ตอนที่แล้วตอนที่ 3 ชีพจรมังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 หยางหลิงชิง

ตอนที่ 4 หมัดดาวตก


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

เฉินหลิวก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เขาหัวเราะร่าพลางมองหลงเฉินและเอ่ยขึ้น

 

“มันก็แค่การประลองเท่านั้นเอง นายน้อยเฉินไม่ต้องกังวลว่าจะแพ้ยับเยินถึงเพียงนั้นหรอก!”

 

หลงเฉินมองเฉินหลิวด้วยสายตาเย็นชา  เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงการดูถูกเหยียดหยามที่แฝงอยู่ในเสียงหัวเราะนั้น  ความจริงแล้ว หากหลงเฉินไม่ได้ประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน สถานะของเขาในตระกูลหยางคงต่ำต้อยด้อยค่ากว่าคนนอกอย่างเฉินหลิวผู้นี้เสียด้วยซ้ำ

 

อย่างไรก็ตาม  ตัวเขาในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้หรือความคิดอ่านล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก  เมื่อได้รับพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง หัวใจของเขาจึงเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้!

 

“เฉินหลิว ข้ารู้นิสัยเจ้าดี ไม่ต้องมาทำเสแสร้งหรอก หากอยากจะเปิดศึกนักละก็  รีบบุกเข้ามาเลย แต่หากข้าพลั้งมือฆ่าเจ้าตายไป อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน!”

 

เฉินหลิวผงะไปทันทีเมื่อได้ยินวาจาเก่งกล้าของหลงเฉินในวันนี้  เขาตั้งใจจะใช้คำพูดร้ายกาจเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ แต่เขากลับเห็นเงาแสงวาบของปราณแท้จริงที่พรั่งพรูออกมา  และหมัดของหลงเฉินก็พุ่งตรงมาที่เขา!

 

“จริงแท้ทีเดียว  เจ้าเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรแล้ว แต่เจ้าก็ยังห่างชั้นเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า! ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรควร  เช่นนั้นแล้ว อย่ามาโทษข้าแล้วกันหากข้ายั้งมือไม่อยู่!”

 

เฉินหลิวบรรลุถึงขั้นที่ 2 ของขอบเขตชีพจรมังกรมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ปราณแท้จริงของเขายังแข็งแกร่งเช่นที่เคยเป็น แทนที่จะถอยหนี เขากลับพุ่งไปข้างหน้า

 

เปรี้ยง!

 

หมัดของทั้งสองปะทะกัน และปราณแท้จริงก็ระเบิดออกมา  จากนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็ถอยหลังออกไป

 

เมื่อรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าตนเอง  เฉินหลิวตกใจอย่างมาก

 

“เจ้าหนู ในเมื่อเจ้าปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงไว้ได้แนบเนียนถึงเพียงนี้  เจ้าบรรลุถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 2 แล้วสินะ!”

 

หลงเฉินเองก็ถูกกดดันให้ต้องล่าถอยไปเช่นกัน

 

วันนี้เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของข้า หากข้าพ่ายแพ้ คงจะส่งผลมหาศาลต่อการฝึกฝนในภายภาคหน้าของข้าแน่ ๆ  ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะไม่แพ้!  หลงเฉินเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของหลงเฉินก็เริ่มแดงก่ำ  และพลันเหลือบไปเห็นก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นที่อยู่ไม่ไกลนัก

 

เขาหันกลับมาทันที  จ้องเขม็งไปที่เฉินหลิว

 

“เฉินหลิว ฝีมือของเจ้าก็ไม่เลว แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็แข็งแกร่งกว่า รับหมัดของข้าดูอีกสักครั้งจะเป็นไร!”

 

เมื่อหมัดพุ่งออกมาอีกครั้ง เฉินหลิวยังไม่ยอมแพ้ เขาระเบิดปราณแท้จริงออกมาทั่วทั้งร่าง และอัดพลังใส่หลงเฉิน

 

ตู้มมม!

 

ครั้งนี้ หลงเฉินกระเด็นออกไปไกลในทันที  เขากระแทกลงกับพื้น

 

“ลูกชายที่ไม่ได้เรื่องของพ่อเจ้า ก็ยังคงไม่ได้เรื่องอยู่วันยังค่ำ เจ้ายังกล้ามาอวดเก่งต่อหน้าข้าด้วยพลังกระจอก ๆ เช่นนั้นอีก โดนเล่นงานเช่นนี้ก็สมควรแล้ว!”

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินกระเด็นไปไกล  เฉินหลิวก็ตระหนักว่าตัวเขานั้นแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้  เขาระเบิดหัวเราะดังลั่นในทันที

 

อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะนั้นเอง หลงเฉินก็กระโดดลุกขึ้นมา ดวงตาทั้งสองแดงก่ำขณะที่เขาพุ่งตัวเข้าใส่เฉินหลิว  สิ่งที่เฉินหลิวมองไม่เห็น คือมือซ้ายของหลงเฉินที่อยู่ด้านหลัง

 

“นี่เขายังไม่ยอมแพ้อีกรึ?”

 

เฉินหลิวหัวเราะเสียงดังและเดินตรงเข้าไปหาหลงเฉินเพื่อต้อนรับเขา  เมื่อเห็นว่าหลงเฉินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ราวกับสุนัขที่ฮึดสู้เมื่อจนตรอก เฉินหลิวกำลังจะโจมตีออกไปอีกครั้งเพื่อเอาชนะหลงเฉินให้ได้ในคราเดียว แต่ในชั่วขณะนั้นเอง หลงเฉินก็เหวี่ยงมือซ้ายออกมา และวัตถุสีดำก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเฉินหลิวทันที!

 

“นี่มันอะไรกัน?!”

 

เฉินหลิวรีบใช้มือปกป้องใบหน้า และเมื่อวัตถุสีดำปะทะเข้าที่แขน เขาก็สัมผัสได้จากความเจ็บปวดที่ได้รับว่าสิ่งนั้นคือก้อนหิน

 

หลงเฉินขว้างมันไปอย่างสุดแรงเกิด  เฉินหลิวใช้ปราณของตนเองสลัดมันออกไป  แขนของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

 

แต่ทว่าในตอนนั้น  หลงเฉินได้เข้ามาใกล้เฉินหลิวและเตะเข้าที่ท้องน้อยของเขา ด้วยเสียงอันดัง เฉินหลิวส่งร้องอย่างน่ากลัว  เขากระแทกเข้ากับต้นหลิวและร่วงลงกับพื้น พร้อมกระอักเลือดออกมา

 

“เจ้า... หยางเฉิน เจ้ากล้าทำร้ายข้างั้นเรอะ  ญาติผู้พี่ของข้าจะต้องเด็ดหัวสุนัขน่าสมเพชอย่างเจ้าเป็นแน่!”

 

หลงเฉินยืนนิ่งและถ่มน้ำลายใส่เขา

 

“ยอดฝีมือขอบเขตชีพจรมังกรขั้น 2 อะไรกัน?! แค่นี้ก็ถูกข้าฆ่าตายได้ง่าย ๆ แล้ว!”

 

หลงเฉินไม่เคยเป็นผู้ฝึกยุทธ์มาก่อน แต่เขาก็เคยต่อสู้มาหลายครั้ง

 

เมื่อไม่รู้ว่าหลงเฉินขว้างอะไรมา เขาย่อมต้องใช้มือปัดป้องมันออกไปโดยไม่รู้ตัว  เมื่อมือเขาเหวี่ยงออกไป การโจมตีที่แท้จริงของหลงเฉินจึงไม่ถูกขัดขวางขณะที่มันพุ่งเข้าใส่ร่างกายของเขา

 

หลงเฉินถอยหลังไปเล็กน้อย เยาะเย้ย และคว้าคอเสื้อของเฉินหลิวไว้  เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“เจ้าเรียกข้าว่าสุนัข  เจ้าถ่มน้ำลายใส่ข้า ทุกอย่างเป็นความผิดของเจ้าทั้งนั้น ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น ข้าจะปิดปากเจ้าให้เจ้าเอง!”

 

เฉินหลิวตกใจ  เขามองดูหลงเฉินด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง  และถึงกับวิงวอนเขาด้วยสายตา แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เอื้อนเอ่ยคำใด หลงเฉินก็ต่อยเขาเข้าที่ปาก ทำให้ฟันทั้งหมดร่วงกราวลงมา

 

หลังจากที่เอาชนะเฉินหลิวได้แล้ว  หลงเฉินก็รู้สึกขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง  เขาหันกลับไปและพบกับหยางจ้าน และพ่อของเขา ผู้ซึ่งเป็นพี่รองของตระกูลหยาง รวมทั้งหยางหยุนเทียน ลุงคนที่สองของหลงเฉิน ซึ่งยืนห่างออกไปราว 2 จั้ง

 

พวกเขาเพียงแค่ผ่านมาทางนี้และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าหอคัมภีร์ยุทธ์  เฉินหลิวซึ่งเป็นผู้ติดตามของหยางจ้าน กลับก็ได้รับบาดเจ็บเพราะหลงเฉินเสียอย่างนั้น  ด้วยความเกรี้ยวกราด หยางจ้านเดินก้าวยาว ๆ ตรงเข้าไปหาหลงเฉินพร้อมกับคลื่นพลังอันรุนแรง

 

“หยางเฉิน... เจ้าอยากตายอย่างงั้นรึ?”

 

หยางจ้านง้างมือตบหลงเฉินโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

 

หลงเฉินตระหนักว่าเขาไม่สามารถหลบฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยปราณได้ หากเขาถูกซัดด้วยฝ่ามือนั้น ฟันของเขาคงร่วงหมดปากเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ หลงเฉินจึงรับรู้ได้ถึงความเดือดดาลที่ตนเองมีภายในใจ

 

อย่างไรก็ตาม  เมื่อหลงเฉินไม่ได้แข็งแกร่งเท่า เขาจึงทำได้เพียงรอคอยความตายเท่านั้น

 

หลงเฉินกัดฟันแน่น ความโกรธแค้นภายในใจเกือบจะกลืนกินตัวเขาด้วยเช่นกัน เขาทนต่อการดูถูกเหยียดหยามและปฏิบัติต่อเขาราวสุนัขไร้ค่ามามากพอแล้ว

 

เขาสาบานว่าจะต้องแก้แค้นให้จงได้

 

‘เหตุใดเขาถึงตบหน้าข้าได้โดยที่ไม่แม้แต่จะถามว่าอะไรถูกอะไรผิด?  หากพลังของข้าแข็งแกร่งกว่าเขา แม้ว่าเขาจะมีพ่อผู้ประเสริฐคอยปกป้องอยู่ก็ตาม เขาจะกล้าตบข้าแบบนี้หรือไม่? หากว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเขาละก็ คงเป็นทีของข้าบ้างที่จะตบเขา!’

 

ฝ่ามือที่กำลังจะใกล้เข้ามานี้ เป็นเสมือนชนวนที่ปลดปล่อยความโหดเหี้ยมในจิตใจของเขาออกมาอย่างช้า ๆ

 

หมับ!

 

ใครบางคนคว้าแขนของหยางจ้านเอาไว้ แต่ทว่ามันห่างจากใบหน้าของเขาเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น  ลมปะทะที่รุนแรงทำให้ใบหน้าของหลงเฉินรู้สึกเจ็บ

 

ผู้ที่คว้าแขนของหยางจ้านเอาไว้คือหยางหยุนเทียน จากนั้นหยางหยุนเทียนก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

 

“ฉานเอ๋อ ลืมที่ข้าสอนไปแล้วงั้นรึ? พวกเราล้วนเป็นพี่น้อง เจ้าจะทำร้ายใครตามใจชอบได้อย่างไรกัน?”

 

จากนั้น เขาก็มองไปยังหลงเฉินและเอ่ยขึ้น

 

“โอ้... เจ้าผึกฝนจนถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้น 2 แล้วรึ? ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะอยากพัฒนาทักษะการต่อสู้ของตัวเองสินะ? ถ้าเจ้าอยากจะไป ก็ไปเสียเถอะ แต่อย่างไรก็ตาม พ่อของข้ากำลังเข้าฌานอยู่ที่นั่น หากเจ้ารบกวนเขาละก็ เจ้าจะถูกลงโทษหนักเอาการเชียวล่ะ...”

 

เมื่อพูดจบ  เขาก็ไม่ได้มองหลงเฉินอีก  เขาคว้าแขนของหยางจ้านไว้และจากไป

 

หลังจากเดินไปได้ราว 10 ก้าว หยางจ้านเอ่ยปากถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้

 

“ท่านพ่อ เขาทำร้ายเฉินหลิว ทำไมท่านไม่ปล่อยให้ข้าได้สั่งสอนเขาล่ะ? ต่อให้มีเขาเป็นหมื่นคนก็สู้ข้าไม่ได้หรอก”

 

หยางหยุนเทียนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“มัวแต่กลั่นแกล้งขยะเช่นนี้ แล้วตัวเจ้าจะไปมีค่าอะไร? หากเจ้าเก่งกาจนัก เหตุใดไม่ไปแข่งกับพี่สาวเจ้าและหลิงเยว่? อย่างไรเสีย เขาก็เป็นลูกชายของน้าเจ้า เจ้าจะปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงคนรับใช้ได้อย่างไรกัน!”

 

หยางจ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

 

“ก็เพราะท่านน้าอีกนั่นแหละ เพราะขอบเขตชีพจรมังกรขั้น 8 นั่นไม่ใช่รึ? ท่านพ่อ หากให้เวลาท่านอีกสักหน่อย ท่านก็คงจะไปถึงขั้นนั้นได้เช่นกันใช่หรือไม่?”

 

ขณะมองดูเงาร่างที่จากไป  เฉินหลงเก็บซ่อนความโกรธแค้นไว้ภายในใจของเขา  อย่างไรก็ตาม เขาจดจำความเกลียดชังที่มีต่อคนพวกนั้นในวันนี้ เช่นเดียวกับที่พวกเขาเคยทุบตีและสาปแช่งเขาก่อนหน้า

 

“อย่างที่ข้าพูดไว้ อย่าปล่อยให้ข้าได้มีโอกาสขึ้นมาบ้าง ไม่เช่นนั้น ข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องร้องขอความตายเลยทีเดียว”

 

หลังจากที่อดทนมานานหลายปี  เขาก็รู้วิธีในการควบคุมอารมณ์

 

ขณะมองไปยังหอคัมภีร์ยุทธ์ หลงเฉินสลัดทิ้งอารมณ์ขุ่นมัวของตนเอง ผลักเปิดประตูหินและเดินเข้าไปข้างใน

 

ส่วนเฉินหลิว เขายังคงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่  หยางหยุนเทียนจึงส่งคนมาพาเขากลับไปพัก

 

หลงเฉินเดินเข้าไปยังเบื้องหน้าของหอคอย  เงยหน้าขึ้นมองไปยังหอคอยนั้น และพูดกับตนเอง

 

“คัมภีร์ยุทธ์เล่มแรกของข้าอยู่ข้างในนั้น!”

 

เขาหันไปมองทางด้านข้าง มีบ้านไม้หลังหนึ่งตั้งอยู่ ปู่ของเขา ในฐานะบรรพชนตระกูลหยาง กำลังฝึกวิชาอยู่ที่นั่น  ซึ่งคนภายนอกจะไม่กล้ารบกวนเขา ส่วนหลงเฉินมีคุณสมบัติพอที่จะศึกษาทักษะต่อสู้ เช่นนั้นแล้ว เขาจึงสามารถเข้ามาได้

 

‘ตาแก่ผู้นี้ เขาจะแสร้งทำตัวลึกลับเพราะเหตุใดกัน? พ่อข้าบรรลุถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้น 8 ตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ซึ่งห่างชั้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับท่าน หากเขาไม่ได้หยกมังกรมาละก็ ข้าคิดว่าเขาคงกลายเป็นผู้ที่ตาแก่ตัวเล็ก ๆ อย่างท่านยังต้องเคารพ’

 

เขาสาปแช่งในใจขณะเดินเข้าไปที่หอคัมภีร์ยุทธ  ระหว่างเดินไปตามทาง หลงเฉินก็มาถึงด้านในของหอคอยเหล็ก  ภายในมีชั้นหนังสือจำนวนหนึ่ง ซึ่งคัมภีร์ยุทธ์ทั้งหมดของตระกูลหยางถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

“ตอนนี้ ขอบเขตชีพจรมังกรของข้าก็บรรลุถึงขั้นที่ 2 แล้ว เห็นที ข้าคงผึกได้เพียงชั้นแรกของระดับอำพันเท่านั้นสินะ”

 

หลงเฉินเดินไปที่ชั้นหนังสือ เขาเริ่มไล่ดูตั้งแต่แถวแรก จากนั้นก็หยิบสำเนาคัมภีร์ของ《หมัดพยัคฆ์คลั่ง》ออกมา

 

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป หลงเฉินก็วางคัมภีร์หมัดพยัคฆ์คลั่งลง

 

“นี่มันอะไรกัน? เหตุใดเพลงหมัดนี้ถึงได้ง่ายดายเหลือเกิน?”

 

ขณะมองดูคัมภีร์ลับเหล่านี้  หลงเฉินก็รู้สึกเปิดหูเปิดตาอย่างมาก ความทรงจำและทักษะในการเรียนรู้ของเขาช่างล้ำเลิศยิ่งนัก

 

หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าหอคัมภีร์ยุทธนั้นไม่สามารถใช้ในการฝึกวิชาได้ เขาคงลองวิชาเสียเดี๋ยวนั้น

 

“เป็นไปได้ว่าข้าอาจเป็นอัจฉริยะในการฝึกยุทธ์ หรือว่า...”

 

ในอดีต เขาเคยเห็นทักษะต่าง ๆ มาบ้าง  แต่เขาก็พบว่าพวกมันเข้าใจยากเกินไป อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง  เขาจึงคาดเดาว่าจะต้องเป็นเพราะหยกมังกรลึกลับนั่นอย่างแน่นอน

 

หยกมังกรได้เปลี่ยนแปลงวิญญาณในห้วงจิตของข้า ส่งผลให้ข้ามองเห็นว่าจิตใจของตนเองนั้นราวกับเด็กน้อย  และการรับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวก็แจ่มชัดขึ้นมากด้วยการมองเพียงปราดเดียวเท่านั้น…

 

“ท่านพ่อ หยกมังกรลึกลับนี้คืออะไรกันแน่? มันช่างมีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์เหลือเกิน ไม่เพียงแต่จะถ่ายทอดปราณแท้จริงที่ท่านฝึกฝนมาให้ข้า แต่ยังทำให้ข้าเป็นอัจฉริยะในการฝึกยุทธ์อีกด้วย...”

 

หลังจากไล่อ่านคัมภีร์ระดับอำพันชั้นแรกไปหลายเล่ม  หลงเฉินก็รู้สึกว่าช่างไม่มีความท้าทายเอาเสียเลย ดังนั้น เขาจึงไปยังบริเวณของระดับอำพันชั้นกลาง ซึ่งมีเพียงคัมภีร์ลับไม่กี่เล่มถูกเก็บรักษาไว้ และหลงเฉินก็สังเกตเห็นคัมภีร์เล่มหนึ่ง

 

"...ร่างกายเป็นดั่งนภาดาราพราว หมัดเปรียบดั่งดาวตกซึ่งหนักแน่นดุจเขาไท่ซาน แลรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด... "

 

พลังโจมตีของ ‘หมัดดาวตก’ ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดคัมภีร์ลับในระดับอำพันชั้นกลาง  ชื่อเสียงในโลกภายนอกถือว่ายิ่งใหญ่ทีเดียว แต่จากที่ข้าเห็น คัมภีร์ลับเล่มนี้ก็ไม่ได้ยากเย็นถึงเพียงนั้น  ข้าจดจำคัมภีร์ยุทธ์ในระดับอำพันได้หลายเล่มแล้ว ถึงคราวที่ข้าจะลองเลียนแบบหมัดดาวตกนี่ดูสักที...”

 

เพราะคัมภีร์ลับต่าง ๆ ไม่สามารถนำออกไปนอกหอคัมภีร์ยุทธ์ได้  เมื่อเลือกคัมภีร์ลับที่ต้องการได้แล้ว พวกเขาจึงทำได้เพียงคัดลอกออกไปเท่านั้น

 

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลงเฉินก็คัดลอกคัมภีร์ลับเสร็จสิ้น และวางคืนที่เดิม

 

“ข้าเข้าใจวิธีการทั้งหมดแล้ว ข้าจะกลับไปบ้านเพื่อฝึกวิชาเดี๋ยวนี้ แต่นี่เป็นวิชาในระดับอำพันชั้นกลาง ข้าจะฝึกได้สำเร็จหรือไม่นะ”

 

คัมภีร์ลับถูกแบ่งออกเป็นระดับล่าง ระดับกลาง และระดับสูง  ขอบเขตชีพจรมังกร 3 ขั้นแรก ถือเป็นการฝึกวิชาในคัมภีร์ลับระดับพื้นฐาน

 

“ด้วยความน่าพิศวงของหยกมังกรลึกลับชิ้นนี้ ข้าเชื่อมั่นว่าข้าจะต้องทำได้”

 

หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ขณะที่หลงเฉินเดินออกมาจากหอคัมภีร์ยุทธ์ และมาถึงประตูหิน  เสียงคนชราอันแหบแห้งก็ดังขึ้นข้างหู

 

“จงทำลายทันทีที่ฝึกวิชาสำเร็จ หากมีคนพบเข้า ก็ฆ่ามันทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น!”

 

หลงเฉินหันกลับไปมองแต่ก็ไม่พบผู้ใดอยู่ข้างหลัง เขาพยักหน้าและเอ่ยขึ้น

 

“ขอรับ ท่านปู่”

 

หลงเฉินตอบและจากไป

 

เขาหยิบคัมภีร์ยุทธ์ระดับอำพันชั้นกลางออกมาเล่มหนึ่ง ซึ่งถือว่าผิดกฎ ด้วยเกรงว่าชายชราจะล่วงรู้ หลังจากพูดจบเขาจึงจากไปทันที

 

ภายในบ้านไม้  ชายชราลืมตาขึ้น และเอ่ยอย่างเสียมิได้

 

“เดิมที ข้าคิดว่าเจ้าเด็กเหลือขอผู้นี้อาจเป็นอัจฉริยะ แต่เขากลับมีความทะเยอทะยานมากเกินไปและเลือกที่จะฝึกวิชาระดับอำพันชั้นกลาง... น่าเสียดาย ก่อนหน้านี้ หลงฉิงหลานก็เคยมีโอกาสดีมากที่จะบรรลุถึงขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์แล้วแท้ ๆ ...”

**************************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด