ตอนที่ 37 ฝังไปด้วยกัน
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
หยางเสวี่ยชิงจู่โจมอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้ทุกคนในตระกูลไป๋ตื่นตระหนกไปตาม ๆ กัน และผู้ที่นางโจมตีก็คือไป๋จ้านสงซึ่งอยู่ใกล้เกินไปและไร้การป้องกันอย่างสิ้นเชิง และเขายังคาดไม่ถึงอีกด้วยว่าหยางเสวี่ยชิงจะยอมสละชีวิตเพื่อจู่โจม!
สำหรับตระกูลหยาง ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกใจสุดขีด!
แม้ว่าคนตระกูลหยางจะตระหนักดีว่าในวันนี้ คนทั้งตระกูลจะต้องตายลงที่นี่ แต่เมื่อเห็นคนในตระกูลต้องมาตายไปต่อหน้านั้นเป็นเรื่องที่โหดร้ายจนเกินไป โดยเฉพาะผู้นำตระกูลหยางและคนอื่น ๆ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
“เสวี่ยชิง กลับมานี่!”
แม้ว่าผู้นำตระกูลหยางจะตะโกนออกไปอย่างดุดัน ทว่าหยางเสวี่ยชิงได้ตัดสินใจแล้ว นางจะหยุดได้อย่างไร?
ในสายตาของนาง สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้มีเพียงปราณแท้จริงที่เพิ่มสูงขึ้นและไป๋จ้านสงที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้น!
ในเวลานี้ ประตูไม้สีแดงที่แตกละเอียด ทหารยามที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่ตรงประตูถูกกระแทกพร้อมกับเสียงอันดัง ภายใต้ความตกใจและสายตาที่สับสนของทุกคน เด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งรีบรุดเข้ามาในห้องโถง ผู้ที่นำเข้ามาเตะทหารยามที่ขวางอยู่ให้พ้นทางจนกระเด็นไปยังเสามังกรในห้องโถง
เมื่อพวกเขาเห็นเด็ก ๆ เหล่านั้น ทุกคนถึงกับตะลึงจนอ้าปากค้าง!
คนตระกูลไป๋มองเด็กพวกนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา แม้แต่ผู้นำตระกูลไป๋ผู้แสนเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ!
แต่สำหรับคนตระกูลหยาง พวกเขากลับรู้สึกราวกับฝันไป โดยเฉพาะหยางชิงเสวียนและคนอื่น ๆ ลูกของพวกเขาที่คิดว่าตายไปเสียแล้วยังมีชีวิตอยู่ นับเป็นเรื่องประหลาดใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาจนปรับลมหายใจไม่ทัน
ความรู้สึกของการเฝ้ารอความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่สิ้นหวัง และเมื่อความช่วยเหลือนั้นมาถึงอย่างฉับพลัน ทำให้สีหน้าของทุกคนยังคงแข็งทื่อ
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน หลงเฉินก็พาคนอื่น ๆ อีกสามคนเดินเข้ามาในห้องโถงด้วยท่าทีเย็นชา
หยางอู่ลากคอไป๋ซื่อตงซึ่งมีสีหน้าหวาดกลัวและทั่วทั้งร่างสั่นเทิ้ม ในขณะที่หยางหลิงชิงและหยางหลิงเยวี่ยกุมชะตาชีวิตของไป๋จื้อซิงอยู่ ส่วนหลงเฉินนั้นลากคอไป๋ซื่อจีและไป๋ซื่อเฉินด้วยมือเดียวเข้ามาในห้องโถงใหญ่
ในเวลานี้ ทั้งไป๋ซื่อจีและไป๋ซื่อเฉินมีเลือดโชกชุ่มอยู่บนเสื้อผ้า พวกเขาเสียเลือดไปมากจนทำให้ตัวซีดเผือด และหลงเฉินก็ลากพวกเขามาตามทางในห้องโถงจนกลายเป็นรอยเลือดที่ลากยาวไปบนพื้น
ในตายตาของคนตระกูลไป๋ ภาพที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายและน่าตกใจอย่างยิ่ง!
โดยเฉพาะผู้เป็นพ่ออย่างไป๋จ้านสง เมื่อเห็นลูกชายอยู่ในสภาพเจียนตายและหายใจรวยริน หัวใจของพวกเขาก็แทบระเบิดออกมา
สีหน้าท่าทางและสายตาที่ไป๋จ้านสงมองหลงเฉินนั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ แต่แล้วก็ค่อย ๆ เต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว
เมื่อหลงเฉินเดินเข้ามา หยางเสวี่ยชิงเห็นเขาเป็นคนแรกและพบกับสายตาหมองหม่นของเขา หยางเสวี่ยชิงหยุดการโจมตีและมองหลงเฉินด้วยความงุนงง ในเวลานั้น ผู้นำตระกูลหยางก็ดึงนางกลับมาได้ทันเวลา
หยางเสวี่ยชิงรู้สึกราวกับตนเองตกอยู่ในห้วงฝัน
ในสายตาของนาง ทุกคนล้วนอันตรธานหายไป และมีเพียงเด็กหนุ่มเบื้องหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิและเย่อหยิ่ง ในมือถือรางวัลแห่งชัยชนะที่ได้จากสงคราม เขาเดินเข้ามาในห้องโถงที่เป็นของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองพฤกษาหมอก!
ดวงตาของหยางเสวี่ยชิงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า!
และหลงเฉินก็เห็นนางกำลังจะจู่โจมไป๋จ้านสงเมื่อครู่
ก่อนที่เขาจะมาถึง เรื่องเหลือเชื่อที่สุดที่หลงเฉินได้ยินมาก็คือหยางเสวี่ยชิงทรยศตระกูลหยาง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขามิอาจรับได้อย่างเด็ดขาด แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าไป๋ซื่อเฉินพูดออกมาเพียงเพื่อที่จะได้ครอบครองหยางหลิงชิงเท่านั้น
ตอนนี้ความรู้สึกที่ตึงเครียดของหลงเฉินได้คลายลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองสีหน้าและสภาพของคนตระกูลหยาง หลงเฉินก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาถูกวางยาพิษ
ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ หลงเฉินได้สอบสวนไป๋ซื่อตงเกี่ยวกับชนิดของยาพิษ และเขาก็ได้รู้ว่าในตระกูลไป๋มียาแก้พิษบุปผาฝันร้ายแฝงอยู่
ไป๋ซื่อตงและไป๋จื้อซิงยังคงมีสติ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าตนเองได้กลับมาหาครอบครัวแล้ว พวกเขาจึงตะโกนด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านพ่อ! ท่านปู่! ช่วยข้าที! ช่วยข้าด้วย!”
หยางอู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ในอาการหวาดวิตกโดยเฉพาะเด็กสาวทั้งสอง แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่ายังมีอีกร่างหนึ่งอยู่เบื้องหน้าและยังยืนหยัดปกป้องพวกเขาอย่างไม่ลดละ พวกเขาจึงรู้สึกโล่งใจได้ในที่สุด
ในเวลานี้ ทุกคนเห็นว่าท่ามกลางเหล่าเยาวชนตระกูลหยาง ผู้ที่เป็นผู้นำนั้นหาใช่หยางอู่ หากแต่เป็นหลงเฉินผู้เลื่องชื่อผู้นี้ต่างหาก!
ไป๋ซื่อเฉินและไป๋ซื่อจีต่างเป็นยอดฝีมือที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ด และไป๋ซื่อเฉินก็เป็นที่รู้จักในนามอัจฉริยะลำดับหนึ่งของเมืองพฤกษาหมอกที่มีอายุเพียงยี่สิบปี แต่ในตอนนี้ ทั้งสองคนที่เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลกลับถูกหลงเฉินลากเข้ามาราวกับสุนัขตายซาก นั่นหมายความว่าพวกเขาทั้งสองได้พ่ายแพ้ให้กับหลงเฉินแล้วมิใช่หรือ?
นี่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลเกินไป จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีผู้ใดเชื่อ ในเวลานี้ ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างตระหนักถึงผลลัพธ์ว่าลูกหลานของตระกูลไป๋กลายเป็นฝ่านพ่ายแพ้ในการแข่งขันล่าสัตว์อสูร
ผู้นำตระกูลไปลุกขึ้นยืนและมองไปที่หลงเฉินด้วยสายตาเย็นชา คลื่นพลังรุนแรงพุ่งตรงมาที่หลงเฉิน เขาเอ่ยขึ้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีลูกไม้บางอย่างซ่อนไว้สินะ ถึงได้เอาชนะตระกูลไป๋ในการแข่งขันล่าสัตว์อสูรได้ นิสัยใจคอและฝีมือของเจ้านับได้ว่าไม่เลว หากแต่ความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ เจ้ายังจะกล้ายืนต่อหน้าพวกเราเช่นนี้อีกรึ? รนหาที่ตายแท้ ๆ!”
เมื่อเห็นว่าลูกหลานที่มีฝีมือโดดเด่นถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ผู้นำตระกูลไป๋จึงรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจไม่ต่างกัน
ไป๋ซื่อจีกระอักเลือดสีดำออกมา เห็นได้ชัดว่าอวัยวะภายในของเขาบาดเจ็บอย่างรุนแรง แม้ว่าเขาจะได้รับการรักษาในวันนี้ เขาก็ต้องใช้เวลารักษาตัวและพักฟื้นนานนับปี ถึงตอนนั้น ทักษะยุทธ์ของเขาอาจถดถอยลงมาก สีหน้าของไป๋ซื่อเฉินแดงก่ำและยังคงกุมเป้าของตนเองไว้ ใครก็ตามที่ได้เห็นคงรู้ดีว่าเขาได้รับชะตากรรมเดียวกับไป๋ซื่อซวิน
ไม่มีลูกหลานสืบทอด สำหรับตระกูลไป๋แล้ว คำคำนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวและน่าเดือดดาลไม่น้อย!
คงไม่เป็นไรหากหลงเฉินลงมือไปเพียงครั้งเดียว และพวกเขาก็ทนมันได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ตอนนี้หลงเฉินกลับลงมืออีกครั้ง!
เมื่อเห็นสภาพน่าสังเวชใจของลูกหลานตระกูลไป๋ คนตระกูลไป๋ก็รู้สึกเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด
เวลานี้ ชายวัยกลางคนของตระกูลไป๋คนหนึ่งที่อยู่ใกล้หลงเฉินมากที่สุดจู่โจมเขาในทันที ชายคนนั้นคงเป็นน้องชายของไป๋จ้านสง แม้ว่าหลงเฉินจะไม่แน่ใจในตัวตนของคนผู้นั้น แต่เมื่อเห็นว่าเขาพุ่งตรงเข้ามาและใช้ดัชนีสวรรค์ทมิฬ มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มเย็นชา
การลอบโจมตีอย่างฉับพลันของคนตระกูลไป๋ทำให้ตระกูลหยางทุกคนต่างร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ผู้นำตระกูลหยางและคนอื่น ๆ ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหลงเฉิน พวกเขาต่างต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยหลงเฉิน
โดยเฉพาะหยางเสวี่ยชิงที่ได้เจอเรื่องสะเทือนอารมณ์ราวกับดิ่งลงเหว บุคลิกของนางเปลี่ยนไปอย่างมากในตอนนี้ ไป๋จ้านสงที่นางเคยคิดว่าแข็งแกร่งกลับกลายเป็นปีศาจร้าย และลูก ๆ ของเขา ไป๋ซื่อเฉินและไป๋ซื่อจีที่นางเคยชื่นชมกลับกลายเป็นคนนอก อย่างไรก็ตาม นางพุ่งความสนใจไปที่หลงเฉินเพียงคนเดียว
หยางหยุนเทียนที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเบี่ยงสายตาออกจากลูกสาวสุดรักที่ดูจะสบายดีในตอนนี้ เขามองไปที่หลงเฉินพร้อมกับท่าทีที่เปลี่ยนไป
เรื่องที่หลงเฉินฆ่าลูกชายของเขานั้นแตกต่างออกไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้อย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกของการสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองนั้นเจ็บปวดแสนสาหัสสำหรับหยางหยุนเทียนที่อยู่ในวัยกลางคนอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลของตนเป็นฝ่ายลงมือและฉวยโอกาสก่อน ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างก็หัวเราะชอบใจ
พวกเขารู้ถึงความสามารถของหลงเฉินและเชื่อว่าหลงเฉินจะต้องใช้วิธีสกปรกบางอย่างจึงสามารถทำให้ลูกหลานตระกูลไป๋ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับไม่คิดว่าวิธีสกปรกที่พวกเขาใช้ในวันนี้เป็นเรื่องน่าอัปยศอดสูอย่างแท้จริง!
หลงเฉินและคนอื่น ๆ เกรงว่าพวกเขาจะถูกขัดขวางก่อนที่จะมาถึงห้องโถงใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงลอบเข้ามาทางกำแพง ในเวลานั้น ผู้คนที่มาร่วมงานต่างไม่รู้ว่ากำลังเกิดเรื่องน่าสนใจขึ้นในห้องโถงที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ระวังตัวด้วย!”
เมื่อเห็นว่าสายเกินไป ทุกคนในตระกูลหยางจึงเตือนร้องหลงเฉินด้วยความเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม หลงเฉินมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ ดัชนีสวรรค์ทมิฬนั้นคล้ายคลึงกับกระบวนท่าที่ไป๋ซื่อจีใช้ แต่ทว่า…
หลงเฉินทำหน้าเยาะเย้ย เขายกไป๋ซื่อเฉินและไป๋ซื่อจีขึ้น จากนั้นก็วางลงตรงหน้าพวกเขา ในขณะเดียวกัน อีกมือหนึ่งพลันบังเกิดปราณสีแดงที่หมุนวนอย่างรวดเร็วในฝ่ามือ
เมื่อเห็นไป๋ซื่อเฉินและไป๋ซื่อจี คนของตระกูลไป๋ที่ใช้ดัชนีสวรรค์ทมิฬก็หน้าซีดด้วยความกลัว และล้มเลิกความตั้งใจที่จะใช้ดัชนีสวรรค์ทมิฬ ในเวลานั้น คนในตระกูลไป๋ก็ร้องเตือนไป๋จ้านยวิ๋นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“จ้านยวิ๋น! ระวังตัวด้วย!”
ไป๋จ้านยวิ๋นงุนงง แต่ในขณะที่ร่างของไป๋ซื่อเฉินและไป๋ซื่อจีถูกปล่อยลงที่พื้น และมีเพียงรอยยิ้มบนใบหน้าของหลงเฉิน ไป๋จ้านยวิ๋นรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นมีบางสิ่งเคลือบแฝงอยู่อย่างน่าประหลาด และในครู่ต่อมา ระเบิดแสงสีแดงของเงามังกรศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งเข้าใส่หน้าอกของเขา ไป๋จ้านยวิ๋นกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดเผือดไปในทันที!
เขากระเด็นออกไปราวสิบเชียะและกระแทกเข้ากับกำแพงด้วยเสียงดังสนั่น จากนั้นก็ร่วงลงมา ไร้ซึ่งวี่แววของชีวิต
ไป๋จ้านยวิ๋นตายเสียแล้ว!
‘ผนึกมังกร!’
ชื่อของผนึกมังกรผุดขึ้นในใจของทุกคน พวกเขารู้ดีว่าหลงเฉินครอบครองผนึกมังกร แต่มิอาจจินตนาการได้ว่าจู่ ๆ เขาก็สามารถควบคุมผนึกมังกรได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วยมือเดียวได้อย่างไร?
แม้แต่คนในตระกูลหยางก็มีเพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถใช้ผนึกมังกรได้ด้วยมือข้างเดียว!
และผู้ที่ตกใจมากที่สุดคือหยางเสวี่ยชิง นางมองไปที่เด็กหนุ่มผู้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณมุ่งมั่นด้วยสายตางุนงงและเห็นความมั่นใจเต็มเปี่ยมในสายตาของเขา ต่อหน้ายอดฝีมือตระกูลไป๋หลายคน เขาคนเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนจะทนกับแรงกดดันเหล่านั้นได้ เขาช่างเหมือนหลงฉิงหลานเสียจริง
‘จะเป็นไปได้ไหม ว่าทั้งสองคนพ่อลูกถูกโชคชะตากำหนดมาให้เป็นหายนะในชีวิตข้า’
เมื่อนางนึกไปถึงหลงฉิงหลาน นางจึงไม่แปลกใจอีกต่อไปที่หลงเฉินสามารถใช้ผนึกมังกรได้ด้วยมือข้างเดียว และสามารถสังหารยอดฝีมือตระกูลไป๋ซึ่งบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ดได้
สำหรับนาง ไม่ว่าจะเป็นหลงฉิงหลานหรือหลงเฉิน เมื่อพวกเขาแสดงความสามารถออกมาในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ก็ไม่มีใครเทียบฝีมือที่เก่งกาจของพวกเขาได้
เหมือนที่ไป๋จ้านสงต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับให้กับหลงฉิงหลานเมื่อนานมาแล้ว
คนตระกูลหยางต่างตกตะลึงกับผนึกมังกร และเมื่อคนตระกูลไป๋เห็นว่าไป๋จ้านยวิ๋นตายคาที่เช่นนั้น หัวใจของพวกเขาจึงตื่นตระหนกและเกรี้ยวกราด
โดยเฉพาะผู้นำตระกูลไป๋ ไป๋จ้านยวิ๋นเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา และเป็นผู้ที่กำลังจะบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นแปด เขาไม่คิดว่าไป๋จ้านยวิ๋นจะต้องมาตายไปทั้งอย่างนี้!
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นในทันที คนตระกูลไป๋ที่แข็งแกร่งกว่าขอบเขตชีพจรมังกรระดับแปดต่างปลดปล่อยคลื่นพลังรุนแรงออกมา จากนั้นก็ตั้งกระบวนท่าและพุ่งเข้าใส่หลงเฉิน ทว่าหลงเฉินกลับไม่ตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งยังคว้าคอของไป๋ซื่อจีอยู่
“หากพวกเจ้าอยากเห็นลูกหลานคนเก่งของตระกูลไป๋ตาย และไป๋จ้านสง หากเจ้าอยากจะเห็นลูกชายตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตาด้วยน้ำมือของข้า เจ้าจะลองดูก็ได้ ข้าขอรับรองว่าไม่ถึงอึดใจจะไม่มีใครเหลือรอดชีวิต! แม้ว่าพวกเจ้าจะทำลายตระกูลหยางได้ ลูกหลานทั้งสี่คนก็จะถูกฝังไปกับพวกเราด้วย ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าในเมื่อไม่มีพวกเขาแล้ว ตระกูลไป๋จะสืบสกุลต่อไปได้อย่างไร?”
***************************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm