ตอนที่แล้วตอนที่ 22 ฉันยังไม่หิวตอนนี้หรอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 ฉันกับฉู่โม่เฟิงไม่ได้มีอะไรกัน

ตอนที่ 23 กลายเป็นแม่เลี้ยง


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

“ไอ้เวรวางหยางมันอยู่ห้องไหน? ฉันจะไปเช็กบิลมัน!”

 

หลินเฉี่ยนเปิดประตูออกมาพร้อมกับเลิกแขนเสื้อขึ้นทำท่าทางพร้อมมีเรื่องชกต่อยอีกครั้ง “ไอ้กร๊วกเอ๊ย ที่ทำไปนั่นเพราะแค่หวังจะเอาใจยัยหนานอิน ถุ้ย ไอ้ไก่อ่อน แค่จีบสาวให้ติดเรื่องหมูๆ แบบนี้ก็ทำเองไม่ได้ ชิ! พอไม่มีปัญญาจัดการเรื่องของตัวเองก็ไปลากคนอื่นให้มาช่วย ไอ้ห่า ควายยังฉลาดซะกว่า  แม่งเอ๊ย! อย่าให้เจอนะแม่จะ.......”

 

กู้เฉิงเซียวใช้มือของเขาโอบเข้าไปบริเวณรักแร้แม่ภรรยาจอมซ่าที่กำลังสบถหยาบคายเสียงดังลั่นจากด้านหลัง ก่อนที่จะยกตัวเธอลอยขึ้นกลางอากาศ “เห้ยๆๆๆ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ วันนี้ฉันปิดบัญชีแค้นกับมันให้ได้!” หลินเฉี่ยนสะบัดตัวขาทั้งสองข้างทั้งเตะทั้งถีบเพื่อจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนคนตัวโต ขณะเดียวกันปากเล็กๆก็ยังคงพ่นคำสาปแช่งออกมาไม่หยุด “แม่งเอ๊ย! ไอ้สวะ ไม่เคยได้ยินรึไงว่าก่อนจะซัดหน้าคนอื่นก็ต้องเตรียมถูกซัดหน้ากลับด้วย วันนี้แหละเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีๆเลย ไอ้พวกหนูสกปรก!”

 

กู้เฉิงเซียวพาตัวแม่จอมโวยวายไปที่เตียง น่าเสียดายที่เท้าของหลินเฉี่ยนไม่ได้ยาวพอที่จะแตะถึงพื้นได้ ไม่ว่าจะเตะขาหรือเหวี่ยงตัวยังไง เธอก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากแขนแข็งแรงที่รัดอย่างแน่นหนาของคนตัวโตที่อยู่ด้านหลังได้

 

“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะกู้เฉิงเซียว นายไม่ต้องมายุ่ง มันทำให้ฉันต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากผี วันนี้แหละฉันจะต้องล้างแค้นให้ได้ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคนอย่างหลินเฉี่ยน ฉันจะซัดให้มันน่วมจนพ่อมันจำหน้าไม่ได้เลย คอยดู!”

 

“โว้ย ไอ้คนแซ่กู้ หูหนวกรึไง? ไม่ได้ยินเหรอ บอกให้วางฉันลง!”

 

“อ้าา”

 

ในที่สุดกู้เฉิงเซียวก็ยอมแพ้ เขาวางหลินเฉี่ยนลงบนเตียงไม่เบานัก โดยเอาลำตัวส่วนบนของเธอพาดลงไปก่อน “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ!” คนปากดีโวยวายพลางใช้มือจับแผลที่ใบหน้าตัวเองก่อนจะบ่นต่อด้วยความไม่พอใจ “นายมาห้ามฉันทำไมห๊ะ?!”

 

กู้เฉิงเซียวยกขาทั้งสองของคนตัวเล็กให้ขึ้นเตียงตามไป และตอบอย่างไม่แยแส “อยากไปก็ไปสิ ฉันไม่ได้ห้าม”

 

“.......” ‘ประสาท! ถ้าไม่ห้ามแล้วที่กำลังทำอยู่นี่มันอะไร?’

 

“ตั้งแต่ฉันเข้ามาก็เห็นหน้าเธอมันดูเหมือนผีมาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนแรกโวยวายเรื่องหน้าเละดูไม่ได้ แล้วตอนนี้ไม่อายคนอื่นเค้าหรือไงถึงได้กล้าลุกออกจากเตียงน่ะฮึ?”

“……”

 

“เป็นผู้หญิงแต่กลับไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยสักนิด ดูเธอตอนนี้สิ ดูพูดจาเข้า! มันน่าฟังซะที่ไหน?”

 

“...... ไม่น่าฟังตรงไหน?” ถึงแม้ว่าตามรูปการณ์หลินเฉี่ยนจะตกเป็นรอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมแพ้ “ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ถ้าทนดูไม่ได้ก็แค่ปล่อยวางซะ ฉันไม่ได้ขอให้นายมาเป็นผู้ปกครองคอยควบคุมฉันนี่”

 

สีหน้าของกู้เฉิงเซียวไม่เปลี่ยนไปสักนิด แม้ว่าในใจจะไม่เป็นอย่างนั้นเลยก็ตาม ภายนอกเขายังดูนิ่ง แถมยังดูเหมือนจะนิ่งมากขึ้นเรื่อยๆและเรื่อยๆด้วย “เธอคิดว่าฉันอยากจะควบคุมเธอรึไง? ฉันก็แค่อยากจะดูแลเธอ เพราะฉันกลัวว่าเธอจะเสียใจ”

 

นี่คือความจริง ถึงแม้หลินเฉี่ยนจะไม่อยากเชื่อมันในตอนแรก แต่ตอนนี้เธอต้องยอมรับแล้วว่าตั้งแต่ที่เขาเข้ามามีส่วนพัวพันในชีวิต ชีวิตของเธอก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เธอรู้แล้วว่าตัวเองโชคดีมากแค่ไหน

กู้เฉิงเซียวมองสาวน้อยใต้ร่างด้วยสายตาที่แสนซับซ้อน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนจนสัมผัสได้ถ้าหากสังเกตให้ดีๆคือแววแห่งความผิดหวัง

 

มันเป็นความจริงที่เขายังไม่รู้จักเธอดีพอ เขารู้แค่ว่าเธอเป็นนักศึกษา และเขาก็คิดว่าคนตรงหน้าก็คงจะเป็นนักศึกษาสาวธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร

 

แต่ในความเป็นจริง เขาประเมินเธอต่ำเกินไป เพราะท่าทางที่ดูใสซื่อ ไร้เดียงสา หัวอ่อนจนยอมเชื่อฟังทุกเรื่องที่เธอแสดงให้เขาเห็นตั้งแต่แรกมันเป็นแค่การเสแสร้งเพื่อให้ดูน่าสงสารเท่านั้นแต่ที่จริงแล้วยัยเด็กนี่ร้ายกว่านั้นมาก

 

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเด็กสาวใสซื่อของเขาเพิ่งจะซัดคนอื่นจนเข้าโรงพยาบาล แล้วไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกรุมกระทืบจนถูกหามส่งโรงพยาบาลเองอีก เรื่องแบบนี้เด็กมหาลัยคนอื่นเขาทำกันซะที่ไหนล่ะ

 

นี่มันเป็นเรื่องที่เด็กผู้หญิงทั่วๆไปควรจะทำงั้นเหรอ?

 

ครั้งนี้ กู้เฉิงเซียวไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธหรือกล่าวตำหนิออกมาอีก คนตัวโตหันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรออกมาเลย

 

“......” หลินเฉี่ยนเม้มปากเน้นแต่เธอก็ทำแค่เพียงมองอีกฝ่ายเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรออกมาเช่นกัน

 

เป็นเพราะเขาใส่รองเท้าทหารทำให้เสียงกุกกักดังก้องไปตลอดทางเดินระหว่างห้องพักฟื้นอย่างหนักหน่วง ฟังจากจังหวะที่หนักแน่นและรัวเร็วนั้นแล้วเธอก็เดาได้เลยว่าเขาใช้ความเร็วในการเดินมากแค่ไหน

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากู้เฉิงเซียวจะไม่ได้อยู่คอยขัดขวางเธอแล้วและประตูก็ยังเปิดกว้างอย่างเชื้อเชิญ แต่หลินเฉี่ยนก็ไม่ได้รีบพุ่งออกไปคิดบัญชีแค้นกับวางหยาง เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงเงียบๆ สายตาจากตาคู่สวยที่บวมเป่งมองไปรอบๆ ทุกอย่างมีแต่ความว่างเปล่า...ความอ้างว้าง เดียวดาย มันเป็นความรู้สึกที่เธอแสนจะคุ้นเคยในขณะเดียวกันเธอก็เกลียดมันมากที่สุดด้วย

 

ตอนนี้เป็นอย่างที่เธอต้องการแล้ว...เป็นเหมือนที่เธอบอกเขา...ไม่มีใครมาสนใจเธออีกแล้ว  แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำให้เธอรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองสูญเสียอะไรบางอย่างไป มันเกือบจะเหมือนความว่างเปล่าแบบเดิมๆขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

 

เรื่องดีไม่ค่อยแพร่งพราย ทว่าเรื่องร้ายกลับกระจายได้ไกลหมื่นกิโล ข่าวเรื่องที่หลินเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลกระจายไปทั่วมหาลัยอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลาเดียวกันข่าวที่ว่าวางหยางขอพักการเรียนและย้ายออกนอกประเทศไปก็ถูกกระจายออกไปด้วยเช่นเดียวกัน

 

การที่วางหยางย้ายออกนอกประเทศไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่การที่เขาออกไปอย่างกะทันหันแบบนั้นมันดูผิดปกติเกินไปหน่อย

 

หลายคนที่ไม่รู้ความจริง ก็เอาเรื่องนี้ไปตีไข่ใส่สีแล้วซุบซิบต่อๆกันไปในมากมายหลายเวอร์ชั่น เรื่องที่ดูจะโอเวอร์ที่สุดก็คือ ‘แม่เลี้ยง’

 

“ข่าวใหญ่ๆ ฉันได้ยินมาว่าเสี่ยเลี้ยงของหลินเฉี่ยนเป็นพวกคนรวยตระกูลวางนะ ที่วางหยางออกตัวแทนหนานอินเป็นแค่ข้ออ้างทั้งนั้นแหละ แต่เป้าหมายหลักๆคือเขาไม่พอใจที่หลินเฉี่ยนไปเป็นเมียน้อยพ่อของเขาต่างหากล่ะ!”

 

“เห้ยนี่พูดจริงพูดเล่นวะเนี่ย?”

 

“ไม่ผิดแน่นอน หลินเฉี่ยนถูกคนทำร้ายร่างกายจนเจ็บสาหัสเลยแหละ พ่อของวางหยางก็เลยส่งลูกชายตัวเองไปต่างประเทศไงเล่า”

 

“แล้ววางหยางยอมเหรอ? ไม่ใช่ว่าเขากำลังตามจีบหนานอินอยู่หรอกเหรอ?”

 

“ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้อีก วางหยางไปพ้นหูพ้นตาแล้วแบบนี้ หลังจากนี้หลินเฉี่ยนก็คงจะทางสะดวกแล้วล่ะ”

 

“พวกแกกำลังจะบอกว่าที่หลินเฉี่ยนบริจาคเงินให้มหาลัยจนเข้ามาอยู่ในนี้ได้ มันเป็นเงินที่นางได้มาจากพ่อของวางหยางงั้นดิ?”

 

“ปิ๊งป่อง! มีความเป็นไปได้สูงมว๊ากกก! ดูยังไงหลินเฉี่ยนก็ไม่ใช่พวกลูกคนรวย จะไปเอาเงินมากมายพวกนั้นมาจากที่ไหน! เพื่อที่จะได้มาเข้าเรียนที่นี่ ต่อให้ต้องทำเรื่องน่าอาย ยัยนั่นก็ยอมทำทั้งนั้นแหละ…แต่จะว่าไปพ่อของวางหยางก็อายุเท่าพ่อแกเลยนะ”

 

เรื่องซุบซิบนินทาหาความจริงไม่ได้แบบนี้ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่มีจุดจบ

 

แน่นอนว่าพอหลินหยีได้ยินก็โกรธอย่างหนัก และรีบเอาข่าวลือที่เกิดขึ้นมาเล่าให้หลินเฉี่ยนฟัง คุณชายเฉี่ยนผู้กลายเป็นอีหนูของเสี่ยงยกนิ้วโป้งขึ้นมาหลังจากฟังจเรื่องจบแล้วเอ่ยปากชมจากก้นบึ้งหัวใจ “ฉันเพิ่งรู้นะว่าเพื่อนๆนักศึกษาในมหาลัยที่อยู่รอบๆตัวเราเนี่ย เป็นพวกเป็นที่เต็มไปด้วยจินตนาการกันมากขนาดนี้ นี่มัน  ‘สุดยอดมันสมองระดับเทพ’ เลยนะเนี่ย ไอเดียของคนพวกนี้บรรเจิดพอจะเอาไปสร้างเป็นซีรี่ย์น้ำเน่าได้เลย”

 

แม้จะโกรธแทนคนตรงหน้ามากแค่ไหนและถึงจะหงุดหงิดกับท่าทีเหมือนไม่คิดจะแคร์ของหลินเฉี่ยน แต่หลินหยีก็ยังไม่ลืมที่จะสอดรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ว่าแต่เรื่องนี้จริงๆแล้วมันยังไงกันแน่เนี่ย? แล้วคุณกู้เขาว่ายังไงบ้างอ่ะ?”

 

หลินเฉี่ยนส่ายหน้า “ตั้งแต่ที่เขาหายไปเมื่อวันก่อนฉันก็ไม่เห็นเขาอีกเลย”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินหยีก็อดรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้ “นี่ อย่าหาว่าฉันยุ่งเรื่องของเธอเลยนะ แต่ฉันแค่เป็นห่วงน้องสาวของฉัน ฉันเลยอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงอยากแต่งงานกับเธอ?”

 

หลินเฉี่ยนส่ายหน้าพร้อมกับยักไหล่ “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเธอรู้เมื่อไหร่ก็ช่วยบอกฉันด้วยนะ”

 

“…….” หลินหยีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แล้วนี่จะได้ออกจากโรงบาลวันไหน? ฉันว่าถ้าเธอยังไม่ไปเคลียร์เรื่องทุกอย่างนะ มีหวังเธอได้กลายเป็นแม่เลี้ยงวางหยางตลอดไปแน่ๆ”

 

“ไปเคลียร์? เคลียร์กับใคร? จะให้ฉันไปปิดป้ายประกาศว่าฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยพ่อเขางั้นเหรอ? เหอะ ปัญญาอ่อนดิ”

 

“แล้วเธอไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเรอะ?”

 

“แคร์อะไรล่ะ? พูดไปก็ดูเหมือนหาข้อแก้ตัว ยิ่งร้อนรนก็ยิ่งเหมือนร้อนตัว ฉันว่าไม่ต้องไปสนใจหรอก เดี๋ยวเวลาผ่านไปทุกคนก็รู้เองแหละว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”

 

หลินหยีพยักหน้า “ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะ หนิแล้วตกลงเธอจะออกจากโรงบาลวันไหนแน่ห๊ะ? แล้วออกไปแล้วจะเอาไงต่อ? จะไปอยู่ที่ไหน?”

 

ไม่ใช่ว่าหลินเฉี่ยนไม่อยากตอบแต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไงต่อ เพราะตั้งแต่วันนั้นที่กู้เฉิงเซียวเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอ เขาก็ไม่มาหาเธออีกเลยและไม่มีใครมาหาเธอเลยเช่นกันแม้แต่ย่าของเขาก็ด้วย

 

แถมหลินเฉี่ยนก็ไม่กล้าพอที่จะโทรไปหากู้เฉิงเซียวด้วย

 

“คุณกู้คนนี้ถ้าไม่ใช่สมองมีปัญหาก็ร่างกายมีปัญหานั่นแหละถึงมาเลือกแต่งงานกับเธอได้น่ะ แต่ฉันเดาว่า 80% เขาต้องมีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นว่ะ ฉันว่านะตอนนี้เธอต้องวางแผนให้ดีๆก่อน ต้องคิดให้รอบคอบว่าควรจะเอายังไงต่อ”

 

หลินเฉี่ยนไม่สามารถหาอะไรมาอธิบายให้หลินหยีเข้าใจได้ และสิ่งที่หลินหยีสงสัยก็คือเรื่องเดียวกับที่เธอกำลังไม่เข้าใจอยู่ในตอนนี้

 

“นี่หลินเฉี่ยน” จู่ๆหลินหยีก็ลดเสียงลง ก่อนที่จะกระซิบถาม “เธอกับเขาเคย...กันรึยังล่ะ?”

 

“ยัง! ฉันไม่ยอมแล้วเขาก็ไม่ได้บังคับฉันด้วย”

 

ป้าบ! หลินหยีตบหน้าขาตัวเอง “เห็นไหมล่ะฉันบอกแล้ว! ฉันว่านะที่หมอนั่นมาแต่งงานกับคนแบบเธอได้นี่ต้องเป็นเพราะเขามีปัญหาเรื่องการใช้งานเจ้านั่นแน่ๆ!”

.

.

.

.

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด