ตอนที่แล้วตอนที่ 33 แผนการอันน่าตกตะลึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 มีทายาทในเร็ววัน

ตอนที่ 34 ผนึกมังกรลึกล้ำ


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

เมื่อได้ยินไป๋ซื่อเฉินผู้ซึ่งเคยเปี่ยมด้วยอากัปกิริยาอันงดงามกลับข่มขู่นางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอันตรายและตัณหา หยางหลิงชิงมองไป๋ซื่อเฉินด้วยดวงตาดูถูกเหยียดหยามและเอ่ยขึ้น

 

“ก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินว่าท่านเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ในเมืองพฤกษาหมอก และเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ข้าเองก็หลงใหลในความสง่างามของท่านมาโดยตลอด ทว่าในวันนี้ ดูเหมือนว่าท่าน...ไป๋ซื่อเฉิน ก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นสักนิด  ข้าไม่หัวเราะเยาะท่านหรอก เพราะข้ารู้สึกสมเพชตัวเองเสียมากกว่า ที่เคยเทิดทูนเดรัจฉานอย่างท่าน!”

 

ท่าทีดูถูกของหยางหลิงชิงทำให้ไป๋ซื่อเฉินที่เคยใจเย็นเกิดคลุ้มคลั่ง  ตอนนั้นเองที่สันดานแท้จริงของเขาระเบิดออกมา เขาขบฟันแน่นด้วยความโกรธ

 

การที่เขาเผยเขี้ยวเล็บให้เห็นทำให้หยางหลิงชิงมองเขาราวกับเป็นตัวตลก

 

หยางหลิงชิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

“ไป๋ซื่อเฉิน  ท่านจงรู้ไว้ว่าต่อให้ท่านได้ร่างกายของข้า แต่ท่านก็ไม่สามารถครอบครองจิตวิญญาณของข้าได้หรอก”

 

แต่แล้วนางก็พลันคิดถึงคนผู้หนึ่ง  รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

 

“ยังมีคนอีกผู้หนึ่งที่เก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าท่าน  ทุกคนคิดว่าเขาเป็นเพียงเด็กเหลือขอ ไม่เอาไหน พูดจาเลอะเทอะไร้มารยาท  แต่ทว่าความลึกล้ำในดวงตาของเขาบริสุทธิ์กว่าเดรัจฉานอย่างท่านนับพันเท่า”

 

ไป๋ซื่อเฉินตระหนักดีว่านางพูดถึงผู้ใด  เขาหัวเราะเยาะเย้ยและเอ่ยขึ้น

 

“นังผู้หญิงชั้นต่ำ! กล้าดีอย่างไรมาเรียกข้าว่าเดรัจฉาน? เจ้าแอบมีใจให้ญาติของตนเอง เช่นนี้แล้วจะไม่ถือว่าเจ้าทำผิดประเวณีอย่างนั้นหรือ!”

 

หยางหลิงชิงเกรี้ยวกราดจนใบหน้าของนางแดงก่ำ  จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นด้วยความขุ่นเคือง

 

“คนสารเลว มีแต่ท่านเท่านั้นที่มีความคิดสกปรกเยี่ยงนี้ ท่านเคยได้รับความรักจากผู้ใดบ้างหรือไม่? หากมารดาของท่านรักท่าน นั่นจะไม่ถือว่าผิดประเวณีด้วยหรืออย่างไร?”

 

ไป๋ซื่อเฉินเห็นแล้วว่าหยางหลิงชิงไม่ได้มีความเกรงกลัวในตัวเขาเลย ดังนั้น ความคลุ้มคลั่งในหัวใจจึงค่อย ๆ ปรากฏออกมา เขาพุ่งตัวเข้าไปหาหยางหลิงชิงและตะโกนใส่นาง

 

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดเช่นไร เมื่อข้าได้ครอบครองร่างกายของเจ้าแล้ว ข้าจำเป็นต้องกังวลว่าจิตวิญญาณของเจ้าจะยอมจำนนต่อข้าอยู่อีกหรือ? หยางหลิงชิง!”

 

ขณะที่หยางหลิงชิงกำลังจะตะโกนออกมา นางกลับจับจ้องไปที่คนผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังไป๋ซื่อเฉิน  เมื่อไปซื่อเฉินเห็นว่าผู้ที่เขาโอบรัดอยู่นั้นไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เขาจึงรู้สึกสับสนอย่างมาก แต่แล้วครู่ต่อมา เขาก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ด้านหลัง  เขาตกใจจนเม็ดเหงื่อเย็นเยียบแตกพลั่ก ก่อนจะหันกลับไปมอง

 

ขณะที่เขากำลังงุนงงเมื่อเห็นหลงเฉิน  หยางหลิงชิงจึงชกเข้าที่บั้นเอวของเขาและฉวยโอกาสวิ่งไปหาหลงเฉินทันที

 

“หนีไป!”

 

นางต้องการใช้โอกาสนี้ลากหลงเฉินหนีไปด้วยกัน  แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกสิ้นหวังคือดูเหมือนว่าหลงเฉินจะหวาดกลัวจนเสียสติ ร่างทั้งร่างของเขายืนตรึงอยู่กับที่  ไม่ว่านางจะพยายามมากเพียงใดก็ไม่สามารถลากเขาไปไหนได้

 

ในเวลานี้ ไป๋ซื่อเฉินเริ่มตั้งสติได้ และทั้งสองก็หมดโอกาสหนีเอาตัวรอด

 

หยางหลิงชิงรู้ดีว่าอุปนิสัยของหลงเฉินนั้นเป็นคนดื้อรั้นและฉุนเฉียวง่าย หากเขายังอยู่ตรงนี้ต่อไป เขาจะต้องสู้กับไป๋ซื่อเฉินจนตัวตายอย่างแน่นอน  และสิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือขวางหลงเฉินไว้ นางมองไป๋ซื่อเฉินอย่างอาฆาตมาดร้ายและเอ่ยกับหลงเฉิน

 

“หนีไปเร็วเข้า!  ตระกูลไป๋วางแผนจะสังหารท่านปู่และคนอื่น ๆ ด้วยเหล้าพิษในงานแต่งงาน  รีบไปบอกพวกเขาเร็วเข้าเถอะ!”

 

ในตอนนี้ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของนาง

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ นับเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างที่สุดในช่วงเวลาสิบหกปีที่ผ่านมาของนางเลยทีเดียว

 

หยางหลิงชิงเกิดในวันเดียวกันและปีเดียวกันกับหลงเฉิน  ทว่าพวกเขาเติบโตขึ้นอย่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นางเติบโตมาด้วยความรัก แต่หลงเฉินนั่นโตมาโดยปราศจากความรักตั้งแต่เล็กและใช้ชีวิตที่ไม่เคยราบรื่นมาตลอดสิบหกปี

 

เมื่อเห็นเด็กสาวที่เอาตัวเองมาขวางไว้เบื้องหน้าเพื่อเห็นแก่เขา จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ  อย่างไรก็ตาม เมื่อหยางหลิงชิงบอกให้เขาหนีไป แต่สำหรับเขาแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้

 

เขา... หลงเฉิน ไม่ใช่ใครที่จะให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มายืนหยัดปกป้อง!

 

ในตอนนี้ ไป๋ซื่อเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา

 

“เจ้าคือคนที่นางเอ่ยถึงสินะ?  ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยากตายเสียมากกว่ามีชีวิตอยู่ต่อ หากเป็นเช่นนั้น เมื่อเจ้าและหลิงชิงของข้าได้มาประสบพบเจอกันด้วยโชคชะตาในวันนี้แล้ว พวกเราก็จะแสดงอะไรดี ๆ ให้เจ้าได้ชมเป็นขวัญตา”

 

หยางหลิงชิงอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หลงเฉินฟัง แต่เมื่อเห็นว่าหลงเฉินยังคงนิ่งเงียบ นางก็เริ่มกระวนกระวายอย่างมากและตะโกนออกมา

 

“พี่เฉิน ท่านเป็นลูกผู้ชายหรือไม่? ท่านมองไม่ออกหรือ ชีวิตของท่านปู่กับทุกคนอยู่ในมือของท่านนะ? ท่านปู่ของข้ากับคนอื่น ๆ จะมีชีวิตรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น!”

 

หลงเฉินเงยหน้าขึ้นและมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน  เขาเม้มริมฝีปากและดึงเด็กสาวมาหลบอยู่ข้างหลัง  น้ำเสียงที่หนักแน่นของเขาดังเข้าหูนาง

 

“หลิงชิง เจ้าช่างเติบโตมาได้อย่างงดงามเหลือเกิน ข้าในฐานะพี่ชายของเจ้า เคยยืนหยัดเพื่อเจ้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ข้าละอายใจยิ่งนัก วันนี้ เจ้าคนชั่วช้าทำให้เจ้าต้องหลั่งน้ำตา ข้าจะทำให้มันต้องหลั่งเลือดเอง!”

 

“สำหรับท่านตาและคนอื่น ๆ ขอเวลาข้าสักหนึ่งก้านธูป เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”

 

แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะราบเรียบ แต่ความแน่วแน่ ความมั่นใจ และความเด็ดเดี่ยวที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาทำให้หยางหลิงชิงรู้สึกงงงวยเล็กน้อย

 

ทันใดนั้น นางก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตลาดผู้ฝึกยุทธ์ ตอนที่นางถูกไป๋จื้อซิงกลั่นแกล้ง  หลงเฉินเคยยืนหยัดเพื่อนาง แม้ว่าแผ่นหลังของเขาจะไม่ได้ดูน่าเกรงขาม แต่กระดูกสันหลังที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าก็ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายไม่ถูก

 

ทว่าผู้ที่หลงเฉินกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ คือผู้ที่เก่งกล้าที่สุดในเมืองพฤกษาหมอก!

 

“ตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง  เช่นนั้นเจ้าก็คอยดูอยู่ข้างหลังแล้วกัน และดูเอาไว้ว่าข้าสั่งสอนคนชาติชั่วเช่นไร”

 

หยางหลิงชิงพยักหน้าและถูกผลักเบา ๆ ให้หลบเข้าไปในป่าด้านหลังหลงเฉิน

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่ให้หยางหลิงชิงหนีไปก่อน  ไป๋ซื่อเฉินก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา

 

“เจ้าหนู ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าน่าจะบอกให้นางหนีไปก่อนไม่ใช่รึ? ข้าเกือบจะหลงซาบซึ้งไปกับพวกเจ้าอยู่แล้ว  แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโง่เง่าเบาปัญญาได้ถึงเพียงนี้”

 

อย่างไรก็ตาม หลงเฉินเอ่ยขึ้น

 

“ก็เพราะไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่นางต้องหนีไปก่อน ข้ากำลังจะสู้กับเจ้า ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น ข้าได้ยินว่าเจ้า ไป๋ซื่อเฉิน เป็นตำนานในเมืองเมืองพฤกษาหมอกแห่งนี้  และในวันนี้ ต่อหน้าน้องสาวของข้า ข้าจะทำลายตำนานนั่นให้ย่อยยับ!”

 

ไป๋ซื่อเฉินมองพินิจพิจารณาหลงเฉินและหัวเราะพรวดออกมา

 

“ช่างเป็นคนที่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เสียจริง!”

 

เมื่อเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คลื่นพลังรุนแรงของหลงเฉินพลันปะทุขึ้นและพุ่งเข้าใส่เขาในทันที  กระบี่ของทั้งสองปะทะกันขณะที่หลิงชิงหลบอยู่ข้างหลังต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ นางเฝ้ามองคนทั้งสองด้วยความกระวนกระวาย

 

แม้ว่านางจะตระหนักอย่างชัดเจนว่าหลงเฉินนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋ซื่อเฉิน  ทว่ามีพลังแปลกประหลาดบางอย่างในจิตใจที่โน้มน้าวให้นางเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าหลงเฉินจะต้องเป็นฝ่ายชนะ

 

‘แม้ว่าท่านจะทำให้พี่ชายของข้าตายโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ท่านก็เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในใจของข้าเสมอ’

 

หลงเฉินลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้น  ทว่ามันกลับเป็นเรื่องที่หยางหลิงชิงยังคงตราตรึงอยู่ในใจ

 

ตอนที่พวกเขาอายุได้ราวหกขวบปี  หยางหลิงชิงเป็นเด็กแสนซนที่ชอบแอบหนีออกจากตระกูลหยางเพื่อไปเล่นซนบริเวณภูเขารกร้าง  วันหนึ่งนางเจอเข้ากับหมาป่าดุร้าย ในเวลานั้น หลงเฉินคือผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าและพานางวิ่งหนีหมาป่าพวกนั้น

 

ในครานั้น  เมื่อหลงเฉินถูกกัดจนเต็มไปด้วยบาดแผล  หยางหลิงชิงทำได้เพียงตกใจกลัวสุดขีด

 

เมื่อพวกเขาทั้งสองกลับมาที่ตระกูลหยาง  หยางหลิงชิงร้องไห้ไม่หยุด ในเวลานั้น หยางเสวี่ยชิงคิดว่าหลงเฉินเป็นคนพานางออกไปเล่น  จึงได้ลงโทษเขาอย่างโหดเหี้ยม

 

เหตุการณ์นั้นทำให้หยางหลิงชิงโทษตนเองมาตลอดหลายปี

 

ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้น หยางหลิงชิงจึงโทษตัวเองมานานหลายปี

 

‘ท่านคงลืมไปแล้วสินะ  นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ท่านยืนหยัดเพื่อข้า และท่านก็ไม่เคยเสียท่าเลยสักครั้ง!’

 

ขณะมองดูแผ่นหลังของหลงเฉิน  นางรู้สึกราวกับว่าหากย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนที่พวกเขาอายุหกขวบ  ร่างเล็ก ๆ ผอมบางที่ถือก้อนหินไว้และต่อสู้กับหมาป่าที่หิวโหยหลายตัวอย่างไม่ลดละ แม้ว่าร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกกัดและโชกชุ่มไปด้วยเลือด  แต่เขาก็ไม่เคยมีน้ำตาสักหยดให้เห็น!

 

ในขณะที่นางคิดถึงเรื่องนี้  น้ำตาอุ่น ๆ ก็รินไหลออกมาจากดวงตาของหยางหลิงชิง

 

ในตอนนี้ หลงเฉินจับจ้องไปที่ไป๋ซื่อเฉินอย่างไม่วางตา  ระหว่างที่ฟาดฟันกระบี่กับไป๋ซื่อเฉินไม่กี่กระบวนท่า เขาก็สังเกตได้ว่าไป๋ซื่อเฉินแข็งแกร่งกว่าไป๋ซื่อจีเล็กน้อย  เห็นได้ชัดว่าเขาใกล้จะบรรลุสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นแปดแล้ว!

 

ไป๋ซื่อเฉินหยุดชะงักและมองหลงเฉินด้วยท่าทีตกตะลึง

 

‘ใคร ๆ ต่างพูดกันว่าเจ้าบรรลุเพียงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้า  แต่ใครเล่าจะคิดว่าเจ้าได้บรรลุขั้นหกแล้ว และยังใกล้จะบรรลุขั้นเจ็ดอีกต่างหาก  อย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ เจ้าปกปิดพลังไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถึงกระนั้น เจ้าก็ยังกล้าที่จะสู้กับข้าซึ่งใกล้จะบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นแปดอย่างนั้นหรือ?’

 

หลงเฉินจำต้องยอมรับว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเผชิญหน้า  แม้ว่าราชากิ้งก่าโลหิตใต้ดินจะแข็งแกร่งผิดธรรมดา และแข็งแรงกว่าไป๋ซื่อเฉินหลายเท่า  ทว่าเป็นเรื่องยากเย็นยิ่งกว่าที่จะเอาชนะไป๋ซื่อเฉินได้!

 

ไป๋ซื่อเฉินได้บ่มเพาะตนเองด้วยศาสตร์แห่งเต๋ามาเป็นเวลานับสิบปี  และความสามารถของเขาก็เหนือกว่าไป๋ซื่อจี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลงเฉินที่จะโค่นเขาให้ลง

 

เวลานั้น  ไป๋ซื่อเฉินมองไปยังหยางหลิงชิงผู้งดงาม  ความโกรธแค้นคุกรุ่นอยู่ภายในใจ เขาไม่ต้องการจะเสียเวลากับหลงเฉินอีกต่อไป  จึงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

 

“ข้าต้องขอยอมรับว่าเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือใช้ได้  และทักษะยุทธ์อื่นๆ ของข้าที่นอกเหนือจากดัชนีสวรรค์ทมิฬก็คงไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้  เช่นนั้นแล้วก็เตรียมตัวตายเสียเถอะ!”

 

ดัชนีสวรรค์ทมิฬอีกแล้วงั้นรึ?

 

หลงเฉินเงยหน้าขึ้นและเอ่ยปากออกไป

 

“ได้ยินมาว่าเจ้าสามารถใช้ดัชนีที่สองของดัชนีสวรรค์ทมิฬได้นี่  ข้าอยากรู้นักเชียวว่าข้าจะได้รับเกียรติทดสอบกระบวนท่านั้นในวันนี้หรือไม่”

 

ไป๋ซื่อเฉินชะงักไป  แต่แล้วเขาก็หัวเราะออกมาในทันที

 

“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าดี  เจ้าต้องการจะตายอย่างกล้าหาญต่อหน้าหลิงชิงสินะ?  ในเมื่อเจ้าก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ตามคำขอของเจ้าก็แล้วกัน!”

 

หยางหลิงชิงจ้องมองหลงเฉินด้วยความฉงน  และไม่รู้เลยว่าเขากำลังวางแผนจะทำเช่นไร

 

พลังดัชนีที่หนึ่งของดัชนีสวรรค์ทมิฬนั้นเทียบได้กับพลังของผนึกมังกร  เช่นนั้นแล้วหลงเฉินจะสามารถป้องกันตัวจากดัชนีที่สองของดัชนีสวรรค์ทมิฬได้อย่างไรกัน?

 

แม้ว่านางจะเชื่อใจหลงเฉิน แต่หัวใจดวงน้อยของหยางหลิงชิงกลับสั่นระรัว

 

เมื่อคิดว่าตนเองกำลังจะได้หยางหลิงชิงมาครองในอีกไม่ช้า ไม่ต้องเอ่ยออกมาก็รู้ว่าภายในใจของเขานั้นกำลังตื่นเต้นมากเพียงใด

 

เขามองหลงเฉิน คนโง่เง่าที่ไม่กลัวซึ่งความตายด้วยสายตาเย็นชา   จากนั้นเขาก็กางนิ้วกลางข้างขวาออกมา สายน้ำสีดำเริ่มหมุนวนรอบนิ้วกลางนั้น  คลื่นพลังรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ!

 

พลังปราณที่ถาโถมราวกับกระแสน้ำส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่มันโคจรกระหวัดรัดเลี้ยวไปมาด้วยความเร็ว  ครู่ต่อมา ราวกับวังวนขนาดมหึมาปรากฏขึ้น ดวงตาของไป๋ซื่อเฉินพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ในที่สุดเขาก็มองมาที่หลงเฉินและกำลังจะจู่โจมด้วยดัชนีที่สองของดัชนีสวรรค์ทมิฬ  แต่แล้วเขาก็พบว่าหลงเฉินเองก็กางผนึกออกมาอย่างรวดเร็ว!

 

‘เจ้าเรียนรู้ผนึกมังกรได้ภายในเวลาเพียงสิบวัน เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่สามารถปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดไปได้อีก!’

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้น  ไป๋ซื่อเฉินจึงปลดปล่อยพลังออกดัชนีที่สองของดัชนีสวรรค์ทมิฬออกมาอย่างเต็มที่  วังวนสีดำขยายใหญ่ขึ้น ทันใดนั้นก็พายุหมุนและพุ่งตัวออกมา

 

กิ่งไม้และใบไม้ในบริเวณนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ   กรวดดินปลิวว่อนไปทั่ว ไป๋ซื่อเฉินบุกทะลวงเข้าใส่หลงเฉินพร้อมเสียงคำรามก้อง

 

“ดัชนีสวรรค์ทมิฬ  ยมโลกเก้าโคจร!”

 

เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่สั่นสะเทือนไปทั้งพสุธาถึงเพียงนี้  หยางหลิงชิงรู้สึกหวาดกลัวจับใจ ทว่าหลงเฉินกลับสงบนิ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ

 

เขาไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของดัชนีที่สองอันทรงพลังของไป๋ซื่อเฉิน แต่กลับมุ่งมั่นกับการโจมตีของตนเอง สิ่งที่ต่างออกไปจากก่อนหน้านี้คือร่างกายที่มีคลื่นพลังรุนแรงปะทุออกมา

 

หว่างนิ้วของเขามีพลังปราณสีแดงอ่อน ๆ เก้าเส้นส่ายไหวไปมา  ตามด้วยผนึกที่สมบูรณ์พร้อม มังกรศักดิ์สิทธิ์เก้าตัวที่อยู่ในการควบคุมของหลงเฉินก็ปรากฏร่างอันเลือนรางขึ้นอย่างฉับพลัน!

 

หยางหลิงชิงอยากให้หลงเฉินหนีไปในตอนแรก  ทว่าในตอนนี้ นางเห็นภาพเลือนรางของมังกรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ปรากฏอยู่บนร่างกายของหลงเฉิน  นางเคยเห็นภาพเช่นนี้เมื่อครั้งที่หยางชิงเสวียนใช้พลังโจมตีมหาศาลด้วยวิชาผนึกมังกรของตระกูลหยาง!

 

“ผนึกมังกรลึกล้ำ!”

***********************************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด