ตอนที่ 13 เหยียบหลินเฉี่ยนให้จมดิน
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
จากคำพูดของหลินหยี หลินเฉี่ยนก็พอจะเดาได้แล้วว่าข่าวลือที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอพูดถึงคืออะไร ซึ่งเธอก็พึ่งจะรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนก็ในตอนนี้เอง
แต่สิ่งที่น่าขำที่สุดก็คือ หลินเฉี่ยนซึ่งเป็นคนในข่าวที่ลือกันกลับเป็นคนสุดท้ายที่ได้รู้เรื่องนี้ นี่ถ้าไม่มีใครพูดให้ฟัง ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำเรื่องแบบนั้นไปด้วย
“หมอนั่นโคตรรวยเลยแหละที่บ้านมีคนใช้เป็นโขยง ฉันไม่ต้องทำอะไรสักอย่างเลยด้วย สบายกว่าตอนอยู่บ้านเธอตั้งเยอะ”
“พ่อบอกฉันว่าตระกูลกู้มีกฎเกณฑ์เยอะมาก พวกเขาเข้มงวด ไม่ได้มีอิสระเท่ากับบ้านของพวกเรา แล้วพ่อก็บอกพวกเราว่าห้ามเอาเรื่องที่เธอแต่งงานไปบอกกับคนอื่นด้วย”
หลินเฉี่ยนหัวเราะหึออกมา “เหอะ! พ่อเธอคงคิดจะให้ฉันกลับไปเป็นขี้ข้าอยู่ที่บ้านเธอสินะ ชิ คนสารเลว ขายลูกหลานกิน”
“นี่ๆ ให้มันน้อยๆหน่อย ที่เธอพูดถึงอยู่นั่นมันพ่อฉันนะ กล้าดียังไงไปว่าเขา”
“ฉันพูดแบบนั้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“ยัย!......”
ในเวลานั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ของหลินเฉี่ยนดังขึ้น มันกลายเป็นเหมือนเสียงระฆังที่ตีตอนหมดยกมวย ช่วยแยกหลินหยีและหลินเฉี่ยนออกจากการเปิดฉากทะเลาะกันได้อย่างพอดิบพอดี หลินเฉี่ยนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูว่าใครโทรมา “เฮ้ย ที่อาจารย์ปรึกษาฉันว่ะ……”
“ฮัลโหล อาจารย์”
หลินหยีรีบเงียบเสียงในทันทีก่อนที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเอาหูแนบกับโทรศัพท์ของหลินเฉี่ยน
“หลินเฉี่ยนเลิกเรียนรึยัง?”
“ค่ะ เพิ่งเลิกเรียนเมื่อกี้เลย”
“งั้นมาที่ห้องครูหน่อย”
“อืม...ไว้เดี๋ยวหนูเข้าไปหาแล้วกัน ว่าจะออกไปข้างนอกหน่อย อาจารย์อยากได้กาแฟสักแก้วไหม?” หลินเฉี่ยนกลั้นยิ้มไปด้วยขณะที่พูดตอบปลายสาย
“หยุดทำตัวไม่เป็นทองไม่รู้ร้อนสักทีได้ไหม! ตัวเองกำลังจะแย่อยู่แล้วแท้ๆไม่รู้ตัวบ้างเลยรึไงห้ะ? รีบมาหาครูตอนนี้เลย!” อาจารย์ที่ปรึกษาตวาดลั่น
“โอเคๆ หนูไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินหยีก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างหนัก เธอตัดสินใจในตอนนั้นว่าไม่ว่าไงก็ต้องตามหลินเฉี่ยนไปด้วย
เมื่อมาถึงห้องพักอาจารย์ หลินเฉี่ยนผู้ถูกเรียกตัวมาอย่างไม่เต็มใจและหลินหยีที่ตั้งใจเกาะตามมาด้วยความเป็นห่วงก็พบว่าภายในห้องนั้นแน่นขนัด ไปด้วยคนจำนวนมากซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหนานอินศัตรูตัวร้ายของหลินเฉี่ยนรวมอยู่ด้วย เมื่อนับรวมจำนวนของทั้งนักศึกษาและผู้ปกครองในนี้แล้วก็มีอยู่ไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนทีเดียว
หลินเฉี่ยนกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ทว่าจู่ๆก็ถูกหลินหยีจับแขนไว้ “อย่าซื่อบื้อสิยัยโง่! คนอยู่ในนั้นตั้งเยอะแยะคนที่เสียเปรียบคือเธอนะ”
“เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกหน่า ฉันอายุขนาดนี้แล้วไม่จำเป็นต้องมีพี่สาวคอยดูแลหรอก”
หลินหยีขมวดคิ้ว “ใครพี่สาวเธอ?”
หลินเฉี่ยนลูบหน้าเล็กๆของหลินหยีเบาๆแล้วพูดเสียงนุ่ม “เธอไงจ๊ะคนสวย เอาหน่า ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่อยู่ตรงนี้ รอฟังข่าวดีจากเพ่ก็พอ~”
นี่ก็หลายปีแล้วเธอก็ยังไม่ชินกับนิสัยและกลอุบายของน้องสาวเธอสักที ทำให้เธอต้องปวดหัวอยู่ตลอด ไหนจะผมสั้นกุดนั่น ไหนจะสายตาที่เจ้าเล่ห์ รอยยิ้มที่ซุกซนนั่นอีก คนทั่วไปน้อยนักจะรู้ว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แล้วจะมีใครที่ไหนกล้าเข้ามาจีบเธอได้เนี่ย?!
“เธอช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม!”
หลินเฉี่ยนหัวเราะให้กับให้ท่าทางของพี่สาวแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรีบผลักประตูแล้วยื่นหน้าเข้าไปด้านใน
“มารายงานตัว” เสียงของเธอทำให้ทุกคนหันมามอง
“ทุกคนคะ ยัยคนนั้นนั่นแหละค่ะ หลินเฉี่ยน” หนานอินชี้หน้าหลินเฉี่ยนพร้อมกับพูดเสียงดัง ทุกสายตาที่มองอยู่แสดงความเกลียดชังและโกรธแค้นขึ้นมา ทันที จนหลินเฉี่ยเริ่มจะขนลุกขึ้นมาบ้างแล้ว ‘คนพวกนี้มองอย่างกับจะกินเราเข้าไปทั้งตัวแหนะ!’
“เข้ามาสิ” อาจารย์ที่ปรึกษาออกปากอนุญาตด้วยท่าทางสบายๆตามปกติแต่ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความกังวลใจ “มานั่งข้างครูนี่”
หลินเฉี่ยนเดินไปข้างอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง ด้วยรอยยิ้มที่...เสแสร้งแบบสุดๆ
เธอกวาดตามองทุกคนที่นั่งอยู่ภายในห้อง นอกจากอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอคณะผู้บริหารของมหาลัย เหล่านักศึกษาทั้งหญิงและชายที่ทะเลาะกับเธอเมื่อวานนี้แล้วก็ยังมีคนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซึ่งก็คงจะเป็นพ่อแม่ผู้หรือปกครองของพวกเขา ต่อหน้าพ่อแม่ของตัวเอง พวกนั้นแต่ละคนดูเหมือนจะเป็นเด็กหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย ซึ่งแตกต่างจากตอนหาเรื่องเธอเมื่อวานนี้อย่างสิ้นเชิง!
แต่สิ่งที่ทำให้เธอแทบจะหลุดขำก็คือใบหน้าของคนพวกนั้นปูดบวมจนเกือบจะดูไม่ออกว่าเป็นใครแถมยังมีรอยฟกช้ำดำเขียวอยู่เต็มไปหมด บางคนก็มีใส่เฝือกที่ขา บางคนก็มีรอยขีดข่วนยาวเป็นทางตามเนื้อตัว สภาพของแต่ละคนในเวลานี้คงทำให้พ่อแม่พวกเขาเจ็บปวดหัวใจไม่น้อยเลยล่ะ
แม้แต่คนที่ไม่ได้ร่วมวงทะเลาะวิวาทอย่างหนานอินเองก็ยังมีรอยข่วนสามเส้นอยู่บนซีกหน้าด้านหนึ่งซึ่งมันลากยาวตั้งแต่มุมปากไปจนถึงใบหู เห็นชัดว่าเป็นแผลที่ค่อนข้างลึกเพราะยังคงมีเลือดซึมออกมาอยู่ตลอด
สำหรับคนที่ทั้งสวย รวย เก่ง ดีกรีเจ้าของฉายาดอกไม้มหา’ลัย ที่ต้องไลฟ์สดโชว์หน้าสวยๆเพื่อสร้างเรตติ้งทุกวันอย่างเธอแล้ว รอยแผลพวกนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากและมันเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่งกว่าสำหรับพ่อแม่ผู้รักลูกสาวดุจแก้วตาดวงใจอย่างพ่อแม่ของเธอ
“ผู้ปกครองเธอล่ะ?” หนึ่งในผู้ปกครองถามขึ้น
ยังไม่ทันที่อาจารย์ที่ปรึกษาจะเปิดปากอธิบาย หลินเฉี่ยนก็พูดแทรกขึ้นก่อน “ฉันรับผิดชอบเอง ไม่ต้องเรียกผู้ปกครองมาหรอก”
“เหอะ! รับผิดชอบเอง? อนาคตของลูกชายฉันทั้งหมดจะให้เด็กอย่างเธอมารับผิดชอบเนี่ยนะ?”
“ใช่! นี่เราเห็นแก่หน้าตาของท่านอธิการบดีนะถึงไม่ไปแจ้งความน่ะ ถ้าเธอไม่เรียกพ่อแม่เธอมา พวกฉันจะแจ้งความเดี๋ยวนี้แหละ!”
เหล่าคณะผู้บริหารของมหาลัยได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มรู้สึกร้อนรนใจ อาจารย์ที่ปรึกษาเองก็เช่นกัน เมื่อเห็นท่าไม่ดีเธอจึงรีบพูดขึ้น “ทุกท่านอย่าเพิ่งใจร้อนเลยนะคะ อันที่จริงที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่แค่หลินเฉี่ยนคนเดียว ถ้าหากเรื่องถึงตำรวจจริงๆก็อาจจะกระทบถึงอนาคตของลูกๆพวกคุณด้วยนะคะ”
“หลินเฉี่ยน ไหนเธอลองเล่าซิว่า เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น?” อาจารย์ที่ปรึกษาถามขึ้น
หลินเฉี่ยนเท้าศอกข้างหนึ่งลงบนโต๊ะ และใช้นิ้วชี้ม้วนผมสั้นๆบนหัวของตัวเองเล่นไปมา ขณะที่มืออีกข้างของเธอค้ำอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ของอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนจะเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง
“โกหก!” หนานอินตะโกนแทรกขึ้นมา “ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นซะหน่อย ทุกคนเป็นพยานให้ฉันได้ว่าเธอต่างหากที่เป็นคนมาดักรอทำร้ายฉัน แล้วคนอื่นๆก็เข้ามาช่วยฉันไว้ ใครจะไปคิดว่าเธอจะทำร้ายเพื่อนคนอื่นด้วย แถมยังต่อว่าพวกเขาอีกว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“ใช่ๆ เป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ”
“ใช่ เรื่องตบตีรังแกผู้หญิง โดยเฉพาะคนสวยๆอย่างหนานอิน พวกเรารับไม่ได้”
“นั่นสิ ตอนแรกที่เห็น หนูนึกว่ามีผู้ชายทำร้ายผู้หญิง หนูทนดูไม่ได้ ก็เลยเรียกเพื่อนมาน่ะค่ะ”
เสียงเหล่าคู่กรณีของหลินเฉี่ยนดังขึ้นไม่หยุด หลายคนปั้นเรื่องพูดเพื่อสนับสนุนหนานอิน ส่วนคนอื่นที่เหลือพากันเออออตามไปด้วย
หนานอินบีบน้ำตาจนหน้าเปียกชุ่ม เธอแสร้งร้องไห้อย่างน่าสงสารไปพร้อมกับแสดงท่าทางเจ็บปวดจากบาดแผลบนใบหน้า “หลินเฉี่ยน ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบหน้าฉันตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลายแล้ว เพราะฉันเคยฟ้องครูเรื่องที่เธอลอกข้อสอบนั่นใช่ไหม แต่การลอกข้อสอบมันเป็นเรื่องที่ผิดเธอก็น่าจะรู้ การที่เธอได้รับโทษมันก็สมควรแล้วสิ ฉันไม่ได้มีจิตใจคิดร้ายอะไรกับเธอเลยนะ ทำไมเธอต้องอาฆาตฉันแบบนี้ด้วย”
‘เหอะ! หน้าไม่อายจริงๆ!’ ไม่ใช่แค่โกหกหน้าด้านๆ แต่ยังขุดเรื่องในอดีตมาอ้าง นี่ถ้าหนานอินไม่พูดแบบนั้นหลินเฉี่ยนก็ลืมไปนานแล้ว แต่พอพูดขึ้นมาก็ทำให้เธอคิดได้ว่า ‘ฉันลอกข้อสอบแล้วมันเรื่องอะไรของแกวะ!!!’
ผู้ปกครองได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา “เด็กนักเรียนแบบนี้คุณภาพต่ำเกินไปหน่อยมั้ง”
“นั่นสิ สอบเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”
“หรือเป็นเพราะลอกข้อสอบ ตอนสอบเข้าอีกเหมือนกัน?”
“ไม่มีใครอบรมสั่งสอนสินะถึงได้เป็นแบบนี้”
“เด็กคนนี้ควรถูกไล่ออกจากมหาลัยสถานเดียว ไม่ต้องมัวลังเลอะไรอีกแล้ว!”
ยิ่งฟังคำโกหกของคนตอแหลรวมกับคำประฌามร้ายกาจเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆหลินเฉี่ยนก็เริ่มทนไม่ไหว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาก่อนที่จะตะโกน “พอสักที ฉันมีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน!”
อะไรนะ? วิดีโอ? หนานอินและคนอื่นๆต่างพากันชะงักไปในทันที
หนานอินลอบตวัดสายตามองเฉินชงที่นั่งอยู่มุมหนึ่ง เธอนิ่วหน้าราวกับต้องการจะถามว่า ไม่ใช่ว่าคลิปจากกล้องวงจรปิดถูกลบไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงยังมีอยู่อีกล่ะ?!
เฉินชงส่ายหน้าปฏิเสธ คล้ายอยากจะบอกว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หลินเฉี่ยนเปิดคลิปวิดีโอก่อนที่จะปรับเสียงให้ดังขึ้น
“หนึ่ง สอง สาม......แปด เก้า...หนานอินเธอจะเล่นด้วยไหมล่ะ? ฉันจะได้นับเธอรวมกับคนพวกนี้ซะเลย”
“ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าอีกสิบนาทีหลังจากนี้เธอยังจะปากดีอยู่อีกรึเปล่า! ลงมือได้ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นฉันจะจัดการเอง”
นี่เป็นวิดีโอที่หลินเฉี่ยนอัดไว้เอง ตั้งแต่ตอนที่หนานอินเรียกคนมาล้อมเธอไว้ เธอก็แอบถ่ายวิดีโอบันทึกทุกอย่างไว้ในโทรศัพท์ แม้ว่าด้วยคุณภาพโทรศัพท์ของหลินเฉี่ยนจะทำให้ภาพไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่นัก แต่เสียงกลับถูกบันทึกไว้อย่างดีไม่ตกหล่นจนได้ยินชัดเต็มสองหู
เสียงที่ชัดเจนนั้นทำให้เหล่าคู่กรณีของหลินเฉี่ยนหน้าซีด คณะกรรมการบริหารของมหา’ลัยต่างพากันขมวดคิ้ว ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหมดนิ่งอึ้งไปแล้ว
“ไม่ ไม่ใช่นะคะคุณพ่อขาคุณแม่ขา นี่ต้องเป็นวิดีโอที่หลินเฉี่ยนตัดต่อขึ้นมาแน่ๆ หนูไม่ได้พูดแบบนั้นนะ” หนานอินพูดไปร้องไห้ไป พูดจบเธอก็พยายามใส่ร้ายหลินเฉี่ยนให้ดูแย่ขึ้น “หลินเฉี่ยนชอบสร้างเรื่องชกต่อยมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามคนอื่นได้เลยค่ะ”
.
.
.
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm