ตอนที่แล้วตอนที่ 4 หมัดดาวตก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 เกราะดาราจรัสแสง

ตอนที่ 5 หยางหลิงชิง


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

สามวันให้หลัง หลงเฉินยืนอยู่เบื้องหน้าก้องหินขนาดมหึมาที่สูงกว่าหนึ่งจั้ง

 

ด้านซ้ายเป็นป่า และด้านขวาเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ ในแม่น้ำสายนี้ มีก้อนหินขนาดใหญ่สามารถพบเห็นได้ทุกที่

 

หลงเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง พลังปราณทั้งหมดในร่างของเขาระเบิดออกมาอย่างฉับพลันทันที ขณะที่ตัวเขาพุ่งเข้าใส่ก้อนหินมหึมาราวกับกระสุนปืนใหญ่  เขาเปล่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกับปล่อยหมัดออกไป หมัดของเขาดุจดั่งอุกกาบาตที่พุ่งตรงไปยังก้อนหินมหึมาก้อนนั้น!

 

ตู้มมม!

 

ก้อนหินมหึมาระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ  ชิ้นส่วนหินที่แตกกระจายกระเด็นออกไปเพราะพลังอันรุนแรง  เศษหินกว่าครึ่งหนึ่งร่วงหล่นลงไปในน้ำซึ่งสาดกระเซ็นไปทั่ว

 

“ร่างกายเป็นดั่งนภาดาราพราว หมัดเปรียบดั่งดาวตก อันตัวข้าหนักแน่นดุจเขาไท่ซาน และรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด ... เพราะเหตุนี้ ข้าจึงสามารถปลดปล่อยพลังแบบนี้ออกมาได้สินะ ตอนนี้ข้าเพิ่งบรรลุถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสอง จึงยากที่ข้าจะใช้พลังของหมัดดาวตกได้อย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้น...”

 

สายตาของหลงเฉินแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

 

“ถ้าข้าได้เจอเฉินหลิวอีกครั้งละก็ ข้าคงสังหารเข้าได้ในหมัดเดียว!”

 

“เพียงสามวัน ข้า... หลงเฉิน ก็เข้าใจเพลงหมัดดาวตกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว!”

 

หลงเฉินเดินไปที่ริมแม่น้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา  เขามองไปที่เงาสะท้อนของตนเองบนผิวน้ำ

 

“ในช่วงไม่กี่วันของการฝึกวิชาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของข้าก็แข็งแกร่งขึ้นมาก และผิวหนังก็มีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็ยังหล่อเหลาเอาการอยู่เหมือนเดิม ข้ามั่นใจว่าต้องมีสาว ๆ มาสนใจข้าบ้างล่ะ”

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลงเฉินก็หัวเราะร่า

 

ทันใดนั้นเอง เสียงลมก็พัดดังมาจากด้านหลัง  หลงเฉินตกใจ รีบโน้มตัวลงอย่างรวดเร็ว และเตะขาข้างหนึ่งเกี่ยวไปข้างหลัง แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือขาของเขากลับกระแทกกับวัตถุที่แสนอ่อนนุ่ม จากนั้น เงาร่างหนึ่งก็ลอยข้ามศีรษะเขาและร่วงหล่นลงในแม่น้ำพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ

 

หลงเฉินยืนขึ้นเพื่อมองให้ชัด ๆ และเห็นว่าผู้ที่ต้องการจะลอบจู่โจมเขาเมื่อครู่ กลับถูกเขาเตะลงไปในน้ำเสียเอง เด็กสาวผู้นี้ไม่ได้ดูอ่อนแอ แต่การที่ถูกหลงเฉินเตะลงไปในน้ำเป็นเพราะความสะเพร่าของนางเองมากกว่า

 

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด นางรีบกระโดดขึ้นมาจากแม่น้ำ ทำหน้าบูดบึ้งและจ้องเขม็งมาที่หลงเฉิน  ดวงตาของนางสดใสและเป็นประกาย

 

เด็กสาวผู้นี้คล้ายจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลงเฉิน  นางมีรูปร่างอรชร ดวงตาสดใส และฟันขาวสวย นางสวมชุดสีเขียวอ่อน เป็นสาวงามที่หาได้ยากยิ่ง หลงเฉินไม่เคยเห็นเด็กสาวคนใดงดงามถึงเพียงนี้มาก่อน

 

เด็กสาวเพิ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ  และเสื้อผ้าของเธอก็เปียกโชก ขณะที่เขาเฝ้ามองเด็กสาวจนมิอาจละสายตา ทั้งผิวพรรณอันผุดผ่องและสัดส่วนโค้งเว้าเย้ายวนของนางปรากฏให้เห็นได้ลาง ๆ หลงเฉินมองเห็นแม้กระทั่งลายลูกสุนัขที่ปักไว้บนชุดชั้นใน

 

จากสายตาของหลงเฉิน  เด็กสาวก็ตระหนักว่าตนเองอยู่ในสภาพใด ก่อนจะดุด่าออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นและฉุนเฉียว

 

“เจ้าคนชั่ว!”

 

พลังปราณปะทุออกมาจากทั่วทั้งร่างของนาง ลมร้อนที่ระเบิดออกมาถึงกับพัดหลงเฉินให้ถอยหลังไปเล็กน้อย  เสื้อผ้าที่เคยเปียกโชกพลันแห้งในทันที เด็กสาวจ้องมองหลงเฉินอย่างดุร้าย นางกัดฟันถาม

 

“เจ้า... เจ้าเห็นอะไรบ้าง?”

 

หลงเฉินรีบตอบทันที

 

“ไม่เลย แม่นาง ข้าไม่เห็นอะไรเลย...”

 

เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของหลงเฉิน นางจึงให้อภัยเขา  อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เธอก็พูดต่อด้วยความขุ่นเคือง

 

“เอาล่ะ หยางเฉิน พี่สาวผู้นี้ก็แค่อยากจะแกล้งเจ้าให้ตกใจเล่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่เจ้ากลับผลักข้าตกน้ำเสียนี่ ร้ายกาจที่สุดเลย!”

 

พี่สาวงั้นรึ?

 

แต่หลงเฉินจำนางไม่ได้ จึงเอ่ยถาม

 

“เจ้าเป็นใครกัน?”

 

เมื่อถูกถามด้วยท่าทีเช่นนั้น  เด็กสาวจึงมีสีหน้าเกรี้ยวกราดขึ้นมาและตำหนิ

 

“เจ้าเด็กบ้า แม้แต่พี่สาวของตัวเองก็จำไม่ได้ ข้าคือ หยางหลิงชิง เป็นลูกสาวคนรองของท่านลุงรองของเจ้า หยางหยุนเทียน ไงล่ะ”

 

“อ้อ... เจ้านั่นเอง...”

 

อยู่ ๆ หลงเฉินก็นึกถึงเรื่องราวของคนผู้นี้ขึ้นมาได้ นางและเขาถูกชะตาฟ้าลิขิตให้มาพบกัน เพราะพวกเขาเกิดในวันเดียวกันและเดือนเดียวกัน  ซึ่งเวลาที่หลงเฉินเกิด ตรงกับยามเฉินพอดี เขาจึงได้รับการตั้งชื่อว่าเฉิน

 

หยางหลิงชิงเคยเอาแต่เก็บตัวอยู่ภายในบ้านและไม่ยอมออกมาข้างนอก  เขาจึงเคยเห็นนางเพียงไม่กี่ครั้ง แน่นอนว่าเขาหลงลืมนางไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลงเฉินก็หัวเราะร่า

 

“แม่สาวน้อย เจ้าอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าพี่หญิงอย่างนั้นรึ?  แม้ว่าพวกเราจะเกิดวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน แต่ข้าน่ะ เกิดในยามเฉิน ส่วนเจ้าเกิดในยามซื่อ ข้าต่างหากที่เป็นพี่ชายของเจ้า...”

 

เมื่อสิ้นประโยค เขาก็ไม่สนใจความเกรี้ยวกราดของหยางหลิงชิงอีก  เขาเดินตรงเข้าไปในป่าและเจอหินก้อนหนึ่งที่พอจะนั่งลงได้

 

“เจ้าตัวแสบ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

 

หยางหลิงชิงเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลงเฉินและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องพี่น้องอะไรนั่นก็ได้ ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็เกิดวันเดียวกัน ถือเสียว่าอายุเท่ากันก็แล้วกัน ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาทางนี้ และเห็นเจ้ากำลังใช้เพลงหมัดดาวตกอยู่  ดูเหมือนว่าเจ้าจะฝึกจนเชี่ยวชาญทีเดียว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

นางเห็นเข้าแล้วสินะ

 

หลงเฉินครุ่นคิด และรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่นางจะเห็นเข้า  แม้ว่านางจะดูหยิ่งยโสอยู่สักหน่อย แต่นางก็ไม่เคยกลั่นแกล้งหลงเฉิน และในตอนนี้ ก็ไม่มีแววของการดูถูกเหยียดหยามในสายตาของนางเฉกเช่นคนทั่วไป หลงเฉินจึงรู้สึกประทับใจในตัวนาง  ดังนั้น เขาจึงยินดีที่จะพูดคุยกับนางต่อ

 

เขามองเธอด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ยขึ้น

 

“อะไรกัน? ข้าจะฝึกเพลงหมัดดาวตกบ้างไม่ได้รึ?  หรือว่าเจ้าอิจฉาข้า? โชคร้ายหน่อยนะที่พวกเราเกี่ยวพันทางสายเลือด คงทำอะไรได้ไม่สะดวกเท่าไร แต่ถ้าเจ้าเป็นคนอื่นละก็ ข้าคงจะช่วยสอนบทเรียนให้เจ้าได้อยู่หรอก”

 

หยางหลิงชิงร้อนรนจนใบหน้าของนางแดงก่ำ  นางเหวี่ยงหมัดใส่ก้อนหินที่มีขนาดใหญ่กว่าก้อนที่เคยอยู่ข้าง ๆ เขาเสียอีก มันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

“เห็นรึไม่ ข้าเองก็รู้เพลงหมัดดาวตกเช่นกัน และข้าก็บรรลุถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้าแล้วด้วย เพราะฉะนั้น ข้าย่อมแข็งแกร่งกว่าเจ้า!”

 

หลงเฉินนิ่งอึ้งและพูดไม่ออก  เขาไม่คิดว่าเด็กสาวที่อายุเท่าเขา  จะฝึกวิชาจนแข็งแกร่งกว่าหยางจ้าน พี่ชายของนางเสียอีก

 

เมื่อเห็นสีหน้าเย้ยหยัน  หลงเฉินแอบหัวเราะในใจ เขารู้เป้าหมายของอีกฝ่ายอยู่แล้ว จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น

 

“ถูกแล้ว เจ้ารู้เพลงหมัดดาวตกก็จริง แต่เจ้าก็ยังฝึกไม่สำเร็จอยู่ดี เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะบรรลุไปถึงขั้นที่ร่างกายของเจ้าจะเปรียบดังดวงดาวบนท้องนภา และหมัดประหนึ่งอุกกาบาต  หากข้ามีพลังปราณเช่นเจ้า พลังหมัดดาวตกที่ข้าสามารถปลดปล่อยออกมาได้คงรุนแรงกว่าเจ้าเป็นสองเท่าตัว”

 

“เอาล่ะ วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะปรานีเจ้าและช่วยอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน”

 

หยางหลิงชิงตกตะลึง นางคิดในใจ เจ้านี่แข็งแกร่งจริง ๆ ข้าเหวี่ยงหมัดออกไปเพียงครั้งเดียว ก็มองออกแล้วว่าเพลงหมัดดาวตกของข้ายังไม่สมบูรณ์

 

“ตกลง ในเมื่อเจ้ามีความจริงใจ ข้าจะยอมรับไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ก็แล้วกัน แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็สอนข้าเอง เพราะงั้นอย่ามาเรียกร้องอะไรตอบแทนทีหลังล่ะ  บอกไว้ก่อน ช่วงนี้ข้าถังแตกอยู่ด้วย...”

 

“แม่ตัวดี ในฐานะที่ข้าเป็นพี่ชายของเจ้า ข้าก็ต้องสอนเจ้าเป็นธรรมดา ใครจะอยากได้อะไรจากเจ้ากัน?”

 

“อะไรนะ?”

 

ปากของหยางหลิงชิงบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนมาเรียกนางว่าแม่ตัวดี

 

“ตอนนี้เจ้าทำตัวโอหังไปก่อนเถอะ แต่เมื่อเจ้าสอนข้าแล้ว รับรองได้เลยว่าเจ้ารับผลที่ตามมาไม่ไหวหรอก!”

 

นางพยายามสะกดกลั้นความโกรธไว้ภายในใจ

 

แน่นอนว่าหลงเฉินไม่ได้ยินคำพูดที่นางรำพึงรำพัน  แต่เพราะนางทั้งงดงามชวนมอง และเขาก็ไม่มีมิตรสหายที่ไหน ซึ่งวันนี้เขาก็ฝึกควบคุมเพลงหมัดดาวตกมามากพอ  เพราะเหตุนี้ เขาจึงอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียด

 

“...เมื่อเจ้ามองไปยังอุกกาบาตบนฟากฟ้า  พวกมันจะพุ่งลงมาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ไม่มีสิ่งใดมาขวางทางมันจากการพุ่งตัวไปข้างหน้า...”

 

“เมื่อเจ้าใช้หมัด เจ้าต้องไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ ไม่คิดถึงความเป็นความตาย เจ้าต้องการเพียงสังหารศัตรูเท่านั้น แล้วจึงปล่อยหมัดไปข้างหน้า ทำเช่นนั้นเจ้าจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเพลงหมัดดาวตก...”

 

หลังจากที่อธิบายและแสดงให้เห็นมานานกว่าครึ่งวัน  ในที่สุด เขาก็สอนหยางหลิงชิงได้สำเร็จ ในเวลานี้ ทัศนคติของหยางหลิงชิงที่มีต่อตัวเขาแปรเปลี่ยนเป็นความชื่นชมบูชา

 

นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าชายผู้ที่บรรลุเพียงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสอง จะสามารถเข้าใจในเพลงยุทธ์ได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้

 

เมื่อพวกเขาแยกจากกัน หยางหลิงชิงก็เอ่ยขึ้น

 

“นี่... วันนี้ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้านะ หลังจากที่ข้าใช้เพลงหมัดดาวตกได้สมบูรณ์แล้ว ข้าจะได้มีโอกาสเผชิญหน้ากับท่านพี่หลิงเยวี่ยในงานชุมนุมของตระกูลสักที และบางที ข้าอาจจะมีโอกาสได้รับ คัมภีร์ลับ ---《 ผนึกมังกร 》 ของตระกูลเราด้วย”

 

เมื่อได้ยินคำว่า “ผนึกมังกร” ดวงตาของหลงเฉินก็เบิกกว้างทันที และเอ่ยถาม

 

“งานชุมนุมของตระกูลเราจะจัดขึ้นเมื่อไรรึ?”

 

“น่าจะภายในครึ่งเดือนนี้แล้ว แต่เจ้าคงไม่ต้องคิดถึงผนึกมังกรแล้วกระมัง ท่านพี่หลิงเยวี่ยบรรลุไปถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกแล้ว ในหมู่คนรุ่นเยาว์ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้เลยนอกจากท่านพี่หยางอู่ แต่ท่านพี่หยางอู่ก็ได้ผนึกมังกรไปแล้วเช่นกัน  ข้าจึงเกรงว่าผนึกมังกรในรอบนี้ จะต้องถูกตีตราจองเป็นของขวัญให้ท่านพี่หลิงเยวี่ยแล้วแน่ ๆ เอาล่ะ... ข้าเลิกพูดดีกว่า ข้าต้องรีบกลับไปฝึกวิชาให้บรรลุถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกให้ได้”

 

หลังจากที่พูดจบ เด็กสาวก็วิ่งจากไป  เรือนผมของนางสยายไปมาอยู่ด้านหลังแลดูน่ารัก เฉินหลงกลืนน้ำลายขณะที่เฝ้ามองนางจากไป

 

“ทั้งรูปกายและจิตใจของแม่นางน้อยคนนี้ช่างเป็นตัวเลือกชั้นเลิศ  แต่น่าเสียดาย สวรรค์ช่างตามืดบอด ทำให้นางเป็นญาติของข้าเสียนี่”

 

ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้เลย

 

“ช่างขมขื่นเสียจริง”

 

หลงเฉินนั่งอยู่บนก้อนหินสีครามและมองไปทางตระกูลหยาง

 

“ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหก... เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งเดือน ข้าคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ แต่จากคำเตือนที่หนักแน่นของท่านพ่อ หากข้าไม่ได้ผนึกมังกรนั่นมาจะเป็นเช่นไร? ในเมื่อเด็กสาวผู้นี้ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ข้าเองก็คงนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้แล้ว ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกก็เป็นแค่ขั้นที่หก หากข้าเสี่ยงชีวิตลองฝึกฝนดูละก็  ข้าคงจะพอมีโอกาสบ้างล่ะ!”

 

“ฝึกฝน! ทุ่มเท! เพียรพยายาม!”

 

หยาดเหงื่อรินไหลลงมาตามหน้าผากของเขา

 

เป็นเวลามืดค่ำแล้วที่หลงเฉินกลับมาที่ตระกูลหยาง

 

ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไป  กลุ่มคนที่ดูน่าเกรงขามก็เดินออกมา  หลงเฉินเงยหน้าขึ้นและบังเอิญยืนอยู่เบื้องหน้าคนกลุ่มนั้นพอดี

 

หญิงผู้งดงามซึ่งเดินนำหน้ามานั้นคือ หยางเสวี่ยชิง มารดาของหลงเฉิน

 

ด้านหลังของหยางเสวี่ยชิง คือเด็กสาวผู้เย้ายวนนามว่า หยางหลิงเยวี่ย  ซึ่งก็คือหยางหลิงเยวี่ยผู้ที่หยางหลิงชิงเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ ปีนี้นางอายุครบสิบแปดปี เป็นบุตรสาวของบุตรชายคนโตของตระกูลหยาง หยางชิงเสวียน ซึ่งเป็นพี่ชายหยางเสวี่ยชิง

 

บุตรชายคนที่สองของตระกูล หยางหยุนเทียน มีหน้าที่ดูแลเรื่องต่าง ๆ ของตระกูล  ส่วนบุตรสาวคนที่สาม คือ หยางเสวี่ยชิง ดูแลรับผิดชอบในการฝึกวิชาให้เหล่าคนหนุ่มสาวในตระกูล

 

หยางชิงเสวียน บุตรชายคนโตของตระกูลหยาง มีบุตรสองคนเป็นชายและหญิง คือ หยางอู่ และ หยางหลิงเยวี่ย ตามลำดับ  หยางอู่ถือเป็นอันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลหยาง และหยางหลิงเยวี่ยคือเด็กสาวผู้เย้ายวนซึ่งอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง

 

บุตรชายคนรองของตระกูลหยาง  หยางหยุนเทียน มีบุตรสองคนซึ่งเป็นชายและหญิงเช่นกัน  ซึ่งก็คือ หยางจ้าน ศัตรูตัวฉกาจของหลงเฉิน และหยางหลิงชิง ที่เขาได้พบก่อนหน้านี้

 

ส่วน หยางเสวี่ยชิง เป็นผู้หญิงพียงคนเดียวในบรรดาผู้อาวุโสและยังมีวิทยายุทธขั้นสูง ทำให้หยางหลิงเยวี่ยซึ่งพยายามตามรอยหยางเสวี่ยชิงมาตลอด ดูราวกับเป็นบุตรสาวของนาง

 

ด้านหนึ่งมีผู้หญิงสองคน ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นชายสองคน

 

ผู้ที่เดินนำหน้ามา กำลังหัวเราะและพูดคุยอย่างออกรสกับหยางเสวี่ยชิง เขาเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา  และมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งเดินตามมาด้านหลัง ดวงตาของเขาดูทรงพลังดุจดั่งสายฟ้า ร่างกายกำยำแข็งแรง และการเคลื่อนไหวของเขาเปี่ยมก็ไปด้วยพลัง พร้อมรูปร่างหน้าตาที่ดูสมกับชายวัยกลางคน

 

เป็นไปได้ว่าชายทั้งสองคนนี้เป็นพ่อลูกกัน

 

ตอนนั้นเอง ที่หยางเสวี่ยชิงเห็นหลงเฉินยืนอยู่เบื้องหน้า  หยางเสวี่ยชิงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบยิ้มให้กับชายวัยกลางคน

 

“ท่านพี่ไป๋ เดิมที ข้าอยากพาท่านชมกล้วยไม้และสระบัวของตระกูลหยางของเรา แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ก็ค่ำเกินไปเสียแล้ว...”

 

“ไม่เป็นไรเลย น้องฉิง เราสองคนยังพำนักอยู่ในเมืองพฤกษาหมอก พวกเรายังพบกันได้อยู่ หากมีเวลา ข้าจะต้องมาเยี่ยมเยียนอีกแน่  ชื่อเสียงของทะเลสาบสีฟ้า ยวี่เหอ นั้นเลื่องลือจนข้าแทบอดใจรอไม่ไหว...”

 

ทั้งสองยังคงหัวเราะและพูดคุยกันขณะเดินผ่านหลงเฉินไปพร้อมกับทหารยามกลุ่มหนึ่ง

 

มีเพียงหยางหลิงเยวี่ยที่หันมามองหลงเฉินด้วยสายตาเย็นชา  จากนั้นจึงเริ่มพูดคุยกับชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้าง พวกเขาส่งเสียงหัวเราะคิกคักเป็นระยะ

 

“ดีจริง... ทำเป็นไม่เห็นหัวข้า ราวกับข้าเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน”

 

หลงเฉินค่อย ๆ กำหมัดแน่น

 

“ดูเหมือนว่าพอท่านพ่อของข้าตายไป ท่านก็รีบหาความสำราญครั้งใหม่ทันที  เลิกเอ่ยถึงชื่อเสียงของท่านพ่อก่อน แต่ไป๋จ้านสงผู้นี้ ข้าจะไม่ยอมให้ท่านหลงคารมของเขาหรอก แม้ว่าท่านจะไร้เยื่อใยต่อข้า แต่ข้า... หลงเฉิน ก็จะไม่ยอมอกตัญญู เพราะอย่างไรเสีย ท่านก็เป็นผู้มอบเลือดเนื้อให้กับข้า...”

 

“ไป๋จ้านสงอาจดูเป็นสุภาพบุรุษในเปลือกนอก แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่คนดี เมื่อครั้งก่อน หญิงสาวที่หอนางโลมหยกมรกตก็ถูกเขาฆ่าตายไปหลายคน...”

 

ขณะมองดูชายวัยกลางคนที่กำลังพูดคุยกับหยางเสวี่ยชิงอย่างมีความสุข  หลงเฉินก็นึกอะไรขึ้นมาได้จากห้วงลึกในความทรงจำ หญิงสาวจากหอนางโลมหยกมรกตล้วนแล้วแต่เป็นสหายที่ดีของเขา  แม้ว่าพวกนางจะขายศิลปะการแสดง แต่หาใช่ร่างกายไม่ พวกนางก็ถูกเขาลักพาตัวไปอย่างลับ ๆ หากหลงเฉินไม่บังเอิญไปเห็นเข้า  ก็คงไม่มีใครที่ล่วงรู้เรื่องนี้ จากวันนั้นมา เขาก็ตระหนักว่าไป๋จ้านสงเป็นอสูรร้ายมาตลอด

 

“ต่อหน้าไป๋จ้านสง ท่านกลับเหยียดหยามข้าได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับไม่เห็นหัวข้า  แต่ข้า... หลงเฉิน ข้าไม่ได้ตัวคนเดียว ยิ่งท่านต้องการให้ข้าหายไปมากเพียงใด  ข้าก็จะมาโผล่อยู่ตรงหน้าท่านให้มากขึ้น

 

แล้วสักวันหนึ่ง เมื่อข้ามายืนอยู่ต่อหน้าท่าน  ไม่เพียงแต่ท่านจะต้องมองหน้าข้า ท่านจะต้องนึกเสียใจ และคุกเข่าต่อหน้าข้า!  ในฐานะแม่ ท่านไม่เคยทำหน้าที่แม่ที่ดีเลย ข้าเกลียดท่าน! แต่ข้าจะไม่เพิกเฉยต่อท่านเช่นที่ท่านทำกับข้าหรอก!”

 

ในตอนนั้น ขณะที่กลุ่มคนเดินผ่านเขาไป  หลงเฉินเพียงก้มหน้าและกำหมัดแน่น เล็บของเขาจิกเข้าเนื้อจนเลือดไหลออกมา

 

คลื่นพลังปริมาณมหาศาลพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า พรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขา

 

ราวกับว่าอสูรร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ภายในใจ กำลังร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง!

 

เมื่อกลับมายังที่พัก  หลงเฉินก็เตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าและเริ่มฝึกพลังลมปราณ

 

ทันใดนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ  เขาหยิบกระดาษขึ้นมา และมองดูมันด้วยความด้วยความโกรธแค้น

 

กระดาษแผ่นนั้นมีใจความว่า... “หากเจ้าต้องการช่วยชีวิตเซี่ยวฮวง จงมาที่ห้องดอกโบตั๋น ห้องแรกบนชั้นสอง โรงเตี๊ยมตะวันฉาย อย่ามาช้า!”

******************************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด