ตอนที่แล้วตอนที่ 15 การประชุมตระกูล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 เหยียดหยาม

ตอนที่ 16 ปีศาจวายุเก้าดัชนี


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

“เจ้า... เจ้ากลับมาจริง ๆ ด้วย?!”

 

หลงเฉินหัวเราะเบา ๆ พลางมองไปยังผู้คน จากนั้น เขาก็เอ่ยวาจาเยาะเย้ย

 

“ก่อนหน้านี้ เจ้าพูดพล่ามเรื่องการครอบครองผนึกมังกร แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าก็ไม่ได้มันมางั้นรึ? น่าขายหน้าจริง ๆ เอาเถอะ ข้าจะไปคว้ามันมาให้เจ้าเอง”

 

หยางหลิงชิงไม่คิดว่าหลงเฉินจะกลับมาจริง ๆ นางรู้สึกสับสนอย่างมาก รอยยิ้มที่เจิดจ้านั้นยิ่งทำให้นางดึงสติกลับมาไม่ได้  แต่เมื่อนางจำได้ว่าพี่ชายของนางถูกเขาฆ่าตาย สีหน้าของหยางหลิงชิงจึงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน

 

“เจ้าคนทรยศ คืนชีวิตพี่ชายของข้ามานะ!”

 

เสียงตะโกนดึงความสนใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่นในทันที

 

เกิดการถกเถียงดังเซ็งแซ่ไปทั่วหอฝึกยุทธ์  หลงเฉินเงยหน้าขึ้น เขาสบตากับผู้คนมากมาย จากนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา  ภายใต้ความกดดันอันยิ่งใหญ่นี้ เขายืนตัวตรงและเดินขึ้นไปบนลานประลอง

 

ในตอนนั้น ผู้นำตระกูลหยางกำลังมอบผนึกมังกรให้กับหยางหลิงเยวี่ย

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินขึ้นมาบนแท่นพิธี  ผู้คนในลานประลองต่างก็จับจ้องเป็นตาเดียวกัน บางคนเผยให้เห็นสีหน้าเย็นชา  และสีหน้าที่ร้ายกาจที่สุดคือ หยางเสวี่ยชิง นางเกือบจะยืนขึ้นเมื่อไป๋จ้านสงห้ามนางไว้และเอ่ยขึ้นเบา ๆ

 

“น้องชิง เจ้าเด็กคนนี้ช่างอาจหาญนัก ข้าอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรได้ นอกจากนี้ หากเจ้าเล่นงานเขาต่อหน้าทุกคน มันคงจะไม่ดีกับชื่อเสียงของเจ้า”

 

เช่นนั้นแล้ว หยางเสวี่ยชิงจึงนั่งลง  แต่สายตาที่เย็นชาของนางยังคงจับจ้องอย่างไม่ลดละ

 

ในที่สุด หลงเฉินก็หันมองมาที่นาง เป็นเพราะสายตาดื้อรั้นและไม่ยอมใครของเขาเป็นเหมือนกับศรน้ำแข็งที่ทำให้นางผงะไปเล็กน้อย

 

‘เด็กคนนี้ ... พัฒนาฝีมือขึ้นอีกแล้ว …’

 

หยางเสวี่ยชิงรู้สึกตกใจอยู่ลึก ๆ

 

หลงเฉินมองหยางเสวี่ยชิงและหัวเราะอย่างเย็นชา  ในตอนนี้ เขายืนอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อยที่จับจ้อง และผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ซึ่งกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย คือสุดยอดฝีมือตระกูลหยาง ... ผู้นำตระกูลหยางนั่นเอง!

 

ผู้นำตระกูลหยางมองเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความสับสนและตกใจ  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลงเฉินไม่ได้แสดงออกถึงความกลัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเคลื่อนไหวอย่างอิสระราวกับท้าทายเสียเหลือเกิน

 

พฤติกรรมเช่นนี้ แม้ว่าจะอายุปูนนี้แล้ว เขาก็รู้สึกชื่นชมหลงเฉินอยู่ลึก ๆ เพราะเขารู้ดีว่าสำหรับหลงเฉินแล้ว ตระกูลหยางอันตรายจนไม่ต่างอะไรจากภูเขามีดและทะเลเพลิง

 

“สามารถยืนหยัดโดยไม่สนความเป็นความตาย ไม่ยอมแพ้ และไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร หากเขาไม่ใช่คนโง่เขลา ก็นับว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง”

 

นี่คือทัศนคติที่หัวหน้าตระกูลหยางมีต่อหลงเฉิน  เขารู้สึกพอใจมากและอยากเห็นว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะก่อความวุ่นวายใด ๆ ได้บ้าง

 

ในตอนนี้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่หลงเฉิน คนส่วนมากมองเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม  มีเพียงผู้นำตระกูลหยางเท่านั้นที่เห็นต่างออกไป พวกเขาส่วนใหญ่คิดว่าหลงเฉินเสียสติไปแล้ว

 

หลงเฉินคุกเข่าลงช้า ๆ และพูดด้วยเสียงดังฟังชัด

 

“หลานขอคารวะท่านตา ในการประชุมตระกูลวันนี้ หลานมาช้าไป และสมควรถูกลงโทษ  แต่ทว่า...”

 

เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางหลิงเยวี่ยที่กำลังสับสน และเอ่ยขึ้น

 

“ในฐานะคนตระกูลหยาง หลานก็มีสิทธิ์ในการครอบครองผนึกมังกร หลานขอความกรุณาท่านตาโปรดอนุญาตให้หลานได้ต่อสู้กับพี่หลิงเยวี่ยจนถึงที่สุด!”

 

หลงเฉินต้องการจะสู้เพื่อผนึกมังกร ทุกคนรู้ในข้อนี้ดี เมื่อเขากล้าที่จะร้องขอออกมาต่อหน้าผู้นำตระกูลหยาง ทำให้ผู้คนต่างชื่นชมในความกล้าของเขา แต่เมื่อนึกถึงความห่างชั้นระหว่างตัวเขากับหยางหลิงเยวี่ยแล้ว ทุกคนก็ส่ายศีรษะ

 

“ช่างหวังสูงเหลือเกินนะ”  หยางเสวี่ยชิงยิ้มเยาะ

 

ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างคิดเหมือนกัน

 

เมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มผู้ไร้ซึ่งความเกรงกลัว ความสนใจของผู้นำตระกูลหยางจึงค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

“เฉินเอ๋อร์ ตระกูลใหญ่ต่างมีกฎของตัวเอง ในเมื่อเจ้ามาช้า เจ้าย่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน อีกอย่าง ผู้ชนะจำต้องผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง การที่จู่ ๆ เจ้าก็โผล่มา และต้องการคว้าชัยชนะนั้น ถือว่าไม่เป็นไปตามกฎ”

 

เมื่อเห็นว่าผู้นำตระกูลไม่ได้มีอคติกับเขา และไม่ได้ปฏิเสธเขาตรง ๆ เขาจึงรู้ว่ายังพอมีความหวังอยู่  เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดัง

 

“หากท่านตาคิดว่าข้าไม่ได้เข้าร่วมการคัดเลือกแต่แรก  เช่นนั้นแล้ว ได้โปรดเลือกคู่ต่อสู้ให้ข้าเถอะ ผนึกมังกรจะถูกมอบให้กับลูกหลานตระกูลหยางที่มีความสามารถโดดเด่น หากพี่หลิงเยวี่ยไม่ได้สู้กับข้าก่อน ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่านางเก่งกว่าข้า?”

 

เขามองไปที่หยางหลิงเยวี่ยทันที  ในเมื่อตอนนี้แสงเจิดจ้าของนางถูกฉกฉวยไปแล้ว นางย่อมรู้สึกไม่พอใจ ผนวกกับที่เขาทำให้หยางจ้านต้องตาย  หยางหลิงเยวี่ยจึงอยากฆ่าเขาให้ตายคามือ

 

หลงเฉินมองนางและเอ่ยขึ้น

 

“ข้าไม่รู้ว่าพี่หลิงเยวี่ยจะยังจำข้อตกลงระหว่างเราก่อนหน้านี้ได้หรือไม่  หากพี่หลิงเยวี่ยอยากจะยอมรับความพ่ายแพ้ เช่นนั้นแล้วข้าก็คง...”

 

“ตกลง!”

 

สีหน้าของหยางหลิงเยวี่ยเย็นชาดุจน้ำแข็ง  นางมองผู้นำตระกูลหยางและเอ่ยขึ้น

 

“ท่านปู่ วันนี้ข้าจะสู้กับเจ้าคนชั่วช้านี่เอง เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำให้ตระกูลของเราต้องอับอาย และเพื่อป้องกันข้อครหาที่ว่าข้าไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้ชนะ สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือคนน่าสมเพชและไร้ยางอายเช่นนี้ ข้าจะสั่งสอนเขารู้สำนึกเอง!”

 

หยางหลิงเยวี่ยยืนกราน  ผู้นำตระกูลหยางยิ้มเป็นนัยและเอ่ยขึ้น

 

“ในเมื่อพวกเจ้าต้องการ เช่นนั้นแล้ว ตาแก่อย่างข้าคงมีแต่ต้องยอมรับ  แต่การแข่งขันจะต้องหยุดลงหากมีใครคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น เจ้าทั้งสองจงควบคุมตัวเองให้ดี หากทำให้ตระกูลหยางต้องเสียหน้า พวกเจ้าก็เลิกคิดที่จะครอบครองผนึกมังกรไปได้เลย”

 

เมื่อการท้าทายหยางหลิงเยวี่ยสัมฤทธิผล  หลงเฉินจึงรู้สึกปีติลิงโลดในหัวใจ เขารีบเอ่ยขึ้นทันที

 

“ขอบคุณ ท่านตา พี่หลิงเยวี่ยเป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุด ข้าต้องออมมือให้นางอยู่แล้ว!”

 

“เจ้า...!”

 

หยางหลิงเยวี่ยเกรี้ยวกราด

 

ด้านนอกลานประลอง  หยางหลิงชิงเฝ้ามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยสายตาที่สับสน  หลงเฉินฆ่าพี่ชายของนาง พ่อของนางต้องการจะสับเขาเป็นพัน ๆ ชิ้น ก่อนหน้านี้ นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลงเฉิน แต่มาตอนนี้ ชายคนนั้นกำลังเปล่งประกายอยู่บนลานประลอง นางแอบชื่นชมเขาในใจ

 

‘ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะคิดบัญชีเรื่องพี่ชายข้าหลังจากการประชุมตระกูลเสร็จสิ้นลง ด้วยความโดดเด่นของเขา หากเขาไม่มีความสามารถพอ วันนี้เขาก็จะต้องตายอย่างน่าสมเพช... ครึ่งเดือนก่อนเขาบรรลุเพียงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสาม  ยังห่างชั้นอยู่ถึง 3 ระดับ เขาจะสู้พี่หลิงเยวี่ยได้อย่างไรกัน? ข้าจะทำเช่นไรดี?’

 

หยางชิงเสวียนและหยางอู่กำลังพูดคุยกัน

 

ดวงตาของหยางอู่สว่างวาบขึ้นราวสายฟ้า  เขามองหลงเฉินและเอ่ยขึ้น

 

“อย่างมากเด็กคนนี้ก็บรรลุเพียงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ แต่เขากลับยโสโอหังเพียงเพราะฝึกฝนทักษะการบ่มเพาะร่างกาย เขาต้องเป็นกบในกะลาแน่ ๆ”

 

หยางชิงเสวียนพยักหน้า

 

“อันที่จริงแล้ว ความแตกต่างถึง 2 ระดับนี้ ใช่ว่าการบ่มเพาะร่างกายจะมาทดแทนได้ แต่เขากลับกล้าที่จะยืนอยู่ที่นี่  ความกล้าบ้าบิ่นของเขาช่างน่าตกใจจริง ๆ”

 

หยางอู่หัวเราะเบา ๆ

 

“หากกล้าหาญแต่ทว่าโง่เขลา ก็เป็นได้เพียงตัวตลกเท่านั้น”

 

หยางชิงเสวียนยิ้ม และไม่แสดงความเห็นใด ๆ

 

ในตอนนี้ ผู้นำตระกูลหยางกลับมายังที่นั่งและทักทายกับแขกเหรื่อ  การต่อสู้ของหลงเฉินและหยางหลิงเยวี่ยกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

 

“ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหก ...”

 

หลงเฉินกัดฟันแน่นขณะมองหยางหลิงเยวี่ยด้วยสายตาเฉียบคมราวกับมีด

 

“ข้าไม่ได้พูดเล่น  วันนี้ข้าจะทำให้ดีที่สุดในการต่อสู้กับเจ้า  หากเจ้าตายอย่างน่าสังเวชก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน!”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางหลิงเยวี่ยก็หัวเราะอย่างเย็นชา

 

“ฝันไปเถอะ ลืมไปแล้วรึว่าเจ้าเป็นเพียงคนรับใช้ของตระกูลหยาง  แค่มีความสามารถนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะลืมกำพืดของตัวเองไปได้หรอกนะ”

 

หลงเฉินไม่โต้เถียงกับนางอีก

 

ร่างกายของเขาเกร็งขึ้น แสงดาวบางเบาแผ่ออกมาจากผิวกาย ดวงตาดูราวกับดาว 2 ดวง ขณะที่หยางหลิงเยวี่ยตกตะลึงกับแสงสว่าง ดวงตาของนางก็เริ่มพร่ามัว

 

“วิชากระจอก ๆ! ข้าได้ยินมาว่าเจ้าใช้เพลงหมัดดาวตกได้ ข้าเองก็บังเอิญได้เรียนรู้อีก 2 วิชา วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสกับพลังที่แท้จริงของหมัดดาวตก!”

 

หลิงเยวี่ยกรีดร้อง  พลังขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกระเบิดออกมา ทั่วทั้งร่างของนางดูราวกับพายุหมุนและพุ่งตรงมาที่เขา  หมัดของนางเปล่งประกายไปด้วยแสงดาว ภาพเลือนรางของหมัดปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่หลงเฉิน

 

สำหรับหมัดดาวตกของหลงเฉินถือได้ว่าสมบูรณ์แบบแล้ว  แต่จุดด้อยเพียงอย่างเดียวคือปราณแท้จริงที่ห่างกับคู่ต่อสู้ถึง 2 ขั้น  ความแตกต่างของปราณแท้จริงนั้นเรียกได้ว่ายังด้อยกว่าของนางถึง 20 เท่า!

 

“แค่หมัดดาวตก เจ้า... หลิงเยวี่ย ก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะประมือกับข้าด้วยซ้ำ!”

 

หลงเฉินหัวเราะดังลั่น หมัดดาวตกของหยางหลิงเยวี่ยพุ่งเข้าใส่เขา ความโหดเหี้ยมฉายแววในดวงตาพร้อมเสียงตะโกน  เขาถีบตัวจากลานประลองและพุ่งตัวเข้าใส่คู่ต่อสู้ราวกับกระสุนปืนใหญ่ ทันใดนั้น เขาก็เหวี่ยงหมัดที่ปกคลุมไปด้วยแสงดาวระยิบระยับ ปะทะเข้ากับหมัดของหยางหลิงเยวี่ยอย่างแรง

 

‘ประเสริฐแท้ ด้วยพลังของขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ เมื่อเทียบกับชิงเอ๋อร์แล้ว หมัดดาวตกของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียอีก!’

 

ขณะมองไปที่ลานประลอง สายตาของผู้นำตระกูลกำลังพินิจพิจารณาอย่างแน่วแน่

 

ผู้ที่คุ้นเคยกับหมัดดาวตกต่างรู้สึกประหลาดใจและชื่นชมเขาอยู่เงียบ ๆ แม้แต่หยางเสวี่ยชิงเองก็ยังรู้สึกทึ่งและคิดในใจ ...ตอนที่ได้ยินว่าเขาใช้หมัดดาวตกเอาชนะจ้านเอ๋อร์ ข้าไม่เชื่อลง แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นหมัดนั้น  ดูเหมือนว่าความรู้ความเข้าใจในเพลงหมัดดาวตกของเขาจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้าเลย…

 

หลังจากที่ประหลาดใจ  หยางเสวี่ยชิงก็เห็นว่าหลงเฉินกำลังถอยหนีจากหยางหลิงเยวี่ย และกำลังถูกหมัดดาวตกจู่โจม นางยิ้มอย่างเยือกเย็น

 

‘ต่อให้เขามีพรสวรรค์และความเข้าใจในทักษะยุทธก็เถอะ แต่หากปราณแท้จริงของเขาไม่เพียงพอ เขาก็ไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้หรอก!’

 

ในตอนนั้นเอง หลงเฉินกำลังจนมุมเพราะหมัดดาวตกของคู่ต่อสู้  พลังชีวิตและเลือดภายในกายของเขาปั่นป่วนไปหมด

 

“นี่คือปราณแท้จริงที่มากกว่าข้า 20 เท่าสินะ แต่หากจะให้ข้ายอมจำนนอยู่ตรงนี้ ก็ฝันไปเถอะ!”

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางหลิงเยวี่ยอยู่ดี  หลงเฉินคำรามเสียงดัง ตามด้วยหมัดจากแขนขวา และด้วยเสียงอันดังก้อง เขาเหวี่ยงหมัดดาวตกออกไปด้วยมือซ้าย

 

ตู้ม!

 

เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  หมัดที่ไม่คาดคิดของหลงเฉินได้สกัดหยางหลิงเยวี่ยไว้ และทำให้เขายืนหยัดได้อย่างมั่นคง

 

ผู้นำตระกูลหยางถึงกับยืนขึ้น เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

“อัจฉริยะจริง ๆ สามารถพัฒนาหมัดดาวตกได้ถึงเพียงนั้นด้วยขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก”

 

หยางชิงเสวียนและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน  หยางอู่ที่เคยดูถูกหลงเฉินไว้ก่อนหน้านี้ ในตอนนี้กลับมีสีหน้าสนอกสนใจ  เขากลืนน้ำลายและเอ่ยขึ้น

 

“ท่านพ่อ... เด็กคนนี้อายุเพียง 16 ปีใช่หรือไม่? หากไม่นับเรื่องของหยางจ้าน ข้าคิดว่าสักวันหนึ่งตระกูลหยางอาจมีโอกาสไล่ตระกูลไป๋ได้ทัน...”

 

หมัดดาวตก 2 ครั้งรวดจู่โจมได้สำเร็จเพราะหลงเฉินได้ใช้เวลาคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน

 

หลังจากที่ใช้หมัดดาวตก 2 ครั้ง เขาก็สามารถกดดันให้หยางหลิงเยวี่ยถอยห่างออกไปได้  อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เลือดในร่างกายของเขากำลังเดือดพล่าน

 

“หยางหลิงเยวี่ยผู้นี้รับมือไม่ง่ายเลย  ข้าต้องใช้หมัดดาวตกถึง 2 ครั้งและใช้ปราณส่วนใหญ่ไปในการนี้  หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าหมัดดาวตกจะสมบูรณ์แบบเพียงใด ข้าคงถูกกำจัดอย่างแน่นอน หากข้าพ่ายแพ้ให้กับนาง ผู้นำตระกูลคงไม่ปกป้องข้า และหยางหยุนเทียนคงฆ่าข้าในทันที!”

 

เมื่อเขาคิดว่าไม่มีทางเลือกอื่น สายตาของหลงเฉินจึงค่อย ๆ ฉายแววบ้าคลั่ง ทำให้หยางหลิงเยวี่ยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา  อย่างไรก็ตาม นางกัดฟันและโจมตีเขาต่อไป

 

“ครั้งนี้ ชัยชนะจะนำมาซึ่งชีวิต ความพ่ายแพ้จะนำไปสู่ความตาย  และข้าจะกลายเป็นเพียงตัวตลก เช่นนั้นแล้ว ข้าต้องชนะเท่านั้น จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!”

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลงเฉินก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มเสียสติไปแล้ว หยางหลิงเยวี่ยจึงรู้สึกหวาดกลัว  แล้วจู่ ๆ นางก็ใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดที่ตนได้ฝึกฝนมา

 

“ผนึกมังกรไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรได้รับ!  ปีศาจวายุเก้าดัชนี!”

 

“ดัชนีที่ 1 เจาะจง!”

 

“ดัชนีที่ 2 บุกทะลวง!”

 

“ดัชนีที่ 3 เปลี่ยนแปลง!”

 

“ดัชนีที่ 4 กำจัด!”

 

ทุกคนรู้ดีว่าหลงเฉินไม่มีกระบวนท่าอื่นใดนอกจากหมัดดาวตก  เมื่อหยางหลิงเยวี่ยใช้กระบวนท่าปีศาจวายุเก้าดัชนี หลงเฉินซึ่งใช้พลังถึงขึดสุดแล้ว จะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ด้านนอกลานประลอง  ใจของหยางหลิงชิงกำลังหวาดวิตกถึงที่สุด

 

“กระบวนท่าปีศาจวายุเก้าดัชนีของพี่หลิงเยวี่ยแข็งแกร่งมาก แม้แต่ข้ายังไม่สามารถหนีได้ ส่วนเขานั้นไม่มีหวังเลย  หากเขาล้มเหลวละก็ ...”

 

ทุกคนต่างอยากรู้ว่าหลงเฉินจะรับมือกับกระบวนท่าปีศาจวายุเก้าดัชนีอย่างไร  แต่ในตอนนี้ แทนที่เขาจะถอยหนี หลงเฉินกลับพุ่งเข้าใส่หยางหลิงเยวี่ย และสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือเขาไม่ได้ใช้วิชาใดเลยแม้แต่น้อย

 

“นั่นเขาอยากตายรึไงกัน?”

 

“ให้ตายเถอะ เขาคิดจะฆ่าตัวตายแน่ ๆ!”

**********************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด