ตอนที่ 8 เดิมพัน
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
“หมัดดาวตกงั้นรึ? หึ...”
หมัดของเขานั้นราวกับดาวตกอันรุนแรง หลงเฉินยิ้มกริ่มอย่างไม่รีบร้อน
‘ข้าอยากจะรู้นัก ว่าข้าจะเดือดร้อนแค่ไหนหากข้าจัดการเจ้าคนปัญญาอ่อนนี้ ผู้หญิงคนนั้นจะปฏิบัติต่อข้าแตกต่างออกไปหรือไม่? ข้าจะรอดู…’
หลงเฉินจำต้องยอมรับว่าทัศนคติที่หยางเสวี่ยชิงมีต่อเขานั้นสำคัญอย่างยิ่ง
“เจ้าหมอนี่เป็นแค่เศษสวะ เจอหมัดดาวตกของท่านพี่หยางจ้านเข้าไป เขาถึงกับกลัวจนเสียสติไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลงเฉินหัวจึงหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็มองไปที่หยางจ้าน
“หมัดดาวตกน่ะ ข้าเก่งกว่าเจ้าตั้งร้อยเท่าพันเท่า!”
เมื่อหมัดพยัคฆ์คลั่งปะทะกับหมัดพยัคฆ์คลั่ง และหมัดดาวตกปะทะกับหมัดดาวตก สิ่งที่หลงเฉินต้องทำคือเอาชนะหยางจ้านให้ได้ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ จากนี้ไป หลงเฉินจะกลายเป็นเงามืดในจิตใจของเขา และเขาจะต้องทุกข์ทรมานไปชั่วชีวิต
ด้วยพลังเสริมจากเกราะดาราจรัสแสง หมัดดาวตกจึงระเบิดพลังที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัว และปะทะเข้ากับหมัดดาวตกของหยางจ้านด้วยดังสนั่นหวั่นไหว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องผงะไป คือหยางจ้านกลับเป็นฝ่ายกระเด็นไปด้านหลังและกระอักเลือดออกมา ก่อนจะล้มลงบนพื้นด้วยเสียงอันดัง ตอนนั้นเอง หลงเฉินก็รีบพุ่งตัวเข้ามาคว้าคอเสื้อของหยางจ้านไว้ และยกเขาขึ้น
เมื่อเหล่าลิ่วล้อตระกูลหยางเห็นความดุดันในดวงตาของหลงเฉิน พวกเขาก็ถอยหนีไปด้วยความหวาดกลัว สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“เขาใช้หมัดดาวตกเอาชนะท่านพี่หยางจ้านที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ได้งั้นรึ?”
“พลังต่อสู้ของท่านพี่หยางจ้านเองก็แข็งแกร่งมาก เจ้านั่นทำได้อย่างไรกัน? เมื่อครู่พวกเรามองได้ไม่ชัดนัก เขาต้องใช้วิธีสกปรกแน่ ๆ!”
“ท่าไม่ดีเสียแล้ว เขาต้องฆ่าท่านพี่หยางจ้านแน่ ๆ!”
ทุกคนต่างหันมามองหลงเฉินยกตัวหยางจ้านด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างกำหมัดแน่น เขาจับจ้องไปที่หยางจ้านด้วยสายตาเย็นชา
ในตอนนี้ ปากของหยางจ้านอาบไปด้วยเลือด และดวงตาก็พร่ามัว เห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บอย่างรุนแรง แต่อย่างน้อยเขาก็ยังครองสติได้
“เห็นหรือไม่... ว่าลูกพี่คนนี้แข็งแกร่งกว่าเจ้า ข้าขอคืนสมญาคนไร้ค่าให้เจ้าใช้แทนต่อไปในวันข้างหน้าก็แล้วกัน แต่ทว่า... หยางจ้าน ความอับอายที่เจ้าเคยยัดเยียดให้ข้านั้นมากกว่านี้เสียอีก ตลอดชีวิตที่เหลือของเจ้า เจ้าจะต้องชดใช้ และทุกอย่างจะต้องเลวร้ายกว่าสิ่งที่เจ้าเคยทำ เตรียมตัวไว้ได้เลย...”
“สารเลว...”
หยางจ้านถ่มเลือดออกมา เขามองดวงตายิ้มกริ่มของหลงเฉินและความดุดันที่ซ่อนอยู่ภายใน เขาตระหนักได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าไม่ใช่หนอนแมลงน่าสมเพชที่เขาเคยกลั่นแกล้งเมื่อนานมาแล้ว ในตอนนี้ ความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจทำให้ร่างของเขาสั่นเทิ้ม
“นี่เจ้าตัวสั่นอย่างนั้นรึ?”
นี่คือผลลัพธ์ที่หลงเฉินต้องการ แต่ความเคียดแค้นของเขาไม่สามารถจางหายไปได้ด้วยหมัดดาวตกเพียงหมัดเดียว ตลอดหลายปีมานี้ ความเจ็บปวดที่หยางจ้านมอบให้เขานั้นไม่สามารถมองข้ามไปได้ง่ายถึงเพียงนั้น
เขาหัวเราะเบา ๆ และกำลังจะระบายความโกรธออกไปอีกครั้ง ทว่าจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงร้องตำหนิ
“หยุดนะ!”
หลงเฉินไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร นางคือผู้ที่แข็งแกร่งเป็นลำดับ 2 ของบรรดาลูกหลานตระกูลหยาง บุตรสาวผู้เลอค่าของท่านลุงของเขาเอง --- หยางหลิงเยวี่ย ผู้เย่อหยิ่งหาใครเทียม
ตอนนั้นเอง หยางหลิงเยวี่ยรีบตรงเข้ามา หนึ่งในชายสองคนที่ติดตามนางมาคือยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่ติดตามนางออกไปในวันนั้น
ส่วนอีกคนหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลงเฉิน
เด็กหนุ่มทั้ง 2 คนคือลูกชายของไป๋จ้านสง
หลงเฉินมองไปที่บุตรชายคนเล็กของไป๋จ้านสง ซึ่งมีนามว่า ไป๋ซื่อซวิน ซึ่งมักจะไปเที่ยวหอนางโลมหยกมรกตอยู่เป็นประจำ เขามักใช้พลังของผู้ฝึกยุทธ์เพื่อกลั่นแกล้งหลงเฉินอยู่หลายครั้ง
ในตอนนี้ เมื่อไป๋ซื่อซวินเห็นว่าหลงเฉินสามารถเอาชนะหยางจ้านได้ สีหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
“คนขี้ขลาด!”
หลงเฉินหัวเราะเยาะเย้ย และหันไปมองหยางหลิงเยวี่ย
‘มองข้าด้วยสายตาเกลียดชังเช่นนั้น หยางหลิวเยว่ผู้นี้คงอยากจะฆ่าข้าเต็มที’
หลงเฉินคิดและนึกเหยียดหยันในใจ
เมื่อเห็นว่าหยางหลิงเยวี่ยกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ จู่ ๆ เขาก็ขยับมือขวา แล้วเสื้อผ้าของหยางจ้านก็ขาดหลุดลุ่ย ในตอนนั้นเอง หยางจ้านที่เปลือยเปล่าล่อนจ้อนก็ถูกโยนไปทางหยางหลิงเยวี่ย
การกระทำของหลงเฉินทำให้หญิงสาวทุกนางต่างกรีดร้องเสียงดังและหันหน้าหนี เมื่อหยางหลิงเยวี่ยเห็นว่าร่างถูกโยนมาทางตนเอง สีหน้าของนางถึงกับซีดเผือดและขาแข้งก็อ่อนแรงในทันที เช่นนี้แล้ว นางจะมีกำลังไปไล่ตามหลงเฉินได้อย่างไร?
โชคยังดี แสงประกายวาบขึ้นในดวงตาของเหล่าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง พวกเขารีบรุดมาข้างหน้าและคว้าตัวหยางจ้านไว้ ขณะที่เขากำลังคลุมเสื้อให้หยางจ้าน หยางจ้านก็ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและส่งเสียงร้องอย่างน่าสมเพชก่อนจะวิ่งหนีไป
“หยางจ้านทั้งสูงใหญ่และแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดเลยว่าบั้นท้ายของเขาจะขาวเนียนถึงเพียงนั้น แบบนี้ต้องฉลองสักหน่อยแล้ว วันข้างหน้า ต่อให้เขาไม่ฝึกยุทธ์ ข้าว่าเขาก็น่าจะมีชีวิตที่สุขสบายดีนะ”
หลงเฉินหัวเราะเสียงดัง ทำให้สีหน้าของคนอื่น ๆ เริ่มแดงก่ำและตำหนิในความไร้ยางอายของเขา
ระหว่างนั้น ภาพลักษณ์ที่เงียบขรึมและสง่างามของหยางหลิงเยวี่ยที่รักษาไว้อย่างดี กลับพังทลายลงเพราะหลงเฉิน นางเกือบจะล้มลงกับพื้นในทีแรก แต่เวลานี้ เมื่อหยางจ้านหนีไปแล้ว นางจึงสังเกตเห็นสายตาของหลงเฉินที่เต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง
“หยางเฉิน ไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่เคารพกฎของตระกูล เจ้ายังรังแกพี่น้อง และยังทำเรื่องร้ายกาจที่ยากจะเอ่ยถึงเช่นนี้อีก วันนี้ล่ะ ... ข้าจะสอนบทเรียนให้แทนพ่อแม่ของเจ้าเอง!”
ยากที่จะจินตนาการได้ว่าหยางหลิงเยวี่ยผู้รักษาภาพลักษณ์ของพี่สาวคนโตผู้ลึกลับ จะสามารถระเบิดอารมณ์ออกมาได้เช่นวันนี้ แม้แต่เด็กหนุ่ม 2 คนที่ติดตามนางมายังไม่สามารถปรามนางได้
‘วันนี้พวกเราเพียงแค่พูดคุยกันตามปกติเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไรสักหน่อย แม้ว่าข้า ... หลงเฉิน จะทำอะไรผิดแผกไปจริง ๆ แต่ปกติแล้ว พวกลิ่วล้อคนอื่น ๆ ในตระกูลหยางก็มักจะกลั่นแกล้งและทุบตีข้า ทำราวกับข้าไม่ใช่คน แต่กลับไม่มีใครเคยช่วยข้าสักครั้ง!’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของหลงเฉินปะทุไปด้วยประกายแห่งความโหดเหี้ยม เขามองหยางหลิงเยวี่ยโดยปราศจากสัญญาณของความอ่อนแอ
‘ท่านพ่อพูดถูกแล้ว คนที่ไร้ซึ่งความแข็งแกร่งก็เหมือนกับสุนัข เหตุผลที่นางกล้าดุด่าข้าในวันนี้ก็เพราะข้ายังแข็งแกร่งไม่พอ แต่วันนี้ ข้าก็สามารถเอาชนะหยางจ้านได้แล้ว และในภายภาคหน้า ข้าจะต้องเอาชนะนางให้ได้!’
เขาก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หยางหลิงเยวี่ย เจ้าตาบอดรึอย่างไร? เห็น ๆ กันอยู่ว่าหยางจ้านมาหาเรื่องข้าแต่เช้า ก็เพื่อทำให้ข้าอับอาย ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ดีอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าข้าจะฝึกวิชาสำเร็จ ก็เลยต้องพ่ายแพ้ต่อข้าเสียอย่างนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้ฆ่าเขาสักหน่อย แล้วเจ้าจะมาโทษข้าด้วยเหตุใดกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเฉิน หยางหลิงเยวี่ยที่กำลังเกรี้ยวกราดก็ใจเย็นลงในที่สุด นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง และนึกถึงแขกที่อยู่ข้างหลัง นางพยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็เดินมาข้างหน้าหลงเฉินและมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
แม้ว่าหลงเฉินจะอายุเพียง 16 ปี แต่เขาก็ยังสูงกว่าหยางหลิงเยวี่ยมาก
“หยางเฉิน ข้าไม่เคยเห็นเจ้าในสายตาสักครั้ง นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะปิดบังพลังที่แท้จริงไว้ได้แนบเนียนขนาดนี้ กระทั่งเจ้าบรรลุถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ก่อนจะเปิดเผยออกมาเสียอีก อย่างไรก็ตาม พวกเราต่างก็เป็นเชื้อสายของตระกูลหยาง เหตุใดเจ้าต้องปิดบังพลังของตัวเองเช่นนี้ด้วย?”
“เอาเถอะ วันนี้เจ้าทำให้หยางจ้านต้องบาดเจ็บและอับอาย ท่านลุงสาม ท่านน้า และตัวข้าคงไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ ต่อให้ข้าไม่ได้สอนบทเรียนให้กับเจ้า วันนี้เจ้าก็หนีไม่พ้นโทษสถานหนักอย่างแน่นอน”
หลงเฉินหัวเราะและเอ่ยขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะตั้งตารอ คอยดูก็แล้วกัน ข้าว่าเจ้ารีบไปเสียเถอะ คนรักทั้งสองของเจ้ายังรออยู่นะ”
หลงเฉินพูดออกมาต่อหน้าทุกคน และนับว่าเป็นคำพูดที่น่าละอายยิ่งนัก
ทุกคนรู้ดีว่าหนึ่งในเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหลังสนใจในตัวหยางหลิงเยวี่ย แต่เด็กหนุ่มอีกคนเป็นเพียงน้องชายของเขา อย่างไรก็ตาม ทั้งสองติดตามหยางหลิงเยวี่ยมาด้วย เมื่อหลงเฉินพูดว่านางมีคนรักสองคน ทำให้พวกเขาต่างมีความหวังขึ้นมา
ไม่ว่าตอนนี้หยางหลิงเยวี่ยจะอารมณ์ดีหรือร้าย อกของนางก็แทบระเบิดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด ด้วยมือข้างหนึ่งที่คว้าคอของหลงเฉินไว้ คลื่นพลังของขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกก็ปะทุขึ้นมา ราวกับภูเขาทั้งลูกบดขยี้ลงมาบนตัวเขา ทำให้หลงเฉินรู้สึกหายใจลำบาก
“ขนาดนางยังไม่ลงมือ ก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้ พลังของหยางหลิงเยวี่ยช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ตอนนี้ข้าไม่มีทางสู้นางได้แน่ ๆ”
ในตอนนั้นเอง มือข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหยางหลิงเยวี่ยและขวางนางไว้ ทำให้นางต้องหยุดชะงัก
หลงเฉินคิดว่าเขาคงถูกจัดการแน่แล้ว และไม่คาดคิดว่าจะมีใครมาปกป้องเขา เขาก้มลงมองและเห็นผู้ที่มาขวางเอาไว้ นี่คือแม่นางน้อยหยางหลิงชิงมิใช่หรือ?
เขาเพิ่งทำให้พี่ชายของนางต้องบาดเจ็บ แล้วตอนนี้นางยังมาที่นี่เพื่อช่วยเขาไว้ โลกนี้ช่างพิลึกพิลั่นจริง ๆ
หยางชิงหลิงมัดผมหางม้า และสวมชุดฝึกวิชาสีเขียว นางดูกล้าหาญและน่าเกรงขาม ความงดงามของนางมิได้ด้อยไปกว่าหยางหลิงเยวี่ยเลยสักนิด
เมื่อเห็นว่าเป็นหยางหลิงชิง หยางหลิงเยวี่ยจึงรู้สึกกังวล
“น้องชิง เจ้าทำอะไรน่ะ? เจ้าหมอนี่เพิ่งทำร้ายพี่ชายของเจ้านะ ข้ากำลังจะสอนบทเรียนให้กับเขาอยู่”
หยางหลิงชิงขอโทษขอโพย
“ท่านพี่หลิงเยวี่ย ข้ารู้ดี แต่ท่านพ่อและท่านลุงสั่งให้ข้ามาพาเขาไปพบ ข้าก็เลยต้องมาขวางไว้”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางหลิงเยวี่ยมองหลงเฉินด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยขึ้น
“กรรมตามสนองเจ้าแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะรอดชีวิตกลับมานะ เจ้าล่วงเกินข้า เพราะฉะนั้น ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ หรอก!”
หลงเฉินทำจมูกย่นอย่างล้อเลียนและเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อเจ้ามีเวลาว่างมากขนาดนั้น และอยากจะเสียเวลากับข้านัก แต่ข้าคงไม่ว่างมาวุ่นวายกับเจ้าได้ตลอดหรอก ข้าว่าเรารอไปตัดสินกันให้รู้เรื่องรู้ราวเลยก็ได้”
หยางหลิงเยวี่ยนิ่วหน้า
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงการประชุมตระกูล เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะเข้าร่วมด้วย แล้วในตอนนั้นล่ะ ที่พวกเราจะได้สะสางความแค้นนี้ให้เสร็จสิ้น เจ้ากล้าให้เวลาข้าสักครึ่งเดือนไหมล่ะ?”
คำพูดของหลงเฉินทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน
“จะเอาชนะท่านพี่หลิงเยวี่ยภายในเวลาครึ่งเดือนน่ะรึ? ไร้สาระเสียจริง”
“ท่าไม่ดีแล้ว นี่จะต้องเป็นแผนการสกปรกของเจ้านั่นแน่ ๆ เขาจะต้องพยายามถ่วงเวลา และหลังจากครึ่งเดือนผ่านไป ข้าว่าเขาคงไม่รู้แม้แต่จะไปซ่อนตัวที่ไหน!”
หยางหลิงเยวี่ยมองหลงเฉินด้วยความสงสัย แต่แล้วนางก็หัวเราะ
“ช่วงนี้เจ้าคงจะมีฝีมือก้าวหน้ามากเลยสินะ ถึงได้ทำตัวอวดดีถึงเพียงนี้ เส้นทางการฝึกฝนนั้นแสนยากลำบาก ข้า... หยางหลิงเยวี่ย ต้องอดทนฝึกวิชามาเป็นสิบปี เพื่อที่จะบรรลุระดับพลังเช่นวันนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถเทียบเท่าข้าได้ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือนงั้นหรือ? ลืมมันซะเถอะ ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ลิ้มรสชีวิตอิสระอีกสักครึ่งเดือน จากนั้น ข้าจะทำลายความฝันโง่เง่าของเจ้าต่อหน้าทุกคนในวันประชุมตระกูลเอง!”
จากนั้น นางก็จากไป
ข้อตกลงระหว่างหลงเฉินและหยางหลิงเยวี่ยแพร่สะพัดไปทั่วตระกูลหยางอย่างรวดเร็ว ความทะเยอทะยานของหลงเฉินกลายเป็นเรื่องตลกอยู่พักใหญ่
ระหว่างทาง หยางหลิงชิงจ้องมองหลงเฉินด้วยสายตาสงสัย และในที่สุด นางก็ทนไม่ไหวจนร้องถามออกมา
“นี่... เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
“ทำอะไรรึ?”
หลางหลิงชิงมองเขาด้วยความสงสัยใคร่รู้ และเอ่ยขึ้น
“ข้ารู้แน่ว่าเจ้าบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสอง แต่เจ้าจัดการท่านพี่ของข้าได้อย่างไรกัน?”
เช่นนั้นแล้ว หลงเฉินตอบออกไป
“ข้าไม่ได้บรรลุแค่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสองเสียหน่อย เจ้าก็แค่ไม่มองให้ดีเท่านั้นแหละ”
“จริงหรือ?”
หยางหลิงชิงเชื่อเพียงครึ่งเดียว นางหันกลับมามองเขาด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ และรู้สึกว่าเขาช่างลึกลับจนยากที่จะคาดเดา
เพียงพริบตา เขาก็มาถึง หยางหลิงชิงพูดด้วยความวิตกกังวล
“ท่านพ่อและท่านลุงของข้าอยู่ข้างใน พวกเขาอาจจะลงโทษเจ้าก็ได้ ในเมื่อข้าไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้แล้ว ข้าจะไม่เข้าไปก็แล้วกัน เจ้าต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ”
หลงเฉินพยักหน้า
“หลิงชิง ขอบใจเจ้ามากนะ ที่ช่วยข้าไว้ในวันนี้”
หลิงชิงตอบ
“เจ้าทำร้ายพี่ชายของข้า ข้าไม่ได้อยากจะช่วยเจ้าเสียหน่อย แต่เจ้าก็ตลกดีนะ พี่หลิวเยว่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหก ด้วยความแข็งแกร่งระดับนั้นน่ะ เจ้าไม่คู่ควรจะไปเทียบนางด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับพูดว่าเจ้าจะเอาชนะนางให้ได้ภายในครึ่งเดือน ไม่กลัวว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะเจ้าบ้างรึ?”
หลงเฉินหัวเราะและไม่พูดอะไรต่อ
**********************************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm