจ้อง แต่ ‘จำนวนสายตา’ พวกนั้นต่างหากที่แตกต่างจากตอนที่เขามาออกกำลังกายคนเดียว ‘หลายเท่าตัว!’
กู้หนานเห้อมั่นใจว่าเสน่ห์ของเขาดึงดูดให้ผู้หญิงมากมายหันมาสนใจได้ แต่ก็ยังมีผู้หญิงจำนวนมากกว่าที่ถูกเสน่ห์ของลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่ข้างๆนี้ดึงดูดเข้าไปหา… ‘หึ คิดแล้วก็ชวนหงุดหงิดไม่น้อย’
“พี่ สรุปว่าพี่สะใภ้หน้าตาเป็นยังไง?”
“พี่ แล้วเธอเรียนที่ไหนเหรอ?”
“พี่ แล้วเมื่อคืนพี่นอนห้องเดียวกันเลยเหรอ? แล้วเมื่อคืนไปถึงขั้นไหนกันแล้ว? หรือว่าหนักซะจนพี่สะใภ้ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้เลย?”
“ไม่สิ...ลืมไปว่าคุณป้าบอกว่าเธอท้องแล้ว แหมๆๆ ไม่ใช่เล่นๆเลยนะเนี่ย”
……….
หลังจากที่กู้หนานเห้อรัวคำถามเข้าใส่เขาไม่ยั้งเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง—อยู่เพียงฝ่ายเดียว ในที่สุดกู้เฉิงเซียวก็ยอมปริปากพูด ทว่าเขาไม่ได้ตอบคำถามพิสดารเหล่านั้นของน้องชายเลยซักข้อ แต่กลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามกลับไป —ซึ่งเป็นคำถามที่รบกวนจิตใจคุณชายตระกูลกู้ผู้เป็นนายทหารยศใหญ่มาตลอดทั้งคืน—
“หนานเห้อ แฟนของนายคนปัจจุบันชอบอะไร?”
.
.
.
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm