ตอนที่ 27 แข่งกับเปลวไฟ
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ตำรวจจราจรที่เข้ามาดูสถานการณ์ในที่เกิดเหตุเล่าเหตุการณ์ให้กู้เฉิงเซียวฟัง “มีรถสามคันชนกันข้างหน้าครับ ผมยังไม่รู้จำนวนผู้บาดเจ็บ แต่รถโรงเรียนไม่เป็นอะไรมีแค่นักเรียนในรถตกใจกลัวและเสียขวัญ คุณครับ ถ้าคุณไม่อะไร ผมจะไปดูทางนู้นก่อน อีกเดี๋ยวรถพยาบาลก็จะมาถึง”
ตำรวจจราจรจำกู้เฉิงเซียวไม่ได้ และนายพลหนุ่มก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีก เขาผายมือเป็นสัญญาณให้ตำรวจนายนั้นไปทำหน้าที่ต่อ
“เสี่ยวเฟิงลงจากรถเองได้ไหม?”
“ได้ครับ ผมไม่เป็นไร”
กู้เฉิงเซียวลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูและประคองฉู่โม่เฟิงที่อยู่ในสภาพขาอ่อนแรงให้ตามลงมา
หลังจากออกมานั่งพักได้ไม่นานนักฉู่โม่เฟิงก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาอยู่ท่ามกลางอุบัติเหตุหมู่สองด้าน มีรถสามคันชนกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังอย่างน่าหวาดเสียว ขณะที่รถโรงเรียนและแลนด์โรเวอร์ของกู้เฉิงเซียวอยู่ตรงกลางและปลอดภัยดี
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่รอดมาได้ เขาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “นี่ถ้าอาไม่เร็วพอ รถเรากับรถโรงเรียนคงชนอัดกับรถพวกนั้นเป็นไส้แซนด์วิชไปแล้ว”
กู้เฉิงเซียวไม่มีเวลามามัวคิดเรื่องนี้ เขารีบเดินไปคว้ากล่องเครื่องมือที่อยู่หลังรถก่อนจะก้าวเร็วๆไปยังรถที่ถูกชนอยู่ด้านหน้า
เพราะเกิดอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันจึงทำให้เวลานี้การจราจรของถนนเส้นนี้กลายเป็นอัมพาตไปทั้งหมด
ในรถโรงเรียนเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนชั้นประถม เด็กๆทุกคนที่อยู่ในรถต่างก็อยู่ในอาการตกใจกลัวและกำลังร้องไห้ แต่โชคยังดีที่พวกเขาปลอดภัยทั้งหมด
รถที่ตามหลังมาดูเหมือนว่าจะโชคไม่ดีเท่าไหร่นัก มองจากสภาพของพวกเขาแล้วถือว่าเสียหายค่อนข้างหนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หนักเท่าสามคันที่ชนกันอยู่ด้านหน้า สภาพของพวกเขาสาหัสที่สุดในอุบัติเหตุครั้งนี้ กลุ่มควันเริ่มกระจายไปทั่ว สถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขาอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
คนในรถคันหน้าสุดและคันที่สามที่ชนอยู่ด้านหน้า ค่อยๆ ออกจากรถที่พังยับเยินทีละคน พวกเขากำลังให้ความช่วยเหลือกันเอง บางคนมีเลือดอาบใบหน้าและบางคนมีเลือดออกบริเวณขา
แต่ที่แย่ที่สุดคือรถที่อยู่ตรงกลางระหว่างสามคันที่ชนกันด้านหน้าเพราะถูกอัดก๊อปปี้จากทั้งสองด้าน และตอนนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาจากรถคันนั้น
บนพื้นถนนมีน้ำมันไหลอยู่เต็มพื้นแถมควันก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากรถกู้ภัยมาไม่ทันอาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นได้
บนพื้นถนนนองไปด้วยของเหลวสีเข้มเป็นวงกว้าง ซึ่งมันก็คือคราบของน้ำมันที่รั่วจากรถคันใดคันหนึ่งหรือมากกว่านั้น และจากทางด้านนั้นก็ยังคงมีควันลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าทีมช่วยเหลือมาถึงไม่ทันเวลา น่ากลัวว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
ซึ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ...ระเบิด
รถทีมช่วยเหลือของตำรวจและรถพยาบาลถูกการจราจรที่ปิดตายขวางเอาไว้ และพวกเขาคงไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้ในเร็วๆนี้แน่ ตรงจุดนี้มีแค่ตำรวจจราจรเท่านั้นที่มาถึงแล้ว
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป...มันอาจจะระเบิดก็ได้” ตำรวจจราจรที่ดูอาวุโสที่สุดพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ระเบิด’ เหล่าพลเมืองดีที่กำลังพยายามจะเข้าไปช่วยต่างก็ถอยหนีออกไปทันที
ถึงจะอยากช่วยมากแค่ไหนแต่ถ้าต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงใครมันจะไปกล้าทำเล่า?
ฉะนั้นแล้วพอมีคนแรกเริ่มถอยหนีออกไป คนอื่นๆก็ถอยออกไปตามๆ กัน
แต่ในขณะนี้กู้เฉิงเซียวกลับวิ่งไปด้านหน้าอย่างไม่ลังเล เขากวาดสายตาประเมินสถานการณ์พร้อมกับมองหาตำแหน่งของคนที่ติดอยู่ในรถ
เพราะมีกลุ่มควันลอยคละคลุ้งไปทั่วจึงทำให้ทัศนวิสัยถูกบดบังทั้งหมด การเข้าไปช่วยในสถานการณ์แบบนี้เป็นอะไรที่เสี่ยงมาก เมื่อตำรวจจราจรเห็นเข้าก็รีบหยุดเขาไว้ “คุณครับด้านในมันอันตรายมาก คุณรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า”
“แต่ด้านในยังมีคนอยู่”
“นั่นเป็นหน้าที่ของพวกเรา คุณรีบออกไปก่อนเถอะครับ”
ในเวลานั้นเองเสียงร้องไห้จ้าของทารกก็ดังออกมาจากรถคันตรงกลาง มันเป็นเหมือนแสงแห่งความหวังที่อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง เพราะนั่นหมายถึงหนึ่งชีวิตที่ยังเหลือรอด
“ด้านในยังมีคนรอดอยู่!”
“ตอนนี้ทีมกู้ภัยกำลังมาแล้ว ในนั้นอันตรายมาก พวกผมไม่รับประกันความปลอดภัยนะ ถ้าคุณเข้าไปในนั้น”
กู้เฉิงเซียวหันไปมองด้านหลัง เขาเห็นได้จากไกลๆ ว่าทีมช่วยเหลือกำลังมา พวกเขาแต่ละคนรีบเร่งกันอย่างสุดความสามารถ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อดูจากระยะทางของจุดเกิดเหตุกับจุดที่พวกเขาอยู่แล้ว พวกเขาคงมาถึงที่นี่ไม่ทันการณ์แน่ อย่างเร็วที่สุดก็ยังต้องใช้เวลาอีก 2-3 นาทีเลยทีเดียว
อุณหภูมิของรถคันนั้นพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะอยู่ห่างขนาดนี้เขาก็ยังรู้สึกได้ —แล้วสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้น—ประกายไฟเริ่มพุ่งออกมาจากด้านหน้าของตัวรถ อย่าว่าแต่ 2-3 นาทีเลย เพราะแค่ 2-3 วินาที ก็ไม่มีเวลาให้รออีกต่อไปแล้ว
“ตอนนี้ทุกวินาทีหมายถึงชีวิต ฟังผม รีบพาคนของคุณไปย้ายเด็กนักเรียนที่อยู่ในรถโรงเรียนออกไปให้หมด!”
ด้วยคำพูดที่เด็ดขาดรวมกับท่าทางที่ดูสงบเยือกเย็นในของกู้เฉิงเซียว ทำให้ตำรวจจราจรหลงไปคิดว่าเขาจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการช่วยเหลือ หรือไม่ก็เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มา เขาจึงยอมปล่อยให้กู้เฉิงเซียววิ่งเข้าไปหารถที่เกิดเหตุ
“พวกนายรีบไปเคลื่อนย้ายเด็กนักเรียนออกไปก่อน” แม้จะเริ่มเชื่อถือคำพูดของกู้เฉิงเซียวแล้ว ทว่าตำรวจจราจรอาวุโสที่ยึดแขนนายพลหนุ่มเอาไว้ก่อนหน้านี้กลับไม่ได้ทำตาม เขาหันไปสั่งการให้ตำรวจหนุ่มอีกสองคนทำหน้าที่นั้นแทนแล้ววิ่งเข้าไปช่วยกู้เฉิงเซียวอีกแรงหนึ่ง
หนึ่งคนหนุ่มหนึ่งตำรวจอาวุโสวิ่งฝ่าควันไฟร้อนระอุตรงเข้าไปถึงยังรถคันนั้น พวกเขาช่วยกันงัดประตูรถที่บิดเบี้ยวผิดรูปให้เปิดออก เสียงร้องไห้ที่ดังออกมาจากในรถดูอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่งมันเบาลงไปทุกขณะ จนในที่สุดตอนนี้เสียงนั้นก็เงียบลงไปแล้ว กู้เฉิงเซียวไม่มีเวลามากพอจะให้คิด เขาไม่สนใจควันไฟที่กำลังเข้าตาจนแสบไปหมด ชายหนุ่มกลั้นหายใจและมุดเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว
กู้เฉิงเซียวดึงตัวเด็กทารกออกมาจากอ้อมกอดอันแน่นหนาของผู้หญิงคนหนึ่ง
ตำรวจอาวุโสรับตัวเด็กคนนั้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงแรงเตะจากขาเล็กๆข้างหนึ่งได้อย่างชัดเจน และนั่นก็ช่วยยืนยันให้เขามั่นใจว่าเจ้าหนูน้อยปลอดภัยและน่าจะยังคงแข็งแกร่งดี
เมื่อเห็นว่ากู้เฉิงเซียวยังคงปฏิบัติภารกิจต่อ นายตำรวจจึงรีบหาจุดที่ดูปลอดภัยที่สุดเพื่อวางทารกคนนั้นไว้ก่อนและรีบเข้าไปช่วยอีกแรง
ไม่นานนักกู้เฉิงเซียวและคุณตำรวจอาวุโสก็ช่วยกันลากร่างของผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากตัวรถ ซึ่งดูแล้วเธอน่าจะเป็นแม่ของเด็กทารก ร่างของหญิงสาวอ่อนปวกเปียก ดวงตาสองข้างปิดสนิท ไม่ว่าจะส่งเสียงเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณของการรู้ตัวใดๆตอบกลับมา เธอยังไม่ได้สติ
ถ้าหากตัวเครื่องยนต์เกิดประกายไฟปะทุขึ้น มันจะจุดติดไฟได้ในทันที ความเร็วในการเผาไหม้ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆแบบทวีคูณ เมื่อบวกกับอุณหภูมิของตัวรถที่สูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เปลวไฟที่โหมกระหน่ำก็จะยิ่งสูงจนยากจะจินตนาการ---และก็เป็นอย่างที่คาดเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ประกายไฟปะทุขึ้นจากห้องเครื่องด้านหน้ารถ! เตรียมพร้อมที่จะลุกไหม้และกลืนกินรถทั้งคันอย่างโหดเหี้ยม
“ถ้ายังเป็นแบบนี้มันต้องระเบิดแน่” คุณตำรวจพูดขึ้น
“ยังมีคนติดอยู่ด้านในอย่างน้อยสองคน” ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าชีวิตคนอีกแล้ว กู้เฉิงเซียวมุดเข้าไปด้านในห้องโดยสารของรถที่ยับเยินนั้นอีกครั้งอย่างกล้าหาญ
วินาทีถัดมาร่างคนอีกร่างก็ถูกลากออกมาจากรถ ใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาเปื้อนไปด้วยเขม่าควันจนแทบจะดูไม่ออก แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าผิวหนังส่วนหนึ่งบนนั้นถูกเผาจนไหม้เกรียม ผิวหนังส่วนอื่นๆก็มีรอยไหม้เต็มไปหมด รอยเลือดที่แห้งและไหม้บนใบหน้าของเขาบ่งชี้ว่าจะต้องมีแผลเลือดออกอย่างแน่นอน สภาพของคนคนนี้แทบจะเรียกว่าสาหัสเลยทีเดียว
--ที่ยังติดอยู่ด้านในตอนนี้คงจะมีแค่คนขับเท่านั้น--
ทว่าเวลานี้ เปลวไฟได้ลามเข้าไปถึงที่นั่งคนขับแล้ว และแม้แต่ที่นั่งด้านหลังเองก็เริ่มเกิดไฟลุกไหม้แล้วเช่นกัน
แววตามุ่งมั่นกล้าหาญของกู้เฉิงเซียวไม่ได้หม่นหมองลงเลย เขาไม่มีแม้แต่ท่าทีลังเลเลยสักนิด จนทำให้แม้แต่คุณตำรวจอาวุโสเองก็เริ่มรู้สึกเกรงกลัว ชายหนุ่มผู้กล้าหาญส่งสัญญาณมือบอกกับตำรวจจราจร
พวกเขาทั้งสองไม่ต้องใช้คำพูดใดเพื่อสื่อสาร เพียงแค่มองหน้าและดูท่าทางก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้ทันที บางทีอาจจะเป็นเพราะในยามวิกฤตพลังแห่งการช่วยชีวิตและความปรารถนาแรงกล้าที่จะช่วยชีวิตคนคนหนึ่งให้รอด เป็นเหมือนบ่วงพันธนาการคนแปลกหน้าทั้งสองเอาไว้ให้ยังสู้ต่อ
พวกเขาพังประตูรถด้านคนขับ และดึงร่างคนข้างในออกมา ทว่าขาของคนขับรถคนนั้นยังคงติดอยู่!
เกิดเสียงแตกปะทุขึ้น ประกายไฟเริ่มกระเด็นออกมาให้เห็น ตอนนี้กลุ่มควันร้อนๆสีดำและน้ำมันกำลังจะผสานกัน มันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแล้ว
ในเวลาคับขัน กู้เฉิงเซียวถอดเสื้อคลุมตัวโตของเขาออกแล้วใช้มันมือของตัวเองไว้แล้วพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยกพวงมาลัยหนักอึ้งและร้อนจัดขึ้น คุณตำรวจเองก็พยายามดึงร่างของคนขับออกมาอย่างสุดกำลังเช่นกัน
ตำรวจจราจรอาวุโสทำงานผสานกับกู้เฉิงเซียวได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาทั้งสองค่อยๆดึงตัวคนขับที่ติดอยู่ออกมาจนได้
เป็นเพราะเปลวไฟที่ดุร้ายไม่ต่างจากการกัดกระชากจากคมเขี้ยวของสิงโต เสื้อคลุมเนื้อหนาจากผ้าชั้นดีของกู้เฉิงเซียวจึงติดไฟและถูกเผาไหม้ไปในพริบตาในขณะที่กำลังยกพวงมาลัยรถ
ในที่สุดทีมกู้ภัยก็มาถึง รถดับเพลิงเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในทันที
ต้องใช้เวลาอยู่หลายนาทีในการจัดการกับไฟที่ลุกไหม้ พวกเขาต้องทำให้แน่ใจว่าไฟถูกดับลงไปอย่างสมบูรณ์เพื่อลดความเสี่ยงที่ไฟจะเกิดการปะทุซ้ำขึ้นอีกระลอก
คนขับรถที่ประสบอุบัติเหตุเป็นชาย เขารอดชีวิตเพราะทีมกู้ภัยให้การช่วยเหลือได้ทันเวลา คุณแม่วัยสาวคนนั้นได้สติแล้ว ในทันทีที่รู้สึกตัวและได้รู้เรื่องราวทั้งหมด เธอก็อุ้มลูกไปหากู้เฉิงเซียวและคุณตำรวจจราจรอาวุโสก่อนจะคุกเข่าลงเพื่อขอบคุณเป็นการใหญ่ จนในที่สุดรถพยาบาลก็มาถึงและพาพวกเขาทั้งหมดไปส่งโรงพยาบาล
“พ่อหนุ่ม คุณทำอาชีพอะไรเหรอ? ผมจะไปขอให้ผู้บังคับบัญชาของผมมอบ ‘โล่พลเมืองดี’ เป็นการชมเชยให้นะ” คุณตำรวจวัยเก๋าถามหนุ่มผู้กล้าที่อยู่ข้างๆอย่างตื่นเต้น หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง
กู้เฉิงเซียวตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ “รางวัลไม่ต้องหรอก ผมก็ทำงานสายเดียวกับคุณ”
“ที่แท้ก็สายเดียวกันนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คุณตำรวจจราจรยื่นมือออกไปเพื่อจับกับกู้เฉิงเซียว “คุณอยู่สังกัดไหน? ผมจะรายงานความกล้าหาญไปยังหัวหน้างานของคุณให้”
ในตอนนั้นเองหัวหน้าหน่วยดับเพลิงก็วิ่งเข้ามาพวกเขาทั้งสองอย่างเร่งรีบ “หัวหน้ากู้ครับ!” เขายืนตรงพร้อมกับทักทายด้วยการตะเบ๊ะ “หัวหน้ากู้ คิดไม่ถึงเลยครับว่าจะเป็นท่าน เมื่อกี้เห็นไกลๆผมก็ว่าหน้าคุ้นๆ ตอนที่เข้ามาดับไฟก็ไม่ทันได้มองให้ชัดๆ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นท่านจริงๆ สี่ชีวิตของครอบครัวนี้โชคดีมากๆ เลยนะครับที่มีท่านอยู่ใกล้ๆ เลยช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ทัน”
ตำรวจจราจรผู้รับราชการตำรวจมานานหลายปีชะงักไปก่อนที่จะค่อยๆ ปล่อยมือกู้เฉิงเซียวออก ดวงตาที่เห็นโลกมาเยอะค่อยๆเบิกกว้างขึ้น ‘หัวหน้ากู้? หัวหน้ากู้ไหน? คงไม่ใช่พลตรีกู้ในตำนานที่เคยได้ยินมาหรอกใช่ไหม?’
.
.
.
.
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm