ตอนที่แล้วตอนที่ 19 ฉันสามารถทำให้เธอท้องจริงๆได้นะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 นิ่งราวกับพระพุทธรูป

ตอนที่ 20 สู้เพื่อสะสางความแค้น


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

เนื่องจากผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายเป็นถึงภรรยาของทหารยศใหญ่ระดับนายพล นายตำรวจระดับผู้กํากับจึงให้ความสำคัญกับคดีนี้เป็นอย่างมาก เขาโทรสอบถามรายละเอียดและความคืบหน้าเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเป็นการส่วนตัว

 

“หัวหน้ากู้ นี่คงไม่ใช่การแก้แค้นท่านโดยเจตนาหรอกใช่ไหมครับ?”

 

กู้เฉิงเซียวเข้าใจดีว่าผู้กำกับกำลังหมายถึงอะไร “คิดว่าไม่น่าใช่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆพวกมันคงไม่ปล่อยให้เธอรอดแบบนี้ อีกอย่างตอนนี้ก็มีการสอบสวนอย่างเข้มงวดแบบนี้คนพวกนั้นก็จะไม่มีโอกาสทำอะไรได้อีกเป็นรอบที่สอง”

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้นก็พอจะโล่งใจไปได้นะครับ พวกเราก็แค่กลัวว่าท่านจะได้รับอันตราย เมื่อกี้ผมดูกล้องวงจรปิดแล้ว กลุ่มคนที่รุมทำร้ายคุณผู้หญิงหลินมีทั้งหมดสิบห้าคน ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดค่อยง่ายขึ้นมาหน่อย มั่นใจได้เลยว่าไม่มีใครหนีการจับกุมได้แน่ครับ”

 

หลังจากได้รับการกำชับเป็นพิเศษจากผู้กำกับ เหล่าตำรวจผู้ดูแลคดีจึงเร่งติดตามคดีนี้มากเป็นพิเศษ การดำเนินการเป็นไปอย่างฉับไวและแน่นอนว่าฝ่ายผู้ต้องหาคงไม่กล้าหวนกลับมาเล่นงานซ้ำอย่างแน่นอน

 

ตอนนี้แม้ว่าหลินเฉี่ยนจะยังไม่รู้สึกตัว แต่คดีนี้ก็คงถูกปิดได้ในเวลาไม่นานนัก

 

จริงๆแล้วนี่เป็นการแก้แค้นโดยเจตนาจริงๆ ทว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับกู้เฉิงเซียวแม้แต่น้อย แต่มันเป็นเรื่องของหลินเฉี่ยนเองโดยตรง

 

คนพวกนี้เป็นนักเลงที่ถูกว่าจ้างโดยวางหยาง ซึ่งวางหยางก็คือคนที่กำลังรักษาตัวจากอาการกระดูกหักอยู่ในแผนกศัลยกรรมกระดูกในโรงพยาบาลทหารแห่งนี้ด้วย

 

เพราะเขาคือหนึ่งในเก้าคนที่รุมทำร้ายหลินเฉี่ยนจากศึกครั้งนั้น ซึ่งเมื่อเข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลหลังจบการต่อสู้ก็พบว่าขาซ้ายของเขาหัก มันถูกหลินเฉี่ยนเตะจนหัก...เตะจนหัก!

 

กู้เฉิงเซียวมองรายงานการสืบสวนที่ตำรวจส่งมาให้ตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสนที่เกิดขึ้นภายในใจ เวลานี้อารมณ์ของเขาซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

 

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหลินเฉี่ยนเป็นแค่วัยรุ่นซุกซนและคึกคะนองตามอายุคนหนึ่งเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ได้ แถมยังเตะขาคนอื่นจนหักอีก นี่เป็นเรื่องจริง จริงเหรอ?

 

และที่สำคัญก็คือวางหยางเป็นลูกชายคนเดียวของวางไห่เฉิงเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้ วางไห่เฉิงผู้นำคนปัจจุบันแห่งตระกูลวาง ที่ซึ่งเป็นตระกูลที่มีชื่อเรื่องการทำธุรกิจผิดกฎหมายเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้ายาเสพติด  และเป็นเพราะต้องการฟอกเงินเขาจึงเปิดธุรกิจบังหน้ามากมาย รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีโดยการนำเงินเหล่านั้นไปบริจาคเพื่อสร้างโรงเรียนและโรงพยาบาลจำนวนมาก

 

บ้านของตระกูลวางอยู่ที่เมืองจิงเฉิง พวกเขาควบคุมดูแลธุรกิจมากมาย ทรัพย์สินที่มีมากมายมหาศาล ตัววางไห่เฉิงเองก็ถือได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธพลในระดับสูง แต่ทว่าหลินเฉี่ยนกลับกล้าเตะขาทายาทของคนแบบนั้นจนหักได้ เรื่องนี้ทำให้กู้เฉิงเซียวอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกชื่นชมเธอขึ้นมา

 

-- แน่นอนว่าเขาแค่ชื่นชม แต่ไม่ได้ ‘เห็นด้วย’ --

 

ท้องฟ้าด้านนอกสว่างขึ้นมาอีกครั้งบ่งชี้ว่าเวลาได้ล่วงเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว ภาพทิวทัศน์ที่เห็นอยู่ด้านนอกเต็มไปด้วยบรรยากาศของรุ่งอรุณแห่งฤดูใบไม้ร่วง แสงแดดอ่อนๆที่เริ่มสาดส่องลอดหน้าต่างเข้ามาช่วยพาให้ทั้งห้องดูอบอุ่นสว่างไสว

 

ศีรษะของหลินเฉี่ยนถูกพันด้วยผ้าก๊อซสีขาวอย่างแน่นหนา จมูกเล็กๆของเธอเป็นสีม่วงช้ำในขณะที่ใบหน้าสวยได้รูปในตอนนี้บวมเป่งเพราะรอยแผลมากมาย ทว่าสาวน้อยกลับยังสามารถนอนหลับอย่างสบายใจ ด้วยท่าทางเหมือนไม่ทุกข์ร้อนใดๆ หมอบอกว่าสมองของเธอถูกกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนบาดแผลตามใบหน้าและร่างกายก็ไม่ได้มีส่วนใดที่ร้ายแรง ดังนั้นอาการโดยรวมจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก

 

คืนที่ผ่านมากู้เฉิงเซียวข่มตานอนไม่หลับ ความรู้สึกกังวล สงสัย  โกรธ เอือมระอาเกิดขึ้นในใจเขาพร้อมๆกัน มันผสมปนเปกันจนยุ่งเหยิงและปรากฏชัดอยู่บนใบหน้าเขามาจนถึงเวลานี้ด้วย ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มมีหนวดเคราผุดขึ้นมา และดูคมเข้มคล้ายมีอายุเพิ่มขึ้นอีกหลายปี แต่นั่นกลับไม่ได้ลดทอนความหล่อระดับเทพบุตรลงไปเลย ตรงกันข้ามกลับยิ่งเพิ่มเสน่ห์ความเป็นชายของเขาที่มีอยู่ให้มีมากขึ้นอีก

 

“ซี๊ด.....” ในที่สุดสาวน้อยบนเตียงคนไข้ก็รู้สึกตัว เธอพยายามลืมตาที่บวมเป่งขึ้นทว่าเธอความหนักของเปลือกตาบวมช้ำแถมยังความเจ็บปวดนั่นทำให้เธอแทบจะต้องร้องขอชีวิต

 

และในทันทีที่หลินเฉียนลืมตาขึ้นได้ สิ่งแรกที่เธอมองเห็นก็คือใบหน้าเย็นชาแต่หล่อเหลาของชายหนุ่ม...กู้เฉิงเซียว...สามีในนามของเธอ หลินเฉี่ยนพยายามข่มความเจ็บปวดไว้ก่อนที่จะพูดทักทายเขาให้ดูเหมือนปกติธรรมดาที่สุดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อรุณสวัสดิ์จ้า”

 

กู้เฉิงเซียวแทบจะกลอกตามองบนในวินาทีนั้นแต่เขาหยุดตัวเองไว้ก่อน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนบคนไข้จอมซ่าเสียงเข้ม “ยังยิ้มได้นี่ สงสัยบาดแผลที่มีอยู่ยังหนักไม่พอ”

“……” หลินเฉี่ยนกลืนน้ำลายเอื้อกอย่างจ๋อยสนิท

 

“เจ็บรึเปล่า?” คนร่างสูงถามเสียงเรียบ

 

“ไม่เจ็บ ไม่เลยสักนิด” คนตัวเล็กตอบกลับเสียงใส

 

‘ยัยตัวดี เจ็บจนจะตายอยู่แล้วแต่ยังจะมาปากแข็ง’ สีหน้าของชายหนุ่มเข้มขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “งั้นเอาอีกสักหมัดสองหมัดไหมล่ะ?” กู้เฉิงเซียวพูดด้วยความโกรธอย่างอดไม่ได้

 

“……” หลินเฉี่ยนรู้ดีว่าเธอไม่สามารถโต้แย้งอะไรเขาได้ สาวน้อยจึงเบนสายตาจากคนข้างเตียงแล้วกวาดตามองไปรอบๆ เธอพบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล แถมดูเหมือนว่ากู้เฉิงเซียวจะอยู่เฝ้าเธอทั้งคืนด้วย

 

“นายไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก” หลินเฉี่ยนจอมซ่ากลายเป็นคนหัวดื้ออีกครั้งหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง “ที่จริง ปัญหานี้ฉันแก้เองได้”

 

‘แก้ปัญหาเองได้? แก้ปัญหาที่ว่าคือการไปชกต่อยกับคนอื่นเนี่ยนะ’

 

กู้เฉิงเซียวลากเก้าอี้มานั่งชิดเตียงคนไข้ แล้วรีบพูด “ฉันไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกนะ เพราะมันไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน”

 

หลินเฉี่ยนแอบรู้สึกโล่งอก ระหว่างที่เธอนอนอยู่นี้เธอรู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะขยับตัวส่วนใหญ่ก็เจ็บไปทั่วทั้งร่างกาย เธอเลือกหลับตาลงเพราะไม่รู้ว่าจะสู้หน้าอีกฝ่ายยังไง อันที่จริงหลินเฉี่ยนก็มีก็มีทิฐิอยู่ไม่น้อย เธอเองก็อยากจะรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง และไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายได้มาเห็นตัวเธอในสภาพแบบนี้เลย

 

“ฉันไม่เป็นไรแล้ว นายไปทำงานของนายเถอะ” หลินเฉี่ยนยกข้ออ้างขึ้นมาไล่กู้เฉิงเซียวให้ออกไป

 

กู้เฉิงเซียวไม่ได้ออกไปจากห้องเขายังคงนั่งเงียบๆอยู่ที่เดิม และเมื่อเริ่มเห็นว่าสาวน้อยบนเตียงเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว เขาก็พูดขึ้น “ตอนนี้ตำรวจจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกนักเลงสิบห้าคนนั่นถูกจับไปหมดแล้ว แล้วก็มีโทษหนักทุกคนด้วย”

 

“หา?” หลินเฉี่ยนอุทานอย่างตกใจ เธอพยายามจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้สีหน้าของเธอดูไม่ดีนัก  “มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”

 

กู้เฉิงเซียวทนดูความทุลักทุเลของคนตัวเล็กไม่ได้ เขาจึงกดไหล่ของสาวน้อยให้นอนลงบนเตียงตามเดิม ก่อนจะพูดเสียงเข้มและเด็ดขาด “นอนลง!”

“……” หลินเฉี่ยนชะงักและเอนตัวนอนแต่โดยดี

 

“มันควรจะเป็นฉันไหมที่ต้องถามเธอว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” ตำรวจเอาภาพจากกล้องวงจรปิดให้เขาดูแล้ว และสิ่งที่เขาเห็นก็คือหลินเฉี่ยนสู้กับวัยรุ่นพวกนั้นอย่างไม่ออมมือ อันที่จริงเรียกได้ว่าทั้งหมัดทั้งเท้ามีครบกระบวนท่าเลยก็ว่าได้ แต่หลังจากที่ชกต่อยไปได้สิบนาทีสุดท้ายเธอก็ล้มลงไปกองแหมบอยู่บนพื้น

 

โชคดีนะที่มีพลเมืองดีไปแจ้งตำรวจได้ทัน

 

โชคดีนะที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุทันเวลา

 

โชคดีนะที่คนพวกนั้นไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บไปมากกว่านี้ หรือทำอะไรที่เลวร้ายกว่านั้นกับเธอ

 

เมื่อย้อนนึกถึงภาพที่ได้ดูจากกล้องวงจรปิด กู้เฉิงเซียวก็เริ่ม ‘รู้สึกกลัวจับใจ’ ขึ้นมา หมัดจำนวนมากถูกซัดไปบนร่างเล็กๆของเธอ ไหนจะเท้าหนักๆที่กระทืบซ้ำๆบนร่างนั่นอีกนับไม่ถ้วน ทว่าสาวน้อยก็ยังคงปัดป้องต่อสู้ต่อได้ด้วยสองมือเปล่าๆ เลือดเลอะไปทั่วร่างแบบนั้นมันจะไม่เจ็บได้ยังไงกัน?

 

แถมเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้

 

แต่ถึงแม้ว่าหลินเฉี่ยนจะได้รับบาดเจ็บอยู่มากแต่วัยรุ่นพวกนั้นก็ไม่ได้มีสภาพต่างจากเธอเท่าไหร่นัก เพราะหลังจากตำรวจตามตัวคู่กรณีได้ทั้งหมด พวกเขาก็พบว่ามีบางคนที่เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน ซึ่งกู้เฉิงเซียวเองก็ได้เห็นสภาพคนเหล่านั้นกับตาแล้ว

 

“หลินเฉี่ยน คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเธอจะกล้าหาญได้มากขนาดนี้”

 

“โอเค ไหนๆเรื่องก็แดงขึ้นมาขนาดนี้แล้ว งั้นฉันจะเล่าเรื่องจริงกับนายตรงๆ เลยก็แล้วกัน ก็ถ้าตอนนั้นฉันไม่เหยียบพื้นลื่นล้มไปเอง รับรองพวกมันก็คงไม่มีทางทำอะไรฉันได้แน่ คิดแล้วก็เจ็บใจจริงๆ”

 

“…….” ประโยคของสาวซ่าทำเอาชายชาติทหารถึงกับเงียบไปเพราะความอึ้ง

 

“จริงๆไอ้พวกนั้นก็แค่กุ๊ยข้างถนนดีๆนี่แหละ ขี้เหล้าเมายาไปวันๆ พวกมันไม่พอใจฉัน อันที่จริงฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรหรอก ตอนนั้นฉันก็บอกไปว่าถ้าต้องสู้ก็จะสู้ มีแค้นอะไรต่อกันก็สู้กันให้มันจบๆไป สุดท้ายไม่ว่าแพ้หรือชนะก็จะได้ถือว่าหายกันแล้ว คือ จริงๆฉันขี้เกียจเสียเวลาเจรจาว่าความอะไรกับไอ้พวกนั้นยืดยาวอ่ะนะ  ก็เลยใช้กำลังตัดสินให้จบๆไปดีกว่าต้องมานั่งพล่ามให้เปลืองน้ำลาย”

 

“.......” ‘ที่แท้ยัยบ้านี่ก็เป็นคนแบบนี้นี่เอง’ ใบหน้าของกู้เฉิงเซียวเป็นกำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆมันเปลี่ยนเป็นสีคล้ำจนเกือบจะดำแล้วในเวลานี้

 

‘หมูตายไม่กลัวน้ำเดือดลวก’ นี่คือทัศนคติของหลินเฉี่ยน ยังไงมันก็แย่อยู่แล้ว เธอเลยไม่กลัวว่ามันจะแย่ไปมากกว่านี้ “ก็โทษทีละกันนะที่ทำให้นายได้เปิดโลกทัศน์ใหม่กันอะไรแบบนี้น่ะ แต่ไม่ว่านายจะรับได้หรือไม่ได้ ฉันก็คือฉันที่เป็นแบบนี้ล่ะ” เมื่อหลินเฉี่ยนเห็นท่าทางนิ่งอึ้งของกู้เฉิงเซียวเธอก็พูดเสียงจริงจัง

 

ค่ำคืนที่ผ่านมามีเรื่องมากมายจริงๆ อันที่จริงเขาเองก็เตรียมใจกับเหตุผลอะไรก็ตามของคนตรงหน้ามาบ้างแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นคนไม่ไยดีได้แบบนี้ ‘ผู้หญิงคนนี้บ้าหรือยังไง?’

 

“นี่เธอไม่กลัวบ้างเลยหรือไง?” กู้เฉิงเซียวถามอย่างไม่เข้าใจ

 

“ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ? ถ้าฉันบอกว่าฉันกลัว แล้วคนพวกนั้นจะปล่อยฉันงั้นเหรอ?” หลินเฉี่ยนตอบตรงๆ

 

“เธอรู้จักคำว่าอันตรายบ้างรึเปล่า? เธอเป็นผู้หญิงนะ” คนตัวโตถามต่ออย่างฉุนเฉียว

 

“ผู้หญิงแล้วไง? ผู้หญิงแล้วต่างกับผู้ชายตรงไหน? ไอ้คนพวกนั้นรวมกันตั้งสิบกว่าคนยังสู้ผู้หญิงอย่างฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” คนตัวเล็กเถียงกลับทันควัน

 

“.......”  อารมณ์ของกู้เฉิงเซียวปะทุขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามสยบอารมณ์ตัวเองไว้และย้ำเตือนตัวเองว่า เขาไม่สามารถปฏิบัติกับเธอเหมือนกับทหารในกองทัพได้ เขาพยายามจะสุภาพให้มากที่สุด แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้าจะไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด

 

“นายไม่ต้องมาถลึงตาใส่ฉันเลย นายควบคุมฉันไม่ได้หรอก ถ้านายคิดว่าพฤติกรรมฉันมันน่ารำคาญ น่าอับอาย ก็ทิ้งฉันได้เลยนะ” แม้ว่าหลินเฉี่ยนจะยังคงนอนอยู่ แต่ก็เห็นชัดว่าคางบอบบางของเธอกำลังเชิดขึ้นสูง สาวน้อยพูดต่ออย่างหยิ่งยโส “เพราะถ้าต่อไปถ้าฉันหาเรื่องเดือดร้อนมาให้นายก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ แล้วฉันก็จะไม่รับผิดชอบด้วย”

 

จบประโยคนั้นกู้เฉิงเซียวก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้อย่างเหลืออดทันทีเพราะเส้นความอดทนของเขาขาดสะบั้นลง

 

ขณะที่คนตัวโตกำลังจะอ้าปากตักเตือนสั่งสอนหญิงสาว จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่เสียงที่ราบเรียบของชายคนหนึ่งจะดังตามมา “หัวหน้ากู้ ผมวางไห่เฉิง ผมพาไอ้เด็กเวรมาที่นี่แล้ว เชิญคุณจัดการได้เลย”

.

.

.

.

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด