ตอนที่ 31 เปลี่ยนความคิดใหม่
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ร่วงที่พัดใบเมเปิลแห้งๆ ให้ปลิวว่อนไปทั่วพื้น กู้เฉิงเซียวยืนนิ่งอยู่ข้างถนนและเผชิญหน้ากับสองหนุ่มสาวเพียงลำพัง เขาส่งสายตาห่างเหินเย็นชาจ้องมองหลานชาย
ลึกเข้าไปในดวงตาคมคู่นั้นเปรียบได้ดั่งเทพแห่งจักรวาลผู้ปกครองโลกที่สามารถบงการทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งใต้หล้า ทันใดนั้นเองเขาก็สลัดความเดียวดายทิ้งไปด้วยการดึงตัวผู้หญิงของเขาเข้ามาเคียงข้าง
“อาสอง—” ฉู่โม่เฟิงส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ
กู้เฉิงเซียวยกมือขึ้นเพื่อหยุดคำพูดของอีกฝ่าย เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือของหลินเฉี่ยนและเปลี่ยนไปโอบรอบเอวของเธอแทน
ทว่าในครั้งนี้ หลินเฉี่ยนไม่ได้พยายามปัดป้องคนตัวโตที่กำลังดึงเธอเข้าไปแนบชิดเหมือนที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นสาวน้อยยังแอบใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้โดยการจับไปที่มือใหญ่ของกู้เฉิงเซียวเพื่อให้อ้อมกอดนี้ดูใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิม
“น...นี่?” ฉู่โม่เฟิงมองทั้งสองคนด้วยสายตางุนงง ‘เขากำลังมองเห็นอาของเขาโอบเอวผู้หญิงที่เขาชอบแถมสาวเจ้าก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างว่าง่าย’
“ผู้หญิงคนนี้คืออาสะใภ้ของนาย” กู้เฉิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ฉู่โม่เฟิงนิ่งอึ้ง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
ถ้าหากไม่ได้ยินกับหูตัวเอง ถ้าหากไม่ใช่เป็นคำพูดที่มาจากปากของอาสองของเขา ฉู่โม่เฟิงไม่มีทางเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์กันในลักษณะนี้ได้
เด็กหนุ่มค่อยๆ เรียกสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง แม้จะถูกแว่นกันแดดบดบังใบหน้าหล่อเหลาไปเกือบครึ่ง แต่มันก็ยังไม่สามารถปกปิดท่าทีไม่ยอมรับและอาการตกตะลึงบนใบหน้าหล่อเหลานั้นได้ แล้วเขาก็เริ่มตั้งคำถาม
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เกือบเดือนแล้ว”
“ผมถามว่าไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน?”
“เกือบเดือนแล้ว”
“.......” สีหน้าของฉู่โม่เฟิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโศกเศร้าซึ่งมันก็ทำให้หัวใจของหลินเฉี่ยนรู้สึกราวกับถูกบีบรัดตามไปด้วย นี่เป็นความเจ็บปวดทรมานที่ฉู่โม่เฟิงไม่สามารถควบคุมได้ เขาแทบจะหายใจไม่ออกเพราะความทรมานนี้
กู้เฉิงเซียวไม่ได้เฉยเมยกับความรู้สึกของหลานชาย ทว่าเหตุผลในใจบอกกับเขาว่านี่มันไม่ใช่ความผิดของเขา ดังนั้นเขาจึงยังคงแสดงออกด้วยท่าทีนิ่งเฉยและคงความสงบนิ่งเอาไว้บนใบหน้าเหมือนอย่างเคย
“ฉันไม่อยากให้มันกระทบกับเรื่องเรียนของหลินเฉี่ยน พวกเราเลยไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป”
ทุกครั้งที่เผชิญหน้าหรือพูดคุยกับกู้เฉิงเซียวตรงๆ ฉู่โม่เฟิงก็มักจะรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นเสมอ เขาจึงเลือกถามหลินเฉี่ยนแทน “หลินเฉี่ยนเธอเต็มใจที่จะแต่งงานกับเขาหรือเป็นเพราะถูกบังคับ?”
“……” หลินเฉี่ยนนิ่งเงียบ
“เสี่ยวเฟิง นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ?” กู้เฉิงเซียวโต้กลับด้วยเสียงที่ดังขึ้น
แต่ไม่ว่าอย่างไรฉู่โมเฟิงก็ยังคงถามต่อไปราวกับเขาไม่รู้สึกถึงประตูนรกที่อยู่ตรงหน้า “หลินเฉี่ยน เธอไม่ได้ลำบากใจจริงๆ เหรอที่ต้องมาแต่งงานกับคนที่เพิ่งรู้จักกันแถมยังอายุมากกว่าตั้งเยอะแบบนี้ ?”
ตั้งแต่เล็กจนโตฉู่โม่เฟิงชื่นชมและเชื่อฟังอาสองของตัวเองมาโดยตลอด เพราะไม่ว่าคนคนนี้จะพูดอะไรก็ดูทรงพลังและแฝงไว้ด้วยอำนาจที่น่าเกรงขามเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งมันเกิดขึ้นจากอำนาจหน้าที่ที่เขามีและอีกส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นจากตัวของเขาเอง และนั่นก็ทำให้ฉู่โม่เฟิงไม่เคยกล้าขัดอาสองเลยสักครั้ง
ทว่าตอนนี้ เขายอมเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อถาม “หลินเฉี่ยน...เธอเดือดร้อนตรงไหนเหรอ? เธอบอกฉันได้ไหม?”
เพราะยืนอยู่อย่างแนบชิดหลินเฉี่ยนจึงสัมผัสได้ถึงความโกรธของกู้เฉิงเซียว ในตอนที่ฉู่โม่เฟิงถาม เธอรู้สึกถึงรังสีแห่งความตึงเครียดที่แผ่ออกมาจากชายหนุ่มข้างตัวได้อย่างชัดเจน ยิ่งกว่านั้นแขนของเขายังรัดเอวเธอแน่นขึ้นขณะที่เขาโกรธ
‘แต่หมอนี่เป็นหลานชายของเขานะ เขาคงจะไม่ทำอะไรไม่ดีกับหลานตัวเองหรอกน่า’ เสียงในหัวของหลินเฉี่ยนบอกกับตัวเธอเอง
เมื่อปลอบตัวเองในความคิดได้แล้ว สาวน้อยจึงกล้าเงยหน้าขึ้นแล้วตอบฉู่โม่เฟิง “ฉันบ้าบอแถมยังทำตัวเละเทะขนาดนี้แต่อาสองของแกก็ยังดีกับฉัน แล้วฉันก็มีความสุขมากที่เขาอยากแต่งงานกับฉัน แกคิดมากไปแล้ว”
ฉู่โม่เฟิงสูดหายใจลึก เส้นเลือดที่ขมับของเขาปูดโปน ดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดแดงก่ำและมันก็กำลังเบิกกว้างขึ้นอย่างน่ากลัว เขากำลังทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด “แล้วทำไมเธอไม่บอกฉันให้มันเร็วกว่านี้?”
ถึงแม้ว่าหลินเฉี่ยนเองก็แทบจะทนรับความรู้สึกในตอนนี้ไม่ไหว แต่ไหน ๆ ก็เริ่มมาถึงขั้นนี้แล้วหลินเฉี่ยนจึงต้องเดินหน้าต่อไป ต่อให้ท้องฟ้าจะถล่มก็ต้องจบมันลงให้ได้ เธอจึงแกล้งทำเป็นไม่แยแสแล้วทำทีพูดเย้ยหยันเขา “เน้! แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงเล่าว่าแกแอบชอบฉันมาตั้งนานขนาดนี้”
“.......” ฉู่โม่เฟิงรู้สึกราวกับถูกของแข็งตีแสกหน้า เขากำหมัดแน่นจนมือสั่น ไหล่กว้างก็เริ่มสั่นสะท้าน มันไม่ใช่เพียงแค่ความภาคภูมิใจของเขาเท่านั้นที่ถูกทำลาย แต่มันรวมถึงศักดิ์ศรีของเขาด้วย
คนคนนั้น...ถ้าหากไม่ใช่ฮีโร่ในดวงใจที่เขาเทิดทูนและภาคภูมิใจมาตั้งแต่เด็ก เขาจะต้องเค้นถามจนกว่าจะได้คำตอบที่แท้จริงแน่ และเขาก็ไม่เชื่อว่าหลินเฉี่ยนจะยอมแต่งงานกับคนที่เพิ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วันแบบนี้ด้วย
แต่เพราะคนคนนั้นคือกู้เฉิงเซียว...คนที่เพียบพร้อมทุกอย่าง คนที่มีภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบ คนที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก ฉู่โม่เฟิงรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถฆ่าเขาได้ตลอดเวลา และตัวเขาเองก็ไม่ได้มีดีเทียบเท่าฝ่ายนั้น แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้ได้ล่ะ?
เขาจำต้องเชื่อว่าที่หลินเฉี่ยนพูดเป็นเรื่องจริง ในเมื่อเธอพูดเองว่าเธอยินดีจะแต่งงาน นั่นก็คงจะไม่มีอะไรต้องถามอีกแล้ว
และถ้าหากเขาเป็นเธอ เขาเองก็คงจะยอมตกลงแต่งงานกับผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างกู้เฉิงเซียวเช่นเดียวกัน
ดังนั้นในฉากตรงหน้าจึงมีแค่เขาที่พยายามจะสู้อยู่คนเดียวบนสังเวียนนี้ โชคไม่ดีที่เขาไม่มีใครยืนหยัดอยู่เคียงข้างหรือแม้แต่คนที่คิดจะร่วมสู้กับเขาก็ไม่มี และน่าเศร้าที่สุดก็คือ เขากำลังตระหนักว่า...มันไม่มีแม้แต่เหตุผลที่จะสู้
จู่ๆ ฉู่โม่เฟิงก็พยักหน้า บนใบหน้าหล่อเหลาดูกล้ำกลืนจะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องก็ไม่เชิง “อืม เข้าใจแล้ว อาสอง อา...สะใภ้...ผมขอตัวไปเรียนก่อน...”
หลินเฉี่ยนเปิดปากเพื่อที่จะพูดแต่ทว่ากลับไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมา คอของเธอตีบตันไปหมด จมูกฝาดเฝื่อนเล็กน้อย ของเหลวบางอย่างกำลังปริ่มล้นขอบตาของเธอ
เมื่อมองตามแผ่นหลังของฉู่โม่เฟิงที่กำลังสั่นน้อยๆ หลินเฉี่ยนก็รู้สึกกังวล “นะ...นายจะไม่ไปดูเขาหน่อยเหรอ?”
อันที่จริงกู้เฉิงเซียวเองก็รู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมของหลานชายในวันนี้ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นห่วงแต่เขาก็ปล่อยให้มันเลยตามเลย หลังจากที่ฉู่โม่เฟิงเดินจากไปแล้ว เขาก็ปล่อยมือออกจากเอวของหลินเฉี่ยน เขาหันมาจ้องหน้าสาวน้อยข้างกายตรงๆ “เขาแอบชอบเธออยู่ แต่เธอไม่เคยรู้เลยสักนิดงั้นเหรอ?”
หลินเฉี่ยนโต้กลับ “เอ้า! ถ้ารู้ก็ไม่เรียกว่าแอบชอบดิ”
“หึ น่าภูมิใจจริงๆ ที่มีคนแอบชอบ มีความสุขมากไหมที่ได้รู้ว่าเขาแอบชอบแล้วทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้”
‘พูดบ้าอะไรของนาย?!’ หลินเฉี่ยนมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโห ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขากำลังพูดแดกดันเธออยู่ “เรื่องนี้จะมาโทษว่าเป็นความผิดของฉันงั้นสิ? ฉันเองก็ไม่ได้รู้แต่แรกซะหน่อยว่าพวกนายเป็นญาติกัน”
“เหอะ นี่เธอกำลังจะพูดว่าถ้าเขาไม่ใช่หลานของฉันเธอก็คงจะยอมเปิดใจรับรักเขาเหมือนกันสินะ?”
“......ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย เขาชอบฉันแต่ฉันไม่ได้ชอบเขานี่”
“เธอไม่ชอบเขาแล้วจะร้องทำไม?”
“ใครร้องกัน?!” หลินเฉี่ยนเถียงออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เมื่อได้เห็นความเศร้าของฉู่โม่เฟิงเธอก็อดร้องไห้ไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเคยบอกว่าตัวเองเป็นคนง่ายๆ ไม่คิดมาก แต่เธอไม่เชื่อแบบนั้น
“ทำไม? เห็นเขาเป็นแบบนั้นแล้วเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาเหรอ? กำลังนึกเสียใจที่หลงมาแต่งงานกับฉันใช่ไหมล่ะ? นี่ถ้ารู้จักฉันช้ากว่านี้สักหน่อยพวกเธอสองคนอาจจะลงเอยกันไปแล้ว ตอนนี้เธอคงคิดอยากจะหย่ากับฉันมากแล้วล่ะสิ?”
“หุบปากเดี๋ยวนี้เลย!” หลินเฉี่ยนตะโกนด้วยความโมโห ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ เธอจ้องมองไปที่กู้เฉิงเซียวและพูดเสียงดัง “เออ! ข้าเสียใจ! ถ้าข้ารู้ว่าสมองของเอ็งจะแม่ง มีแต่ขยะเน่าๆแบบนี้ข้าก็ไม่แต่งด้วยหรอก!”
กู้เฉิงเซียว “……”
“เออใช่ ข้ามันสวยระดับประเทศ จริงอยู่ว่ามันยากที่จะอดใจไม่ให้คิดอยากแต่งงานกับคนสวยอย่างข้าตั้งแต่แรกเห็น แต่มันจำเป็นจะต้องรักข้ามากมายขนาดนั้นเลยเหรอวะ? ห๊ะ!”
กู้เฉิงเซียว “……”
หลินเฉี่ยนสูดลมหายใจ “มันเป็นความผิดของข้าสินะที่ทุกคนมาชอบข้า ผิดมากเหรอที่เกิดมากหน้าตาดีน่ะ? ทั้งหลานทั้งอาถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ถ้ามีปัญหามากนัก งั้นเอ็งก็ทิ้งข้าอย่างที่แม่เอ็งบอกไปเลยเด้!”
กู้เฉิงเซียวได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปในทันที เขาอ้าปากและพูด “ขะ...ข้า?” ตัวตนของผู้หญิงตรงหน้าที่ค่อยๆ เผยออกมามันแปลกใหม่ขึ้นทุกครั้งจนเขาเองก็ไม่รู้แล้วว่าแบบไหนคือตัวตนที่แท้จริง จริงๆ ของเธอ
—นี่..ยังมีอะไรที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับเธออีก?—
—ตัวตนของเธอในวันนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน—
“คิดว่าข้าอยากแต่งงานกับเอ็งมากรึไง! ผู้ชายบ้าอะไรวัน ๆ เอาแต่เก๊กหน้าบึ้ง ท้องผูกเหรอ ? ถ้าปวดขี้นักก็ไปเข้าส้วมเด้! เอ็งอารมณ์ไม่ดีไม่พอยังจะมาลากให้ข้าอารมณ์เสียไปด้วย หรือมีเอ็งปัญหาทางจิตวะ? ไอ้คนวิกลจริต!”
“ถ้าชอบกินหญ้าอ่อนมากนักก็ไปหากินในโรงเรียนอนุบาลนู้นไป๊! รับรองได้กินสมใจอยากแน่! ไอ้วัวแก่!!!!”
“เห้ยยยยย! ทำไรวะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! เห้ย!!!กู้เฉิงเซียว! อ๊ากกก!!!”
.
.
.
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm