ตอนที่ 34 ผนึกมังกรลึกล้ำ
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
เมื่อได้ยินไป๋ซื่อเฉินผู้ซึ่งเคยเปี่ยมด้วยอากัปกิริยาอันงดงามกลับข่มขู่นางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอันตรายและตัณหา หยางหลิงชิงมองไป๋ซื่อเฉินด้วยดวงตาดูถูกเหยียดหยามและเอ่ยขึ้น
“ก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินว่าท่านเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ในเมืองพฤกษาหมอก และเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ข้าเองก็หลงใหลในความสง่างามของท่านมาโดยตลอด ทว่าในวันนี้ ดูเหมือนว่าท่าน...ไป๋ซื่อเฉิน ก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นสักนิด ข้าไม่หัวเราะเยาะท่านหรอก เพราะข้ารู้สึกสมเพชตัวเองเสียมากกว่า ที่เคยเทิดทูนเดรัจฉานอย่างท่าน!”
ท่าทีดูถูกของหยางหลิงชิงทำให้ไป๋ซื่อเฉินที่เคยใจเย็นเกิดคลุ้มคลั่ง ตอนนั้นเองที่สันดานแท้จริงของเขาระเบิดออกมา เขาขบฟันแน่นด้วยความโกรธ
การที่เขาเผยเขี้ยวเล็บให้เห็นทำให้หยางหลิงชิงมองเขาราวกับเป็นตัวตลก
หยางหลิงชิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ไป๋ซื่อเฉิน ท่านจงรู้ไว้ว่าต่อให้ท่านได้ร่างกายของข้า แต่ท่านก็ไม่สามารถครอบครองจิตวิญญาณของข้าได้หรอก”
แต่แล้วนางก็พลันคิดถึงคนผู้หนึ่ง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ยังมีคนอีกผู้หนึ่งที่เก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าท่าน ทุกคนคิดว่าเขาเป็นเพียงเด็กเหลือขอ ไม่เอาไหน พูดจาเลอะเทอะไร้มารยาท แต่ทว่าความลึกล้ำในดวงตาของเขาบริสุทธิ์กว่าเดรัจฉานอย่างท่านนับพันเท่า”
ไป๋ซื่อเฉินตระหนักดีว่านางพูดถึงผู้ใด เขาหัวเราะเยาะเย้ยและเอ่ยขึ้น
“นังผู้หญิงชั้นต่ำ! กล้าดีอย่างไรมาเรียกข้าว่าเดรัจฉาน? เจ้าแอบมีใจให้ญาติของตนเอง เช่นนี้แล้วจะไม่ถือว่าเจ้าทำผิดประเวณีอย่างนั้นหรือ!”
หยางหลิงชิงเกรี้ยวกราดจนใบหน้าของนางแดงก่ำ จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นด้วยความขุ่นเคือง
“คนสารเลว มีแต่ท่านเท่านั้นที่มีความคิดสกปรกเยี่ยงนี้ ท่านเคยได้รับความรักจากผู้ใดบ้างหรือไม่? หากมารดาของท่านรักท่าน นั่นจะไม่ถือว่าผิดประเวณีด้วยหรืออย่างไร?”
ไป๋ซื่อเฉินเห็นแล้วว่าหยางหลิงชิงไม่ได้มีความเกรงกลัวในตัวเขาเลย ดังนั้น ความคลุ้มคลั่งในหัวใจจึงค่อย ๆ ปรากฏออกมา เขาพุ่งตัวเข้าไปหาหยางหลิงชิงและตะโกนใส่นาง
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดเช่นไร เมื่อข้าได้ครอบครองร่างกายของเจ้าแล้ว ข้าจำเป็นต้องกังวลว่าจิตวิญญาณของเจ้าจะยอมจำนนต่อข้าอยู่อีกหรือ? หยางหลิงชิง!”
ขณะที่หยางหลิงชิงกำลังจะตะโกนออกมา นางกลับจับจ้องไปที่คนผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังไป๋ซื่อเฉิน เมื่อไปซื่อเฉินเห็นว่าผู้ที่เขาโอบรัดอยู่นั้นไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เขาจึงรู้สึกสับสนอย่างมาก แต่แล้วครู่ต่อมา เขาก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ด้านหลัง เขาตกใจจนเม็ดเหงื่อเย็นเยียบแตกพลั่ก ก่อนจะหันกลับไปมอง
ขณะที่เขากำลังงุนงงเมื่อเห็นหลงเฉิน หยางหลิงชิงจึงชกเข้าที่บั้นเอวของเขาและฉวยโอกาสวิ่งไปหาหลงเฉินทันที
“หนีไป!”
นางต้องการใช้โอกาสนี้ลากหลงเฉินหนีไปด้วยกัน แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกสิ้นหวังคือดูเหมือนว่าหลงเฉินจะหวาดกลัวจนเสียสติ ร่างทั้งร่างของเขายืนตรึงอยู่กับที่ ไม่ว่านางจะพยายามมากเพียงใดก็ไม่สามารถลากเขาไปไหนได้
ในเวลานี้ ไป๋ซื่อเฉินเริ่มตั้งสติได้ และทั้งสองก็หมดโอกาสหนีเอาตัวรอด
หยางหลิงชิงรู้ดีว่าอุปนิสัยของหลงเฉินนั้นเป็นคนดื้อรั้นและฉุนเฉียวง่าย หากเขายังอยู่ตรงนี้ต่อไป เขาจะต้องสู้กับไป๋ซื่อเฉินจนตัวตายอย่างแน่นอน และสิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือขวางหลงเฉินไว้ นางมองไป๋ซื่อเฉินอย่างอาฆาตมาดร้ายและเอ่ยกับหลงเฉิน
“หนีไปเร็วเข้า! ตระกูลไป๋วางแผนจะสังหารท่านปู่และคนอื่น ๆ ด้วยเหล้าพิษในงานแต่งงาน รีบไปบอกพวกเขาเร็วเข้าเถอะ!”
ในตอนนี้ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของนาง
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ นับเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างที่สุดในช่วงเวลาสิบหกปีที่ผ่านมาของนางเลยทีเดียว
หยางหลิงชิงเกิดในวันเดียวกันและปีเดียวกันกับหลงเฉิน ทว่าพวกเขาเติบโตขึ้นอย่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นางเติบโตมาด้วยความรัก แต่หลงเฉินนั่นโตมาโดยปราศจากความรักตั้งแต่เล็กและใช้ชีวิตที่ไม่เคยราบรื่นมาตลอดสิบหกปี
เมื่อเห็นเด็กสาวที่เอาตัวเองมาขวางไว้เบื้องหน้าเพื่อเห็นแก่เขา จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อหยางหลิงชิงบอกให้เขาหนีไป แต่สำหรับเขาแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้
เขา... หลงเฉิน ไม่ใช่ใครที่จะให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มายืนหยัดปกป้อง!
ในตอนนี้ ไป๋ซื่อเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา
“เจ้าคือคนที่นางเอ่ยถึงสินะ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยากตายเสียมากกว่ามีชีวิตอยู่ต่อ หากเป็นเช่นนั้น เมื่อเจ้าและหลิงชิงของข้าได้มาประสบพบเจอกันด้วยโชคชะตาในวันนี้แล้ว พวกเราก็จะแสดงอะไรดี ๆ ให้เจ้าได้ชมเป็นขวัญตา”
หยางหลิงชิงอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หลงเฉินฟัง แต่เมื่อเห็นว่าหลงเฉินยังคงนิ่งเงียบ นางก็เริ่มกระวนกระวายอย่างมากและตะโกนออกมา
“พี่เฉิน ท่านเป็นลูกผู้ชายหรือไม่? ท่านมองไม่ออกหรือ ชีวิตของท่านปู่กับทุกคนอยู่ในมือของท่านนะ? ท่านปู่ของข้ากับคนอื่น ๆ จะมีชีวิตรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
หลงเฉินเงยหน้าขึ้นและมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เขาเม้มริมฝีปากและดึงเด็กสาวมาหลบอยู่ข้างหลัง น้ำเสียงที่หนักแน่นของเขาดังเข้าหูนาง
“หลิงชิง เจ้าช่างเติบโตมาได้อย่างงดงามเหลือเกิน ข้าในฐานะพี่ชายของเจ้า เคยยืนหยัดเพื่อเจ้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ข้าละอายใจยิ่งนัก วันนี้ เจ้าคนชั่วช้าทำให้เจ้าต้องหลั่งน้ำตา ข้าจะทำให้มันต้องหลั่งเลือดเอง!”
“สำหรับท่านตาและคนอื่น ๆ ขอเวลาข้าสักหนึ่งก้านธูป เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”
แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะราบเรียบ แต่ความแน่วแน่ ความมั่นใจ และความเด็ดเดี่ยวที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาทำให้หยางหลิงชิงรู้สึกงงงวยเล็กน้อย
ทันใดนั้น นางก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตลาดผู้ฝึกยุทธ์ ตอนที่นางถูกไป๋จื้อซิงกลั่นแกล้ง หลงเฉินเคยยืนหยัดเพื่อนาง แม้ว่าแผ่นหลังของเขาจะไม่ได้ดูน่าเกรงขาม แต่กระดูกสันหลังที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าก็ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายไม่ถูก
ทว่าผู้ที่หลงเฉินกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ คือผู้ที่เก่งกล้าที่สุดในเมืองพฤกษาหมอก!
“ตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง เช่นนั้นเจ้าก็คอยดูอยู่ข้างหลังแล้วกัน และดูเอาไว้ว่าข้าสั่งสอนคนชาติชั่วเช่นไร”
หยางหลิงชิงพยักหน้าและถูกผลักเบา ๆ ให้หลบเข้าไปในป่าด้านหลังหลงเฉิน
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่ให้หยางหลิงชิงหนีไปก่อน ไป๋ซื่อเฉินก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา
“เจ้าหนู ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าน่าจะบอกให้นางหนีไปก่อนไม่ใช่รึ? ข้าเกือบจะหลงซาบซึ้งไปกับพวกเจ้าอยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโง่เง่าเบาปัญญาได้ถึงเพียงนี้”
อย่างไรก็ตาม หลงเฉินเอ่ยขึ้น
“ก็เพราะไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่นางต้องหนีไปก่อน ข้ากำลังจะสู้กับเจ้า ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น ข้าได้ยินว่าเจ้า ไป๋ซื่อเฉิน เป็นตำนานในเมืองเมืองพฤกษาหมอกแห่งนี้ และในวันนี้ ต่อหน้าน้องสาวของข้า ข้าจะทำลายตำนานนั่นให้ย่อยยับ!”
ไป๋ซื่อเฉินมองพินิจพิจารณาหลงเฉินและหัวเราะพรวดออกมา
“ช่างเป็นคนที่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เสียจริง!”
เมื่อเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คลื่นพลังรุนแรงของหลงเฉินพลันปะทุขึ้นและพุ่งเข้าใส่เขาในทันที กระบี่ของทั้งสองปะทะกันขณะที่หลิงชิงหลบอยู่ข้างหลังต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ นางเฝ้ามองคนทั้งสองด้วยความกระวนกระวาย
แม้ว่านางจะตระหนักอย่างชัดเจนว่าหลงเฉินนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋ซื่อเฉิน ทว่ามีพลังแปลกประหลาดบางอย่างในจิตใจที่โน้มน้าวให้นางเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าหลงเฉินจะต้องเป็นฝ่ายชนะ
‘แม้ว่าท่านจะทำให้พี่ชายของข้าตายโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ท่านก็เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในใจของข้าเสมอ’
หลงเฉินลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้น ทว่ามันกลับเป็นเรื่องที่หยางหลิงชิงยังคงตราตรึงอยู่ในใจ
ตอนที่พวกเขาอายุได้ราวหกขวบปี หยางหลิงชิงเป็นเด็กแสนซนที่ชอบแอบหนีออกจากตระกูลหยางเพื่อไปเล่นซนบริเวณภูเขารกร้าง วันหนึ่งนางเจอเข้ากับหมาป่าดุร้าย ในเวลานั้น หลงเฉินคือผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าและพานางวิ่งหนีหมาป่าพวกนั้น
ในครานั้น เมื่อหลงเฉินถูกกัดจนเต็มไปด้วยบาดแผล หยางหลิงชิงทำได้เพียงตกใจกลัวสุดขีด
เมื่อพวกเขาทั้งสองกลับมาที่ตระกูลหยาง หยางหลิงชิงร้องไห้ไม่หยุด ในเวลานั้น หยางเสวี่ยชิงคิดว่าหลงเฉินเป็นคนพานางออกไปเล่น จึงได้ลงโทษเขาอย่างโหดเหี้ยม
เหตุการณ์นั้นทำให้หยางหลิงชิงโทษตนเองมาตลอดหลายปี
ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้น หยางหลิงชิงจึงโทษตัวเองมานานหลายปี
‘ท่านคงลืมไปแล้วสินะ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ท่านยืนหยัดเพื่อข้า และท่านก็ไม่เคยเสียท่าเลยสักครั้ง!’
ขณะมองดูแผ่นหลังของหลงเฉิน นางรู้สึกราวกับว่าหากย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนที่พวกเขาอายุหกขวบ ร่างเล็ก ๆ ผอมบางที่ถือก้อนหินไว้และต่อสู้กับหมาป่าที่หิวโหยหลายตัวอย่างไม่ลดละ แม้ว่าร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกกัดและโชกชุ่มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ไม่เคยมีน้ำตาสักหยดให้เห็น!
ในขณะที่นางคิดถึงเรื่องนี้ น้ำตาอุ่น ๆ ก็รินไหลออกมาจากดวงตาของหยางหลิงชิง
ในตอนนี้ หลงเฉินจับจ้องไปที่ไป๋ซื่อเฉินอย่างไม่วางตา ระหว่างที่ฟาดฟันกระบี่กับไป๋ซื่อเฉินไม่กี่กระบวนท่า เขาก็สังเกตได้ว่าไป๋ซื่อเฉินแข็งแกร่งกว่าไป๋ซื่อจีเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาใกล้จะบรรลุสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นแปดแล้ว!
ไป๋ซื่อเฉินหยุดชะงักและมองหลงเฉินด้วยท่าทีตกตะลึง
‘ใคร ๆ ต่างพูดกันว่าเจ้าบรรลุเพียงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้า แต่ใครเล่าจะคิดว่าเจ้าได้บรรลุขั้นหกแล้ว และยังใกล้จะบรรลุขั้นเจ็ดอีกต่างหาก อย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ เจ้าปกปิดพลังไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถึงกระนั้น เจ้าก็ยังกล้าที่จะสู้กับข้าซึ่งใกล้จะบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นแปดอย่างนั้นหรือ?’
หลงเฉินจำต้องยอมรับว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเผชิญหน้า แม้ว่าราชากิ้งก่าโลหิตใต้ดินจะแข็งแกร่งผิดธรรมดา และแข็งแรงกว่าไป๋ซื่อเฉินหลายเท่า ทว่าเป็นเรื่องยากเย็นยิ่งกว่าที่จะเอาชนะไป๋ซื่อเฉินได้!
ไป๋ซื่อเฉินได้บ่มเพาะตนเองด้วยศาสตร์แห่งเต๋ามาเป็นเวลานับสิบปี และความสามารถของเขาก็เหนือกว่าไป๋ซื่อจี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลงเฉินที่จะโค่นเขาให้ลง
เวลานั้น ไป๋ซื่อเฉินมองไปยังหยางหลิงชิงผู้งดงาม ความโกรธแค้นคุกรุ่นอยู่ภายในใจ เขาไม่ต้องการจะเสียเวลากับหลงเฉินอีกต่อไป จึงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าต้องขอยอมรับว่าเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือใช้ได้ และทักษะยุทธ์อื่นๆ ของข้าที่นอกเหนือจากดัชนีสวรรค์ทมิฬก็คงไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ เช่นนั้นแล้วก็เตรียมตัวตายเสียเถอะ!”
ดัชนีสวรรค์ทมิฬอีกแล้วงั้นรึ?
หลงเฉินเงยหน้าขึ้นและเอ่ยปากออกไป
“ได้ยินมาว่าเจ้าสามารถใช้ดัชนีที่สองของดัชนีสวรรค์ทมิฬได้นี่ ข้าอยากรู้นักเชียวว่าข้าจะได้รับเกียรติทดสอบกระบวนท่านั้นในวันนี้หรือไม่”
ไป๋ซื่อเฉินชะงักไป แต่แล้วเขาก็หัวเราะออกมาในทันที
“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าดี เจ้าต้องการจะตายอย่างกล้าหาญต่อหน้าหลิงชิงสินะ? ในเมื่อเจ้าก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ตามคำขอของเจ้าก็แล้วกัน!”
หยางหลิงชิงจ้องมองหลงเฉินด้วยความฉงน และไม่รู้เลยว่าเขากำลังวางแผนจะทำเช่นไร
พลังดัชนีที่หนึ่งของดัชนีสวรรค์ทมิฬนั้นเทียบได้กับพลังของผนึกมังกร เช่นนั้นแล้วหลงเฉินจะสามารถป้องกันตัวจากดัชนีที่สองของดัชนีสวรรค์ทมิฬได้อย่างไรกัน?
แม้ว่านางจะเชื่อใจหลงเฉิน แต่หัวใจดวงน้อยของหยางหลิงชิงกลับสั่นระรัว
เมื่อคิดว่าตนเองกำลังจะได้หยางหลิงชิงมาครองในอีกไม่ช้า ไม่ต้องเอ่ยออกมาก็รู้ว่าภายในใจของเขานั้นกำลังตื่นเต้นมากเพียงใด
เขามองหลงเฉิน คนโง่เง่าที่ไม่กลัวซึ่งความตายด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเขาก็กางนิ้วกลางข้างขวาออกมา สายน้ำสีดำเริ่มหมุนวนรอบนิ้วกลางนั้น คลื่นพลังรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ!
พลังปราณที่ถาโถมราวกับกระแสน้ำส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่มันโคจรกระหวัดรัดเลี้ยวไปมาด้วยความเร็ว ครู่ต่อมา ราวกับวังวนขนาดมหึมาปรากฏขึ้น ดวงตาของไป๋ซื่อเฉินพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ในที่สุดเขาก็มองมาที่หลงเฉินและกำลังจะจู่โจมด้วยดัชนีที่สองของดัชนีสวรรค์ทมิฬ แต่แล้วเขาก็พบว่าหลงเฉินเองก็กางผนึกออกมาอย่างรวดเร็ว!
‘เจ้าเรียนรู้ผนึกมังกรได้ภายในเวลาเพียงสิบวัน เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่สามารถปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดไปได้อีก!’
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋ซื่อเฉินจึงปลดปล่อยพลังออกดัชนีที่สองของดัชนีสวรรค์ทมิฬออกมาอย่างเต็มที่ วังวนสีดำขยายใหญ่ขึ้น ทันใดนั้นก็พายุหมุนและพุ่งตัวออกมา
กิ่งไม้และใบไม้ในบริเวณนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ กรวดดินปลิวว่อนไปทั่ว ไป๋ซื่อเฉินบุกทะลวงเข้าใส่หลงเฉินพร้อมเสียงคำรามก้อง
“ดัชนีสวรรค์ทมิฬ ยมโลกเก้าโคจร!”
เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่สั่นสะเทือนไปทั้งพสุธาถึงเพียงนี้ หยางหลิงชิงรู้สึกหวาดกลัวจับใจ ทว่าหลงเฉินกลับสงบนิ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
เขาไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของดัชนีที่สองอันทรงพลังของไป๋ซื่อเฉิน แต่กลับมุ่งมั่นกับการโจมตีของตนเอง สิ่งที่ต่างออกไปจากก่อนหน้านี้คือร่างกายที่มีคลื่นพลังรุนแรงปะทุออกมา
หว่างนิ้วของเขามีพลังปราณสีแดงอ่อน ๆ เก้าเส้นส่ายไหวไปมา ตามด้วยผนึกที่สมบูรณ์พร้อม มังกรศักดิ์สิทธิ์เก้าตัวที่อยู่ในการควบคุมของหลงเฉินก็ปรากฏร่างอันเลือนรางขึ้นอย่างฉับพลัน!
หยางหลิงชิงอยากให้หลงเฉินหนีไปในตอนแรก ทว่าในตอนนี้ นางเห็นภาพเลือนรางของมังกรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ปรากฏอยู่บนร่างกายของหลงเฉิน นางเคยเห็นภาพเช่นนี้เมื่อครั้งที่หยางชิงเสวียนใช้พลังโจมตีมหาศาลด้วยวิชาผนึกมังกรของตระกูลหยาง!
“ผนึกมังกรลึกล้ำ!”
***********************************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm