ตอนที่ 3 เราเป็นแฟนกันดีไหม?
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
หนานอินคือนักศึกษาสาขาวิชานิเทศศาสตร์และเธอเองก็ถูกยกย่องว่าเป็นนักศึกษาดีเด่นสามประการเหมือนกับฉู่โม่เฟิงด้วย—การเรียนดี หน้าตาสะสวย และมาจากครอบครัวที่เพียบพร้อม แม้ว่าฉายา ‘ดอกไม้แห่งมหา’ลัย’ ของเธอจะเป็นการอุปโลกน์ขึ้นมาเองแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไม่เห็นด้วยกับฉายานี้
และที่บังเอิญไปกว่านั้นคือฉู่โม่เฟิง หลินเฉี่ยนและหนานอินเคยเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนเดียวกันมาก่อน แถมฉู่โม่เฟิงและหลินเฉี่ยนก็ยังนั่งโต๊ะติดกันมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้วด้วย
เรื่องที่หนานอินหลงรักฉู่โม่เฟิงเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันเป็นอย่างดี และเป็นเพราะเธอเห็นหลินเฉี่ยนกำลังเกาะอยู่บนหลังของฉู่โม่เฟิงอย่างแนบแน่นจึงทำให้เธอทั้งโกรธและอิจฉาขึ้นมา เธอมองไปที่หลินเฉี่ยนด้วยสายตาเหยียดหยาม
ก่อนหน้านี้หนานอินก็เคยมี ‘เรื่องราวในอดีต’ กับหลินเฉี่ยนจนกลายเป็นเรื่องขบขันที่ถูกโจษจันไปทั่วและยังคงเล่าลือต่อๆกันมาจนถึงตอนนี้
.
.
.
ในตอนที่พวกเขาเพิ่งจะขึ้นมัธยมปลาย หนานอินหลงรักคุณชายเฉี่ยนตั้งแต่แรกพบแถมยังเคยสารภาพความในใจกับหลินเฉี่ยน แต่สุดท้ายหลินเฉี่ยนก็ตอกหน้าสวยๆของเธอกลับมาด้วยประโยคว่า ‘ฉันไม่ชอบเพศเดียวกัน’
ในตอนนั้นหัวใจของหนานอินแทบจะแตกสลาย ความรักทั้งหมดเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังที่ฝังลึกอยู่ในใจเธอจนเธอคิดแต่จะเอาชนะหลินเฉี่ยนเพื่อลบล้างความอับอายที่เกิดขึ้น และนั่นก็ทำให้หลินเฉี่ยนกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเธอไปโดยปริยาย
หลังจากนั้นไม่นานหนานอินก็ตกหลุมรักฉู่โม่เฟิง ความเย็นชาของเขาทำให้เธอหลงเสน่ห์จนแทบจะถอนตัวไม่ขึ้น
แต่ใครจะไปรู้ว่าหลินเฉี่ยนคือคนที่นั่งโต๊ะข้างๆฉู่โม่เฟิง ทุกครั้งที่เธอไปหาฉู่โม่เฟิงก็ต้องพบกับหลินเฉี่ยนเสมอ หอกข้างแคร่อย่างหลินเฉี่ยนเริ่มเป็นเหมือนหนามยอกอก จนสุดท้ายเธอก็เริ่มมองเห็นหลิงเฉี่ยนเป็นมารหัวใจมากขึ้นไปทุกที
หลังจากจบมัธยมปลายพวกเขาก็อยู่มหา’ลัยเดียวกันอีก
‘โลกมันช่างกลมเหลือเกิน!’
.
.
.
“หลินเฉี่ยนลงมาเดี๋ยวนี้นะ! อย่าเอามือสกปรกๆของเธอไปทำให้ฉู่โม่เฟิงแปดเปื้อน”
อันที่จริงหลินเฉี่ยนเองก็คิดจะลงจากหลังของฉู่โม่เฟิงแต่แรกอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงสูงปรี๊ดของหนานอิน เธอก็เปลี่ยนใจทันทีพร้อมกับใช้แขนโอบรอบคอฉู่โม่เฟิงจนแน่นแถมยังเอาหน้าของเธอไปแนบกับหน้าของเขาอย่างจงใจสุดๆ และพูดเสียงดังอย่างจงใจมากยิ่งกว่าว่า “ฉู่โม่เฟิง นี่แฟนนายเหรอ?”
คำถามนี้ทำเอาหนานอินใจเต้นแรงขึ้นมา เพราะเธอรอคำตอบนี้จากอีกฝ่ายมากว่าหนึ่งอาทิตย์แล้ว
“ไม่ใช่” ฉู่โม่เฟิงตอบกลับไปด้วยเสียงเรียบๆราวกับไม่ใช่เรื่องของตนเอง และเขาก็พูดโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
การรอคอยที่แสนยาวนานของหนานอินในเวลานี้ได้รับคำตอบแล้ว ดอกไม้แห่งมหา’ลัยนิ่งอึ้ง—...ช่างเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน ...มันมากเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้—
เวลานั้น แดดอ่อนๆจากดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดินกำลังส่องกระทบหน้าของหลินเฉี่ยนที่อยู่บนหลังของฉู่โม่เฟิง แสงอ่อนๆ สีทองนั้นทำให้ใบหน้าของเธอดูผุดผ่องและน่ารักมากยิ่งขึ้น
หลินเฉี่ยนถามฉู่โม่เฟิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนุ่มนวลว่า “งั้น...ฉันเป็นแฟนนายดีไหม?” สำหรับหลินเฉี่ยนแล้วตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย บางครั้งเธอก็ทำให้เขารู้สึกโกรธ บางครั้งเธอก็สามารถทำให้เขารู้สึกเขินอายได้อย่างไม่ทันตั้งตัว ‘หึหึหึ สนุกชะมัดเลยแฮะ’
หลังจากเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยโอกาสที่จะได้นั่งใกล้กันนั้นน้อยซะจนแทบจะนับด้วยนิ้วได้ เธอจึงไม่ได้แกล้งเขาเหมือนกับเมื่อก่อนอีก
—ราวกับว่าเวลาหยุดหมุน ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน แสงสีทองที่สาดส่องลงมากระทบกับต้นไม้ใหญ่จนเกิดเงาดูนิ่งสงบ แม้แต่ลมหนาวที่พัดผ่านก็ดูเหมือนว่าจะช้าลง มีเพียงแต่เสียงหัวใจเท่านั้นที่ยังคงเต้นรัวอย่างต่อเนื่องและชัดเจน—
ฉู่โม่เฟิงหันมามองหลินเฉี่ยน ทันใดนั้นหนังตาของเขาก็กระตุก พร้อมกันนั้นนัยน์ตาคู่คมก็เป็นประกายขึ้นมาน้อยๆ แววแห่งความปีติยินดีเจืออยู่ในนั้นจางๆ
ตอนที่เขากำลังจะตอบกลับไป หลินเฉี่ยนก็เอามือของเธอบีบไปที่คางได้รูปพร้อมกับใช้มืออีกข้างหยิกไปที่คอของเขาก่อนที่จะบิดใบหน้าหล่อเหลาไปหาหนานอิน “ตอนนี้ฉันจัดการกับเขาแล้ว แถมตอนนี้ความสกปรกทั้งหมดในมือคู่นี้ก็แปดเปื้อนอยู่บนตัวเขาแล้วด้วย แน่จริงก็มากัดฉันเลยเซ่!”
หนานอินชี้หน้าหลินเฉี่ยนด้วยความโกรธ “ยัยบ้า! ชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง สงสารพ่อแม่เธอจริงๆที่ต้องให้กำเนิดคนอย่างเธอออกมา เลี้ยงไปก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำ ฉันไม่แปลกใจเลยที่เธอถูกพวกเขาทอดทิ้ง คนประหลาด! แม้แต่พ่อแม่ตัวเองก็ยังไม่อยากได้ ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไปทำบ้าอะไร?!”
หลินเฉี่ยนที่ก่อนหน้านี้กำลังยิ้มด้วยความสนุกสนาน เมื่อได้ยินคำด่าของหนานอินสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สาวห้าวผมสั้นกุดกระโดดลงจากหลังของฉู่โม่เฟิงพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายด้วยอย่างโกรธจัด สำหรับหลินเฉี่ยนต่อให้ใครจะด่าอะไรเธอก็ไม่สนใจอยู่แล้วแต่อย่ามาพาดพิงลามปามไปถึงบุพการีของเธอ
หนานอินวิ่งเข้ามาจับมือฉู่โม่เฟิงที่กำลังจะปลีกตัวออกไป “อยู่ให้ห่างยัยบ้านี่นะ ได้ยินมาว่าเมื่อคืนยัยนี่ไม่ได้กลับห้องทั้งคืน ไม่รู้ว่าออกทำอะไรกับใครที่ไหน อย่าเอาตัวไปขลุกกับคนสกปรกโสมมแบบนี้เลย ยี๊! น่ารังเกียจ”
ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้นฉู่โม่เฟิงก็สะบัดมือของหนานอินออกก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ขอโทษที แต่ช่วยอย่าจับฉันอีกมันจะดูไม่ดี เราไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา หนานอินก็ตัวแข็งทื่อไปทันที
หนานอิน “...................”
คนอื่นๆ ที่ยืนดูอยู่รอบๆ “.............”
“อีกอย่าง เมื่อวานหลินเฉี่ยนกลับบ้าน ไม่ได้ไปทำเรื่องไร้สาระอะไรอย่างที่เธอพูด หลินเฉี่ยนเป็นเพื่อนห้องเดียวกับฉัน เราสนิทกัน ฉันคงจะทำตัวเหินห่างจากหลินเฉี่ยนไม่ได้หรอก”
คำพูดของฉู่โม่เฟิงทำให้หนานอินรู้สึกราวกับถูกตบหน้าประจานกลางสี่แยกไฟแดง มันทำให้เธอรู้สึกอยากจะตายตอนนั้นให้ได้ ทำไมผู้ชายที่เธอชอบถึงได้ปกป้องคนแบบนั้นกัน? ยิ่งกว่านั้น ทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนี้กับเธอต่อหน้าคนเยอะแยะอย่างนี้
หลินเฉี่ยนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ เมื่อเห็นภาพแบบนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้น “เห้ ขอบใจสำหรับฉากรักซึ้งๆของพวกนายทั้งสองนะ ได้อารมณ์มากๆแล้วพวกนายนี่ก็ช่างเข้าใจฉันดีจริงๆเลย”
ฉู่โม่เฟิงละสายตาจากหนานอินก่อนจะหันมาสบตาหลินเฉี่ยนอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันจะเอากลับไปคิดดู”
พูดจบเขาก็เดินจากไปในทันที
ไปแล้ว...
หลินเฉี่ยนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความมึนงง ‘หืม? อะไร? หมอนั่นพูดอะไร? กลับไปคิดอะไร?’
…
อีกด้านหนึ่งของเมือง กู้เฉิงเซียวขับรถกลับมาที่บ้านของบิดามารดา ในทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ แม่ของเขาก็รีบเดินมาหา “ช่วงนี้พ่อความดันสูง ลูกอย่าไปทำอะไรให้พ่อเขาโกรธนะลูก”
ได้ยินมารดาพูดแบบนั้น กู้เฉิงเซียวก็พอจะเดาได้ทันทีว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีรอเขาอยู่แน่ๆ
—แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือ ไม่ดี ยังไงเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี—
หลังจากเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น กู้เฉิงเซียวก็พบพ่อของเขา—กู้หยวน กำลังพักผ่อนอยู่บนโซฟา แม้ว่าจะปลดเกษียณแล้ว แต่อดีตนายพลคนดังก็ยังคงมีอำนาจและเคร่งครัดในวิธีปฏิบัติแบบทหาร ลูกชายของเขาซึ่งเป็นทหารเช่นกันจึงต้องทำตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น เขาเดินเข้าไปหาก่อนจะยกมือขึ้นมาทำความเคารพพ่อของเขาเพื่อเป็นการทักทาย “พ่อ ผมกลับมาแล้ว”
กู้หยวนเห็นลูกชายกลับมาบ้านก็รีบเปิดประเด็นขึ้นมาว่า “เฉิงเซียว เรื่องของแกกับหนูจื่อฉี ตกลงกันให้เรียบร้อยได้แล้ว”
“ผมกับจื่อฉี? ตกลงอะไรเรื่องกันครับ?”
“ความรู้สึกของหนูจื่อฉีที่มีต่อแกพวกเราทุกคนรู้ดี และพวกเราก็ถูกใจหนูจื่อฉีด้วย ถ้ายังยื้อเวลาต่อไป อายุของหนูจื่อฉีก็จะมากขึ้นไปอีก”
“พ่อครับ...” กู้เฉิงเซียวแทรก “เจิ้งจื่อฉีจะรู้สึกยังไงนั่นก็เป็นเรื่องของเธอไม่ได้เกี่ยวกับผม แล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธอด้วย เราสองคนเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
กู้หยวนถลึงตามองลูกชายของเขา อันที่จริงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าลูกชายตัวดีจะต้องพูดแบบนี้ “ถ้าแกไม่ได้คิดอะไรกับหนูจื่อฉีก็ดี เพราะอันที่จริงฉันกับเฉินเหลียนเซ็นต์สัญญากันแล้วให้มีงานมงคลเกิดขึ้นในปีนี้ อ่ะนี่ ในเอกสารเขียนระบุไว้ชัดเจนแล้ว พรุ่งนี้แกก็ไปบ้านตระกูลเฉินจัดการเรื่องนี้ซะ” กู้หยวนดันเอกสารฉบับหนึ่งบนโต๊ะให้ลูกชาย
กู้เฉิงเซียวก้มลงมองเอกสารตรงหน้าก่อนที่จะพูดด้วยความโมโห “พ่อครับ นี่ยุคไหนแล้วยังจะจับคลุมถุงชนอยู่อีก จะไม่หัวโบราณไปเหรอครับ?”
“นี่แกจะไม่ฟังที่ฉันพูดแล้วใช่ไหม?” ด้วยประโยคนี้ทำให้คนเป็นลูกรู้ได้ทันทีว่าอดีตนายพลผู้อยู่ตรงหน้ากำลังออกคำสั่งซึ่งเขาไม่สามารถขัดขืนได้ด้วยประการทั้งปวง นี่เป็นนิสัยประจำตัวที่พ่อเขาได้มาตั้งแต่ตอนยังเป็นทหาร หากไม่ใช่เพราะปัญหาสุขภาพของพ่อ ตอนนี้เขาก็คงจะยังนั่งบัญชาการอยู่ในตำแหน่งสูงๆของประเทศอย่างแน่นอน
กู้เฉิงเซียวได้ยินเช่นนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “พ่อครับ ผมเพิ่งจะยี่สิบแปดเองนะ ยังไม่อยากรีบแต่งงาน”
“แกไม่รีบแต่ฝั่งนู้นเขารีบ!” วันนี้ถ้าไม่ใช่ตระกูลเจิ้งก็ต้องเป็นตระกูลเฉินเนี่ยแหละเพราะกู้หยวนเจาะจงเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว “ตอนนี้ก็แกว่างแล้ว รีบจัดการเรื่องแต่งงานนี่ให้เรียบร้อยซะ!”
กู้เฉิงเซียวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “พ่อ เรื่องนี้ผมให้คำตอบไม่ได้หรอกครับ”
กู้หยวนตบโต๊ะดังปัง แล้วเอ็ดเสียงดังลั่น “แกอย่าคิดว่าฉันเกษียณแล้วจะทำอะไรแกไม่ได้นะ สองปีที่ผ่านมาฉันปล่อยให้แกทำตามใจตัวเองมาตลอด เรื่องอื่นแกขัดขืนฉันก็ยังพอจะทำใจยอมได้ แต่สำหรับเรื่องนี้ถ้าแกยังดื้อด้านไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะไล่แกออกจากงานที่แกทำ!”
“พ่อ!” กู้เฉิงเซียวโพล่งเสียงไม่เบานัก ‘นี่เราเป็นลูกพ่อจริงๆรึเปล่าเนี่ย?’
เย้เชี่ยนหรูเห็นท่าไม่ค่อยดีก็รีบเข้ามาแยกทั้งสองออกจากกันเพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรงมากไปกว่านี้ เพราะถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆพ่อลูกเลือดร้อนคู่นี้ก็คงจะไม่มีใครยอมใครแน่ “พอแล้วๆ นี่ลูก ตอนนี้ลูกก็อายุยี่สิบแปดแล้วถึงลูกจะไม่รีบร้อนแต่งงานแต่งานที่ลูกทำก็แทบจะไม่มีเวลาไปหาคู่เลยนะ อีกอย่างผู้หญิงดีๆแบบหนูจื่อฉีถ้าปล่อยให้หลุดมือไปล่ะเสียดายแย่เลย”
“แม่รู้ว่าลูกไม่ได้ชอบหนูจื่อฉี ส่วนเรื่องที่พ่อของลูกสัญญากับตระกูลเฉินไว้ แม่เองก็ได้ยินมาว่าหนูเชียนจินตระกูลเฉินไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรืออายุก็เหมาะสมกับลูกทุกอย่างแถมยังสวยกว่าหนูจื่อฉีด้วย ทั้งเรื่องความบริสุทธิ์ผุดผ่อง กิริยามารยาทดูก็รู้ว่าผ่านการอบรมสั่งสอนมาดี นิสัยชาติตระกูลก็ดีพร้อมทุกอย่างเลยนะลูก”
ตอนนี้กู้เฉิงเซียวพอจะเข้าใจแล้วว่าที่แม่ของเขาเรียกเขากลับมาบ้านก็เพื่อจะพูดเรื่องนี้ พ่อกับแม่ต้องการให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝา เขารู้เรื่องนี้ดี เขาพยายามโหมงานให้หนักจนไม่มีเวลาพักผ่อนเพื่อที่จะไม่ต้องกลับบ้าน ซึ่งความจริงแล้วทั้งหมดที่เขาทำก็เพื่อหลบเลี่ยงการแต่งงาน!
ในครั้งนี้พวกเขายกสารพัดข้ออ้างขึ้นมาและถึงกับทำทุกอย่างเพื่อบีบบังคับเขา
พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ากู้เฉิงเซียวไม่มีทางเลือกจื่อฉีอยู่แล้วพวกเขาก็เลยเลือกที่จะหาคนมาเปรียบเทียบกับเธอ ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาในครั้งนี้คือการบังคับให้เขาแต่งงานกับเชียนจินลูกสาวตระกูลเฉิน!
เรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่โต มันต้องคิดให้มากเพื่อตัดสินใจ แต่พวกเขากลับทำเหมือนกำลังเล่นขายของ —‘เรื่องอย่างนี้ใช่เรื่องที่จะทำเป็นเล่นแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’—
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm