ตอนที่ 4 แฟนของผมท้องครับ
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
เย้เชี่ยนหรูหรี่ตามองลูกชายก่อนที่จะกระซิบขึ้นมาว่า “พ่อของลูกความดันสูงอยู่ ลูกอย่าทำให้พ่อโกรธเลยนะ”
เขายังจะพูดอะไรได้? ยังมีสิทธิ์พูดอะไรอีก “ถ้าพ่อไม่บังคับผม เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาแบบนี้หรอกครับ”
กู้หยวนกำหมัดแน่น “แกคิดเอาเองแล้วกัน ไม่มีใครบีบบังคับแก อีกอย่างเสี่ยวหลิวก็นัดฉันไปดื่มชาด้วย ดีเหมือนกันจะได้ไปพูดกับเขาเกี่ยวกับแกสักหน่อย!”
เสี่ยวหลิวที่พ่อของเขาพูดถึงคือผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด หลิวหมินชาง คำพูดของบิดาทำให้กู้เฉิงเซียวอดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอดขึ้นมาด้วยความโกรธ เพราะเขากำลังถูกบีบบังคับทางอ้อม!
“แฟนผม...ท้อง...” กู้เฉิงเซียวเค้นคำพูดของเขาออกมา
“ห๊ะ?” สามี-ภรรยาตระกูลกู้อุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกตะลึง
“ใครน่ะลูก? พามาที่บ้านก่อนสิ” เย้เชี่ยนหรูพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แกเนี่ยนะมีแฟน! มีตั้งแต่เมื่อไหร่?” กู้หยวนมีท่าทางเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม
กู้เฉิงเซียว “ผมมีคนที่คบหาดูใจอยู่ แต่แค่ไม่ได้บอกให้ใครรู้”
กู้หยวนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ทว่าใบหน้าของเขากลับแฝงแววแห่งความยินดี…ที่เจ้าตัวกำลังพยายามปิดบังมันอย่างยิ่งยวด “ทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้ ทำไมไม่รู้จักระวังบ้าง? แล้วแกจะจัดการยังไงต่อ—”
“ลูกรีบพาแฟนลูกมาที่นี่ เราจะได้คุยเรื่องงานแต่ง” เย้เชี่ยนหรูรีบพูดแทรกสามี
“แล้วเชียนจินนั่นล่ะครับ บ้านเราตกลงกับบ้านตระกูลเฉินไว้แล้วนี่?” กู้เฉิงเซียวได้ทีย้อนเรื่องที่บิดาคิดจะมัดมือชกจับเขาแต่งงาน
เย้เชี่ยนหรู “นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังจะมาจับคลุมถุงชนทำไมอีก โบราณจะตาย!”
กู้หยวนเงยหน้าขึ้น แล้วแค่นเสียงงึมงำ “หึ ยังจะกล้าพูดอีก”
เย้เชี่ยนหรูหันไปแหวสามีเสียงดังลั่น “ตาแก่ไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนพูดเรื่องนี้เหรอ?”
กู้หยวนมีสีหน้าติดจะรำคาญใจน้อยๆ กับคำพูดของภรรยา เขาหันไปจับจ้องลูกชายแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “พูดตรงๆเลยแล้วกัน อายุแกก็ไม่ได้น้อยๆแล้ว ทำผิดก็ต้องกล้ารับผิดชอบด้วย!”
กู้เฉิงเซียวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ‘ให้ตายเถอะ...หรือเราจะเล่นใหญ่เกินไป?’
กู้หยวนหันหลังเตรียมจะกลับออกจากห้องไปพร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “รีบๆพากลับมาดูตัวที่บ้านก็แล้วกัน”
พากลับมาดูตัวที่บ้าน!?... ‘แล้วจะไปพาใครที่ไหนมาละเนี่ย!?’
…...
เย็นวันนั้นระหว่างที่กำลังเดินทางกลับบ้าน หลินเฉี่ยนก็พบเจอกับเรื่องยุ่งยาก—กลุ่มคนของหนานอินยืนรายล้อมขวางทางเธออยู่
‘เป็นเพราะอยู่ภายในมหาวิทยาลัยไม่สามารถทำอะไรได้สินะ คนพวกนี้ถึงได้มาดักรออยู่ด้านนอกแบบนี้’
แต่คุณชายเฉี่ยนไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวอยู่แล้ว เธอเงยหน้าขึ้นก่อนจะเริ่มนับจำนวนคนของอีกฝ่าย “หนึ่ง สอง สาม......แปด เก้า...หนานอินเธอจะเล่นด้วยไหมล่ะ? ฉันจะได้นับเธอรวมกับคนพวกนี้ซะเลย”
หนานอินกลอกตามองบน “ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าอีกสิบนาทีหลังจากนี้เธอยังจะปากดีอยู่อีกรึเปล่า! ลงมือได้ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นฉันจะจัดการเอง”
หลังคำสั่งของหนานอิน หลินเฉี่ยนก็ถูกรุมโจมตีทันทีด้วยจำนวน...หนึ่งต่อเก้า…
……..
ณ บ้านตระกูลหลิน
บริเวณพื้นที่ว่างใกล้กับประตูรั้วมีรถแลนด์โรเวอร์สีขาวสะอาดตาจอดอยู่ รถคันนี้เป็นรถส่วนตัวที่กู้เฉิงเซียวมักจะใช้งานอยู่เสมอ
“หัวหน้ากู้ ยินดีจริงๆ ที่ได้เจอ ตอนได้รับโทรศัพท์จากคุณผมนึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่นะครับเนี่ย ฮ่าๆๆๆ” หลินเผยพูดด้วยท่าทางตื่นเต้นก่อนที่จะจับมือว่าที่ลูกเขยในอนาคตของเขาเพื่อเป็นการทักทาย
ตระกูลกู้มีชื่อเสียงในด้านการทหารและการเมือง กู้เฉิงเซียวเป็นทายาทสายตรงของตระกูลกู้ที่ถูกสื่อสังคมต่างๆขนานนามว่าเป็น ‘ชายชาตรียอดเพชร’ เขาถือเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในสามเสาหลัก ซึ่งได้แก่ทั้งด้านการทหาร ด้านการเมืองและด้านธุรกิจ เขาขึ้นชื่อว่ามีอิทธิพลสูงสุดต่อทุกวงการ อีกทั้งยังร่ำรวยล้นฟ้าจนน่าจะเรียกได้ว่ามั่งคั่งที่สุดในเมือง แถมยังมีรูปลักษณ์ภายนอกที่สมบูรณ์แบบราวกับสวรรค์ปั้นแต่งมาให้
เมื่อสองปีก่อน เป็นเพราะปัญหาสุขภาพจึงทำให้กู้หยวนเกษียณออกจากงานที่ทำ ในตอนนั้นผู้คนในเมืองล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าเสียดายเป็นอย่างมาก ทว่าในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง กู้เฉิงเซียวในวัยยี่สิบหกปีก็ได้สร้างผลงานอันโดดเด่น เขาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ด้วยความที่เป็นคนหนุ่มไฟแรง มีสติปัญญาดีและมีความสามารถหลากหลายด้าน จึงทำให้เขากลายเป็นนายพลหนุ่มที่มีอายุน้อยที่สุดในกองทัพในเวลาไม่นาน แถมยังประสบความสำเร็จมากกว่าพ่อของเขาเสียอีก
สองปีผ่านไป เข็มกลัดต่างๆและเหรียญตราเกียรติยศบนบ่าของกู้เฉิงเซียวก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อิทธิพลของเขาก็สูงมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
คนคนนี้ถือเป็นคนที่อยู่ในระดับเทพเลยก็ว่าได้ การที่เขามาปรากฏตัวขึ้นที่บ้านตระกูลหลินจึงทำให้พวกเขาทั้งครอบครัวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
จูม่านยวี่กระตุกชายเสื้อสามีของเธอเพื่อเตือนว่าสีหน้าของเขาในเวลานี้กำลังดีใจจนออกนอกหน้ามากเกินไป เธอปรามเขาเป็นนัยๆว่าไม่จำเป็นจะต้องแสดงความเกรงใจกู้เฉิงเซียวมากนัก จู่ม่านยวี่คิดว่าพวกเธอเป็นฝ่ายหญิงก็ควรจะไว้ตัวบ้างและต้องการจะแสดงให้เห็นว่าลูกสาวคนสวยของเธอดีเด่นและสูงส่งไม่แพ้ใครและเป็นฝ่ายชายที่จะต้องตามง้อเธอ
และเป็นเพราะพวกเขาเป็นฝั่งผู้หญิง การวางตัวสงบจะทำให้ลูกสาวของพวกเขาดูมีเกียรติมากขึ้น
กู้เฉิงเซียวไม่ได้ยื่นมือออกไปจับมือของหลินเผยตอบแต่กลับถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อย “สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า ตอนที่ผมโทรมาก็คิดว่าน่าจะบอกวัตถุประสงค์ในครั้งนี้ชัดเจนแล้ว ว่าแต่เธออยู่ไหนล่ะครับ?”
ก่อนหน้านี้ที่กู้เฉิงเซียวโทรมาหาพวกเขา เขาแจ้งอย่างชัดเจนว่าต้องการแต่งงานกับ ‘คุณหนูหลิน’ ซึ่งถึงแม้หลินเผยจะรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แต่ความปีติยินดีหลังจากรับรู้เรื่องนี้ก็มีมากกว่า
หลินเผยถอยออกไปหนึ่งก้าวในขณะที่จูม่านยวี่คลี่ยิ้มเล็กน้อย “คุณกู้ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะคะแล้วก็ไม่ต้องรีบร้อนด้วย ได้ยินมาว่าคุณเป็นคนเรียกร้องด้วยตัวเอง ได้รู้แบบนั้นลูกสาวดิฉันก็เลยยังตั้งอกตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยที่สุดอยู่ด้านบนน่ะค่ะ”
หลินเผยสะกิดภรรยาของเขาเพื่อให้หยุดพูดก่อนที่จะเปลี่ยนบทสนทนา “คุณกู้ เชิญนั่งด้านในก่อนครับ”
หลินเผยคือหนึ่งในทหารปลดประจำการ หลังจากลาออกจากการเป็นทหารเขาก็ผันตัวมาทำธุรกิจระหว่างประเทศ ในตอนที่ยังเป็นทหารอยู่นั้นเขาได้อาศัยบารมีของกู้หยวนช่วยให้หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้าไปได้ไม่น้อย เรื่องนั้นเขายังคงซาบซึ้งใจเสมอมา แถมในตอนนี้ลูกชายผู้เก่งกาจของกู้หยวนก็กำลังขอลูกสาวเขาแต่งงาน เขากำลังจะได้เกี่ยวดองกับตระกูลกู้ที่ทั้งมีอำนาจ โด่งดังและร่ำรวย
นี่ยิ่งกว่าฝันไปซะอีก!
หลินเผยเริ่มต้นจากศูนย์ เขาตรากตรำทำงานจนทำให้ครอบครัวของเขาเริ่มมีเงินทองมากขึ้นและมีกินมีใช้จนถึงทุกวันนี้ เขาเองเลี้ยงดูลูกสาวของเขาอย่าพิถีพิถัน เขาชอบพาลูกสาวคนโตออกงานสังคมเพื่อที่จะได้ฟังคำชื่นชมจากปากคนอื่นๆที่มีต่อลูกสาวของเขาอย่างภาคภูมิใจ
เรื่องพวกนี้ถึงใครจะพูดว่าไร้สาระ แต่สำหรับเขาแล้วมันก็สร้างความสุขได้มากมาย!
หลังจากนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง จูม่านยวี่ก็เดินลงมาจากชั้นบนของบ้านพร้อมกับลูกสาวคนโต—หลินเซียว หลินเซียวแต่งตัวสวยงามเหมือนเจ้าหญิง ทุกท่วงท่าทุกกิริยาดูเรียบร้อยอ่อนหวานและสง่าผ่าเผย ใบหน้าของเธอถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆอย่างพอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ริมฝีปากเอิ่บอิ่มถูกแต่งแต้มจนเป็นสีแดงคล้ายกลีบกุหลาบ เธอดูสวยจนมั่นใจได้ว่าไม่ว่าหนุ่มคนใดก็ต้องเหลียวมอง
แต่..กู้เฉิงเซียวชายหนุ่มคนเดียวที่กำลังเป็นจุดสนใจของบ้านหลินในตอนนี้กลับยังคงนั่งนิ่งๆอยู่ที่เดิมโดยไม่คิดที่จะหันไปมองหรือพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว!…….
ไม่นานนักเสียงผู้หญิงสบถก็ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบภายในห้องรับแขก ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นได้ยินเต็มสองรูหู
“ยัยบ้าหลินเฉี่ยน แกสติไม่ดีรึเปล่าเนี่ย เดินกลับบ้านอยู่ทุกวันแต่กลับสะดุดล้มข้างถนนได้ นี่ถ้าไม่ตาบอดก็ต้องสมองมีปัญหาแน่ๆ”
“ดูสารรูปแกตอนนี้สิ จะออกไปกับฉันได้ยังไงวะเนี่ย?! วันนี้ฉันต้องออกไปเจอพี่คนนั้นอีกนะ หรือว่าแกจงใจสร้างเรื่อง นี่ไม่อยากจะช่วยฉันใช่ไหม!”
“เน้ แกได้ยินที่ฉันพูดบ้างไหม ฉันถามไปตั้งเยอะทำไมแกไม่ตอบฉันสักคำฮะ? นี่ฉันกำลังพูดกับก้อนหินอยู่เหรอวะ?! หรือแกกลายเป็นอากาศไปแล้ว?!”
เจ้าของเสียงนี้คือหลินหยีลูกสาวคนที่สองของตระกูลหลิน ส่วนด้านหลังที่ตามเธอมาคือหลินเฉี่ยนที่ไม่พูดไม่จาอะไรเลยตลอดทางหลังจากตอบคำถามของหลินหยีหน้าบ้าน
“พ่อออออ แม่ขาาาา หนูกลับมาแล้ว...ค่ะ” หลินหยีตะโกนลั่นทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้าน ทว่าในวินาทีต่อจากนั้นเธอก็ชะงักไปเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องรับแขก พี่สาวคนโตของเธอก็แต่งหน้าแต่งตัวสวยเช้งอย่างกับนางฟ้า ขณะที่สีหน้าของทั้งพ่อและแม่ในเวลานี้เต็มไปด้วยความกังวล— ‘สถานการณ์ในบ้านตอนนี้ดูประหลาดพิกลแฮะ’ แต่...สิ่งที่สะกดสายตาและกลบเกลื่อนทุกความคิดของหลินหยีไปจนหมดก็คือ...คนที่นั่งอยู่บนโซฟา...เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่ใส่ชุดนายทหารยศใหญ่
หลินหยีมองอีกฝ่ายตาค้าง ‘สวรรค์! เสน่ห์แบบนั้นทั้งเชิญชวนให้หลงใหลคลั่งไคล้และดึงดูดใจจนอยากจะเข้าไปใกล้ๆซะเหลือเกิน...ใบหน้าสมบูรณ์แบบนั่น…เรียวขายาวทรงพลัง...กล้ามเนื้อเซ็กซี่แน่นเปรี๊ยะนั่นอีก…หล่อ แมน แฮนซั่มสุดๆ! คนอะไรดูดีไปหมด แล้วไหนจะเครื่องแบบนายพลสีเขียวเข้มๆที่ใส่นั่นด้วย!’ หลินหยีรู้สึกว่ารอบตัวเขาดูคล้ายกับมีออร่าบางอย่างพุ่งกระจายออกมา มันดูโดดเด่นและสะดุดตาอย่างยิ่ง
กู้เฉิงเซียวรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอื่นใด
‘อร๊าย จ้องขนาดนี้ยังไม่รู้สึกรู้สา พ่อคนเย็นชา ทำไมถึงกระชากใจได้แบบนี้’ หลินหยีเริ่มหลงใหลผู้ชายบนโซฟามากขึ้นทุกที ความหล่อเหลารวมกับท่าทางแสนเย็นชานั่นทำให้เขาดูเหมือนเทพบุตรที่สง่างามมากจริงๆ
ทันใดนั้นแม่ของหลินหยีก็ลากลูกสาวคนเล็กเข้ามายืนด้านข้างของตัวเองก่อนที่จะแนะนำ “คุณกู้คะ นี่ลูกสาวคนเล็กของเราหลินหยีค่ะ เธอยังเป็นเด็กก็เลยค่อนข้างจะพูดอะไรตรงๆมากไปหน่อย แต่ก็สร้างความสุขให้กับบ้านเราได้มากเลยนะคะ แค่มีเธออยู่ในบ้าน บ้านเราก็มีแต่เสียงหัวเราะเลยล่ะค่ะ”
เป็นเพราะว่าตอนกู้เฉิงเซียวโทรมาพูดแค่ว่าต้องการจะแต่งงานกับคุณหนูหลินจึงทำให้สามี-ภรรยาตระกูลหลินที่มีลูกสาวถึงสองคนไม่แน่ใจว่ากู้เฉิงเซียวต้องการจะแต่งงานกับใครกันแน่ แต่พวกเขาเดาเอาว่าคงจะเป็นหลินเซียวลูกสาวคนโตของพวกเขามากกว่า เพราะหลินหยีมีอายุแค่ยี่สิบปีเท่านั้น ยังไม่โตพอที่จะแต่งงานในเวลานี้ และน่าจะไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะเข้าตาชายหนุ่มผู้นี้ด้วย
.
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm