ตอนที่แล้วตอนที่ 15 ยัยนั่นแค่ขี้มโนเท่านั้นเอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 เหนือฟ้ายังมีฟ้า

ตอนที่ 16 เขาก็คือผู้ชายรวย ๆ โง่ ๆ คนนั้นแหละ


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

จางคายเคยเจอมิจฉาชีพที่ทำแบบนี้มาก่อน เขารู้จักพฤติกรรมหลอกลวงของโจรพวกนี้ดี ทันทีที่เห็นรถหรูขับผ่านมาพวกโจรก็จะแกล้งทำเป็นล้มลงแล้วร้องโวยวายเสียงดังหรือแกล้งทำตัวน่าสงสารเพื่อหลอกเอาเงินค่าเสียหาย เขารู้ว่าวิธีจัดการที่ดีที่สุดคือจะต้องทำเป็นไม่สนใจแล้วพวกนั้นก็จะล้มเลิกไปเองและมองหาเหยื่อรายใหม่

 

แต่สำหรับเหตุการณ์ในตอนนี้จางคายไม่สามารถทักท้วงอะไรได้ ถึงเขาจะคิดว่ายายแก่ๆคนนี้ไม่น่าไว้ใจ แต่เพราะเขาเป็นแค่คนขับรถ เป็นลูกจ้างธรรมดาๆ ถ้าเจ้านายสั่ง แน่นอนว่าไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องทำตามอยู่แล้ว

 

ทว่าหลังจากทุกคนขึ้นรถ ด้วยความหวาดระแวงจนทนไม่ไหวในที่สุดจางคายก็หันมาพูดเสียงแข็งใส่คนแก่ที่นั่งข้างหลินเฉียนบนเบาะหลังอย่างไม่เกรงใจ “ยาย ฉันเข้าออกหมู่บ้านนี้ทุกวัน ไม่เคยเห็นยายอยู่แถวนี้เลย บอกมาซะดีๆ ยายไม่ได้อยู่ที่นี่ใช่ไหม”

 

คุณยายตวัดสายตามองคนขับรถครั้งหนึ่งก่อนที่จะทำเมินไม่ตอบคำถามและหันไปพูดกับหลินเฉี่ยนแทน “เสี่ยวเฉี่ยนนี่แฟนเธอเหรอ? ทำไมถึงเอาผู้ชายที่แข็งกระด้างแบบนี้มาเป็นแฟนล่ะเนี่ย?”

“…….” จางคายแทบสะอึกเมื่อได้ยินคำเหน็บแนมของผู้หญิงรุ่นแม่

 

ท่าทางของทั้งคู่ทำให้หลินเฉี่ยนเผลอหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ฮ่าฮ่าฮ่า ย่า เขาไม่ใช่แฟนหนูหรอก แล้วที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะเป็นห่วงหนูแค่นั้นแหละ”

 

“งั้นก็ดีแล้ว ผู้หญิงที่จิตใจดีงามแบบเธอควรจะได้ครองคู่กับผู้ชายฉลาดเฉลียวมีน้ำใจกว้างขวางสิถึงจะถูกต้อง” คุณยายพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็ไม่วายทำหน้าสมเพชจางคายไปด้วยจากนั้นก็พูดต่อว่า “นี่เสี่ยวเฉี่ยนที่จริงฉันรู้จักผู้ชายดีๆอยู่บ้างนะ ฉันช่วยแนะนำให้ดีไหม”

 

หลินเฉี่ยนได้ยินแบบนั้นก็รู้ทันทีอีกว่าอีกฝ่ายคงจะพยายามเสนอลูกหลานให้เธอ ‘ท่าทางจับคู่ให้ลูกให้หลานอย่างนี้ จะดูยังไงก็เหมือนเป็นแค่คนแก่ขี้เหงาแถมช่างเม้าท์ธรรมดาๆ ถึงจะโกหก แต่ก็ไม่น่าจะมีพิษภัยอะไรมากหรอกมั้ง’

 

อีกอย่างด้วยท่าทางของคุณยายคนนี้ที่ดูมีอารมณ์ขัน ได้คุยด้วยแล้วทำให้หลินเฉี่ยนรู้สึกสนุก จากตอนแรกที่กำลังอยู่ในอารมณ์หมองหม่นปนเบื่อหน่าย แต่จู่ๆพอได้เจอกับคุณยายก็ดูเหมือนชีวิตของหลินเฉี่ยนเริ่มจะมีสีสันขึ้นมาบ้าง  ที่สำคัญมันทำให้เธอรู้สึก ‘เหมือนได้พูดคุยกับย่าของเธอที่ล่วงลับไปแล้วอีกครั้ง’ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะหาเรื่องพูดเพื่อต่อบทสนทนาให้ยาวขึ้นหวังจะเอาใจคนแก่โดยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

 

“จริงเหรอย่า ดีจังเลย ขอบคุณย่ามากเลยนะ แต่แหม น่าเสียดายที่ฉัน ดั๊นแต่งงานแล้วนี่สิ”

 

“แต่งงาน?” คุณยายมองไปสาวน้อยตรงหน้า “อายุแค่นี้แต่งงานแล้วเหรอ?”

 

“โถ่ย่า ฉันหน้าตาดี สวยหวาน น่ารักขนาดนี้ก็ต้องมีผู้ชายรวยๆมาขอเป็นเรื่องธรรมดาแหละ อ่า..ยอมรับก็ได้ว่าเขาก็โง่อยู่หน่อยๆแหละ แต่แหมคนมันสวยก็ช่วยไม่ได้อะนะ ฮ่าๆๆๆๆ” หลินเฉี่ยนหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจ

 

“.......”ขณะที่จางคายได้แต่ฟังเงียบๆอย่างหมดคำพูด

 

“……” หญิงชราเจ้าของบทสนทนาเองก็เช่นกัน

 

“ว่าแต่ย่ายังไม่บอกฉันเลยนะว่าย่าจะไปตรงไหน นี่ก็เข้ามาในหมู่บ้านตั้งไกลแล้ว บ้านย่าหลังไหนล่ะ?”

 

ทันทีที่ได้ยินคำถาม คนถูกถามก็แกล้งทำเป็นโมโหแล้วตั้งท่าโมโหพร้อมกับโวยวายใหญ่โต “หึ! ฉันจะไปตระกูลกู้น่ะสิ คุณชายตระกูลกู้ติดเงินฉันอยู่แสนหยวนยังไงฉันก็ต้องไปทวงคืนให้ได้!”

“……” จางคายเงียบเช่นเดิมแต่ครั้งนี้เป็นเพราะกำลังนิ่งอึ้ง

 

ผิดกับสาวน้อยหนึ่งเดียวในรถที่ทำท่าทางสนอกสนใจขึ้นมาทันที “ย่าหมายถึง...กู้เฉิงเซียวน่ะเหรอ?”

 

“นั่นแหละๆ เขานั่นแหละ เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ?”

 

“ไม่ใช่แค่รู้จักหรอก อืม...จะว่าไงดีล่ะ เรียกว่าค่อนข้างคุ้นเคยก็คงได้แหละ จะบอกอะไรให้นะย่า เห็นเขารวยมากอย่างนั้นแต่ที่จริงแล้วเขาซื่อบื้อจะตาย ตามไม่ทันคนฉลาดๆนักหรอก”

“……” ในตอนนี้จางคายเงียบเพราะงุนงง

 

“……” หญิงชราเองก็เงียบไปด้วย แต่ครั้งนี้คนอายุมากสีหน้าแปลกๆอยู่ชั่ววูบโดยที่หลินเฉี่ยนผู้กำลังขี้โม้ไม่ทันได้สังเกตเห็น

 

“แต่ก็บังเอิญจังเลยนะย่า ฉันเองก็จะไปบ้านตระกูลกู้เหมือนกัน ย่าไปด้วยกันสิเดี๋ยวฉันทวงเงินให้เอง!”

 

“เอ่อ...ได้เลย แหม แม่หนูช่างจิตใจดีจริงๆ”

 

หลินเฉี่ยนหัวเราะชอบใจ เธอรู้สึกเบิกบานสำราญใจ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ากำลังมีความสุขกับอะไรอยู่กันแน่ ‘คงจะเป็นเพราะกำลังจะได้เห็นกู้เฉิงเซียวถูกคนทวงหนี้ล่ะมั้ง ท่าทางวันนี้จะมีเรื่องสนุกให้ดูแล้วสิเนี่ย’

 

เมื่อรถหรูราคาแพงจอดเทียบหน้าบ้านหัวหน้าพ่อบ้านก็รีบเดินออกมาต้อนรับ ทว่าในทันทีที่เห็นผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งลงจากรถเขาก็มองตาค้างด้วยความตกตะลึง

 

“คุณท่ะ—”

 

“แค่กๆ” คุณยายผมขาวไอเสียงดังขัดจังหวะหัวหน้าพ่อบ้าน ก่อนจะรีบพูดกับหลินเฉี่ยนด้วยเสียงที่ดังกว่า “เสี่ยวเฉี่ยนฉันมากับเธอแบบนี้จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

“ไม่เป็นไรหรอกย่า เข้าไปพร้อมหนูเถอะ”

 

“อื้อ”

 

หลินเฉี่ยนประคองคนแก่เข้าไปในบ้าน ในขณะที่หัวหน้าพ่อบ้านได้แต่เดินตามเข้าไปเงียบๆพลางแอบใช้หลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเองเป็นระยะ เขามองตามแผ่นหลังของผู้หญิงต่างวัยที่เดินเคียงคู่กันอยู่ข้างหน้าด้วยแววตาหวาดหวั่น

 

เมื่อจอดรถเรียบร้อย จางคายก็รีบวิ่งเข้าไปหยุดหัวหน้าพ่อบ้านไว้แล้วกระซิบบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ทว่าหลังจากฟังจบคนเป็นหัวหน้าใหญ่ของคนรับใช้ทั้งหมดกลับมีสีหน้าเรียบเฉยแถมยังออกปากไล่ให้จางคายไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ คนขับรถผู้หวังดีจึงได้แต่เดินทำหน้างุนงงกลับไปที่โรงจอดรถตามเดิม

 

……...

 

หลินเฉี่ยนประคองคนแก่เดินเข้ามาภายในห้องอาหาร บนโต๊ะตัวยาวเต็มไปด้วยอาหารมื้อค่ำที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วจำนวนมาก ซึ่งทันทีที่คนอายุมากเห็นเข้าก็เบิกตากว้างแล้วอุทานเสียงตื่นเต้น “ว้าว มื้อค่ำพอดีเลยนะเนี่ย”

 

หลินเฉี่ยนเห็นคนแก่ดูมีความสุขก็พลอยสุขใจไปด้วย “ย่า มากินด้วยกันสิ นั่งก่อนๆ”

 

“มะ...ไม่ดีมั้ง” คนถูกชวนแกล้งแสดงท่าทางเป็นกังวล “ถ้าฉันนั่งกินอาหารด้วย คุณชายกู้อาจจะนับเป็นหนี้บุญคุณจนไม่ยอมคืนเงินให้ฉันก็ได้นะ”

 

“ไม่หรอก ย่าเห็นเขาเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”

 

“เหอะ พวกคนรวยก็แบบนี้ทั้งนั้นแหละ”

 

“เอาเถอะ ของกินตั้งเยอะแยะคงไม่เป็นไรหรอกน่า…นั่งก่อนๆ” สองสาวต่างวัยนั่งลงข้างกันในมุมหนึ่งของโต๊ะอาหาร หลินเฉี่ยนเอ่ยปากถามคนแก่กว่าด้วยความสงสัย “ว่าแต่กู้เฉิงเซียวไปติดเงินย่าได้ไงน่ะ?”

 

หญิงชราที่หลินเฉี่ยนเรียกติดปากว่า ‘ย่า’ ใช้ตะเกียบคีบเนื้อย่างขึ้นมาโดยไม่สนใจหัวหน้าพ่อบ้านที่กำลังยืนเหงื่อโชกอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย “ก็หมอนั่นมาอ่อยเมียของหลานชายฉันน่ะสิ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็รักกันดี แต่หลังจากที่เมียของหลานชายฉันมาเจอเจ้าหมอนั่น พวกเขาสองคนก็หย่าขาดจากกัน แถมแม่นั่นยังมาเอาเงินจากหลานชายฉันไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีกตั้งแสนนึง เธอคิดดูสิว่าเงินแสนนั่นน่ะฉันก็สมควรที่จะมาทวงคืนเอากับกู้เฉิงเซียว ถูกไหมล่ะ?”

 

หลินเฉี่ยน “ฮ่าๆๆๆ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย อื้ม...เขาก็สมควรชดใช้เงินแสนให้ย่าจริงๆนั่นแหละ ใครใช้ให้ไปอ่อยเมียชาวบ้านแบบนั้น ไปยุ่งกับผู้หญิงมีผัวแล้วแย่มากๆเลยอ่ะเนอะ”

 

“……” ในตอนนี้หัวหน้าพ่อบ้านหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ในน้ำซุปที่ขึ้นโต๊ะอาหารวันนี้ไปแล้ว

 

“……” คนรับใช้คนอื่นๆในห้องนั้นก็ได้แต่เงียบกริบ

 

หลินเฉี่ยนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรยังคงถามต่อไป  “ย่า แล้วหลานชายย่าหย่ารึยังล่ะ?”

 

“ยังเลย ก็กำลังรอเขาคืนเงินอยู่นี่ไง”

 

“เหรอ อืม...ถ้างั้นก็ต้องให้เขารับผิดชอบเมียของหลานชายย่าด้วยสินะ แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็ปล่อยให้คนที่ไปยุ่งกับเมียชาวบ้านลอยนวลไปไม่ได้เด็ดขาด จิตสำนึกไม่มี พฤติกรรมเลวระยำสุดๆ หึ! คนแบบนั้นมันต้องถูกสั่งสอนซะมั่ง ฉันว่าย่าน่าจะเรียกเมียของหลานย่ามาที่นี่ด้วยนะ ป่าวประกาศดังๆประจานให้คนรู้กันไปให้ทั่วๆ! มันจะต้อง…….มีสีสันขึ้นเยอะเลย!...คิดแล้วก็น่าสนุกดีแฮะ คิคิ”

คุณยายผมขาวอึ้งไปกับท่าทางของสาวน้อย “……”

 

“.......” ทุกคนในห้องก็เช่นกัน

 

คนแก่ที่กำลังอึ้งปนงุนงงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “เอ่อนี่ เสี่ยวเฉี่ยน ฉันได้ยินมาว่าคนพวกนี้เรียกเธอว่าคุณผู้หญิง หรือว่าเธอคือ......”

 

หลินเฉี่ยนยิ้มแห้งๆอย่างช่วยไม่ได้แล้วตอบ “เห้อ...กู้เฉิงเซียวก็คือผู้ชายรวยๆโง่ๆที่มาขอหนูอย่างที่บอกย่าไปนั่นแหละ แต่ ถ้ารู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกหนูจะไม่แต่งงานกับเขาหรอกนะ” น้ำเสียงของสาวน้อยฟังดูธรรมดาแต่ทว่ากลับมีแววขุ่นมัวจางๆที่เจือความหม่นหมองที่จางยิ่งกว่าอยู่ แต่ทว่าคนมีอายุที่ผ่านร้อนผ่านหนาวบนโลกใบนี้มานานกลับรับรู้ได้ดี

 

คนแก่ผู้ผ่านโลกมามากยิ้มเจื่อนๆส่งให้สาวน้อยตรงหน้าเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองอาจจะเล่นแรงมากเกินไป แล้วรีบเอ่ยประโยคถัดมา “เอ่อ…จริงๆ มันก็เป็นเพราะเมียของหลานชายฉันนั่นแหละที่หลายใจ จะว่าไปเขาก็เก่งดีนะที่สามารถขอคนดีๆอย่างเธอมาแต่งงานด้วยได้”

 

“ไม่หรอกย่า หมอนั่นก็แค่ใช้มีดมาจี้ที่คอฉันแล้วก็บีบบังคับให้ฉันแต่งงานกับเขาแค่นั้นแหละ เรื่องพวกนี้เขาถนัดเลยล่ะ”

คุณยายนิ่งอึ้งอีกครั้ง “……”

 

ทุกคนในห้องตกตะลึง “……”

 

“……” กู้เฉิงเซียวที่เพิ่งเดินลงมาด้านล่างก็เช่นกัน

 

ในตอนนั้นเองที่กู้เฉิงเซียวเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เขาตรงเข้ามาในห้องอาหารก่อนจะมองเห็นหญิงสาวต่างวัยสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่และทันได้ยินบทสนทนาบางส่วน

 

“สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณชาย” ทันทีที่เห็นคุณชายของเขาหัวหน้าพ่อบ้านก็รีบทักทาย

 

กู้เฉิงเซียวพยักหน้าก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “คุณย่าจะมาที่นี่ทำไมไม่บอกสักคำล่ะครับ?”

 

‘ว๊อท? ย่า? หลินเฉี่ยนมองอีกฝ่ายด้วยสายตางุนงงก่อนที่จะหันไปหาคนที่เธอเรียกติดปากว่าย่าตลอด และตอนนี้ผู้ชายที่เธอนินทาทั้งๆที่ยังอดเกรงใจไม่ได้ก็กำลังเรียกว่า ‘ย่า’ ด้วยเช่นกัน “นี่ย่าคุณเหรอ? ย่าแท้ๆเลยเหรอ?”

 

แน่นอนว่าหลินเฉี่ยนรู้ดีว่าคุณยายคนนี้กำลังโกหก เธอค่อนข้างมั่นใจว่าคุณยายคงจะเป็นสิบแปดมงกุฎแน่ๆ และเรื่องที่คนแก่คนนี้พูดก็คงจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดอย่างแน่นอน หรือไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเรื่องโกหกทุกคำพูดเลยก็ได้ แต่หลินเฉี่ยนก็เดาเอาว่าที่คุณยายคงจะมีความจำเป็นที่ต้องหลอกลวงคนอื่นแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะคุณยายมีปัญหาทางจิตใจจากปมในใจบางอย่างซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าคนแก่ที่เธอช่วยมาเพราะสงสารจะกลายเป็นย่าแท้ๆของกู้เฉิงเซียวไปได้ “…” ‘ตายห่า...งานจะเข้าไหมหว่า?’

 

ตอนนี้ถึงคราวที่หลินเฉี่ยนต้องเป็นฝ่ายเงียบไปเพราะกำลังอึ้งบ้างแล้ว สาวน้อยทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่หันไปสบตาหัวหน้าพ่อบ้านปริบๆแล้วอ้าปากพะงาบๆเหมือนอยากถามแต่หาเสียงของตัวเองไม่เจอว่า ‘ทำไมคุณไม่บอกฉัน?’

 

หัวหน้าพ่อบ้านส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบ

 

คุณย่ายิ้มแย้มอย่างไม่สะทกสะท้านพลางคีบหมูวางบนจานของหลินเฉี่ยน “เสี่ยวเฉี่ยนกินหมูตุ๋นนี่สิ”

 

หลังจากที่หันไปมองหน้ากู้เฉิงเซียวที่ดูไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ดีใจหรือโกรธเคือง หลินเฉี่ยนก็รีบลุกขึ้นก่อนจะก้มหน้างุดไม่กล้าพูดอะไรอีก วินาทีนี้แม้แต่หายใจเธอก็ยังแทบจะไม่กล้าแล้ว เมื่อกี้เธอเพิ่งจะนินทาเขาด้วยเรื่องแย่ๆ แถมยังนินทาให้ย่าแท้ๆของเขาเองฟังเสียด้วยซ้ำ หลินเฉี่ยนยืนนิ่งสำนึกผิด เธอสั่งสอนตัวเองเสร็จสรรพ พร้อมกับปฏิญาณในใจไปเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่นินทาใครลับหลังแบบนี้อีก

 

กู้เฉิงเซียวเดินมายังโต๊ะอาหารก่อนที่จะนั่งลง “คุณย่าครับ หมอบอกว่าต้องกินอาหารลดอาหารมันไม่ใช่เหรอ หมูตุ๋นนั่นกินให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ”

 

‘อ่าาาา~...เขามองข้ามวีรกรรมของยัยผู้หญิงที่ยืนสำนึกผิดตรงนี้ไปเลยสินะ’

 

“ต่างประเทศมีคนแก่ที่กินน้ำอัดลมทุกวัน หมอก็บอกว่ากินให้มันน้อยๆหน่อยแบบนี้เหมือนกัน สุดท้ายหมอคนนั้นก็ตายหลังจากนั้นไม่กี่ปี แต่คนแก่ที่กินน้ำอัดลมนั่นยังพูดได้หายใจคล่องอยู่เลย” ย่าพูดพร้อมกับคีบหมูสามชั้นเข้าปาก “นานๆฉันจะได้มาที่นี่ซักที ก็ขอกินหมูตุ๋นนี่ให้อร่อยหน่อยเถอะ”

 

กู้เฉิงเซียวหมดคำพูด เขาอยากจะโต้แย้ง แต่ไม่รู้จะพูดยังไงจึงได้แต่อ้าปากแล้วหุบ อ้าแล้วหุบ ก่อนจะเลือกเงียบในที่สุด “…….”

 

หลินเฉี่ยนเห็นภาพแบบนั้นก็หัวเราะพรวดออกมา แต่ทันทีที่กู้เฉิงเซียวหันมาจ้องมองด้วยสายตาน่ากลัว เธอก็รีบหุบปากก่อนที่จะก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม

 

ผู้อาวุโสที่สุดในที่แห่งนั้นกระตุกแขนของหลินเฉี่ยน “เสี่ยวเฉี่ยน เธอจะยืนค้ำหัวฉันทำไมเล่า นั่งลงสิ”

 

“คุณย่า...คือหนู...หนูไม่กล้านั่ง......”

 

“เธอเรียกฉันว่าย่านะ ไม่ต้องกลัวหรอกว่าใครจะทำอะไรเธอได้ นั่งลง ต่อหน้าฉันเจ้าเด็กนี่ไม่กล้ารังแกเธอหรอก”

 

หลินเฉี่ยนรีบพูด “แต่ถ้าย่าไม่อยู่...หนูอาจจะถูกเขาเฆี่ยนเอาก็ได้นะ”

 

“…….” กู้เฉิงเซียวหันขวับไปมองหน้าสาวน้อยพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที

.

.

.

.

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด