ตอนที่แล้วตอนที่ 20 ตลาดจอมยุทธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 ดัชนีสวรรค์ทมิฬ

ตอนที่ 21 หมัดปีศาจวายุเก้าดัชนี


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

เด็กสาวตระกูลหยางในตลาดจอมยุทธ์จะต้องเป็นหยางหลิงชิงอย่างแน่นอน

 

หยางหลิงชิงดีต่อหลงเฉินมาก และหลงเฉินเองก็ปฏิบัติต่อนางในฐานะญาติแท้ ๆ   เมื่อคิดว่านางอาจโดนกลั่นแกล้ง หลงเฉินก็ไม่พูดพล่ามและรีบรุดไปยังต้นทางของเสียงทันที

 

เสียงเมื่อครู่ น่าจะเป็นเพลงหมัดดาวตกของหยางหลิงชิง  ลูกหลานจากตระกูลไป๋และตระกูลหยางมักจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน อย่างไรก็ตาม หยางหลิงชิงถึงกับใช้หมัดดาวตก ซึ่งหมายความว่านางกำลังโกรธมาก

 

หลงเฉินเห็นคนกลุ่มใหญ่มุงดูอยู่เบื้องหน้าจากระยะไกล  มียอดฝีมืออยู่ในกลุ่มนั้นจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามการทะเลาะวิวาท   แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังมากพอ แต่พวกเขาจะกล้าเข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งระหว่างลูกหลานตระกูลไป๋และตระกูลหยางได้อย่างไร? พวกเขาจะไม่กลัวกับผลที่ตามมาอย่างนั้นหรือ?

 

หลงเฉินไม่กลัวว่าผู้คนที่เขาผลักออกไปให้พ้นทางจะรู้สึกไม่พอใจ  และเป็นจริงดังว่า หยางหลิงชิงกำลังสู้อยู่กับหญิงสาวรูปงามน่าหลงใหลผู้หนึ่ง  แต่ดูเหมือนหยางหลิงชิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และกำลังพ่ายแพ้

 

ด้านข้างหลงเฉิน ชายวัยกลางคน 2 คนกำลังพูดคุยกัน  พวกเขาคงเป็นเจ้าของร้านค้าในบริเวณนั้น

 

“หยางหลิงชิงจากตระกูลหยางนี่ช่างเก่งกาจจริง ๆ แต่ไป๋จื้อซิงจากตระกูลไป๋มีอายุมากกว่าเล็กน้อย และยังบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกแล้วด้วย นางจึงเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

“พวกนางมีพลังต่างกัน 1 ระดับ  หยางหลิงชิงรับมือได้นานขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว”

 

“ตระกูลไป๋และตระกูลหยางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด  ทำไมจู่ ๆ แม่นางทั้งสองถึงมาสู้กันได้ล่ะ?”

 

“ข้าก็มิทราบได้ ตอนที่ข้ามาถึง พวกนางก็สู้กันแล้ว”

 

"บางที อาจจะเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองก็ได้  ข้าคิดว่าอำนาจในเมืองพฤกษาหมอกกำลังเปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว ... "

 

หลงเฉินไม่พูดอะไร เขารีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ  ขณะที่เขากำลังจะลงมือ เขาก็ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของหลิงซี

 

“นี่ ... เจ้าเห็นเด็กหนุ่มผู้นั้นรึเปล่า? ในกระเป๋าที่เอวของเขามีหญ้าวิญญาณนิมิตอยู่ มันเป็นสมุนไพรระดับอำพันขั้นกลางและสามารถบำรุงวิญญาณได้นะ!”

 

ขณะที่หลงเฉินกำลังวิ่ง  สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มผู้นั้น เพราะเขายืนอยู่ข้างหลัง ไม่ไกลจากไป๋จื้อซิงแห่งตระกูลไป๋

 

“เขาคือผู้ที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกอีกคนหนึ่งของตระกูลไป๋  ไป๋ซื่อตง งั้นรึ?”

 

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเมื่อสิ่งที่เขาปรารถนาอยู่กับเด็กหนุ่มคนนั้น

 

แม้จะไม่ใช่เพราะหญ้าวิญญาณนิมิต แต่หลงเฉินก็จะเข้าไปแทรกแซงการทะเลาะวิวาทในวันนี้อย่างแน่นอน

 

การกระทำของเขาทำให้ทุกคนต่างหันมามองด้วยความตกตะลึง

 

“นั่น... นั่นคือบุตรชายของนายหญิงลำดับ 3 ของตระกูลหยางนี่ ผู้ที่เป็นต้นเหตุของความโกลาหลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าได้ยินมาว่าเขาบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้าแล้ว  อย่างไรก็ตาม ฝีมือของเขาก็ยังห่างชั้นกับเด็กทั้งสองจากตระกูลไป๋อยู่ดี”

 

“แต่ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ เขาจะเอาชนะหยางหลิงเยวี่ยที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกได้ด้วยนะ”

 

“แล้วอย่างไร? ข้าได้ยินมาว่าเขาใช้ลูกไม้สกปรกเพื่อเอาชนะหยางหลิงเยวี่ย ความจริงแล้วเขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก!”

 

ชายวัยกลางคนทั้งสองสนทนากันต่อไป พวกเขามองหลงเฉินโดยไม่ละสายตา เพื่อรอดูว่าหลงเฉินจะทำเช่นไรต่อไป

 

เพราะอย่างไรเสีย คู่ต่อสู้ทั้งสองต่างก็บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหก ส่วนตัวเขาเพิ่งจะบรรลุเพียงขั้นห้า แต่กลับหาญกล้าเข้าร่วมการต่อสู้

 

ในตอนนี้ หากเกราะดาราจรัสแสงและพลังปราณของขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้าของหลงเฉินปะทุขึ้น ปราณของเขาก็ยังด้อยกว่าคู่ต่อสู้ทั้งสองที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และช่องว่างนั้นก็สามารถเติมเต็มได้ด้วยเกราะดาราจรัสแสง

 

แสงดาวจาง ๆ แทรกซึมผ่านผิวกายของเขา  ความรู้สึกของคลื่นพลังดวงดาวที่คุ้นเคยนี้  หยางหลิงชิงรู้ว่าในที่สุดหลงเฉินก็มาถึง

 

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ความขุ่นเคือง และไม่เต็มใจ  เพราะคู่ต่อสู้ของนางมีพลังที่จะเอาชนะนางได้อย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้ ฝ่ายตรงข้ามเพียงต้องการทำให้นางขายหน้าเท่านั้น

 

ทันใดนั้นเอง นางรู้สึกถึงพลังรุนแรงที่เกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อนางถูกหลงเฉินดึงกลับมา เวลานี้ หลงเฉินกำลังเผชิญหน้ากับไป๋จื้อชิงโดยตรง  ไป๋จื้อซิงผู้งดงามน่าหลงใหลและกำลังกลั่นแกล้งหยางหลิงชิงอย่างสนุกสนาน นางไม่คิดว่าจู่ ๆ จะมีชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า จึงได้ถอยหลังออกไปหลายก้าวด้วยความตกใจ

 

ทั้งสองฝ่ายจึงแยกออกจากกัน

 

หยางหลิงชิงทำหน้าบูดบึ้งและมองหลงเฉิน  เขาเห็นว่านางกำลังจะร้องไห้

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

หยางหลิงชิงมองไป๋จื้อชิงด้วยความรังเกียจ นางกัดฟันแน่น

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ตอนที่นางเห็นข้า นางก็พูดจาเหยียดหยามข้า จนในที่สุด ข้าก็ทนไม่ไหวและลืมสิ่งที่ท่านปู่เตือนเอาไว้...”

 

หากแม้แต่ผู้ที่อารมณ์ดีอยู่เสมออย่างหยางหลิงชิงยังไม่สามารถทนได้   ถ้อยคำที่ไป๋จื้อชิงใช้จะต้องร้ายกาจมากแน่ ๆ

 

“นางเหยียดหยามเจ้างั้นรึ? นางคิดว่าจู่ ๆ ก็จะมากลั่นแกล้งน้องสาวข้าได้รึอย่างไร ...?”

 

หลงเฉินมองไป๋จื้อซิงด้วยสายตาดุดัน

 

“น้องหลิงชิง เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะ? ข้าเพียงแค่พูดคุยกับเจ้านิดหน่อยเท่านั้นเอง ก่อนที่เจ้าจะโจมตีข้า ข้าเองก็อยากจะถามเจ้าเหมือนกันว่าทำไม  ทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้าเหยียดหยามเจ้าล่ะ?”

 

สายตาของหลงเฉินทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัว  อย่างไรก็ตาม เมื่อนางรู้ถึงพลังของของหลงเฉิน ในที่สุด นางก็รวบรวมความกล้าและแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา

 

หลงเฉินรังเกียจผู้หญิงเช่นนี้ พวกปฏิเสธที่จะยอมรับในสิ่งที่ตนเองกล้าทำ  แม้ว่านางจะดูไร้เดียงสา แต่จิตใจของนางกลับชั่วร้าย นางคงทำเป็นเพียงปฏิเสธเรื่องแย่ ๆ ที่ตนทำด้วยการแสร้งทำตัวน่าสงสาร

 

เมื่อไม่มีฝ่ายใดได้รับบาดเจ็บ  ดังนั้นเรื่องก็ควรจะจบลงได้แล้ว  แต่อย่างไรก็ตาม หลงเฉินต้องการหญ้าวิญญาณนิมิต  และในตอนนี้เขามีข้ออ้างแล้ว เขาย่อมไม่ปล่อยมันไปอย่างแน่นอน

 

เขาตบไหล่หยางหลิงชิง

 

“หลิงชิง ข้าก็เป็นญาติเจ้ามาหลายปี แต่ข้ากลับไม่เคยทำอะไรเพื่อเจ้าเลย วันนี้คอยดูให้ดีล่ะ”

 

หยางหลิงชิงเข้าใจสิ่งที่หลงเฉินพูดในทันที  ฝ่ายตรงข้ามก็เช่นกัน พวกเขามองมาที่หลงเฉินราวกับมองคนปัญญาอ่อน

 

หยางหลิงชิงจับแขนเขาไว้ด้วยความกระวนกระวาย และห้ามเขาไว้

 

“อย่าเลย ลืมเรื่องวันนี้ไปเสียเถอะ ท่านปู่ห้ามไม่ให้เรามีเรื่องบาดหมางกับคนตระกูลไป๋  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองก็บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกแล้ว ส่วนพวกเรา...”

 

หลงเฉินหัวเราะและดึงมือหยางหลิงชิงออกอย่างอ่อนโยน  ความมุ่งมั่นในดวงตาของเขาทำให้หยางหลิงชิงไขว้เขวเล็กน้อย  และในตอนนี้ หลงเฉินก็ได้เดินเข้าไปในสนามรบแล้ว

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่กลัวตาย ผู้คนรอบข้างจึงต่างถกเถียงกันและเยาะเย้ยเขา

 

ชายวัยกลางคนก่อนหน้านี้มองหลงเฉินด้วยความตกใจ

 

“เด็กนี่ใจกล้าไม่เลว แต่หุนหันพลันแล่นเกินไป”

 

“จริงด้วย  คนบ้าระห่ำเช่นนี้มักจะพบกับชะตากรรมที่น่าเศร้า  หากรู้จักข่มใจสักหน่อย วันหนึ่งก็จะสามารถผงาดขึ้นมาได้  นั่นต่างหากคือวิธีที่ถูกต้อง”

 

สำหรับไป๋จื้อซิงและไป๋ซื่อตง  เมื่อรู้ว่าหลงเฉินไม่ยอมหยุด พวกเขาก็พ่นลมอย่างดูถูก และกำลังจะเอ่ยวาจาเยาะเย้ย  พวกเขาไม่รู้เลยว่าหลงเฉินไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสทำเช่นนั้น ขณะที่เขาเดินออกไป สีหน้าของเขาดุดัน เขาถีบตัวจากพื้นอย่างรุนแรงและพุ่งตรงไปยังคนทั้งสองราวกับพายุหมุน  จากการเคลื่อนไหวของเขา สามารถบอกได้ว่าเขาต้องการจัดการกับทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน!

 

ฝูงชนแตกตื่นในทันที  การกระทำของหลงเฉินทำให้พวกเขาสับสน  แม้แต่ชายวัยกลางคนทั้งสองที่กำลังเอ่ยถึงเขาก็ยังมองหน้ากันด้วยความตกใจ

 

“เด็กคนนี้ ... เป็นคนพิลึกจริง ๆ แม้ว่าเขาจะมีปราณน้อยกว่า แต่ก็กล้าหาญไม่เบา ...”

 

ในตอนนี้ ไป๋จื้อซิงและไป๋ซื่อตงมองหน้ากัน ทั้งคู่เห็นความขบขันในสายตาของอีกฝ่าย  ไป๋จื้อซิงเป็นคนก้าวร้าว ดังนั้นนางจึงลงมือด้วยการขัดขวางหลงเฉิน

 

ในตอนนี้ หลงเฉินพุ่งตัวไปด้านหน้าไป๋จื้อซิง  ลมกระโชกแรงจับตัวหนาแน่นที่นิ้วมือ ก่อให้เกิดพายุกระหน่ำห่อหุ้มรอบนิ้วของเขาอย่างรวดเร็ว  เสียงอันทรงพลังของปราณทำให้ไป๋จื้อซิงขมวดคิ้ว

 

นางหัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมด้วยพลังปราณในร่างที่ปะทุขึ้น  ด้วยพลังปราณอันทรงพลัง นางกำหมดขวาแน่นและเหวี่ยงหมัดออกไปก่อนที่หลงเฉินจะทันได้เข้าใกล้นาง  พลังปราณรุนแรงนั้นถาโถมเข้าใส่หลงเฉิน และภายในปราณนั้น มีเงาหมัดจำนวนหนึ่งปรากฏให้เห็นได้อย่างเลือนราง

 

“หมัดปีศาจห้าทิศ!”

 

หลงเฉินเผชิญหน้ากับเงาหมัดทั้งห้า อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เขายิ้มเยาะออกมา นิ้วมือของเขาเตรียมพร้อมที่จะปล่อยพลังออกไป  พร้อมกันนั้นเอง ลมพายุขนาดใหญ่ที่สามารถถอนรากถอนโคนต้นไม้ได้ก็พุ่งเข้าใส่ไป๋จื้อซิง!

 

“หมัดปีศาจวายุเก้าดัชนี!”

 

“ดัชนีที่หนึ่ง เจาะจง!”

 

“ดัชนีที่สอง บุกทะลวง!”

 

“ดัชนีที่สาม เปลี่ยนแปลง!”

 

“ดัชนีที่สี่ กำจัด!”

 

สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือพลังอันรุนแรงที่หลงเฉินระเบิดออกมา ทำให้ไป๋จื้อซิงถอยหลังไปหลายก้าว  หลงเฉินจู่โจมด้วยดัชนีทั้งห้าอย่างต่อเนื่อง จนหมัดปีศาจห้าทิศถูกทำลายและอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

 

แม้ว่าไป๋จื้อซิงจะใช้พลังปราณทั้งหมดของนาง นางก็ยังตกใจกับกระบวนท่าของหลงเฉิน ด้วยโลหิตและพลังปราณที่กำลังพลุ่งพล่าน ใบหน้าของนางซีดเผือดขณะมองไปยังใบหน้าชั่วร้ายของหลงเฉินพร้อมกับอาการสั่นเทิ้มเล็กน้อย

 

หลงเฉินเป็นผู้ที่ไร้ความปรานีในทุกย่างก้าว คลื่นพลังอันบ้าคลั่งของเขาทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจ  โดยเฉพาะหยางหลิงชิง นางรู้ดีว่าหลงเฉินฝึกเพลงหมัดดาวตกมาก่อน

 

“เขาไปฝึกวิชาปีศาจวายุเก้าดัชนีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?  และหมัดที่เขาใช้ก็น่าสะพรึงกลัวกว่าหมัดของพี่หลิงเยวี่ยเสียอีก?  เขาใช้ดัชนีได้มากสุดเท่าใดกันนะ?”

 

ดวงตางดงามของหยางหลิงชิงจับจ้องไปที่หลงเฉิน  เป็นเขาเองที่ช่วยนางไว้ในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงมองหลงเฉินเหมือนกับเสาหลักที่คอยค้ำจุนนางไว้  ในเวลานี้ นางเห็นแววตาที่มุ่งมั่นของหลงเฉิน ในที่สุดนางก็เข้าในคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ ที่ว่า

 

‘...หลิงชิง ข้าเป็นญาติเจ้ามาหลายปี แต่ข้ากลับไม่เคยทำอะไรเพื่อเจ้าเลย วันนี้คอยดูให้ดีล่ะ…’

 

ถ้อยคำเหล่านี้ดังก้องอยู่ในใจของหยางหลิงชิง

 

เมื่อเห็นหลงเฉินใช้หมัดปีศาจวายุเก้าดัชนีอย่างต่อเนื่องจนทำให้ใบหน้าของไป๋จื้อซิงซีดเผือด  หยางหลิงชิงก็รู้สึกโล่งอก ดวงตาของนางแดงก่ำเล็กน้อยเพราะนางปฏิบัติต่อหลงเฉินเช่นเดียวกับพี่ชายคนหนึ่ง  แม้แต่หยางจ้านก็คงไม่สู้เพื่อนางถึงเพียงนี้

 

อย่างไรก็ตาม ที่หลงเฉินต่อสู้อย่างหนัก ส่วนหนึ่งก็เพื่อนาง และเพราะเขาต้องการหญ้าวิญญาณนิมิตด้วยเช่นกัน

 

หลงเฉินตะโกนลั่น ดัชนีของเขาพุ่งออกมาราวกับพายุ!

 

“ดัชนีที่แปด จักรวาลล่มสลาย!”

 

ไป๋จื้อซิงใช้แขนของนางป้องกันตัว แต่เมื่อพลังที่บ้าคลั่งปะทะเข้าที่แขนของนาง เสื้อผ้าที่ปกคลุมบริเวณแขนถึงกับขาดวิ่นออก  ในขณะเดียวกัน นางกรีดร้องอย่างน่าสมเพชและกระอักเลือดออกมา

 

ไป๋จื้อซิงล้มลงไปต่อหน้าหลงเฉิน  ตอนนั้นเอง ไป๋ซื่อตงก็เริ่มเคลื่อนไหวในที่สุด  จากที่เคยมีสีหน้าเหลือเชื่อ กลับแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราดในทันที

 

เขายืนอยู่ด้านหลังไป๋จื้อซิงไม่ถึงหนึ่งเชียะ เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขากำลังจะปลดปล่อยพลังปราณออกมาและสู้กับหลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย  หลังจากที่หลงเฉินเอาชนะไป๋จื้อซิงได้ เขาก็ยังไม่หยุด เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือไป๋ซื่อตง ดัชนีที่เต็มไปด้วยลมพายุปรากฏขึ้นเบื้องหน้าไป๋ซื้อตงและพุ่งเข้าที่ศีรษะของเขา  หากโดนเข้า เขาจะต้องสมองระเบิดออกมาอย่างแน่นอน

 

“ดัชนีที่เก้า โองการฟ้าดิน!”

 

การกระทำของหลงเฉินทำให้ฝูงชนเกิดความปั่นป่วน  ทุกคนคิดว่าไป๋ซื่อตงไม่สามารถหลบการโจมตีของหลงเฉินได้อย่างแน่นอน

 

ไป๋ซื่อตงรู้ตัวว่าการโจมตีของหลงเฉินนั้นกะทันหันจนเกินไป  แม้ว่าเขาจะปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาและพยายามหลบเลี่ยง แต่เขาก็ไม่มีเวลาพอให้ทำเช่นนั้น!

 

เงามัจจุราชค่อย ๆ แผ่คลุมทัศนวิสัยของเขา  เมื่อมองไปยังดัชนีที่พุ่งแทงเข้ามาราวกับดาบ  ไป๋ซื่อตงก็รู้สึกราวกับทั่วทั้งร่างอ่อนแรงลง ขาทั้งสองข้างอ่อนยวบ และเป้ากางเกงเริ่มกลายเป็นสีเข้ม  ดูเหมือนว่าเขาจะปัสสาวะรดตัวเอง …

 

เป้ากางเกงของไป๋ซื่อตงเปียกชุ่ม แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเขาในตอนนี้  เพราะเมื่อกำลังเผชิญกับความตาย ไม่ว่าใครก็ปัสสาวะราดกันได้ทั้งนั้น …

 

อย่างไรก็ตาม การฆ่าไป๋ซื่อตงคงทำให้ทั้งเมืองพฤกษาหมอกต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน  เมื่อฝูงชนที่มุงดูนึกถึงผลที่จะตามมา ปากคอของพวกเขาแห้งผาก

 

“เจ้าหมอนี่ ... เขาคิดอะไรอยู่กันแน่นะ?”

************************************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด