ตอนที่แล้วตอนที่ 31 ผลกระจัดวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 33 แผนการอันน่าตกตะลึง

ตอนที่ 32 ดัชนีปีศาจจำแลง


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

หยางหลิงเยวี่ยมองดวงตากลัดมันของไป๋ซื่อจี นางรู้สึกหมดสิ้นความหวัง

 

นางรู้ถึงสิ่งที่ไป๋ซื่อจีกำลังจะทำ ซึ่งนางเองก็เคยเฝ้าฝันถึงวันเช่นนั้นเพราะเขาคือผู้ที่นางชอบจนหมดใจ แต่อย่างไรก็ตาม มันช่างกะทันหันจนนางรู้สึกเจ็บปวดอย่างเหลือแสน เมื่อทุกอย่างกำลังจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผู้อื่นรวมทั้งพี่ชายของนางเอง

 

“ไป๋ซื่อจี! เจ้าทำแบบนี้ทำไมกัน?  เหตุใดคนตระกูลไป๋ถึงทำเช่นนี้กับพวกเรา? เจ้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าพวกเราใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดพวกเราถึงกลายเป็นเป้าหมายของเจ้าได้ล่ะ? ปล่อยน้องสาวข้าไปเถอะ!”

 

หยางอู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และในตอนนี้เขาก็ถูกไป๋ซื่อตงและไป๋จื้อซิงจับตัวเองไว้ เขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย

 

“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย!”

 

น้ำเสียงสิ้นหวังของหยางหลิงเยวี่ยทำให้ดวงตาของหยางอู่เต็มไปด้วยเลือด  อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดรุนแรงในร่างกายของเขาได้จำกัดการเคลื่อนไหวของเขาไว้อย่างสมบูรณ์!

 

ครู่ที่ผ่านมา ไป๋ซื่อเฉินและไป๋ซื่อจีจู่โจมเขาพร้อมกัน มันเป็นการลอบทำร้าย เช่นนั้นแล้วเขาจึงเสียท่าอย่างง่ายดาย

 

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความฝืนใจ  เมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังจะถูกทำให้อัปยศอดสู  เปลวไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวกำลังจะปะทุออกมาจากดวงตาของเขา  แต่เขากลับไร้กำลังและรู้สึกอับจนหนทางเหลือเกิน!

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น  เสียงลมพัดรุนแรงดังมาจากในป่า ครู่ต่อมาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น  ร่างนั้นยืนอยู่เบื้องหน้าไป๋ซื่อจีที่กำลังมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

คนผู้นั้นคือหลงเฉิน…

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินปรากฏตัว  ไป๋ซื่อจีก็หยุดการกระทำของตนเองและมองหลงเฉินด้วยสายตาดุดัน  จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา

 

“ข้ากำลังจะสำเร็จภารกิจแรกก่อนจะไปหาเจ้าอยู่แล้วเชียว ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาหาข้าด้วยตัวเอง  ไม่เป็นไร ข้าจัดการกับเจ้าก่อนก็ได้ แล้วค่อยจัดการกับยัยปีศาจนี่ต่อ ข้าจะได้ไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลัง”

 

หยางหลิงเยวี่ยและหยางอู่รู้สึกโล่งอกเมื่อพวกเขาเห็นว่ามีใครบางคนมาที่นี่   แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้ที่มาถึงนั้นคือหลงเฉิน พวกเขาก็ชะงักไปก่อนจะหันหน้าหนีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

สำหรับพวกเขาแล้ว หลงเฉินไม่มาที่นี่เสียยังจะดีกว่า

 

ในทางกลับกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็สนิทสนมกับคนตระกูลไป๋และปฏิเสธหลงเฉินอย่างสิ้นเชิง  แต่ทว่าในตอนนี้ พวกเขากลับถูกคนตระกูลไป๋ทรยศหักหลัง และพวกเขาคงถูกหลงเฉินเย้ยหยันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  นอกจากนี้แล้ว หลงเฉินก็บรรลุเพียงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้า ซึ่งคงจะถูกไป๋ซื่อจีที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ดฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เมื่อมีหลงเฉินอยู่เบื้องหน้าราวกับโล่กำบัง  พวกเขาก็คงถูกทำให้อับอายและตายช้าลงอีกเล็กน้อยเท่านั้น  นี่อาจจะเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการปรากฏตัวของหลงเฉินตามความคิดพวกเขา

 

เมื่อเห็นท่าทางของหลงเฉิน  ไป๋ซื่อตงและไป๋จื้อซิงก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย  แต่เมื่อคิดว่าไป๋ซื่อจีอยู่ที่นี่ พวกเขาจึงสงบใจลงได้

 

โดยเฉพาะไป๋ซื่อตงที่ก่อนหน้านี้ต้องทุกข์ทรมานจากความอัปยศใหญ่หลวงเพราะหลงเฉิน  แต่เขาก็ไม่กล้าล้างแค้น ในตอนนี้เมื่อหลงเฉินปรากฏตัว เขาก็แสร้งทำท่าทางโหดเหี้ยมทั้ง ๆ ที่ในใจกลับหวาดกลัว  เขาเอ่ยขึ้น

 

“พี่ซื่อจี หลังจากที่ท่านทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสแล้ว ขอให้ข้าได้เป็นคนเด็ดหัวเขาเองได้หรือไม่?”

 

ไป๋ซื่อจีไม่สนใจหยางหลิงเยวี่ยอีก  เขามองหลงเฉินด้วยสีหน้ามุ่งร้ายและเย้ย

 

“ถ้าข้าไม่พลั้งมือข้าเขาตายในกระบวนท่าเดียว ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ”

 

เมื่อเห็นว่าหยางอู่และหยางหลิงเยวี่ยหันหน้าหนีไปด้วยความผิดหวังเมื่อเห็นว่าเขามาถึง  หลงเฉินก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า

 

ทั้งสองคนนี้ไม่เคยคิดดีกับเขา  และหลงเฉินก็ไม่เต็มใจจะช่วยพวกเขาเช่นกัน  เขาเพิกเฉยต่อไป๋ซื่อจีและหันไปมองหยางหลิงเยวี่ยที่อยู่ในสภาพน่าสมเพช

 

“หลิงชิงอยู่ที่ใด?”

 

หยางหลิงเยวี่ยไม่ตอบคำถามเขา  นางพยายามดึงเสื้อผ้าที่เหลืออยู่น้อยนิดมาปกปิดร่างกาย แต่สิ่งที่นางทำก็ไม่เป็นผล

 

ในความคิดของหยางหลิงเยวี่ย  การมาถึงของหลงเฉินไม่สามารถช่วยอะไรนางได้  นางยังคงจ่อมจมอยู่ในความเศร้าโศกและตื่นตระหนกจนไม่สามารถพาตัวเองให้หลุดพ้นออกมาได้  เมื่อนางคิดว่าตนเองจะเผชิญกับความอัปยศได้เช่นไรหลังจากที่หลงเฉินตาย นางก็รู้สึกราวกับจะหมดสติ

 

ในตอนนี้ หลงเฉินรู้สึกบันดาลโทสะจริง ๆ แล้ว เขาไม่ได้โกรธที่หยางหลิงเยวี่ยดูแคลนในตัวเขา  แต่เป็นเพราะเขาห่วงใยหยางหลิงชิงจากใจจริงต่างหาก!

 

“หยางหลิงเยวี่ย! หยางอู่! ข้าถามพวกเจ้าว่าหยางหลิงชิงอยู่ที่ใด?”

 

แต่หยางอู่และหยางหลิงเยวี่ยกลับไม่ปริปาก ทำให้หลงเฉินแลดูโง่เง่าราวกับตัวตลก  อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ไป๋ซื่อจีที่ถูกหลงเฉินเพิกเฉยก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมา

 

ความมุ่งร้ายในดวงตาของเขาค่อย ๆ ทวีความรุนแรง เมื่อปราณแท้จริงในร่างกายของเขาเริ่มโคจรอย่างรวดเร็ว!

 

เขาเดินเข้ามาหาหลงเฉินอย่างช้า ๆ เสียงของเขาเย็นยะเยือกจนสามารถทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกราวกับอยู่ในฤดูเหมันต์

 

“ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม อย่ามาทำเป็นกล้าหาญและคอยห่วงผู้อื่นอยู่เลย เจ้าทำร้ายน้องชายข้า ดังนั้นข้าก็เลยอยากจะฆ่าเจ้ามาตั้งนาน หากไม่เห็นแก่ท่านปู่ของข้าที่ทำให้ข้าต้องอดทนมาถึงทุกวันนี้ เจ้าคงได้เจอกับขยะไร้ค่าอย่างพ่อของเจ้าในปรโลกไปนานแล้ว!”

 

“เจ้าว่าไงนะ?”

 

หลงเฉินกำหมัดแน่น  สิ่งที่เขาทนไม่ได้มากที่สุดคือการที่คนอื่นเรียกพ่อของเขาว่าขยะ  โดยเฉพาะเมื่อมันออกมาจากปากของไป๋ซื่อจี เป็นเพราะไป๋ซื่อจีคือลูกชายของไป๋จ้านสง และหยางเสวี่ยชิงปฏิบัติต่อไป๋จ้านสงราวกับสมบัติล้ำค่า!

 

‘ยัยผู้หญิงน่าสมเพชนั่น!  หากนางรู้ว่าคนจากตระกูลไป๋ทำอะไรกับคนตระกูลหยางในวันนี้  ข้าอยากจะรู้นักว่านางจะทำหน้าเช่นไร!’

 

สายตาที่ไป๋ซื่อจีมองมาทำให้หลงเฉินรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก  และท่าทีโง่เง่าของหยางอู่และหยางหลิงเยวี่ยก็ทำให้ใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว  เขาระเบิดโทสะออกมาตั้งแต่ที่เขาไม่รู้ว่าหยางหลิงชิงอยู่ที่ใด

 

และเขายังพบว่าไป๋ซื่อเฉินไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้  ซึ่งตอนที่ไป๋ซื่อเฉินมาที่ภูเขาเดียวกาย เขาก็เริ่มมีทีท่าสนใจในตัวหยางหลิงชิงอีกด้วย…

 

เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ไป๋ซื่อจีทำกับหยางหลิงเยวี่ย  หลงเฉินก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี เมื่อเขาคิดว่าหยางหลิงชิงซึ่งดีกับเขามากกำลังถูกทำให้อับอาย  ปราณแท้จริงในร่างกายก็เริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่ง มันแปรเปลี่ยนเป็นมังกรตัวยาวสีแดงและถาโถมเข้าสู่เส้นชีพจรทั้งหก!

 

รอยประทับของมังกรที่เคยหายไปจากการกลายร่างของเขาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนร่างกายอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่ามังกรปีศาจเงาโลหิตซึ่งเคยหายไปจากอวัยวะภายใน กระดูก และมัดกล้าม ได้ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง  มันร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง!

 

“หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลิงชิง ทุกคนในตระกูลไป๋ของเจ้าจะต้องตายอย่างน่าสมเพช! พวกเจ้าทุกคน ไปลงนรกซะเถอะ!”

 

ในดวงตาของหลงเฉิน ลูกตาของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ม  ปราณแท้จริงที่มีแสงสีแดงอ่อน ๆ แผ่กระจายออกมาจากผิวหนังทั่วทั้งร่าง!

 

ดูเหมือนว่าไป๋ซื่อจีจะไม่ปล่อยหลงเฉินไปง่าย ๆ ในครานี้  ดังนั้นหนทางเดียวที่จะช่วยหยางหลิงชิงได้ก็คือฆ่าไป๋ซื่อจีให้เร็วที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นการบรรลุเป้าหมายที่หลงเฉินมาที่ภูเขาเดียวดายแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

 

เมื่อเห็นคลื่นพลังน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมาจากดวงตาของหลงเฉิน  ไป๋ซื่อจีก็ผงะไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา

 

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงกล้าเผชิญหน้ากับข้า  เจ้าบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกแล้วนี่เอง! แต่เหตุใดจึงกล้าสู้กับข้าด้วยความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ล่ะ? อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการพัฒนาฝีมือของเจ้านับว่ารวดเร็วเกินไป  ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อีก”

 

วินาทีที่ไป๋ซื่อจีพูดจบ  หยางอู่และหยางหลิงเยวี่ยต่างก็หันมามองด้วยความประหลาดใจ ในจิตใต้สำนึกของพวกเขา พวกเขาหวังเพียงว่าหลงเฉินจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้นานขึ้นอีกเล็กน้อย

 

แต่เมื่อได้ยินว่าหลงเฉินบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกแล้ว  พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจ ราวกับความสิ้นหวังในใจบรรเทาลงเล็กน้อย  พวกเขาถึงกับคาดหวังว่าหลงเฉินอาจจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้นานพอที่ใครสักคนจะมาช่วย

 

แม้ในที่สุดก็พบความหวัง  แต่ความสิ้นหวังก็ยังครอบงำคนทั้งสองอยู่ไม่จางหาย

 

เมื่อสิ้นเสียงของไป๋ซื่อจี เขาก็เริ่มลงมือจู่โจมหลงเฉินอย่างฉับพลัน!

 

คลื่นพลังของขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ดปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ และทันใดนั้น พลังรุนแรงก็พุ่งตรงมาที่หลงเฉินพร้อมกับส่งให้ใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วทุกที่!

 

อย่างไรก็ตาม ส่งที่ทำให้ไป๋ซื่อจีประหลาดใจมากที่สุดก็คือพลังอันรุนแรงของเขากลับไม่ได้ทำให้หลงเฉินถอยหลังไปแม้แต่ก้าวเดียว!

 

‘เจ้าจะทนได้นานแค่ไหนกัน?  เจ้าคนดื้อด้าน...’

 

‘ก้าวหน้ามาไกลด้วยอายุเพียงเท่านี้  ความจริงแล้วเจ้าก็ไม่ได้ไร้ค่าขนาดนั้นหรอก  แต่ในเมื่อได้มาเจอกับข้า นับแต่นี้ต่อไป ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นแม้แต่เศษซากของขยะด้วยซ้ำ!’

 

ภายในร่างกายของหลงเฉิน  มังกรสีแดงเรืองรองของพลังปราณกำลังร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง

 

หลงเฉินตระหนักว่าแรงกดดันที่เขาเคยต้องต้านทานไว้อย่างเต็มที่กลับไม่มีผลกับตัวเขาในตอนนี้มากเท่าใดนัก

 

“เช่นนั้นรึ?”

 

หลงเฉินยิ้มเยาะ เมื่อไป๋ซื่อจีพุ่งเข้ามา ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งร้าย ก่อนจะส่งเสียงคำรามก้องและพุ่งเข้าใส่ไป๋ซื่อจีในเวลาเดียวกัน!

 

ทั้งคู่ปะทะกันด้วยเสียงกัมปนาทราวดาวตกสองดวงพุ่งชนกัน  ด้วยเสียงอันกึกก้องนั้น แสงดาวสว่างวาบขึ้นในพริบตา และ ‘หมัดปีศาจห้าทิศ’ ก็แตกสลายไปในทันที ทั้งสองล่าถอยมาตั้งหลัก!

 

การโจมตีของหลงเฉินทำให้ไป๋ซื่อจี หยางอู่ และหยางหลิงเยวี่ยต้องประหลาดใจ และเขายังสามารถยืนหยัดสู้กับกระบวนท่าของไป๋ซื่อจีซึ่งนับว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว  พวกเขารู้ว่ายิ่งหลงเฉินรับมือได้นานเพียงใด โอกาสที่พวกเขาจะหลบหนีได้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น พวกเขาจึงเฝ้ามองอย่างกระวนกระวาย สวดภาวนาให้หลงเฉินต้านทานได้นานขึ้นอีก!

 

เสียงของไป๋ซื่อจีดังขึ้น

 

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสามารถใช้เพลงหมัดดาวตกของตระกูลหยางได้อย่างสมบูรณ์แบบ  เรื่องนั้นก็ไม่เลว มันสามารถต้านทานหมัดปีศาจห้าทิศที่ใช้พลังของข้าไปราวครึ่งหนึ่งได้!”

 

หยางอู่และหยางหลิงเยวี่ยพลันรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาในทันที  ปรากฏว่ากระบวนท่าที่หลงเฉินต้านทานได้นั้นเป็นพลังเพียงครึ่งหนึ่งของหมัดปีศาจห้าทิศ และหากไป๋ซื่อจีใช้พลังทั้งหมดที่มี หรือแม้แต่ใช้กระบวนท่าดัชนีสวรรค์ทมิฬ หลงเฉินจะไม่ตายในทันทีเลยหรือ?

 

สีหน้าของหยางหลิงเยวี่ยซีดเผือดอีกครั้ง ในขณะที่หยางอู่มองน้องสาวของตนเองอย่างอับจนหนทางและไม่สามารถช่วยอะไรนางได้เลย

 

หลงเฉินแอบหัวเราะในใจ  เป็นเพราะเขาเองก็ใช้พลังไปเพียงครึ่งหนึ่งเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลามาเล่นกับไป๋ซื่อจี เมื่อเห็นสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องนั้น ความโกรธแค้นก็ปะทุขึ้นในหัวใจเขา!

 

“ไป๋ซื่อจี เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าอยากจะฆ่าให้ตาย!”

 

ในหัวใจของหลงเฉิน เขากู่ร้องด้วยโทสะ!

 

หลงเฉินรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของไป๋ซื่อจี  เพียงไม่กี่อึดใจ หลงเฉินก็ตระหนักดีว่าเขาไม่มีเวลามาต่อสู้ไป๋ซื่อจี  พลังปราณของเขาปะทุขึ้นราวกับมังกร และในครานี้ เขาก็พุ่งเข้าใส่ไป๋ซื่อจีอย่างรวดเร็ว แม้แต่พื้นดินเบื้องล่างก็เริ่มสั่นไหว!

 

ขณะที่เขาวิ่ง มือทั้งสองก็สร้างตราประทับขึ้นมา  พร้อมกับที่ปราณโลหิตหมุนวนอย่างรวดเร็วและส่งเสียงหวีดแหลม!

 

“ไป๋ซื่อจี ตายเสียเถอะ!”

 

ในตอนนี้ หยางอู่และหยางหลิงเยวี่ยมองหลงเฉินด้วยความตกใจสุดขีด  โดยเฉพาะหยางอู่ เขาคุ้นเคยกับคลื่นพลังของผนึกมังกรดี ในเวลากว่าสิบวัน หลงเฉินกลับสามารถใช้ผนึกมังกรได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่หยางอู่ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี  ไม่แปลกใจเลยที่หลงเฉินช่างมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้ทักษะยุทธ์อย่างมาก

 

‘เพียงกว่าสิบวัน... ผนึกมังกร... เป็นไปไม่ได้!  จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นอัจฉริยะเช่นนี้ไปได้อย่างไร?’

 

นี่คือสิ่งที่หยางหลิงเยวี่ยและหยางอู่คิด  ในหัวของพวกเขามิอาจทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้  และพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าปราณโลหิตสีแดงจาง ๆ และผนึกมังกรที่เขาใช้นั้นแตกต่างไปจากผู้อื่น!

 

เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ หลงเฉินก็กลายเป็นมังกรปีศาจเงาโลหิตที่ร้องคำรามและพุ่งเข้าใส่ ไป๋ซื่อจีก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ทันใดนั้น  ความตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก

 

‘ผนึกมังกรงั้นรึ? ผนึกมังกรของผู้ที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหก หรือจะมาสู้กระบวนท่าดัชนีสวรรค์ทมิฬของตระกูลไป๋ได้?’

 

“เพลงดัชนีสวรรค์ทมิฬ!  ดัชนีปีศาจจำแลง!”

*************************************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด