ตอนที่ 24 นักรบมังกร
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
เมื่อรัตติกาลมาเยือน หลงเฉินก็มาปรากฏตัวอยู่บริเวณตีนเขาของภูเขาเดียวดายในที่สุด
ภูเขาเดียวดายเป็นเทือกเขาขนาดมหึมาที่ทอดยาวหลายหมื่นลี้ทางตะวันออกของเมืองพฤกษาหมอก มีแมลงพิษอยู่ทั่วทุกที่ รวมถึงสัตว์อสูรมากมายที่จำศีลอยู่ภายในนั้น นับว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก
และอาณาเขตรกร้างของสัตว์อสูรที่หลงเฉินเคยเข้าไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็อยู่ลึกเข้าไปในภูเขาเดียวดายแห่งนี้
สิ่งที่ภูเขาเดียวดายแตกต่างไปจากอาณาเขตรกร้างของสัตว์อสูรก็คือ อาณาเขตรกร้างของสัตว์อสูรนั้นเต็มไปด้วยป่าทึบ กิ่งก้านสาขาเขียวชอุ่มและหนาแน่นจนแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า
เวลานี้ ทุกสรรพสิ่งล้วนเงียบสงัด หลงเฉินเดินลึกเข้าไปในภูเขาเดียวดายเพียงลำพัง พยายามหาสถานที่สงบและปลอดภัย
ภูเขาเดียวดายเป็นพื้นที่ห่างไกล และไม่ค่อยมีใครกล้าย่างกรายเข้ามาที่นี่ มีถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมากมายในภูเขา ส่วนมากจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรหรือสัตว์ป่า แต่ก็ยังมีบางถ้ำที่ยังคงว่างเปล่า
หลงเฉินพบถ้ำที่ดูลึกลับท่ามกลางม่านแห่งรัตติกาล เขาปล่อยให้หลิงซีสำรวจถ้ำแห่งนั้นและพบเพียงสัตว์อสูรตัวเล็ก ๆ จำนวนหนึ่ง พวกมันเป็นสัตว์อสูรระดับอำพันขั้นสอง หลงเฉินจับพวกมันโยนออกมา และกวาดสายตาสำรวจถ้ำอีกครั้ง จากนั้น ก็นำก้อนหินใหญ่มาปิดปากถ้ำไว้
“ที่นี่ช่างเหมาะกับการซ่อนตัวและยังปลอดภัยมากอีกด้วย เอาล่ะ เสี่ยวซี เจ้าดูดกลืนหญ้าวิญญาณนิมิตที่นี่เถอะ”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น หลงเฉินก็เอาหญ้าวิญญาณนิมิตออกมา มันเป็นหญ้าสีม่วงที่ส่งกลิ่นหอมรัญจวน หลงเฉินสูดดมเข้าไป และรู้สึกว่าจิตใจของเขาสงบและผ่อนคลายอย่างที่สุด
“สมุนไพรวิญญาณที่ใช้เพื่อการบำรุงวิญญาณ มีประโยชน์อย่างมากในการทำให้จิตใจสงบ หลังจากที่กินเข้าไป ประสาทรับรู้รับของคนคนนั้นจะเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง นี่คงเป็นเหตุผลที่ชายคนนั้นพกหญ้าวิญญาณนิมิตอยู่กับตัว”
เสียงของหลิงซีดังออกมาเบา ๆ
หลงเฉินพลิกดูกระเป๋าเงินของไป๋ซื่อตงและพูดพลางหัวเราะ
“เจ้าหมอนี่มีหยกวิญญาณตั้ง 80 ชิ้น ข้านี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้มันมา ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ต้องเสียเงิน แต่ยังได้กำไรกลับมาด้วย”
หลงเฉินดูเหมือนคนต่ำต้อยที่ประสบความสำเร็จ หลิงซีอยากจะตบเขาให้คว่ำ แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อกลิ่นหอมของหญ้าวิญญาณนิมิตลอยอบอวลไปทั่ว และอาจดึงดูดสัตว์อสูรบางตัวเข้า ดังนั้นนางจึงใช้วิธีการบางอย่างในการดูดกลืนหญ้าวิญญาณนิมิตอย่างเงียบ ๆ
หลงเฉินเห็นกระบี่หลิงซีที่เคยอยู่ที่หูของเขาได้มาวางอยู่บนพื้น จากนั้น หมอกสีขาวก็ลอยออกมาจากกระบี่และห่อหุ้มหญ้าวิญญาณนิมิตไว้ เกิดเสียงฉ่าดังก้องไปทั่ว หมอกสีขาวค่อย ๆ จางลง ก่อนจะหายไปในที่สุด
เมื่อหมอกที่ลอยเอื่อยกลุ่มสุดท้ายจางหายไป เสียงของหลิงซีก็ดังขึ้น และมันชัดเจนกว่าเดิมมาก
“เจ้าคนบ้า ข้ามีอะไรให้เจ้าแปลกใจด้วยล่ะ? อยากรู้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินนางเรียกเขาว่าเจ้าคนบ้า ทั่วทั้งร่างของหลงเฉินก็รู้สึกชา เขาหัวเราะและเอ่ยขึ้น
“เรื่องประหลาดใจงั้นหรือ? ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้ดูเล่นล่ะนะ”
“เจ้านี่ไม่จริงใจเอาเสียเลย เชอะ!”
“ก็ได้ อย่าให้ข้าทายเลย รีบบอกมาเร็วเข้าเถอะ ข้าอยากจะซาบซึ้งกับเรื่องประหลาดใจของเจ้าเต็มที”
อย่างไรก็ตาม หลิงซีกลับนิ่งเงียบไป ทันใดนั้นเอง กระบี่หลิงซีก็หดเล็กลงและกลายสภาพเป็นต่างหูหมุดขนาดครึ่งชุ่น และเสียบเข้าที่หูของหลงเฉิน
“แม่นาง นี่น่ะรึ เรื่องประหลาดใจที่เจ้าว่า?”
“อย่าใจร้อนนักสิ...”
จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของหลงเฉิน หลงเฉินสะดุ้งเพราะลมอุ่น ๆ ที่สัมผัสใบหน้า เขาหันไปมองและก็ต้องตกตะลึงทันที
เพราะเมื่อเขาหันไป จมูกของเขาก็ชนเข้ากับจมูกของหญิงสาวคนหนึ่งพอดี!
กลิ่นหอมลอยกรุ่นมาต้องจมูก แต่มันกลับไม่ใช่ภาพฝันอันน่าหลงใหลอย่างที่เขาคิด เพราะสิ่งที่ชนเข้ากับจมูกของหลงเฉิน คือร่างเล็ก ๆ ของหญิงสาวที่มีขนาดเพียงหนึ่งชุ่นเท่านั้น
นางอยู่ในหมอกสีขาวที่ห่อหุ้มตัวนางไว้ แม้ว่านางจะสูงเพียงหนึ่งชุ่น แต่หลงเฉินก็สามารถเห็นใบหน้าที่นวลเนียนราวกับหยกของนางได้ หากนางตัวโตขึ้น นางจะต้องงดงามราวกับนางฟ้าอย่างแน่นอน…
หลังจากที่ถูกจมูกของหลงเฉินชนเข้า หลิงซีที่ถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีขาวก็บินไปรอบ ๆ ราวกับภูตตัวน้อย นางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คนเลว เจ้าทำข้าเจ็บนะ!”
ในตอนนี้ ขณะที่หลงเฉินมองภูตจิ๋วตัวกระจ้อยร่อย เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ความจริงแล้ว เขากำลังคิดในใจ ‘...หากข้าทำให้หลิงซีตัวใหญ่ขึ้น และทำให้นางมีกายหยาบได้ ... มันจะวิเศษเพียงใดกัน?’
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินยังไม่พูดอะไร ใบหน้าของหลิงซีก็ค่อย ๆ บูดบึ้ง นางหรี่ตาและพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“นี่... ทำไมเจ้าถึงไม่พูดอะไรบ้างล่ะ? มันดีรึเปล่าที่ข้าปรากฏตัวออกมาแบบนี้?”
รูปโฉมที่น่ารักนี้ทำให้หลงเฉินตกอยู่ในภวังค์ เขาเคยพานพบกับหญิงงามมามากมาย และผู้หญิงจากตระกูลหยางก็ล้วนแล้วแต่งดงามราวนางฟ้า แต่ทว่า ทั้งใบหน้า รูปร่าง และท่าทีของหลิงซีนั้น ช่างเลิศเลอจนไม่มีใครเทียบได้…
อย่างไรก็ตาม เขารีบตั้งสติและเอ่ยขึ้นจากใจจริง
“เสี่ยวซี เจ้าคือผู้หญิงที่งดงามที่สุดที่ข้าเคยเห็น ประหนึ่งเทพธิดาก็ไม่ปาน!”
เมื่อถูกหลงเฉินเอ่ยชม ใบหน้าของหลิงซีก็เรื่อแดงขึ้นมา
แม้ว่านางจะอยู่ในร่างวิญญาณ แต่นางก็มีรูปลักษณ์เดียวกับกายหยาบของตนเอง ดังนั้น ในความคิดของหลงเฉิน นางไม่ได้แตกต่างไปจากคนจริง ๆ เลยสักนิด
“จะว่าไปแล้ว เจ้าสามารถคงร่างนี้ไว้ได้ตลอดเลยหรือ?”
หลิงซีพยักหน้าและเอ่ยขึ้น
“ที่เป็นทางออกที่ข้าเพิ่งคิดได้ ก่อนหน้านี้ เมื่อร่างขนาดเต็มตัวของข้าปรากฏขึ้น พลังวิญญาณของข้าก็ถูกใช้ไปในปริมาณมาก แต่เมื่อปรากฏตัวในร่างนี้กลับใช้พลังเพียงเสี้ยวเดียวของก่อนหน้า แล้วเวลาที่ข้าพูดกับเจ้า เจ้าไม่มองหน้าข้า ข้ารู้สึกอึดอัดก็เลยคิดวิธีนี้ขึ้นมา”
หลงเฉินตระหนักดีว่าเด็กสาวกลัวการถูกเพิกเฉย จึงเป็นธรรมดาที่หลิงซีจะมีความคิดเช่นนี้
หลิงซีดูมีความสุขราวกับภูตตัวน้อยขณะที่นางบินไปมาเบื้องหน้าหลงเฉิน หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยขึ้น
“หญ้าวิญญาณนิมิตที่ดูดกลืนเข้าไปคงเพียงพอให้ข้าคงร่างนี้ไว้ได้ราว 1-2 เดือนกระมัง...”
หลงเฉินเห็นว่านางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ตัวเขาเองก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน จึงรีบเอ่ยขึ้น
“ยัยโง่ เจ้าจะเป็นกังวลไปทำไมกัน? วันนี้ข้าสามารถหาหญ้าวิญญาณนิมิตมาให้เจ้าได้ และวันข้างหน้าข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีก เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะหายามากมายมาบำรุงวิญญาณของเจ้าเอง”
“อะไรกัน? เจ้าคิดว่ายานี่เป็นหัวกะหล่ำรึอย่างไร? เพราะมันมีประโยชน์กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นพื้นฐาน มันจึงเป็นที่ต้องการแม้แต่ในเมืองใหญ่ ๆ ...”
หลิงซีนั่งลงบนไหล่ของหลงเฉินเงียบ ๆ
ดวงตาของหลงเฉินเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ
“เอาล่ะ เลิกถอนหายใจเสียที ก่อนหน้านี้ที่เจ้าเหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน ข้ายังจัดการได้เลย นี่ยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งหรือสองเดือน หลังจากการแข่งขันล่าสัตว์อสูรจบลง ข้าจะรีบตามหาสมุนไพรวิญญาณมาให้ มากเท่าที่เจ้าต้องการเลย!”
หลิงซีทำตาโต นางมองหลงเฉินอย่างมีความสุข
“จริงหรือ? เหตุใดเจ้าถึงดีกับข้านักล่ะ?”
“เพราะเจ้าเป็นสหายรักของข้าอย่างไรล่ะ”
หลงเฉินพูดอย่างจริงจัง
คำพูดของหลงเฉินทำให้หลิงซีรู้สึกพึงพอใจ นางเริ่มบินไปมาอย่างมีความสุข หลงเฉินเองก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย แต่แล้ว เขาก็นึกถึงผนึกมังกรขึ้นมา
“เสี่ยวซี เจ้ารู้จัก... นักรบมังกรหรือไม่?”
หลิงซีหยุดชะงัก และมองเขาด้วยดวงตากลมโต
“เอ๋? ทำไมเจ้าถึงรู้จักตำนานนั่นด้วยล่ะ?”
หลงเฉินรู้สึกตื่นเต้นในหัวใจ
หลิงซีน่าจะมาจากสถานที่อันกว้างใหญ่ นางจึงรู้อะไรที่ผู้อื่นในเมืองพฤกษาหมอกไม่รู้
“ไม่ต้องสนใจหรอกว่าข้ารู้มาได้อย่างไร แค่บอกข้าว่าเจ้ารู้อะไรบ้างก็พอ”
“หากเจ้ารู้เรื่องนักรบมังกร งั้นข้าขอถามเจ้า... เจ้ารู้จัก นักรบอสูร หรือไม่? ข้าพอจะรู้มาว่านักรบมังกรถือเป็นนักรบอสูรประเภทหนึ่ง แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว”
“ข้ารู้เรื่องนักรบอสูร”
หลงเฉินนึกถึงเรื่องที่บันทึกเอาไว้ในตำรา
“ตามตำนานได้กล่าวเอาไว้ว่า หลังจากที่ผู้ฝึกยุทธ์หล่อหลอมร่างกายของตนจนสำเร็จ และบรรลุสู่ขอบเขตชีพจรมังกร จะก่อให้เกิดเส้นชีพจรเส้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยปราณแท้จริง ซึ่งจะสามารถใช้เคล็ดลับวิชากลืนกินวิญญาณของสัตว์อสูร และใช้มันเป็นรากฐานของวิญญาณอสูร ณ จุดนั้น พลังปราณของเขาจะแปรเปลี่ยนเป็น ปราณอสูร ซึ่งหากเทียบกับปราณธรรมดาแล้ว ปราณอสูรจะมีความโหดเหี้ยมกว่ามาก พลังการโจมตีก็จะรุนแรงขึ้น และพวกเขายังมีความสามารถในการใช้ทักษะการต่อสู้ของสัตว์อสูรอีกด้วย”
“ยิ่งไปกว่านั้น นักรบอสูรจะสามารถกลืนกิน แก่นอสูร เพื่อที่จะฝึกวิชาได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และกลายร่างเป็นสัตว์อสูรนั้นได้ ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรจะแปรผันตามพลังความสามารถของนักรบอสูร แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กลายเป็นนักรบอสูรแล้ว ทักษะการต่อสู้ต่าง ๆ ที่สามารถฝึกฝนได้จะมีขีดจำกัด และหากผู้ฝึกฝนที่อ่อนแอกลืนกินวิญญาณสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเข้าไป มันจะทำให้ร่างกายระเบิดออกมา และตายในที่สุด”
หลิงซีพยักหน้า
“ใช่ ก็ประมาณนั้นล่ะ”
นางมาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลงเฉิน และก้มศีรษะลงราวกับกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง
“ข้าเดาว่า เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราสืบเชื้อสายมาจากมังกรโบราณศักดิ์สิทธิ์ แต่ทุกวันนี้ มังกรโบราณศักดิ์สิทธิ์กลับกลายเป็นเพียงตำนาน บิดาของข้าเคยบอกกับข้าว่าในโลกนี้ไม่มีมังกรเหลืออยู่อีกแล้ว และนักรบมังกรในตำนานก็เป็นกลุ่มคนที่ใกล้ชิดกับมังกรโบราณศักดิ์สิทธิ์ วิธีการฝึกฝนของพวกเขาคล้ายกับนักรบอสูรนั่นแหละ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่วิญญาณอสูร แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า แก่นโลหิตสืบทอด ต่างหาก”
เมื่อคำว่า ‘แก่นโลหิตสืบทอด’ ถูกเอ่ยขึ้นจากปากของนาง หลงเฉินก็รู้สึกว่าหยกมังกรลึกลับกำลังสั่นอีกครั้ง เขาตกตะลึงอย่างมากพลางรีบพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะบอกว่าหากได้มาซึ่งแก่นโลหิตสืบทอด คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นนักรบมังกรงั้นรึ?”
หลิงซีกลอกตา
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า? อย่างไรก็ตาม ตำนานยังกล่าวอีกว่า ในระดับพลังเดียวกัน จอมยุทธ์ผู้ใช้อาวุธ จะแข็งแกร่งกว่านักรบอสูร และ นักรบอสูร ก็จะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่ว ๆ ไป แต่ถึงกระนั้น นักรบมังกร คือผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธ์ผู้ใช้อาวุธ เพราะพวกเขาคือกลุ่มคนที่ได้รับการปลุกพลังจากสายเลือดโบราณของเผ่ามังกร ว่ากันว่าพวกเขาสามารถใช้เคล็ดวิชาของมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำลายฟ้าดินได้ อย่างไรเสีย นักรบมังกรก็กลายเป็นเพียงตำนานจนถึงทุกวันนี้ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะทรงพลังเพียงใดนั้น ข้าเองก็บอกไม่ได้หรอก”
แม้ว่าหลิงซีจะไม่รู้อะไรมากนัก แต่อย่างน้อยหลงเฉินก็ได้รู้จากคำบอกเล่าของนาง ว่านักรบมังกรทรงพลังมากเพียงใด
ตั้งแต่ที่หลงฉิงหลานบอกให้หลงเฉินกลายเป็นนักรบมังกร เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวตนของหลงฉิงหลานนั้นยิ่งใหญ่กว่าหลิงซีเสียอีก
หลิงซีบอกว่านักรบมังกรเป็นเพียงตำนาน และหลงฉิงหลานต้องการให้เขาเป็นนักรบมังกร ความแตกต่างนี้จึงสามารถเข้าใจได้ในทันที!
‘ท่านพ่อ ท่านเป็นใครกันแน่? หลิงซีมีความรู้มากมายและมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา แต่ท่านกลับรู้มากยิ่งกว่า และหยกมังกรลึกลับนี่เกี่ยวข้องอันใดกับคัมภีร์ลับ ผนึกมังกร ของตระกูลหยาง และ แก่นโลหิตสืบทอด ?’
หลิงซีมองหลงเฉินด้วยความอยากรู้อยากเห็น ด้วยไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หลงฉิงหลานช่างลึกลับนักสำหรับหลงเฉิน เขามิอาจล่วงรู้ได้เลย แต่เมื่อเขาจำคำพูดของหลิงซีที่เคยบอกว่านางสามารถคลายผนึกของผนึกมังกรออกได้ เช่นนั้นแล้ว เขาจึงนำผนึกมังกรออกมาและวางมันลงบนพื้น
“เสี่ยวซี ลองดูหน่อยเถอะ ว่าเจ้าจะสามารถคลายผนึกออกได้หรือไม่”
หลิงซีตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที พลางพูดขึ้นอย่างภาคภูมิ
“เจ้าหนุ่ม เจ้าช่างไม่รู้อะไรเสียแล้ว แม้ว่าข้าจะไม่ได้ทุ่มเทความพยายามในการฝึกฝนเท่าไรนัก แต่ข้าก็เป็นยอดฝีมือในเรื่องการคลายผนึก! ยิ่งผนึกนั้นซับซ้อนมากเพียงใด จิตวิญญาณในการต่อสู้ของข้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เช่นนั้นแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้ารับรองว่าต้องสำเร็จแน่!”
เด็กสาวผู้นี้มีจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยม หลงเฉินจึงเอ่ยขึ้น
“เลิกโอ้อวดเสียทีเถอะ ลงมือเร็วเข้าสิ หากเจ้าคลายผนึกได้ ข้าจะให้รางวัลเจ้า!”
ใบหน้าของหลิงซีแดงระเรื่อ นางพ่นลมทางจมูกอย่างแรง จากนั้น ร่างเล็ก ๆ ของนางก็ลอยลงมาที่ผนึกมังกร หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง คิ้วจิ๋ว ๆ คู่นั้นก็ขมวดแน่นจนดูน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน
*********************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm