ตอนที่ 36 บุปผาฝันร้าย
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ผู้นำตระกูลหยางกะพริบตาและมองไป๋จ้านสงด้วยความงุนงง
เขารู้สึกราวกับไป๋จ้านสงพูดอะไรผิดไป อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ไป๋จ้านสงยื่นมือออกมาตบใบหน้าชราของเขาเบา ๆ และเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ตาแก่ บุปผาฝันร้ายนี้รสชาติดีหรือไม่? เหตุใดท่านไม่ใช้ปราณแท้จริงและดูว่ามันจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดที่กัดกินเข้าไปถึงกระดูกหรือไม่ล่ะ?”
เมื่อใบหน้าชราของตนถูกตบเข้าหลายครั้ง ผู้นำตระกูลหยางจึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น จากคำแนะนำของไป๋จ้านสง เมื่อเขาโคจรปราณแท้จริง จุดตันเถียนทุกจุดในร่างกายเกิดอาการกระตุก ราวกับว่าหากเขาใช้พลังแม้เพียงเล็กน้อย จุดตันเถียนทั่วร่างจะถูกทำลายในทันที!
ผู้นำตระกูลหยางที่อยู่ในอาการมึนเมาเริ่มได้สติ แสงเย็นเยียบฉายแววออกมาจากดวงตาของเขาขณะจับจ้องไปที่ไป๋จ้านสงที่กำลังยิ้มกริ่ม เพราะเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าบุปผาฝันร้ายคืออะไร
มันคือสมุนไพรมีพิษชนิดหนึ่ง และสรรพคุณทางยาของมันทรงพลังอย่างมาก หากกินเข้าไปโดยตรงจะสามารถทำลายเส้นชีพจรมังกรและจุดตันเถียนของผู้ฝึกยุทธ์ได้ แต่หากกินบุปผาฝันร้ายพร้อมกับน้ำ สรรพคุณทางยาจะลดลงเล็กน้อย และหากผู้ที่กินเข้าไปไม่ใช้พลังปราณก็จะไม่ได้รับอันตราย แต่หากใช้พลังปราณ มันจะทำให้จุดตันเถียนของคนผู้นั้นระเบิด
แต่ต่อให้บุปผาฝันร้ายถูกนำมาละลายกับน้ำ มันก็ยังมีกลิ่นหอมรุนแรง ผู้นำตระกูลหยางจำได้อย่างชัดเจนว่าเหล้าที่เขาดื่มเข้าไปก่อนหน้านั้นมีกลิ่นหอมแปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้สนใจกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้เพราะกำลังมีความสุขจนกระทั่งตอนนี้
ในเวลานี้ สีหน้าของทุกคนในตระกูลหยางต่างเปลี่ยนแปลงไปราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเพราะพวกเขาตระหนักว่าตราบใดที่พวกเขาโคจรปราณแท้จริงในจุดตันเถียน จุดตันเถียนของพวกเขาจะอ่อนแอราวเต้าหู้ก็ไม่ปาน!
เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาถูกคนตระกูลไป๋หักหลัง? สรรพคุณของบุปผาฝันร้ายนั้นรุนแรงอย่างยิ่ง มันมีชื่อเลื่องลือไปทั่วจนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก พวกเขาไม่คิดว่าตระกูลไป๋จะใช้มันกับคนตระกูลหยางที่เป็นดั่งพี่น้องเช่นนี้!
ผู้ที่ประหลาดใจมากที่สุดก็คือผู้นำตระกูลหยาง เขามองไป๋จ้านสงด้วยความงุนงง จากนั้นจึงหันไปมองผู้นำตระกูลไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ และเอ่ยขึ้นด้วยความเกลียดชัง
“ไป๋เซิง? เหตุใดกัน? ข้า... หยางชางชง ทำอะไรไม่ดีต่อท่านงั้นหรือ?”
ผู้นำตระกูลไป๋ที่ก่อนหน้านี้มีหน้าแดงก่ำกลับแปรเปลี่ยนเป็นฉายแววมุ่งร้าย เขาหัวเราะอย่างเย็นชาและเอ่ยขึ้น
“ข้าอยากจะถามเจ้านัก อายุปูนนี้แล้ว เจ้ายังแสร้งทำตัวไร้เดียงสาและน่าขันมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”
เขาพยักหน้าให้ไป๋จ้านสง
“สงเอ๋อร์ เจ้าไปดื่มกับสหายเถอะ พาตัวหยางเสวี่ยชิงมาที่นี่ด้วย ให้คนตระกูลหยางตายด้วยกันที่นี่ในวันนี้”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตาย’ จากผู้นำตระกูลไป๋ สีหน้าของคนตระกูลหยางก็เปลี่ยนไปในทันที
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช้พลังปราณ แต่พวกเขายังต้องเอนตัวพิงกัน ผู้นำตระกูลหยาง หยางชิงเสวียน หยางหยุนเทียนและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด
ด้านหลังพวกเขาคือลูกชายคนอื่น ๆ ของผู้นำตระกูลหยาง แน่นอนว่ารวมทั้งคนแก่ ผู้หญิงและเด็ก ๆ เวลานี้หยางชิงเสวียนขยับมาใกล้ผู้นำตระกูลหยางและกระซิบด้วยความโศกเศร้า
“ท่านพ่อ หากพวกเราโคจรปราณและใช้พลัง พวกเราก็จะถูกพิษของบุปผาฝันร้ายเล่นงาน ตระกูลไป๋ช่างชั่วช้านัก!”
หัวใจของผู้นำตระกูลหยางเกิดอาการสั่นอย่างรุนแรง และสิ่งที่ผู้นำตระกูลไป๋เพิ่งพูดออกมานั้นทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก
หยางชางชงมิอาจจินตนาการได้เลยว่าผู้ที่เป็นเหมือนกับพี่น้องของเขามาเกือบทั้งชีวิตจะมีท่าทีราวกับคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และไป๋เซิงเองก็กำลังมองมาที่หยางชางชงด้วยสายตาหยอกล้อ
ครู่หนึ่งผ่านไป หยางเสวี่ยชิงซึ่งมีผมเผ้ายุ่งเหยิงก็ถูกไป๋จ้านสงลากมา ทั้งสองยังคงสวมชุดแต่งงานสีแดง และหยางเสวี่ยชิงช่างดูงดงามนัก แต่เมื่อนางเห็นบิดาและพี่ชายถูกล้อมไว้และทุกคนมีสีหน้าซีดเผือด หยางเสวี่ยชิงถึงกับใจหาย
“ไป๋จ้านสง ท่านกำลังทำอะไร? ตระกูลไป๋ของท่านเสียสติไปแล้วรึ?”
เมื่อไม่สามารถโคจรปราณแท้จริงได้ หยางเสวี่ยชิงจึงเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋จ้านสง เขาสะบัดมือที่นางคว้าไว้และตบหน้านางอย่างแรง จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าน่ะหุบปากเสียดีกว่า!”
เมื่อพูดจบ เขาก็ผลักนางไปทางผู้นำตระกูลหยาง ทำให้หยางเสวี่ยชิงกลิ้งไปกับพื้นในทันที เสื้อผ้าที่เคยงดงามกลับยับย่น เครื่องหมายสีแดงบนหน้าผากดูไม่น่ามอง
ผู้นำตระกูลหยางช่วยพยุงหยางเสวี่ยชิงขึ้นมา เขาผลักนางไปหลบข้างหลังโดยไม่พูดอะไร
หลังจากที่ปกครองเมืองพฤกษาหมอกมานานหลายปี ต่อให้ไม่สามารถใช้ปราณแท้จริงได้ ทว่าภาพลักษณ์ของผู้นำตระกูลหยางก็มิอาจดูแคลน เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เฉียบคมดุจเหยี่ยวกวาดมองไปที่สมาชิกตระกูลไป๋ ก่อนที่จะหยุดลงที่ผู้นำตระกูลไป๋
ผู้นำตระกูลไป๋หัวเราะอย่างเย็นชา
“ดูลูกสาวของเจ้าตอนนี้สิ สิบแปดปีก่อนนางทิ้งลูกชายของข้าไปและแต่งงานกับเจ้าเศษสวะนั่น พอมันตายไปนางก็ริอาจสานต่อความสัมพันธ์กับลูกชายของข้า คิดว่าเรื่องมันจะง่ายเช่นนั้นหรืออย่างไร? และนางคู่ควรกับลูกชายของข้างั้นหรือ?”
ผู้นำตระกูลหยางยังคงนิ่งเงียบ แต่เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของหยางเสวี่ยชิงก็ถอดสีในทันที นางไม่คิดว่าคนจากตระกูลไป๋จะกล้าพูดออกมาจนนางมิอาจทนรับได้เช่นนี้
นางมองไป๋จ้านสงอย่างไม่เชื่อสายตา ชายที่เอ่ยคำสาบานอย่างจริงจัง แต่ไป๋จ้านสงกลับไม่สนใจสายตาที่นางมองเลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ยขึ้น
“งานแต่งงานในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการทำลายตระกูลหยางของเจ้า ข้า...ไป๋จ้านสง ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี ข้าได้ผู้หญิงทุกคนที่ข้าต้องการ แล้วเหตุใดข้าจะต้องเลือกเจ้า? ท่านพ่อ ในเมื่อเราก็ทำสำเร็จแล้ว ลงมือเสียเถอะ มิเช่นนั้นเราอาจเจอปัญหามากกว่านี้”
บุตรชายคนที่สี่ของตระกูลไป๋ ไป๋จ้านเฟิงหัวเราะร่า
“ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้าสักเรื่อง การแข่งขันล่าสัตว์อสูรคงจะจบลงในไม่ช้า แต่ข้าคิดว่าผลึกอสูรที่ตระกูลหยางได้มาคงจะเป็นศูนย์ เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสได้ฆ่าสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว ป่านนี้ซื่อเฉินและซื่อจีคงจะฆ่าพวกเขาตายไปแล้ว!”
ไป๋จ้านสงมองหยางเสวี่ยชิงอย่างเย็นชา
“ไอ้เด็กเหลือขอที่เจ้าให้กำเนิดทำร้ายลูกข้า หากไม่ใช่เพราะข้าจับตัวพวกเจ้าทั้งหมดไว้ที่นี่ในวันนี้ ไอ้เด็กนั่นคงตายไปนานแล้ว! ข้าทนรอมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน!”
คำพูดของคนตระกูลไป๋ทั้งสองเป็นดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงบนร่างของทุกคนในตระกูลหยาง
เมื่อพวกผู้หญิงได้ยินว่าลูกชายและลูกสาวของพวกนางตายสิ้น พวกนางหมดสติไปทันทีด้วยความโศกเศร้า คนเดียวที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้คือผู้นำตระกูลหยางและหยางชิงเสวียน เมื่อนึกไปถึงหยางอู่และคนอื่น ๆ ที่ตายด้วยน้ำมือของตระกูลไป๋ ผู้นำตระกูลหยางและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกราวกับหัวใจของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยง
ขณะมองไปที่ใบหน้าอันน่าเกลียดชังของคนตระกูลไป๋ คนตระกูลหยางต่างหอบหายใจถี่รัว แม้แต่หยางชิงเสวียนที่มักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอ ทว่าในตอนนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ เส้นเลือดบริเวณคอปูดโปนออกมา หากไม่ใช่เพราะผู้นำตระกูลหยางที่เป็นคนมีเหตุผลห้ามเขาไว้ เขาคงพุ่งตัวออกไปข้างหน้าและสู้จนตัวตาย!
เพราะเมื่อสูญเสียทั้งลูกชายและลูกสาว เท่ากับว่าได้สูญเสียสิ่งล้ำค่าที่สุดในช่วงชีวิตของเหยางชิงเสวียนไปแล้ว
“ตระกูลไป๋ พวกเจ้าทุกคนจะต้องตกนรกหมกไหม้!”
หยางชิงเสวียนในตอนนี้ดูราวกับสัตว์ร้าย!
สำหรับหยางหยุนเทียนที่สูญเสียลูกชายไป และหยางหลิงชิงก็กำลังพัฒนาฝีมืออย่างยอดเยี่ยม นางเป็นบุตรสาวที่เขาหวงแหน เมื่อนึกถึงเด็กสาวจิตใจงดงามที่ต้องมาตายไปเช่นนี้ หยางหยุนเทียนก็กลายเป็นสัตว์ร้ายไปในเวลาเดียวกัน!
“ไป๋เซิง ไป๋จ้านสง ไป๋จ้านเฟิง และพวกเจ้า .... พวกเจ้าทุกคนล้วนแล้วแต่ต่ำช้าเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน!”
อย่างไรก็ตาม หยางเสวี่ยชิงยังคงนิ่งอึ้งและไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
นางมิอาจเชื่อว่าทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เป็นความจริง ทั้งเรื่องที่ไป๋จ้านสงไม่เคยรักนาง และงานแต่งงานที่นางเฝ้าฝันมาตลอดเป็นเพียงแผนลวงของอีกฝ่ายที่จะทำลายครอบครัวของนางเอง
และนาง... หยางเสวี่ยชิง เป็นเพราะความเขลาของนางเอง ที่ทำให้นางกลายเป็นคนบาปของตระกูลหยาง!
จากความอิ่มเอมใจไปจนถึงความเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก การทิ้งดิ่งทางอารมณ์อย่างรุนแรงทำให้ทุกคนในตระกูลหยางรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก!
ในเวลานี้ หยางเสวี่ยชิงถึงกับคิดอยากตาย มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ เช่นนั้นแล้วนางจะได้ไม่ต้องโทษตนเองและเป็นอิสระจากเหตุการณ์นี้
มีเพียงหนทางเดียวสำหรับนางเท่านั้น เป็นหนทางเดียวที่นางสามารถทำได้!
นางกินบุปผาฝันร้ายเข้าไป และหยางเสวี่ยชิงก็รู้ดีว่าหากนางโคจรปราณแท้จริง จุดตันเทียนของนางจะแหลกสลายในทันที และนี่เป็นสิ่งที่นางต้องการ!
หยางชิงเสวียนและหยางหยุนเทียนสูญเสียลูกๆ ของพวกเขาไป ดังนั้นผู้นำตระกูลหยางจึงพุ่งความสนใจไปที่การห้ามพวกเขา และไม่ทันได้สนใจหยางเสวี่ยชิง ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างจับจ้องไปที่หยางชิงเสวียนและหยางหยุนเทียนราวกับพวกเขาเป็นตัวตลก และไม่ได้สนใจหยางเสวี่ยชิงเลยแม้แต่น้อย ในเวลานี้ หยางเสวี่ยชิงเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
นางคิดไปถึงสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ผ่านเขามาในชีวิต คิดไปถึงความฝันของเด็กสาว แสงระยิบระยับที่นางได้เห็นเมื่อหลงฉิงหลานปรากฏตัวขึ้น นางเคยมีชีวิตที่เป็นสุขราวกับได้รับพร ทว่าความสุขนั้นช่างผ่านมาและจากไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน บัดนี้นางเกลียดชังหลงฉิงหลานและแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของนางที่เกิดกับเขา
นางไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดนางถึงจงเกลียดจงชังหลงเฉินได้ถึงเพียงนี้ นางเพียงรู้สึกว่าหลงเฉินนั้นมีความละม้ายคล้ายหลงฉิงหลานเกินไป ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือการพูดจา ดวงตา ความมุ่งมั่น ความคิด นิสัยใจคอ จิตวิญญาณ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เหมือนหลงฉิงหลาน
แม้ว่าหลงเฉินจะเป็นลูกชายของนาง แต่กลับไม่มีส่วนใดในตัวหลงเฉินที่เหมือนนางเลย เป็นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อหลงฉิงหลาน ผู้ที่ทำลายชีวิตทั้งชีวิตของนาง นางจึงจงเกลียดจงชังหลงเฉิน
โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ ความแข็งแกร่งของหลงเฉินเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าตกใจ และรูปลักษณ์ของเขาก็ละม้ายคล้ายหลงฉิงหลานในอดีตไม่มีผิดเพี้ยน
ความภาคภูมิใจของหลงเฉินทำลายความเคารพในตนเองของนางอย่างสิ้นเชิง
และตอนนี้ เมื่อรู้ว่าภาพลักษณ์ของนางพังพินาศไปแล้ว และนางก็เป็นผู้ที่นำภยันตรายมาสู่ตระกูลหยาง ก่อนที่นางจะตาย นางพลันนึกถึงหลงเฉินและจำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้
เด็กคนนั้นมีความภาคภูมิใจในตนเองสูงมากทีเดียว ทั้ง ๆ ที่หยางหลิงชิงไม่เหลียวแลเขา และหลงฉิงหลานก็ไม่ได้ใส่ในในตัวเขาเช่นกัน แต่เขากลับไม่เคยร้องขอความเห็นอกเห็นใจใด ๆเลยสักครั้ง
แม้จะเกิดในตระกูลหยาง แต่เขาก็อยู่ด้วยตัวคนเดียวและเป็นเหมือนสุนัขจรจัดที่มาอาศัยอยู่ในตระกูลหยางเสียมากกว่า
ไม่เคยมีใครสนใจในตัวเขา ไม่มีใครคอยชี้แนะ มีเพียงบาดแผลที่ปรากฏให้เห็นอยู่บนร่างกายตลอดเวลา
ครั้งแรกที่นางบอกกับเขาว่านางต้องการแต่งงานกับไป๋จ้านสง ภาพการจากไปของเขาที่ทั้งหยิงทะนงและเย็นชา และสายตาดื้อรั้นหลังจากที่เขาเอาชนะหยางหลิงเยวี่ยในการประลอง ปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในดวงตาของหยางเสวี่ยชิง
นางหลั่งน้ำตาออกมาในที่สุด
มันเป็นเพียงช่วงเวลาที่ความฝันของนางแตกสลาย จนในที่สุดนางก็รู้ตัวว่าตนเองได้ปล่อยปละละเลยเด็กหัวแข็งคนนี้มากเพียงใด
แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เพราะหลงเฉินได้ตายลงด้วยน้ำมือของลูกหลานตระกูลหยาง
‘ลูกเอ๋ย ไม่ต้องกลัว ข้าจะไปอยู่กับเจ้าเดี๋ยวนี้แล้ว ในยมโลก พวกเราสามคนอาจจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้อีกครั้ง!’
‘หากชาติภพหน้ามีจริง ข้าจะขอชดใช้ให้เจ้าเอง’
‘อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้...’
นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ใบหน้าเยาะเย้ยของไป๋จ้านสงด้วยสายตาเย็นชา นางพึมพำกับตัวเอง
‘ข้าไม่อยากละอายที่ต้องเห็นหน้าเจ้า เช่นนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ขอให้ข้าได้ฆ่าเจ้าคนชั่วช้านี้ให้ได้!”
ทุกคนต่างกรีดร้องเมื่อเห็นหยางเสวี่ยชิงวิ่งเข้าใส่ไป๋จ้านสง มือของนางกำลังร่ายกระบวนท่าผนึกมังกรลึกล้ำ!
ทว่าตอนนั้นเอง ประตูที่ปิดอยู่ก็พลันระเบิดออก ประตูไม้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ และปลิวว่อนเข้าสู่ห้องโถง ทหารยามจำนวนหนึ่งล้มลงที่ประตูพร้อมกับร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด!
*****************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm