ตอนที่ 14 เชี่ยวชาญเกราะดาราจรัสแสง
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
ตั้งแต่ตอนที่หลงเฉินบาดเจ็บ จนถึงเวลาที่หลิงซีตื่นขึ้น วันเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วถึง 4 วัน หลงเฉินคาดการณ์ว่าคงใกล้ถึงเวลาประชุมตระกูลเต็มที
“ข้ายังไม่บรรลุวิชาเกราะดาราจรัสแสง และยังอยู่ที่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ เมื่อเทียบกับหยางหลิงเยวี่ยที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกแล้ว ข้ายังห่างชั้นอยู่มาก...”
หลงเฉินนิ่วหน้า เขาตัดสินใจจะออกเดินทางเมื่อหลิงซีตื่นขึ้นมา
4 วันผ่านไป ในที่สุดหลิงซีก็ตื่นขึ้น
เมื่อเห็นว่าการฝึกวิชาของหลงเฉินพัฒนาไปมาก นางก็พูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะใช้โสมภูเขาปีศาจไปหมดแล้วสินะ ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ เจ้าน่าจะสู้กับเจ้าอสูรหมาป่านั่นได้แล้ว นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วไม่ใช่รึ รีบไปที่ถ้ำของมันกันดีกว่า”
หลงเฉินตกใจและเอ่ยขึ้นทันที
“เรายังจะไปที่นั่นอีกรึ? พวกเราก็เก็บของล้ำค่ามาหมดแล้วนี่”
“เจ้านี่ไม่รู้อะไรเลยสินะ สำหรับเจ้าน่ะ อสูรตัวนั้นต่างหาก ที่เป็นของล้ำค่าที่แท้จริง”
หลิงซีกระซิบ
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพยายามจะบอกอะไรข้า ถึงได้ทำท่าทางลึกลับแบบนั้น”
แม้ว่าเขาจะสงสัย แต่หลงเฉินก็เลือกที่จะเชื่อใจหลิงซี แล้วทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงอีกครั้ง
“เสี่ยวซี เจ้าอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงนี่คืออะไรกันแน่ ทำไมเจ้าถึงคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์กับข้าล่ะ?”
“ขนของอสูรหมาป่าดาวจรัสแสงมีความพิเศษมาก มันสามารถดูดกลืนพลังจากดวงดาวได้ และเมื่อดูดกลืนพลังมาแล้ว ขนของมันก็จะทนทานเป็นพิเศษ เพราะเหตุนี้มันถึงมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์ หากจะว่าไปแล้ว สาเหตุที่ทำให้ราคาของการสังหารอสูรหมาป่าพวกนี้สูงลิบลิ่วก็เป็นเพราะขนของมันนี่แหละ และขนพวกนี้ก็เป็นประโยชน์กับวิชาเกราะดาราจรัสแสงมากด้วย!”
เมื่อฟังจากสิ่งที่หลิงซีเล่า หลงเฉินถึงกับพูดไม่ออก ยุทธภพแห่งนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องแปลกพิสดารเสียจริง
เมื่อรู้ว่าขนของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงจะมีประโยชน์ต่อวิชาเกราะดาราจรัสแสงแล้ว หลงเฉินก็ตระหนักดีว่าครั้งนี้เขาต้องทุ่มสุดตัว ตราบใดที่เขาชนะ เขาก็จะสามารถทำตามความปราถนาของหลงฉิงหลานได้สำเร็จ
เดิมที หลงเฉินเคยคิดไปว่าเหตุผลที่หลิงซีสนใจอสูรหมาป่าดาวจรัสแสงนัก เพราะนางทำไปเพื่อตัวเอง
‘ถึงแม้นางจะซื่อบื้อและดื้อรั้น แต่นางก็เป็นคนจิตใจดีมากทีเดียว’
เพื่อหลิงซี และเพื่อหลงฉิงหลาน ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องทุ่มสุดตัว ในตอนนี้ เขาบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่แล้ว และยังแข็งแกร่งกว่าเดิมมากนัก จึงพอมีหวังที่เขาจะสามารถเอาชนะอสูรหมาป่าดาวจรัสแสงได้
‘นักรบมังกร หมายถึงอะไรกันแน่นะ? คนลึกลับอย่างพ่อข้าถึงได้สรรเสริญยิ่งนัก…’
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงด้านนอกของถ้ำ
หลิงซีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ร่างกายของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงแข็งแกร่งมาก พวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลย หากเจ้าไม่สามารถเอาชนะได้ก็หนีไปซะ ข้าแค่อยากให้เจ้ามีโอกาสมากขึ้นในการประชุมตระกูล อย่าเอาชีวิตไปทิ้งอีกล่ะ”
หลงเฉินหัวเราะพลางพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้าดี แต่ข้า... หลงเฉิน ไม่ได้เอาชนะได้ง่าย ๆ ถึงเพียงนั้นหรอก”
เขาวางกระบี่หลิงซีไว้บนพื้น
“ถึงเวลาแก้แค้นเจ้าหมาน้อยแล้ว”
ความมั่นใจเต็มที่ในรอยยิ้มของเขาทำให้หลิงซีหวั่นไหว
‘...คนบ้า’
นางสาปแช่งเขาเงียบ ๆ ภายในใจ
หลงเฉินเดินไปยังบริเวณหน้าถ้ำอย่างเปิดเผย ทั้งเกราะดาราจรัสแสงขั้นแรกและขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ พลังทั้งสองปะทุออกมาพร้อมกัน
ด้วยเหตุนี้ อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงจึงรับรู้ได้ถึงตัวตนของหลงเฉิน
ประสาทรับรู้อาณาเขตของสัตว์อสูรนั้นล้ำเลิศยิ่งนัก ดังนั้น หลงเฉินซึ่งบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของมัน จึงนับว่าสมควรตาย
หลังจากที่มันออกมา และพบว่าคนผู้นั้นเป็นคนเดียวกับที่ขโมยของของมันไปเมื่อคราวที่แล้ว หมาป่าจึงขู่คำราม และพุ่งตัวใส่หลงเฉินโดยปราศจากการเตือนใด ๆ
บริเวณอกของมันยังมีคราบเลือดเกรอะกรัง หลงเฉินรู้ดีว่านั่นคือการโจมตีของหลิงซี และอาจเป็นเพราะเหตุนี้ หลิงซีจิงยอมให้หลงเฉินต่อสู้กับมันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ความเร็วและความแข็งแกร่งของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงยังทำให้เขาผวาเหมือนเช่นเคย
เมื่อเห็นว่าอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงทรงพลังอย่างยิ่ง หลิงซีจึงตื่นตระหนกเล็กน้อย และกลัวว่านางจะตัดสินใจพลาด
“อย่าขยับนะ ข้าไม่แพ้หรอก!”
เสียงของหลงเฉินดังขึ้นข้างหูของนาง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มผู้เก่งกล้าเบื้องหน้ากำลังเข้าสู้กับฝ่ายตรงข้าม หลิงซีจึงไม่เคลื่อนไหวใด ๆ
“ตกลง ข้าเชื่อเจ้า”
นางเอาใจช่วยหลงเฉินอยู่เงียบ ๆ
ในตอนนี้ หลงเฉินระเบิดพลังทั้งหมดของเกราะดาราจรัสแสงขั้นแรกออกมา ไม่เพียงแต่พลังป้องกันของเขาจะเพิ่มขึ้น พลังดวงดาวเบาบางที่มองเห็นได้นั้นเป็นราวกับใบมีดนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมร่างกายและรอบตัวเขาอยู่ หากคนธรรมดาเข้ามาใกล้ พวกเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บเพราะคลื่นพลังที่คมกริบ!
ด้วยร่างกายและปราณที่ทรงพลังในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของหลงเฉินจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาไม่มีพลังพอที่จะต้านทานกับอสูรหมาป่าดาราจรัสแสง แต่ในตอนนี้ เขามีพลังพอที่จะสู้กับมันได้แล้ว
หมัดพยัคฆ์คลั่งที่ดุเดือดปะทะเข้ากับอสูรหมาป่าดาราจรัสแสง แม้ว่าร่างกายของอสูรหมาป่าจะใหญ่โตกว่าหลงเฉินมาก แต่ทั้งสองก็นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสี จึงเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง พลังมหาศาลของอสูรหมาป่าทำให้แขนของหลงเฉินสั่นเทิ้ม และเกราะดาราจรัสแสงของหลงเฉินก็ถูกบาดด้วยคมมีด
แขนขาทั้งสี่ของมันเต็มไปด้วยบาดแผลจากคลื่นพลังใบมีดของเกราะดาราจรัสแสง ทำให้มันเกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้น อสูรหมาป่าส่งเสียงคำรามก้อง มันพุ่งตัวใส่หลงเฉินอีกครั้งอย่างรวดเร็ว พลังอสูรแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของมัน พร้อมกับกรงเล็บทั้งสองตะปบใส่หลงเฉิน
“ไม่ว่าลักษณะการต่อสู้ของสัตว์อสูรจะทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด แต่ข้าก็มีใจที่กล้าหาญกว่าเจ้า ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!”
การจู่โจมของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงนั้นโหดเหี้ยมมาก ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หลงเฉินเองก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน ลึกลงไปแล้ว เขาเองก็เป็นคนที่มีร้ายกาจซึ่งฝังลึกมานานนับ 10 ปี และเพิ่งจะเปิดเผยออกมาให้เห็นระหว่างการต่อสู้ แม้อสูรหมาป่าจะทรงพลัง แต่มันก็ต้องถอยร่นเมื่อเจอกับการจู่โจมอย่างต่อเนื่องของหลงเฉิน
เกราะดาราจรัสแสงทำให้หลงเฉินมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ฉับไวและคล่องแคล่วในการต่อสู้ อสูรหมาป่าดาวจรัสแสงโจมตีเหมือนสัตว์ป่า เช่นนั้นแล้ว เขาจึงใช้ทักษะการต่อสู้เหมือนสัตว์ป่าเช่นกัน
ราวกับพายุหมุน ลูกเตะของเฉินหลงทำให้คู่ต่อสู้กระเด็นไปหลายเมตร เขาร้องตะโกนและรวบรวมพลังไปที่ขา ถีบตัวไปข้างหน้า ก่อนจะปะทะเข้ากับอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงราวกับอุกกาบาต
“เพียงเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ ข้าก็สามารถใช้พลังที่แท้จริงของหมัดดาวตกได้แล้ว”
“หมัดดาวตก ทำลายฟ้าดิน !!!”
ด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงกระแทกเข้ากับเนินภูเขาอย่างจัง ในตอนนั้นเอง บริเวณที่ถูกหมัดดาวตกซัดเข้าไปพลันกลายเป็นสีแดงฉาน
หลังจากปล่อยหมัดใส่อสูรหมาป่าอีกครั้ง หลงเฉินก็จับหัวมันขึ้นมา ในตอนนั้น ดวงตาของอสูรหมาป่ายังคงเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและแววตาอันดุดันของสัตว์อสูร อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสครั้งแล้วครั้งเล่า มันจึงไม่เหลือพลังพอที่จะต้านทาน การโจมตีครั้งสุดท้ายด้วยหมัดดาวตกบดขยี้เข้าไปที่ขากรรไกรของมันอย่างโหดเหี้ยม ทำให้กระดูกแหลกในทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงซีจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนหน้านี้ นางพบว่าอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงนั้นแข็งแกร่งขึ้น นางจึงรู้สึกประหม่า แม้ตระหนักถึงความสามารถของหลงเฉิน แต่สาเหตุที่เขาสามารถเอาชนะอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงได้ ก็เป็นเพราะเขาใช้วิธีการต่อสู้ที่โหดร้ายป่าเถื่อนเสียยิ่งกว่าสัตว์อสูรเสียอีก
‘ผู้ชายคนนี้ ... ประหลาดจริงเชียว เวลาต่อสู้เขาดูน่ากลัวมาก เวลาพูดจาก็ดูไม่ค่อยน่าฟัง แต่ตอนที่เขายิ้มกลับดูดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น…’
เมื่อคิดเช่นนั้น หลิงซีก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ
ในตอนนี้ หลงเฉินลากร่างมหึมาของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงมาวางไว้ข้าง ๆ กระบี่หลิงซี และเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ
“แม่นางน้อย เป็นอะไรไป? ตกตะลึงในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของข้างั้นรึ?”
จากที่หลิงซีคิดว่าชายผู้นี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่เมื่อเขาเอ่ยปากขึ้น นางคงรู้สึกรังเกียจเขาไปอีกนาน
“ฝันไปเถอะ! ข้าไม่สนใจคางคกอัปลักษณ์อย่างเจ้าหรอก!”
หลงเฉินหัวเราะและกลับมาพูดเรื่องสำคัญ เขานิ่วหน้าและมองไปที่อสูรหมาป่าดาราจรัสแสง
“นี่... ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลยล่ะ? รีบบอกพี่ชายมาเร็วเข้า ว่าควรทำอย่างไรกับขนของมัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงซีก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“พวกเราจะทำอะไรได้อีกล่ะ? ก็ถลกหนังมันออกแล้วก็กินเข้าไปเพื่อย่อยสลายมันสิ แบบนั้นแหละ ถึงจะได้ผล!”
หลงเฉินผงะไป เขามองไปที่อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงด้วยใบหน้าขมขื่น พลางพูดติดอ่าง
“เจ้า... เจ้าจะบอกให้ข้ากินขนของเจ้าสัตว์นี่เข้าไปงั้นรึ? ข้าต้องกินมันเข้าไปจริง ๆ รึ?”
“อื้ม... กินขนของมันเข้าไปซะ...”
หลงเฉินโอดครวญ และทรุดตัวลงบนพื้น
ครึ่งชั่วยามต่อมา
หลงเฉินนั่งอยู่บนพื้น ผิวหนังของเขาเปล่งประกายด้วยแสงดาวที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนด้านหลังคือซากศพที่เปล่าเปลือยของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสง
ภาพที่เห็นทำให้นึกถึงการขืนใจก่อนสังหาร
หลิงซีมองหลงเฉินที่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกด้วยรอยยิ้มเป็นเวลานาน ทันใดนั้น รอยยิ้มของนางก็หยุดชะงัก
‘ให้ตายเถอะ คิดอะไรของข้าอยู่นี่? เขาเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์กระจอก ๆ ในดินแดนรกร้างว่างเปล่าแห่งนี้ สำหรับข้าแล้ว... เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แต่หากเขาช่วยข้าให้กลับมามีร่างกายได้ดังเดิม เช่นนั้นข้าก็จะคอยช่วยเขาต่อไปในวันข้างหน้า’
ในตอนนี้ หลงเฉินกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการฝึกวิชา
“ขนของเจ้าหมาป่านี่นุ่มก็จริง แต่พอมันเข้าไปในร่างกายของข้าแล้ว มันเหมือนกับคมมีดที่ทิ่มแทง พลังทำลายล้างที่พรั่งพรูออกมากำลังทำลายร่างกายของข้า พลังนี้จะต้องเป็นพลังของดวงดาวแน่ ๆ”
เมื่อต้องทนกับความเจ็บปวดรุนแรงนี้ หลงเฉินจึงใช้วิชาเกราะดาราจรัสแสงด้วยพลังดวงดาวที่มีในร่างกาย เพื่อผสานพลังทั้งสองของพลังดวงดาวที่รุนแรง และเกราะดาราจรัสแสงเข้าด้วยกัน มันก็ปรากฏผลออกมา ร่างกายของหลงเฉินค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อนึกถึงสภาพน่าสมเพชของตนเองก่อนหน้านี้ ท้องของหลงเฉินก็ปั่นป่วนไม่หยุด ด้วยการกระตุ้นของหลิงซี เขาจึงกินและย่อยสลายขนหมาป่า แม้จะรู้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อนึกถึง แต่เพื่อจะได้แข็งแกร่งขึ้น เขาจึงต้องทุ่มสุดตัว
ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นภายใต้การบ่มเพาะด้วยพลังดวงดาวปริมาณมหาศาล ในที่สุด เขาก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญ ด้วยเสียงดังสนั่น ร่างกายของเขาก็เปล่งประกายไปด้วยแสงดาวที่หมุนคว้าง พร้อมกับปลดปล่อยพลังรุนแรงไปทั่วทุกทิศ!
หลงเฉินยืนขึ้นในทันที เขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลในร่างกาย เขามองไปที่ผิวหนังของตนเองอย่างละเอียด และเห็นแสงดาวส่องประกายเบาบางราวกับใบมีดที่ส่องแสงวิบวับ ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า ดั่งดวงดาวบนท้องฟ้ายามรัตติกาล
“เกราะดาราจรัสแสงขั้นสูงแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวรึ?”
เขามองไปในทิศทางของเมืองพฤกษาหมอก
“ตระกูลหยาง ข้ามาแล้ว...”
*******************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm