ตอนที่ 66 คำว่า ‘เชื่อใจ’
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
หลี่ฮ่าวชะงักไปชั่วขณะจากนั้นก็ถามด้วยความงุนงงว่า “พี่สอง..ช่วยบอกผมทีได้ไหมว่าเมื่อคืนพี่แหกคุกออกมาจริงๆหรือเปล่า” ในความเป็นจริงแล้วหลี่ฮ่าวนั้นมีข้อสงสัยในจุดนี้อยู่แล้วเพราะหยางเหว่ยและซุนจีเซียงไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหก แล้วทำไมพวกเขาถึงบอกว่าเย่เชียนหนีออกไปในเมื่อเย่เชียนยังอยู่ในห้องขัง? คำอธิบายเดียวก็คือเย่เชียนเคยหนีออกไปแล้วและตอนนี้เขาก็อยากรู้ว่าทำไมเย่เชียนถึงกลับมาอีก
เย่เชียนหัวเราะและพูดว่า “ถ้าฉันไม่ออกไปแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังที่โจมตีฉัน? ไม่งั้นฉันจะโต้กลับได้ยังไงล่ะ..”
“แล้วพี่รู้หรือยังว่าเป็นใคร” หลี่ฮ่าวถามด้วยความพอใจ
“รู้แล้ว!” เย่เชียนพยักหน้าและตอบว่า “รองเลขาธิการผู้ว่าการเทศบาลอู่หยางเฉิงน่ะ แต่ฉันเกรงว่าวันดีๆอันแสนสุขของเขาจะอยู่ได้อีกไม่นาน!”
“เป็นเขาจริงๆสินะ” หลี่ฮ่าวถามต่ออีกว่า “พี่สอง..พี่บอกฉันได้ไหมว่าทำไมอู่หยางเฉิงถึงต้องการกำจัดพี่? มีเรื่องอะไรระหว่างพี่กับเขาสองคนบ้างหรือเปล่า..” สิ่งที่หลี่ฮ่าวอยากถามก็คือพวกเขามีข้อตกลงทางธุรกิจอะไรกันหรือเปล่า แต่เขากลืนคำพูดของเขาลงไปเสียก่อนที่เขาจะลั่นวาจาออกมา ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะเคยแทงหัวหน้ามาเฟียคนนั้นเพื่อเขาในตอนนั้น แต่เขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเย่เชียนจะทำสิ่งผิดกฎหมายได้และเขาก็นึกไม่ถึงว่าเย่เชียนจะสมรู้ร่วมคิดกับอู่หยางเฉิงได้จริงๆ
“นายจะถามว่าฉันกับอู่หยางเฉิงมีข้อตกลงลับๆที่คนอื่นไม่รู้หรือเปล่าใช่มั้ย!” เย่เชียนก็หัวเราะและพูดต่ออีกว่า “ฉันเพิ่งจะกลับมาไม่กี่วันแล้วฉันจะไปมีความสัมพันธ์กับอู่หยางเฉิงได้อย่างไร? เขาต้อนให้ฉันจนมุมทั้งหมดก็เพื่อลูกชายของเขาอู่หยางเทียนหมิง”
“อู่หยางเทียนหมิง? พี่สองเคยคนเคยบาดหมางกันหรอ” หลี่ฮ่าวถามอย่างสงสัย
เย่เชียนพยักหน้าและบอกเขาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบาร์มนต์เสน่ห์ จากนั้นก็บอกสิ่งที่ซูย่าหยิงบอกกับตนให้หลี่ฮ่าวฟัง และหลังจากที่ได้ฟังเรื่องเหล่านี้แล้วหลี่ฮ่าวก็รู้สึกสบายใจและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่สองถ้าทุกสิ่งที่พี่พูดเป็นความจริงไม่เพียงแต่อู่หยางเฉิงจะต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมตัวและสอบปากคำเท่านั้นเขายังจะต้องถูกจำคุกอีกด้วย ผมจะส่งคนไปรับซูย่าหยิงมาที่สำนักงานและให้เธอเป็นพยาน เท่านั้นแล้วพี่ก็จะหลุดจากคดีและสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัย”
เย่เชียนฉีกยิ้มและพูดว่า “ตอนที่เจ้าหน้าที่สอบปากคำฉันน่ะ จริงๆแล้วฉันจงใจบอกว่าไม่มีใครเป็นพยานที่สามารถยืนยันที่อยู่ของฉันได้ในคืนที่เกิดเหตุเพื่อพิสูจน์ว่าฉันไม่ใช่ฆาตกร”
“มีด้วยหรอ..เขาคือใคร?” หลี่ฮ่าวถามอย่างคาดหวัง
“ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นใคร แต่ที่แน่ๆฉันรู้แค่ว่าเขาชื่อจ้าวเทียนห่าวแค่นั้น” เย่เชียนตอบอย่างตรงไปตรงมา
“จ้าวเทียนห่าว!!” หลี่ฮ่าวลั่นออกมาด้วยความประหลาดใจ “พี่หมายถึงประธานบริษัทเทียนหยากรุ๊ป..จ้าวเทียนฮ่าวคนนั้นน่ะเหรอ?”
“อะไรนะ? เขาเป็นประธานบริษัทเทียนหยากรุ๊ปเหรอ?” เย่เชียนตกตะลึงอย่างมากเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนคนนั้นจะเป็นเจ้านายโดยตรงของตัวเอง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเขาไม่รู้ตัวเลย
“พี่เพิ่งจะกลับมาที่นี่ก็ไม่แปลกหรอกที่พี่จะไม่รู้จักจ้าวเทียนห่าว ในเซี่ยงไฮ้นั้นบริษัทเทียนหยากรุ๊ปของจ้าวเทียนห่าวน่ะติดอันดับหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ และในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้คำพูดของเขาเสมือนเรียกสายลมและฟ้าฝนได้ และแม้แต่ผู้ว่าเทศบาลเมืองก็ยังต้องเคารพเขา” หลี่ฮ่าวพูดอย่างจริงจัง
เย่เชียนฉีกยิ้มในทันทีและรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมจ้าวเทียนห่าวถึงถูกไล่ล่าตามฆ่าและเขาก็เกือบจะถูกฆ่าไปแล้ว อย่างไรก็ตามเย่เชียนรู้ดีว่าสิ่งที่หลี่ฮ่าวพูดนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เพราะถ้าหากใครก็ตามที่ย่างก้าวในยามค้ำคืนเป็นเวลานานๆท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะพบกับยมทูต เพราะต่อให้ยิ่งใหญ่สักแค่ไหนก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ซึ่งศัตรู..
“พี่สอง!..ทำไมพี่ไม่พูดก่อนหน้านี้ล่ะ..พี่ทำให้ผมกังวลมาก..ถ้าจ้าวเทียนห่าวมาเป็นพยานล่ะก็อู่หยางเฉิงจะไม่สามารถแตะต้องพี่ได้เลยแม้แต่น้อย” หลี่ฮ่าวพูดอย่างตื่นเต้น
เย่เชียนยิ้มอย่างชั่วร้ายและตอบว่า “ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้แล้วฉันจะจับหางของอู่หยางเฉิงได้อย่างไร? ว่าแต่..รองผู้ว่าการหวังพอใจกับของขวัญของฉันมั้ย?”
หลี่ห่าวชะงักไปชั่วครู่จากนั้นก็พูดด้วยความประหลาดใจอย่างมากว่า “พี่สอง..ไฟล์และเอกสารเหล่านั้นที่มีหลักฐานยืนยันการก่ออาชญากรรมและการทุจริตรับสินบนของอู่หยางเฉิงที่ถูกวางเอาไว้นั่นเป็นฝีมือของพี่เองหรอ?”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ส่งมอบให้ด้วยตัวเองแต่มันก็ไม่ต่างกัน เย่เชียนจึงพยักหน้าและพูดว่า “น้องสามเนื่องจากนายน่ะคุ้นเคยกับรองผู้ว่าการหวัง..ทีนี้นายจะนัดพบเราทั้งสองให้ได้มั้ย?”
“ไม่มีปัญหา!..ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ได้ขอแต่ผมก็แน่ใจว่าท่านรองผู้ว่าการหวังต้องอยากคุยกับพี่อย่างแน่นอน” หลี่ฮ่าวตอบ อย่างกระตือรือร้นและหลังจากเงียบไปชั่วครู่หลี่ห่าวก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่สอง..ผมเข้าใจเกี่ยวกับตัวพี่น้อยลงเรื่อยๆไปทุกที..แปดปีที่ผ่านมานี้พี่ไปอยู่ที่ไหนมา?”
เย่เชียนยิ้มอ่อนๆและตอบว่า “ตราบใดที่นายรู้ว่าฉันคือพี่ของนายและฉันก็ไม่มีวันทำร้ายนายให้นายต้องเสียใจแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
หลี่ฮ่าวพยักหน้าและไม่ถามอะไรอีก เขาให้คำมั่นสัญญาในใจของตัวเองว่าจะไม่ถามถึงอีก เพราะพวกเขาเป็นพี่น้องกันและไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าคำๆนี้แล้วในชีวิตนี้ “เชื่อใจ” และไม่ว่าเย่เชียนจะเคยทำอะไรในช่วงแปดปีที่ผ่านมา หลี่ฮ่าวก็เชื่อว่าเย่เชียนนั้นเป็นพี่ชายของเขาตลอดไปกาลและจะไม่มีวันทำร้ายครอบครัวของตัวเอง
เมื่อพวกเขามาถึงสำนักงานความมั่นคงสาธารณะรัฐที่หลี่ฮ่าวประจำการอยู่นั้นก็ราวกับว่าเย่เชียนได้กลับมาบ้านของตัวเอง เพราะเขาไม่ได้ถูกสอบปากคำและไม่ได้ถูกคุมขังในห้องขังใดๆ หากผู้คนที่ไม่รู้จักเย่เชียนพวกเขาก็คงจะคิดว่าเย่เชียนนั้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบโดยสมบูรณ์ ด้วยความสัมพันธไมตรีของหลี่ฮ่าวนั้นจึงไม่มีใครปฏิบัติแย่ๆกับเย่เชียนเลยและเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆก็พูดคุยกับเย่เชียนอย่างสนุกสนานไม่มีใครปฏิบัติกับเขาเหมือนเขาเป็นอาชญากรเลยแม้แต่น้อย
คืนนี้เย่เชียนมีนัดกับฉินหยูที่ต้องไปงานราตรีกาล่าไนท์ของเหว่ยเฉิงหลงและเขาก็ไม่อยากพลาดงานนี้เขาจึงรีบโทรหาจ้าวเทียนห่าวและเสวนากันสั้นๆจ้าวเทียนห่าวก็ไม่ได้พูดอะไรมากเขาพูดแค่ “เดี๋ยวฉันจะโทรจัดการให้!” แล้ววางสายไป ซึ่งเย่เชียนก็เข้าใจดีว่าจ้าวเทียนห่าวกำลังใช้เครือข่ายอันทรงอิทธิพลของเขาเพื่อช่วยเย่เชียนออกจากสถานการณ์เช่นนี้
ด้วยเครือข่ายของจ้าวเทียนห่าวและคำให้การของเย่เชียนควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ที่ดีของเขาทั้งสองและยิ่งไปกว่านั้นยังมีคำสารภาพของซูย่าหยิงอีก การที่เย่เชียนจะสามารถออกจากสำนักงานนี้มันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เย่เชียนไม่ใช่คนโง่เพราะคืนนั้นที่พวกเขาซักถามซูย่าหยิงเขาได้ทำการบันทึกเสียงเอาไว้เพื่อในกรณีที่ซูย่าหยิงไม่ให้ความร่วมมือและเขาก็ขู่ว่าจะมอบเมมโมรี่การ์ดให้อู่หยางเทียนหมิงและใช้เป็นหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของเขาเองซึ่งซูย่าหยิงก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าอู่หยางเทียนหมิงเป็นคนแบบไหน ถ้าหากเย่เชียนส่งเมมโมรี่การ์ดให้เขาจริงๆแล้วล่ะก็ชีวิตของเธอก็คงอยู่ได้อีกไม่กี่วัน ดังนั้นเมื่อหลี่ฮ่าวส่งคนไปหาเธอยังที่พักของเธอ เธอก็ให้ความร่วมมือและมายังสำนักงานโดยไม่ลังเลใดๆ
ในด้านของหวังปิงเองเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่หลี่ฮ่าวออกจากบ้านเขาไปเขาก็ได้โทรไปยังสำนักข่าวและสำนักพิมพ์รายใหญ่สองสามแห่งเกี่ยวกับการทุจริตของอู่หยางเฉิงเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงการยักยอกเงินของประชาชนและการรับสินบนและการขายโครงการของรัฐบาล ในขณะเดียวกันเพื่อนของหวังปิงที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบวินัยก็ได้นำตัวอู่หยางเฉิงไปยังสำนักงานการตรวจสอบวินัยเพื่อทำการสอบสวนและตรวจสอบเขาอย่างละเอียด
หวังปิงมักจะสุขุมและสงบเสงี่ยมมาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ทำอะไรเลย เขาเพียงแค่ซ่อนความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้และรอสำหรับโอกาสที่ดีและในที่สุดเขาก็สามารถปลดปล่อยความยิ่งใหญ่ที่เขาสร้างมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้..
.
.
.
.
.
.
.
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm