ตอนที่ 59 การต่อสู้ของพ่อและลูก
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ซูย่าหยิงไม่ได้โกหกหรือเฉไฉใดๆเธอหยิบเมมโมรี่การ์ดที่มีวีดีโอการรฆาตกรรมจ้าวเซี่ยด้วยน้ำมือของอู่หยางเทียนหมิงและยื่นให้เย่เชียนอย่างเต็มใจ หลังจากที่พวกเขาได้เมมโมรี่การ์ดแล้วเขาและหลี่เหว่ยก็ออกจากบ้านของเธอในทันที เย่เชียนไม่สนใจไม่แยแสผู้หญิงอย่างเธอเพราะในมุมมองของเขาซูย่าหยิงเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีอำนาจอิทธิพลใดๆ เขาไม่จำเป็นต้องกำจัดคนอย่างเธอ เพราะอู่หยางเทียนหมิงเป็นคนเดียวที่เย่เชียนต้องการกำจัด สำหรับซูย่าหยิงแล้วคนเลวที่เคยได้รับบาดแผลที่เลวร้ายแล้วทุกอย่างมันก็เป็นเพราะโชคชตาและชะตากรรมของเธอในอนาคตว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป
เย่เชียนไม่เคยมองว่าตัวเองว่าเป็นคนที่มีบุคลิกที่สูงส่งและสุภาพรุษเหนือผู้อื่น หากต้องการจะเป็นศัตรูกันแล้วมันก้ต้องมีการแก้แค้นกันเป็นเรื่องธรรมดาของลูกผู้ชาย
หลังจากที่ออกจากบ้านของซูย่าหยิงแล้วเย่เชียนก็มองเมมโมรี่การ์ดในมือและพูดว่า “นายอยากเล่นอะไรสนุกๆกับฉันไหม”
แน่นอนว่าหลี่เหว่ยยอมรับด้วยความยินดีเพราะเขาไม่อยากกลับไปซ่อนตัวอยู่นอกบ้านของจ้าวหยาเพราะจะถูกยุงกัดอีก และเพราะเขาอยู่กับเย่เชียนมานานและเข้าใจความหมายของเย่เชียนว่าพยายามจะสื่ออ่ะไร เย่เชียนกำลังจะระเบิดภูเขาและเข้าถ้ำเสือ
สำนวน : ระเบิดภูเขาและเข้าถ้ำเสือ หมายถึงการเผยจุดยืนที่แข็งแกร่งและเตือนถึงหายะนะที่กำลังจะเกิด
การเลือกตั้งผู้ว่าเทศบาลเมืองก็ใกล้เข้ามาแล้ว และไม่กี่วันที่ผ่านมานี้อู่หยางเฉิงก็ยุ่งอยู่ทุกที่เพื่อเตรียมสิ่งต่างๆสำหรับตัวเอง ในเซี่ยงไฮ้นั้นรองผู้ว่าเทศบาลเมืองอยู่สามคน แต่คู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวของอู่หยางเฉิงก็คือหวังปิงนั่นเอง จากผลการคาดคะเนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั้นมีโอกาสและความแน่นอนประมาณ 80% ที่ตำแหน่งผู้ว่าเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้จะเป็นของเขาในตอนนี้
แต่ในช่วงเวลาที่วิกฤตเช่นนี้ลูกชายที่รักนักรักหนาของเขาเองทำให้เขาปวดหัวอย่างมากที่ไปฆ่าคนโดยไม่คาดคิด หากเรื่องพวกนี้เล็ดลอดออกไปความปรารถนาของเขาที่จะได้รับการแต่งตั้งก็จะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามลูกชายของเขาก็ไม่ได้โง่เขลาหรือไร้ประโยชน์เสมอไปเพราะอู่หยางเทียนหมิงนั้นมีความโหดร้ายอำมหิตและไร้ความปรานี เมื่อเขาได้ยินอู่หยางเทียนหมิงพูดถึงแผนของที่เขาวางเอาไว้แล้วอู่หยางเฉิงก็รู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นไม่ได้มีภูมิหลังที่ดีและแข็งแกร่งมากพอ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงพี่ชายของอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะรัฐ ตราบใดที่สองพ่อลูกอู่หยางทำตามแผนของเขาที่วางเอาไว้อย่างสมบูรณ์โดยใช้ตำรวจวิสามัญเพื่อฆ่าเย่เชียนแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะรัฐก็ตามเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว นอกจากนี้การใช้ความสัมพันธ์ทางการกับบุคลในองค์กรต่างๆที่มีอิทธิพลเพื่อจัดการเรื่องพวกนี้มันก็เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก
ในเวลานี้อู่หยางเฉิงก็ใช้โทรศัพท์และพูดอย่างเคร่งขรึมและผยองเดชว่า “งานมหกรรมโลกเวิลด์เอ็กซ์โปที่ใกล้จะถึงเข้ามาทุกทีๆแล้ว!..กฎหมายและคำสั่งต้องถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัด!..อย่าให้มีเรื่องผิดพลาดใดๆเข้าใจมั้ย?” คนที่อยู่ใต้การบังคัญบัญชาของเขาเป็นข้าราชการที่มีประสบการณ์มากมายและเข้าใจความหมายของอู่หยางเฉิงเป็นอย่างดี แต่พวกเขาไม่ได้โง่เขลาและผ่อนคลายอย่างมากเมื่อรู้ว่าเย่เชียนเป็นคนที่ไม่มีใครหนุนหลังและการสนับสนุนที่มากพอ นี่เป็นถึงคำสั่งของรองผู้ว่าเทศบาลดังนั้นทุกอย่างจะละเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด
อู่หยางเฉิงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในคืนนี้เพราะทุกๆอย่างเป็นไปตามแผนของเขาเพราะเย่เชียนได้หนีออกจากคุกตามที่คาดเอาไว้ ในตอนรุ่งเช้าเขาจะสั่งให้ตำรวจระดมพลและวิสามัญลุมยิงเย่เชียนในทันทีที่พบเขา จากนั้นปัญหาทั้งหมดก็จะหายเข้ากลีบเมฆไปในที่สุด
หลังจากอู่หยางเฉิงอาบน้ำเสร็จก็พาคุณนายหญิงของเขาเข้าไปในห้องนอนอย่างอภิรมย์ ถึงแม้ว่าเขาจะอายุเกือบห้าสิบปีแล้วแต่เขายังสามารถทำกิจได้สามหรือสี่ครั้งในทุกๆคืนและสิ่งนี้ทำให้เขาภาคภูมิใจกับตัวเองอย่างมาก เข้าเขาหยิบไวน์รุ่นพิเศษที่เสริมสมรรถภาพที่เหว่ยตงเซียนกรุ๊ปมอบให้เขาเป็นของขวัญพิเศษและรินมันจนล้นแก้วแล้วดื่มอย่างสุขสบายใจ
อู่หยางเฉิงรู้สึกว่าเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปนั้นไม่เลวเลยพวกเขามีไหวพริบและรอบคอบอย่างมาก พวกเหว่ยตงเซียนกรุ๊ปรู้ว่าเขามีรสนิยมเสือผู้หญิงชอบล่าผู้หญิงพวกนั้นจึงจัดหาสิ่งที่น่าอัศจรรย์เช่นไวน์เสริมสมรรถภาพนี้ให้แก่เขา เพราะหลังจากที่ดื่มทุกครั้งเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกไฟเผาผลาญราวกับว่าเขามีพลังงานไม่จำกัด ดังนั้นทุกครั้งที่ทำกิจเขาจะทำได้ครั้งหนึ่งเป็นเวลานานมาก
หลังจากที่เขาตั้งค่ากล้องวิดีโออู่หยางเฉิงก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายและผลักคุณนายหญิงที่แต่งตัวเซ็กซี่ของเขาลงบนเตียง และหลังจานนั้นภายในหนึ่งชั่วโมงอู่หยางเฉิงก็อุทานออกมาอย่างน่าพอใจจากนั้นเขาก็ดึงคุณนายหญิงของเขาเข้ามาโอบกอดสู่ห้วงนิทรา
การถ่ายทำฉากเลิฟซีนของตัวเองเป็นงานอดิเรกของอู่หยางเฉิงและทุกครั้งที่เขาดูตัวเองพิชิตคุณนายหญิงบนเตียงแล้วเขารู้สึกว่าเขาประสบความสำเร็จและภาคภูมิใจอย่างมาก เขามีคลิปวีดีโอมากมายที่เก็บรวมๆกันไว้ในที่เดียว เมื่อใดก็ตามที่เขาว่างเขาจะเอามันออกมาดู และเขามีความคิดที่ว่าเมื่อเขาแก่ตัวลงไปแล้วและไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไป มันคงจะสนุกดีถ้าได้ดูตัวเองตอนที่ตัวเองยังมีกำลังวังชาอยู่
ในยามที่เขากำลังหลับอยู่เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปพ้นเท่าไหร่แล้วแต่ในระหว่างที่เขากำลังท่องอยู่ในความฝันเขาได้ยินเสียงผู้หญิงร้องครางเบาๆและผู้ชายก็ทำเสียงเหนื่อยหอบ เสียงมันดังก้องอยู่ในหัวของเขาเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ และเขาก็ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงงและเห็นว่าทีวีในห้องถูกเปิดเอาไว้อยู่และมันกำลังแสดงฉากเลิฟซีนที่เขาเป็นคนบันทึกเอาไว้เอง เขายิ้มอย่างร้ายกาจขณะที่พูดว่า “ที่รัก..อารมณ์ไหนกันเนี่ยนี่มันดึกแล้วนะคุณตื่นมาดูมันตอนนี้เนี่ยนะ คุณยังไม่หนำใจใช่ไหม..คุณนี่ช่างเป็นผู้หญิงที่ร่านเสียจริง” เขาพูดและยื่นมือออกไปเพื่อดึงเธอเข้ามาแต่เขารู้สึกได้ถึงอากาศที่ว่างเปล่าแทนที่จะเป็นร่างของคุณนายหญิงของเขา เขาแปลกใจเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เปิดโคมไฟและลุกขึ้นนั่ง
“เห้ย!” เมื่อแสงไฟไฟสว่างขึ้นอู่หยางเฉิงก็ตะโกนออกมาดังลั่น ตอนนี้มีคนสองคนอยู่ในห้องของเขา และพวกนั้นกำลังดูฉากเลิฟซีนของเขาอยู่อย่างจริงจัง “แก..แกเป็นใคร?..แกเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร? เหมยลี่อยู่ที่ไหน?..แกทำอะไรกับเหม่ยลี่” อู่หยางเฉิงพูดด้วยความตื่นตระหนก เหม่ยลี่เป็นคุณนายหญิงของเขา
ไม่จำเป็นต้องอธิบายเพราะชายสองคนในห้องก็คือเย่เชียนและหลี่เหว่ยพวกเขาตรงไปที่บ้านของอู่หยางเฉิงหลังจากออกจากบ้านของซูย่าหยิง แต่อู่หยางเฉิงไม่ได้อยู่ที่บ้านของเขา พวกเย่เชียนได้พบกับภรรยาตามกฏหมายของอู่หยางเฉิง ที่สาปแช่งอู่หยางเฉิงและบอกว่าเขาถูกยัยจิ้งจอกร่านบางตัวขโมยไป เย่เชียนจึงเดาได้ว่าเขาต้องอยู่กับคุณนายหญิงของเขาซึ่ง ณ จุดนั้นเขาและหลี่เหว่ยได้ทำสีหน้าราวกับปีศาจและขู่ให้ภรรยาของอู่หยางเฉิงบอกว่าที่แห่งนั้นมันอยู่ที่ไหน เพราะหากว่าภรรยาของอู่หยางเฉิงไม่บอกพวกเขาก็จะหาสถานที่นั้นๆได้ยากมากพอสมควร
“บอส..ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ท้วงท่าของตาแก่นี่มันเยี่ยมมากเลย ดูสิเขาทำท่ายากๆขนาดนั้นได้เชียวเหรอ?” หลี่เหว่ยพูดด้วยความประหลาดใจขณะที่เขาดูฉากเลิฟซีน
“วิดีโอนี้ถ่ายทำค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถ้าวางขายในตลาดมันน่าจะขายได้ดีกว่าพวกที่ทำเป็นเป็นอาชีพนะ!” เย่เชียนพูดอย่างเฉยเมย
“โห!..นี่มันอะไรกันเนี่ยพวกเขาทำพร้อมกันสี่คนเลยเหรอ? ว่าแต่หนุ่มน้อยคนนั้นหน้าตาดูคุ้นๆนะ?” หลี่เหว่ยพูดขณะทำหน้าตาสงสัย
“ใช่..คุ้นๆเหมือนกัน..เหมือนฉันจะเคยเห็นเขามาก่อน” เย่เชียนก้มหัวและคิดเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “อ๋อ..ฉันจำได้แล้ว! ผู้ชายคนนั้นคืออู่หยางเทียนหมิง!..โว้วๆๆๆ..สองพ่อลูกในสมรภูมิเดียวกัน!!..นี่มันน่าจะเป็นจุดขายที่ดีแน่ๆ”
“ใช่ๆเหมือนที่โบราณกล่าวกันไว้ว่า ‘พ่อและลูกนักสู้ร่วมสายเลือด’ มันเป็นแบบนี้เองเหรอผมไม่คิดว่าพวกเขาจะมีงานอดิเรกและรสริยมแบบนี้กันเลย” หลี่เหว่ยพูดพร้อมพยักหน้า
พวกทั้งสองคนสนทนากันราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของอู่หยางเฉิงเลยแม้แต่น้อย
.
.
.
.
.
.
.
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm