ตอนที่ 13 นางฟ้าจากสวรรค์
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
หลงเฉินหันกลับไป และตกใจกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ข้างหลังของเขา ดวงตาสีแดงและเสียงร้องคำรามกำลังไล่ตามมาติด ๆ ระยะทางระหว่างทั้งสองนั้นห่างกันไม่ถึง 20 เชียะ
“ข้ายังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง นี่ข้าต้องมาตายที่นี่จริง ๆ รึ?”
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อจะหนีไปให้ได้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่ความเร็วของสัตว์อสูรตัวนั้นเร็วเกินไป เพียงชั่วพริบตา หลงเฉินก็ได้กลิ่นของมัน
กลิ่นสาบของหมาป่า
“บัดซบ แล้วข้าจะไปโค่นอสูรบ้าคลั่งเช่นเจ้าได้อย่างไร!”
เขาตระหนักดีว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สัตว์อสูรตัวนั้นคงไล่มาทัน และทะลวงร่างของเขาอย่างแน่นอน ดังนั้น ในวินาทีสุดท้าย เขาจึงหันกลับไป และระเบิดเสียงตะโกนดังลั่น
“เอาหมัดดาวตกของข้าไปกิน! ลงนรกไปซะ!”
ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ มันตอบโต้ด้วยกรงเล็บ พลังมหาศาลของมันปะทะเข้ากับหมัดดาวตกและร่างของเขาในทันที หลงเฉินกระอักเลือดออกมา เขากระเด็นไปไกลก่อนจะร่วงลงกระแทกพื้น
“แม้แต่หมัดดาวตกก็หยุดมันไม่ได้!”
การปะทะเมื่อครู่ทำให้เลือดในร่างกายของหลงเฉินปั่นป่วน เขาสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปเกือบครึ่ง และในตอนนี้ อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงก็ร้องคำรามอีกครั้ง และใช้กรงเล็บตะปบลงมาที่ศีรษะของหลงเฉิน
เมื่อต้องเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่จากคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หลงเฉินเคยพบ เขาได้แต่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างไร้ซึ่งพลังป้องกันใด ๆ แสงวาบเหนือศีรษะค่อย ๆ เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จู่ ๆ หลงเฉินก็หัวเราะเสียงดังลั่น กำหมัดแน่น และตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่ง
“คิดจะกำจัดข้ารึ? ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!!”
อีกครั้งหนึ่งที่เขากระโดดขึ้นไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี เขาปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของเกราะดาราจรัสแสง และพุ่งเข้าใส่อสูรหมาป่าราวกับอุกกาบาตที่ไม่เกรงกลัวความตาย
ความรู้สึกที่กุมชีวิตตนเองไว้ในมือซึ่งอาจถูกโยนทิ้งได้ทุกชั่วขณะนั้น ได้กระตุ้นความบ้าคลั่งและความโหดเหี้ยมทั้งหมดภายในตัวของเขาออกมา
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่การโจมตีครั้งนี้ก็นับว่ารุนแรงที่สุดในชีวิตของเขา หมัดดาวตกที่เขาใช้ไป ได้เผาผลาญพลังที่แท้จริงของเขาไปทั้งหมด
“เจ้าโง่ ทำไมถึงต้องกัดฟันสู้ถึงเพียงนั้น!”
ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงปนสะอื้นก็ดังขึ้นจากด้านหลังของหลงเฉิน ดวงตาของเขาพร่ามัว เมื่อจู่ ๆ ก็มีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ตรงหน้าเขา ดาบหลิงซีกำลังลอยอยู่ และในตอนนั้นเอง หมอกสีขาวก็พวยพุ่งออกมาจากดาบ ปิดกั้นทัศนวิสัยของหลงเฉินอย่างสิ้นเชิง ร่าง ๆ หนึ่งปรากฏขึ้นจากหมอกของดาบหลิงซี เพียงมองด้านหลังของนาง ก็มีคำเพียงสองคำที่ผุดขึ้นในใจของหลงเฉิน
‘นางฟ้า …’
หญิงสาวในม่านหมอกมีผมสีดำขลับดูน่าหลงใหล ผมของนางปลิวสยายไปกับสายลม ผิวพรรณนวลเนียนราวกับหยก นางสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน เอวบางร่างน้อยยิ่งนัก
แม้ว่าเขาจะเห็นเพียงด้านหลังของนาง เขาก็มั่นใจว่านางจะต้องงดงามมากแน่ ๆ
อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับก่อนหน้านี้รุนแรงกว่าที่คิดไว้ เพียงแต่เขาพยายามทำตัวเข้มแข็งและไม่อยากตายที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกว่ามันร้ายแรง ทันทีที่หลิงซีออกมาจากดาบ หลงเฉินก็รู้สึกสงบขึ้นมาก
จากนั้น ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นก็ถาโถมเข้าสู่ร่างกายของเขา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งสูญเสียพลังในปริมาณมาก ในตอนนี้ ชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย จู่ ๆ สติของเขาก็เริ่มเลือนราง และเงาร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าก็ค่อย ๆ หายไป
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เขาตื่นขึ้นมาและตระหนักว่าตนเองอยู่ระหว่างก้อนหินขนาดมหึมา 2 ก้อน เขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นท้องฟ้าสีเทา แสดงว่าเขายังอยู่ในอาณาเขตรกร้างของสัตว์อสูร
ร่างกายของเขายังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ แต่เขาสัมผัสได้ว่าไม่มีอะไรผิดปกติ หลงเฉินนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาก่อนที่เขาจะหมดสติ ก่อนจะตื่นตกใจขึ้นมา
“เสี่ยวซี เจ้าอยู่ที่ไหน?”
“ตรงนี้...”
เสียงอันอ่อนแรงดังขึ้น หลงเฉินถึงได้เห็นดาบหลิงซีวางอยู่บนก้อนหินข้างกายเขา สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาหมดสติยังคงชัดเจนอยู่ในจิตใจของหลงเฉิน เขามองไปที่หลิงซีในตอนนี้ รู้สึกใกล้ชิดกับนางมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน ความงามที่น่าตกตะลึงของหลิงซีก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจ
เสียงของหลิงซีช่างแผ่วเบา เขาถามด้วยความวิตกกังวล
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ข้าไม่เป็นไร ... แต่ข้าอ่อนเพลียมาก ข้าไม่มีแรงพอที่จะพูดด้วยซ้ำ ในเมื่อเจ้าตื่นแล้ว ข้าก็ขอนอนพักเสียที ถ้าเจ้าปลุกข้าละก็ ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายเลย ... ฮึก...”
เมื่อพูดจบ นางก็หมดสติไป
‘นางหลับได้เร็วขนาดนี้เลยรึนี่ อย่างกับหมูไม่มีผิด’
หลงเฉินบ่นพร้อมรอยยิ้ม พลางนึกถึงเด็กสาวที่ไม่เพียงแต่จะช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ยังอดทนกับความอ่อนเพลีย และไม่ยอมผล็อยหลับไปขณะที่เขายังไม่ได้สติ
“ข้าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้าได้อย่างไรกัน? เจ้าเองก็ตัวคนเดียว ในวันข้างหน้า ให้ข้า ... หลงเฉิน ... ได้ตอบแทนเจ้าเถอะนะ!”
หลงเฉินรู้แล้วว่าร่างกายของหลิงซีถูกทำลายไปเพราะดาบเหล็กลึกลับเล่มนี้ และยังดูดกลืนวิญญาณของนางเอาไว้
‘อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงนั่นอาจจะโดนหลิงซีไล่ไปก็ได้ ตอนนี้ข้าก็ได้โสมภูเขาปีศาจมา 2 ต้นแล้ว ข้าคิดว่ามันน่าจะเพิ่มพลังของข้าได้อีกขั้น’
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลงเฉินก็สำรวจบริเวณโดยรอบ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว เขาจึงกินโสมภูเขาปีศาจเข้าไปและย่อยสลายมัน ครู่ต่อมา หลงเฉินก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่แผ่เข้าสู่จุดตันเถียนของตนเอง
“พลังความร้อนนี้เป็นผลมาจากสมุนไพรนั่นแน่ ๆ ข้าต้องฉวยโอกาสนี้ย่อยสลายสมุนไพร แล้วแปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นปราณแท้จริงให้เร็วที่สุด”
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
หลังจากเวลาผ่านไปมากกว่าครึ่งชั่วยาม สรรพคุณทางยาของโสมภูเขาปีศาจก็ถูกดูดกลืนจนเสร็จสิ้น หลงเฉินนิ่วหน้าและเอ่ยขึ้น
‘โสมภูเขาปีศาจเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับกลาง ข้าเกรงว่ากินไปแค่ต้นเดียวคงไม่เพียงพอจะบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ เช่นนั้นแล้ว ข้าคงต้องกินอีกต้นและบ่มเพาะเกราะดาราจรัสแสงให้มากขึ้น เส้นชีพจรของข้าแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ข้าเชื่อว่าข้าจะสามารถทนกับสรรพคุณทางยาที่รุนแรงได้แน่!’
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงกินโสมเข้าไปอีกต้น
สรรพคุณทางยาที่รุนแรงเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว หลงเฉินใช้เวลาดูดกลืนมันนานขึ้นอีก ปราณแท้จริงในจุดตันเถียนของเขาเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดวิกฤติ จนกระทั่งก้าวข้ามไปได้ในที่สุด
‘ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว คราวนี้ ข้าจะได้บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่สักที ทุก ๆ 3 ขั้นจะมีขีดจำกัดใหม่ เมื่อเข้าสู่ขั้นสี่แล้ว ความแข็งแกร่งของข้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หากต้องเจอกับอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงอีก อย่างน้อยข้าก็จะมีพลังมากพอที่จะต้านทานมันได้’
ปราณปริมาณมหาศาลถาโถมเข้าสู่เส้นชีพจรมังกรเส้นที่ 4 การข้ามขีดจำกัดของเส้นชีพจรมังกรเส้นที่ 4 นั้นยากกว่าเส้นที่ 3 หลายเท่า ขั้นแรก หลงเฉินจะต้องเจอกับแรงต่อต้านที่รุนแรงอย่างเฉียบพลัน
‘เป็นอย่างที่คิดไว้เลย การฝึกฝนขอบเขตชีพจรมังกรนี่ช่างยากเย็นแสนเข็ญ ข้าได้ปราณแท้จริงจากท่านพ่อมา และยังกินโสมภูเขาปีศาจไป 2 ต้น แต่ข้าก็ยังไม่สามารถบรรลุได้ อย่างไรก็ตาม แค่นี้ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของข้าหรอกน่า!’
เขาขบฟันแน่น หลงเฉินถ่ายปราณแท้จริงทั้งหมดเข้าไปในเส้นชีพจรมังกรเส้นที่ 4
ครึ่งชั่วยามต่อมา เกิดเสียงดังสนั่น คลื่นพลังรุนแรงถาโถมไปทั่วร่าง หลงเฉินยืนขึ้น ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
เขากำหมัดแน่น รู้สึกราวกับมีพลังรุนแรงปะทุออกมาจากร่างกาย
“นี่คือขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่สินะ ช่างทรงพลังเหลือเกิน แต่หยางจ้านกลับพ่ายแพ้ให้กับข้าทั้ง ๆ ที่เขามีพลังยอดเยี่ยมเช่นนี้ ช่างสูญเปล่าเสียจริง”
เขามองดาบหลิงซีและเอ่ยขึ้น
‘หลิงซีปรากฏตัวออกมานอกตัวดาบ ข้าเกรงว่านางคงไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ เหลือเวลาอีกไม่มากก็จะถึงวันประชุมตระกูลแล้ว ข้าจะทำให้มันเสียเปล่าไม่ได้ และคงไม่ใช่เรื่องดีหากจะเอาเปรียบเวลาพักผ่อนของนาง ข้าจะฝึกวิชาเกราะดาราจรัสแสงต่อ และฝึกขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้น ข้าก็จะมุ่งต่อไปยังขั้นที่ห้า’
ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้น และหัวใจที่ตื่นตระหนกของหลงเฉินก็สงบลง เขานั่งลงกับที่และฝึกฝนต่อไป
************************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm