ตอนที่ 3 ชีพจรมังกร
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ขณะที่หลงเฉินกำลังยืนงุนงงอยู่นั้น พลังลมปราณก็ไหลทะลักออกมาจากหยกลึกลับที่อยู่ภายในจุดตันเถียนของเขา
“ลมปราณพวกนี้มาจากไหนกัน? หรือว่าหยกมังกรจะดูดซับพวกมันมาจากร่างกายของตาแก่?!”
แม้ว่าหลงเฉินจะฝึกฝนร่างกายมาอย่างดี แต่พลังลมปราณอันมหาศาลในตอนนี้มันเกินกว่าที่ร่างกายของเขาจะรับไหวและอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ พลังที่ปะทุขึ้นมาไหลไปตามแขนและขาก่อให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปตามผืนดิน
คลื่นความร้อนแผ่ซ่านอยู่ในอกทำให้หลงเฉินร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน เขากัดฟันขณะที่ร่างการชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
พลังลมปราณภายในจุดตันเถียนของเขาปั่นปวนขึ้นมาอย่างรุนแรงราวกับว่าจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาก็อาจจะถึงตายจากการที่ร่างระเบิดได้ ดวงตาของหลงเฉินเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อคิดถึงความตายที่กำลังก้าวเข้ามา มันเป็นความตายที่ไม่หลงเหลือแม้แต่ซากศพเสียด้วยสิ
“ข้าไม่ใช่คนที่จะมาตายง่ายๆ! ชีพจรมังกรรึ? ข้าจะทะลวงผ่านมันซะ!”
หลังจากที่ฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจมาได้ในระดับหนึ่ง ร่างกายของมนุษย์จะสามารถก่อรวมพลังลมปราณขึ้นมาได้ หากรวบรวมพลังลมปราณได้อย่างเพียงพอจะสามารถใช้มันเพื่อทะลวงผ่านเส้นชีพจรมังกรได้ มีแต่พลังลมปราณที่ไหลผ่านเส้นชีพจรมังกรเท่านั้นจึงจะเรียกได้ว่าเป็นพลังลมปราณที่แท้จริงหรือลมปราณมังกรได้ และตอนนี้ปริมาณพลังลมปราณของหลงเฉินมันยิ่งกว่าคำว่าเพียงพอเสียอีก
“ทะลวง!”
หลงเฉินกัดฟันทน หยาดเหงือหลั่งไหลสู่ผืนพสุธา เขาส่งเสียงคำรามออกมา หลังจากพยายามอยู่นานในที่สุดพลังลมปราณภายในจุดต้นเถียนของเขาก็พุ่งทะยานราวกับมังกร เขาตัดสินใจชักนำพลังลมปราณที่กำลังเดือดดาลให้ทะลวงผ่านเข้าสู่เส้นชีพจรมังกร
*ปัง*
เกิดเสียงดังซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเส้นชีพจรมังกรถูกเปิดออกแล้ว พลังลมปราณอันมหาศาลไหลอย่างเกรี้ยวกราดราวกับน้ำหลากผ่านเส้นชีพจรมังกร เส้นชีพจรมังกรแต่เดิมที่เคยปิดอยู่ตอนนี้ค่อยๆขยายออกไปทีละชุ่น ตลอดทั้งกระบวนการนี้ลมปราณมังกรของหลงเฉินไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง
(* 1 ชุ่น = 1 นิ้ว)
หลังจากที่เส้นชีพจรมังกรเส้นแรกถูกเปิดออกมาแล้ว ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ลมปราณมังกรของหลงเฉินก็ไหลเวียนผ่านเส้นชีพจรมังกรไปแล้วหลายต่อหลายรอบก่อนจะกลับมาที่จุดตันเถียน อย่างไรก็ตาม พลังลมปราณที่กลับมาที่จุดตันเถียนในเวลานี้ยังคงอาลาวาดอย่างไม่หยุดยั้ง พลังลมปราณอันเหลือล้นกำลังสร้างความอึดอัดให้กับหลงเฉินอยู่ในขณะนี้
“หลังจากที่เบิกชีพจรมังกรเส้นแรกตอนนี้เท่ากับว่าข้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นแรกแล้ว! ทว่าพลังลมปราณในจุดตันเถียนของข้ายังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและรุนแรง ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่สองอย่างนั้นรึ? ข้าจะลองทะลวงผ่านมันให้ได้ในวันนี้!”
หลงเฉินทราบดีว่าการทะลวงผ่านชีพจรมังกรเส้นแรกของเขานั้นไม่ได้ใช้ความพยายามเท่าไหร่นัก ในขณะที่พลังลมปราณยังคงมีพละกำลังล้นเหลือ เขาจะต้องอาศัยจังหวะนี้ในการทะลวงสู่ขั้นถัดไป เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดลอยไป ขณะที่นั่งอยู่ตรงป้ายหลุมศพของบิดา หลงเฉินกัดฟันและเริ่มกระบวนการทะลวงผ่านเส้นชีพจรมังกรเส้นที่สอง
ยิ่งเป็นเส้นชีพจรมังกรเส้นหลังๆก็จะยิ่งทะลวงได้ยากและยังต้องการปริมาณพลังลมปราณที่มากขึ้นไปด้วย ถ้าเปรียบเทียบกับเส้นแรกแล้ว เส้นที่สองจะใช้พลังลมปราณที่มากกว่าเก่าหลายเท่า ด้วยเหตุนี้ทำให้การฝึกฝนภายในขอบเขตชีพจรมังกรทำได้ยากยิ่ง ภายในเมืองพฤกษาหมอกแม้ว่าคนมากมายจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจตลอดจนทรัพยากรไปอย่างมหาศาล แต่ก็ยังหาได้ยากนักที่จะมีคนที่ฝึกจนถึงขั้นที่เหนือกว่าขอบเขตชีพจรมังกรได้
เป็นอีกครั้งที่พลังลมปราณของเขาเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่เส้นชีพจรมังกรเส้นที่สองอย่างดุเดือด วันนี้ต่อหน้าหลุมศพของหลงฉิงหลาน หลงเฉินตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องทะลวงเส้นชีพจรมังกรให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตก็ตาม เขาบังคับให้พลังลมปราณอันมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่เส้นขีพจรมังกรเส้นทีสองทีละนิดๆ การเปิดเส้นชีพจรมังกรเส้นที่สองยากกว่าเส้นแรกมาก ถ้าล้มเหลว เขาก็จะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
หลังเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป หลงเฉินเปิดมันออกได้เพียงแค่สี่ชุ่นเท่านั้น แต่แค่นี้เขาก็รู้สึกอ่อนล้ามากแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกถึงคำสั่งเสียของบิดาและน้ำตาของเขาในยามที่กำลังจะตาย หลงเฉินก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเป็นอย่างมาก ความเจ็บปวดจากการทะลวงพลังในตอนนี้มันเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ท่านพ่ออยากให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น และข้าก็ตอบรับคำสั่งเสียของเขาไปแล้ว นี่ถือเป็นความรับผิดชอบของข้า แม้ว่าข้าจะต้องตาย ข้าก็จะทำงานนี้ให้สำเร็จ วันนี้ข้าจะทะลวงผ่านเส้นชีพจรมังกรเส้นที่สองให้จงได้ และข้าจะทำให้ท่านได้มองเห็นหลงเฉินคนใหม่!”
ในเวลาเดียวกัน เขาก็คิดถึงกลุ่มคนที่ค่อยดูถูกเหยียดหยามเขา มันยิ่งทำให้เขามีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง
“ลืมมันไปก่อน ข้าไม่ใช่ทั้งคนเลือดเย็นและโหดเหี้ยม เจ้าพวกที่มันมาเหยียดหยามข้า รอให้ข้าแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้าก่อนเถอะ ข้าจะตอบแทนให้อย่างสาสม!”
*ปัง!*
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดเส้นชีพจรมังกรเส้นที่สองก็ถูกทะลวงผ่านได้สำเร็จ ลมปราณมังกรที่ทรงพลังทั้งสองสายไหลผ่านเส้นชีพจรมังกรและกระจายไปทั่วร่างทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นในทันที พลังลมปราณมังกรอันมหาศาลไหลกลับไปที่จุดตันเถียนและพักอยู่ที่นั่น
เมื่อลมปราณไหลเข้าสู่ทวารทั้งเจ็ดของเขา เขาก็รู้สึกว่าสัมผัสต่างๆของเขาเฉียบคมมากขึ้น แม้แต่ในเวลากลางคืน เขาก็ยังมองเห็นพื้นที่โดยรอบได้ชัดเจนและหากตั้งใจฟังดี ๆ เขาสามารถได้ยินเสียงนกหรือแมลงรอบ ๆ ตัวเขาอย่างแจ้มชัด
เมื่อเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรแล้ว มันราวกับว่าทุกอย่างในร่างกายของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าแม้จะแค่การกลืนน้ำลายเบาๆก็ยังมีพลังมหาศาลถึงหนึ่งพันชั่ง
หลงเฉินลุกขึ้นยืน เขารู้สึกได้ถึงความสดชื่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มปรากฎขึ้นมา
ตอนนี้เขาเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่สองเรียบร้อยแล้ว หากใช้พลังลมปราณการจะชกต้นไม้ให้แหลกได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปสำหรับเขา
และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในที่สุดเขาก็จะถูกนับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวแล้ว!
เมื่อมองไปที่ป้ายหลุมศพของหลงฉิงหลาน หลงเฉินก็คุกเข่าลงและทำการเคารพศพอีกหลายครั้ง
“ความสำเร็จทั้งหมดของข้าในค่ำคืนนี้มาจากท่าน แต่ก่อนข้าเคยเกลียดท่าน เพราะท่านไม่เคยเหลียวแลข้าเลย แต่วันนี้ข้ารู้ว่าตัวเองคิดผิด ท่านเป็นพ่อที่ดี”
จากนั้นหลงเฉินก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้ากลับเข้าเมืองพฤกษาหมอก
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง...” หลงเฉินขมวดคิ้ว
“หยกมังกรแต่เดิมเคยอยู่ในจุดตันเถียนของพ่อข้า ตอนแรกข้าคิดว่าการที่มันมาปรากฎภายในห้วงจิตของข้าถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ แต่พอมาคิดดูอีกที มันมีโอกาสมากกว่าแปดส่วนที่ตาแก่จะรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาเลยกระตุ้นให้ข้ารีบเอามันยออกมาจากจุดตันเถียนของเขา คำพูดของตาแก่ก็ดูคลุมเครือเป็นอย่างมาก เขาเอ่ยถึงทวีปมังกรอุทิศและยังพูดถึงขุมกำลังที่ทรงอำนาจ หรือว่าตาแก่จะมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา?
ต้องไม่ผิดแน่ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมตอนที่เขามาที่เมืองพฤกษาหมอกถึงไม่มีใครรู้เรื่องอดีตของเขาเลย”
หลงเฉินขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยต่อ “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตาแก่รู้อย่างแน่นอนว่าหยกมังกรมีความเป็นมาอย่างไร แต่เขากลับยังปล่อยให้มันดูดซับพลังลมปราณจนตาย และตอนนี้เขายังขอให้ข้ารับมันมาอีก นี่เป็นปริศนาที่ข้าต้องหาคำตอบ อะไรกันที่เป็นเหตุผลที่เขาต้องทำเช่นนี้?”
เมื่อเขาลองเพ่งสมาธิและนำเอาจิตกลับเข้ามาในห้วงจิตอีกครั้ง หยกมังกรลึกลับก็ยังคงลอยโดดเด่นอยู่ภายในห้วงจิตของเขา ต่อให้หลงเฉินมีพรสวรรค์ที่ฉลาดกว่าคนทั่วไปเป็นสิบเท่า เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันมาปรากฎอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ห้วงจิตเป็นมิติพิเศษที่แยกออกมาจากโลก ถึงเขาจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นก็คงไม่มีใครยอมเชื่อเขาแน่ เพราะนอกจากเขาแล้วผู้อื่นไม่สามารถเข้ามาดูในห้วงจิตของเขาได้
ด้วยความลึกลับของหยกมังกรนี้ก็แสดงให้เห็นว่ามันต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ หลงเฉินต้องประหลาดใจที่พบว่าพลังลมปราณยังคงหลั่งไหลออกมาจากหยกมังกรนี้เพื่อเข้าสู่จุดตันเถียนของเขาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่มากเท่าก่อนหน้านี้ก็ตาม
เมื่อเห็นเช่นนี้รอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของเขา
“พลังลมปราณของข้าค่อยๆเพิ่มอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นความเร็วในการฝึกยุทธ์ของข้าย่อมเหนือกว่าคนทั่วไป ด้วยความเร็วนี้ การจะไล่ตามคนอื่นให้ทันคงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก”
ก่อนหน้านี้หลงเฉินรู้สึกหมดหวังในเส้นทางฝึกยุทธจนต้องหันไปใช้ชีวิตปกติเช่นสามัญชน แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง
เมื่อมองไปยังเมืองพฤกษาหมอกที่อยู่เบื้องหน้า หลงเฉินก็นึกถึงงานที่หลงฉิงหลานได้มอบหมายไว้ให้
“ในการแข่งจะมีคนรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นของตระกูลหยางมาเข้าร่วมกันหลายคน… พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือและเป็นอัจฉริยะ แม้แต่หยางฉาน ข้ายังเอาชนะไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ตาแก่ต้องการให้ข้าเป็นผู้ชนะและเอาตราประทับมังกรมา งานนี้มันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นสวรรค์ซะอีก...การจะเป็นนักรบมังกรมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?”
เมื่อมาถึงเมืองพฤกษาหมอก มันก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว
หลงเฉินไม่ได้อยู่ร่วมกับทุกคนในตระกูลหยาง แต่เขาซื้อห้องไว้ห้องหนึ่งซึ่งอยู่ในศาลาด้านตะวันออก เขาอยู่คนเดียวในระแวกนี้ ตั้งแต่เด็กจนโตเขาถูกคนนิสัยแย่ ๆ จำนวนไม่น้อยรังแก ฉะนั้นการอยู่คนเดียวถือเป็นทางแก้หนึ่งที่ได้ผลสำหรับเขา เมื่อไม่ต้องพบเจอผู้คนก็จะไม่ถูกรังแก
หลังจากกลับมาถึงห้อง หลงเฉินก็ทำตามกิจวัตรประจำวัน เขารีบตรงเข้าไปอาบน้ำก่อนจะมายืนอยู่หน้าเตียง ทว่าทันใดนั้นตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยรังสีอันเยือกเย็น
‘เตียงมันดูไม่เหมือนกับตอนก่อนที่ข้าออกไป หรือว่าจะมีโจร?’
หลงเฉินยังคงรักษาความสุขุมของตัวเอง เขาสำรวจดูรอบๆ ทว่ากลับไม่พบเบาะแสใดๆ
หลงเฉินหัวเราะแห้งๆ ออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอน วันนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ เขาได้ทะลวงผ่านเส้นชีพจรมังกรเส้นที่สองและเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกร ตอนนี้พลังของเขาอยู่ในจุดสูงสุด เขาจึงพบว่ามันยากที่จะข่มตาหลับให้ได้ในค่ำคืนนี้
ตอนนี้มันก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว มันเป็นเวลาที่ทุกคนควรจะนอนหลับกันหมดแล้ว ทว่าเวลานั้นเองที่ยอดฝีมือหน้าใหม่ที่เพิ่งจะพัฒนาประสาทสัมผัสของตัวเองขึ้นมาอย่างหลงเฉินรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้ห้องของเขา
เขารีบกดปุ่มกลไกที่อยู้ใกล้ๆ เตียงของเขาในทันทีและรีบเข้ามาหลบที่ช่องว่างใต้เตียง
แม้จะอยู่ใต้พื้น แต่พื้นก็มีช่องว่างที่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ข้างบนได้ หลงเฉินใช้ช่องที่ว่านั่นเพื่อแอบมองด้านบนอย่างเงียบๆ ภายในเวลาไม่กี่ล้มหายใจ บุคคลที่สวมชุดดำสองคนก็เข้ามาในห้องของเขา และเมื่อพวกเขาเห็นว่าผ้าห่มพองขึ้นมาจนคิดว่าน่าจะมีคนนอนอยู่ มือสังหารก็ไม่รอช้า หนึ่งในนั้นใช้มีดแทงลงไปที่เตียงของหลงเฉินทันที *ปัง* เกิดเสียงดังจนได้ยินไปทั่ว เตียงถูกตัดออกเป็นสองส่วน
“อะไรกัน ? เจ้านั่นไม่ได้อยู่ที่นี่รึ ? ก็พวกเราเห็นมันเข้ามาในห้องนี้ไม่ใช่รึไง?”
“มันต้องพบร่องรอยของเราและหนีออกไปแล้วแน่!”
“เหอะ ต่อให้มันหนีไปได้ในวันนี้ พรุ่งนี้มันก็หนีเราไม่พ้นอยู่ดี พวกเราจะรอให้ถึงพรุ่งนี้ ด้วยความสามารถของเรา การจะฆ่าเจ้าเด็กไร้ประโยชน์คนเดียวไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดั่งพลิกฝ่ามือหรอกหรือ?”
ชายทั้งสองคนรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่สองแล้ว แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่แข็งแกร่งกว่าเขา หลงเฉินไม่กล้าประมาท มือสังหารทั้งสองคนปลดปล่อยบรรยากาศที่ดูอันตรายออกมา ความสามารถของพวกเขาคงไม่ธรรมดา หากหลงเฉินออกมาเผชิญหน้ากับพวกเขาตรงๆ คงจะมีจุดจบที่ไม่สวยแน่
“โชคดีที่ข้าเตรียมการเอาไว้ก่อน ดีที่ติดตั้งกลไกลับไว้ที่เตียง ไม่เช่นนั้นวันนี้ร่างไร้วิญญาณของข้าได้นอนอยู่ที่เตียงนี้อย่างแน่นอน”
สีหน้าของหลงเฉินเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
“ในเมืองพฤกษาหมอก มีคนอยากฆ่าข้าถึงขนาดส่งมือสังหารมาเชียวหรือ ? แมลงตัวเล็กๆ อย่างข้ามีค่าให้คนสนใจถึงเพียงนั้นเชียว ?”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลงเฉินก็ต้องขมวดคิ้ว แม้ว่าจะลองพยายามไล่รายชื่อผู้ต้องสงสัยแล้ว เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าผู้ที่อยากจะเอาชีวิตของเขาเป็นใครกันแน่
ตระกูลหยางแม้ว่าจะมีหลายคนที่ไม่ชอบหน้าเขาและรังแกมาตลอด แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นที่จะต้องจ้างคนมาลงมือสังหารเขา
“ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องลับลมคมในบางอย่างเกิดขึ้น เห็นทีว่าพรุ่งนี้ข้าคงจะต้องกลับไปอยู่ในที่พักตระกูลหยางซะแล้ว ประการแรก ข้าต้องรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อน ประการที่สอง ข้ายังเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่สองที่ยังไม่มีทักษะยุทธ์ใดๆ แม้ว่าจะต้องสู้กับคนที่อยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นแรกก็อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้วยซ้ำ ตระกูลหยางมีหอทักษะยุทธ์อยู่ ถึงยังไงข้าก็ยังเป็นหนึ่งในคนตระกูลหยาง ข้าย่อมเข้าไปที่นั่นได้
ถ้าได้ทักษะยุทธดีๆ สักวิชา มันมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้พลังในการต่อสู้ของข้าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า....”
ในอดีตที่ผ่านมาหลงเฉินก็เคยสังเกตเห็นคนในตระกูลหยางฝึกทักษะยุทธ์ ทว่าเขาก็ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาของเขาแล้ว
ภายในที่พักของตระกูลหยาง หลงเฉินต้องเข้าไปจัดหาที่พักของตัวเอง มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เมื่อตะวันขึ้นหลงเฉินก็หอบสัมภาระเป็นจำนวนมากกลับไปยังที่พักของตระกูลหยาง
บ้านตระกูลหยางกว้างขวางเป็นอย่างมาก การที่หลงเฉินกลับมาหรือจะไม่กลับนั้นก็ไม่ได้เป็นที่สนใจของใคร
หลังจากที่จัดการห้องของตัวเองเรียบร้อยแล้ว หลงเฉินก็เริ่มทำสมาธิและปรับสภาวะพลังของตัวเอง หลังจากคืนที่ผ่านมาพลังลมปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง ในอนาคตอันใกล้นี้เขาคงจะเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่สามได้
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ เวลานี้เขาควรจะไปที่หอทักษะยุทธ์ของตระกูลหยางเพื่อจะเรียนรู้ทักษะยุทธ์เสียก่อน
ตามกฎของตระกูลหยาง ตราบใดที่เป็นผู้ฝึกยุทธในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่หนึ่งก็มีสิทธิ์เข้าไปในหอทักษะยุทธ์เพื่อเลือกทักษะยุทธได้ตามใจชอบ และตอนนี้หลงเฉินก็มีคุณสมบัติที่เพียงพอแล้ว
ตลอดทางที่ก้าวเดิน สาวใช้รวมถึงผู้คุ้มกันต่างก็มองมาที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา หลงเฉินคุ้นเคยกับสายตาเหล่านี้แล้ว คนพวกนี้มักจะซุบซิบนินทาเขาลับหลัง ทว่าเขาไม่เคยสนใจคนเหล่านั้นแม้แต่น้อย ในเวลานี้ต้องขอบคุณความจำอันยอดเยี่ยมของเขา เพราะแม้ว่าจะเคยเห็นหอทักษะยุทธ์เพียงแค่ครั้งเดียว แต่หลงเฉินก็จดจำเส้นทางที่จะไปถึงมันได้อย่างแม่นยำ
หอทักษะยุทธ์เป็นพื้นที่หวงห้ามภายในตระกูลหยาง มีแค่สมาชิกของตระกูลเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกสาวใช้เพราะต่อให้เป็นผู้คุ้มกันของตระกูลก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไป หลงเฉินมองเห็นประตูหินตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า และภายในมีแท่นหินอยู่มากมายซึ่งที่นั่นก็คือหอทักษะยุทธ์ของตระกูลหยาง
ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปใกล้ประตูหิน เส้นทางของเขาก็ถูกใครบางคนขวางเอาไว้เสียก่อน
มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉินหลิวผู้ที่เคยถ่มน้ำลายใส่หลงเฉินก่อนหน้านี้ อายุของเฉินหลิวพอๆ กับหลงเฉิน และยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่สองเหมือนกันอีกด้วย
เมื่อเห็นหลงเฉินมาที่หอทักษะยุทธ์ เฉินหลิวก็ประหลาดใจไม่น้อยก่อนจะเข้ามาขวางทางเอาไว้แล้วกล่าวว่า “นี่มันนายน้อยเฉินไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้เจ้าถึงมาที่หอทักษะยุทธ์ได้ ? ข้าได้ยินมาว่ามีขยะของตระกูลหยางที่ล้มจนหน้าจูบพื้นไปเมื่อวานนี้ แล้วทำไมนายน้อยเฉินถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
หลงเฉินเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังเหยียดหยามเขาอยู่ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาก็จะทำทีเป็นไม่สนใจ แต่เมื่อได้มาฟังในวันนี้ หลงเฉินกลับรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาจนยากที่จะระงับเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาอยู่ด้านหน้าของหอทักษะยุทธ์ ก่อนที่จะได้รับทักษะยุทธ์ เขาไม่ควรจะก่อปัญหาใดๆ ฉะนั้นเขาจำต้องอดกั้นเอาไว้และเดินอ้อมเฉินหลิวเพื่อตรงไปที่หอทักษะยุทธ์
อย่างไรก็ตามเฉินหลิวยังคงตามรังควานเขาและขวางเส้นทางของเขาอีกครั้ง เขาหัวเราะอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “นายน้อยเฉินเป็นใบ้เหรอ ไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง?”
“ตอนนี้ข้าเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรแล้ว ยิ่งกว่านั้นข้าจะเข้าไปหรือไม่เข้า มันไปเกี่ยวอะไรกับคนนอกอย่างเจ้าด้วย?”
หลงเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเฉินหลิวอย่างเย็นชา
แม้จะเป็นในยามที่ยังไม่มีพลังหลงเฉินก็อาศัยอยู่ที่นี่มานาน เขาเองก็เป็นลูกหลานตระกูลหยางคนหนึ่ง และตอนนี้ยังเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่สองแล้วด้วย ฉะนั้นการจ้องมองของเขาจึงทำให้เฉินหลิวรู้สึกกลัวจนต้องถอยออกไปหนึ่งก้าว
“อะไรนะ ? ข้าได้ยินผิดใช่ไหม? การเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรไม่ใช่สิ่งที่จะมากล่าวอ้างกันมั่วๆ ได้ วันนี้ข้าเองก็มีเวลา ฉะนั้นข้าอยากจะชมความแข็งแกร่งของนายน้อยเฉินที่เข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรเสียหน่อย!”
.
.
.
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm