ตอนที่ 12 อสูรหมาป่าดาราจรัสแสง
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
หลงเฉินรู้ว่าสัตว์อสูรมีระดับการพัฒนาอยู่ 9 ขั้น สอดคล้องกับ 9 ระดับขั้นของสายเลือดมังกร และอสูรหมาป่าปฐพีทั้ง 5 ตัวนี้ก็อยู่ในระดับอำพันขั้นสี่
และตามที่หลิงซีบอก อสูรหมาป่ากลืนจันทรานั้นเป็นสัตว์อสูรที่บรรลุขั้นเก้าไปแล้ว!
หลงเฉินมองปีศาจโสมภูเขาที่บุกรุกไปในอาณาเขตของอสูรหมาป่าปฐพีทั้ง 5 ตัวด้วยสายตาเย็นชา
‘อสูรหมาป่าปฐพีทั้ง 5 ตัวอยู่ในระดับที่สูงกว่าข้า ส่วนตัวข้าเองก็มีเกราะดาราจรัสแสงอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น อสูรพวกนี้ก็คงไล่ล่าพวกเราอย่างไม่ลดละ ต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ ๆ เห็นทีข้าคงจะไม่เหลือแม้แต่กระดูก’
‘แต่ถ้าข้าไม่ลองเสี่ยงดูละก็ ข้าจะกล้าสู้หน้าใครในการประชุมตระกูลได้ล่ะ?’
‘เป็นไงเป็นกัน ตายเสียก็ดีกว่าอยู่อย่างคนขี้ขลาด’
เมื่อคิดได้เช่นนั้น สายตาของหลงเฉินก็พลันเย็นชา เขายืนขึ้น แต่กระบี่หลิงซีกลับรีบหยุดเขาไว้ นางเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“เจ้าทึ่ม อยากตายนักรึไง? มีสมุนไพรวิญญาณอยู่ตั้งเยอะแยะ ถ้าเจ้าเอาชีวิตไปเสี่ยงละก็ เจ้าจะไม่เหลืออะไรเลยนะ!”
หลงเฉินได้ยินน้ำเสียงที่วิตกกังวลของนาง เขาถึงกับชะงักไป เมื่อมาคิดดูแล้ว ไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจเช่นนี้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาทั้งสองเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่หลิงซีกลับทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง
“เสี่ยวซี เจ้าเป็นคนดีจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าจะไม่ประมาท ข้ายังต้องคอยปกป้องเจ้าอยู่”
“ชิ ข้าก็เป็นคนดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเคยมีคนเอ่ยปากชมนางเช่นนี้ แม้ว่านางจะพูดจาไม่เข้าหู แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเขินอายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียง
อสูรหมาป่าปฐพีอยู่ตรงหน้า หลงเฉินจึงไม่กล้าพูดมากอีกต่อไป
ขณะที่เหล่าอสูรหมาป่าปฐพีกำลังพาโสมภูเขาปีศาจกลับไป หลิงซีก็กระซิบ
“มีสัตว์อสูรตัวอื่นกำลังมา...”
หลงเฉินผงะไปชั่วครู่ จากนั้น เขาก็เห็นอสูรหมาป่าปฐพีพองขนขึ้นมา ดวงตาเปล่งประกาย พร้อมกับส่งเสียงคำรามและมองไปยังทางเข้าของหุบเขา ในตอนนั้นเอง ร่างสูงโปร่งค่อย ๆ ก็ก้าวออกมาจากเงามืดอย่างช้า ๆ
เมื่อหรี่ตามอง ภายใต้แสงดาวอันเลือนราง สัตว์อสูรตัวนั้นก็เผยร่างออกมา รูปร่างของมันเหมือนหมาป่า ร่างกายใหญ่โตคล้ายอสูรหมาป่ากลืนจันทรา แต่กำยำกว่ามาก มีขนสีเงินปกคลุมไปทั่วร่าง ในตอนนั้น ขนของมันเปล่งประกายไปด้วยแสงดาว หลงเฉินสัมผัสได้ว่าแสงดาวจากท้องฟ้าถูกดูดกลืนไว้ในขนของสัตว์อสูรตัวนั้น
“นั่นมัน... อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงที่อยู่ในระดับอำพันขั้นห้า... เมื่อมันดูดซับพลังดวงดาวเพื่อบ่มเพาะ ... ร่างกายของมันจะทรงพลังขึ้นอย่างมาก ...”
เสียงของหลิงซีดังเข้าหูหลงเฉิน
เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากกว่า หากต้องรับมือกับสัตว์อสูรระดับอำพันขั้นห้า เช่นนั้นแล้วเขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดังเกินไป
อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงเดินเข้ามาในหุบเขา และคำรามใส่อสูรหมาป่าปฐพีทั้งห้าตัว
ขณะที่มันขู่คำราม อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงก็กระโจนเข้าใส่อสูรหมาป่าปฐพี หลงเฉินและหลิงซีไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ได้แต่เฝ้ามองพวกมันอยู่ห่างๆ
เป็นไปตามคาด อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก เพียงตะปบครั้งเดียว ก้อนหินก็แหลกละเอียด แต่อสูรหมาป่าปฐพีก็มิได้อ่อนแอเช่นกัน พวกมันกระโจนเข้าใส่พร้อมขู่คำราม แยกเขี้ยวอย่างน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก
“ทักษะการใช้กรงเล็บของอสูรหมาป่าปฐพีพวกนี้ ... ดูคล้ายคลึงกับทักษะการต่อสู้จริง ๆ การโจมตีและล่าถอยแต่ละครั้งไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ที่ฝึกวิชาในระดับเริ่มต้นเลย อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงก็ทรงพลังกว่ามาก...”
ไม่นานนัก พลังของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงก็มีชัยเหนืออสูรหมาป่าปฐพี แม้ว่าอสูรหมาป่าปฐพีจะน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง แต่พวกมันก็ถูกเล่นงานจนตายหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสโดยเขี้ยวเล็บของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสง กระทั่งอสูรหมาป่าปฐพีทั้งห้าล้มแน่นิ่งไปกับพื้น
อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงดมโสมภูเขาปีศาจที่กำลังสั่นเทิ้ม มันคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้น แสงดาวสาดส่องลงมาจากท้องฟ้า และอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงก็จากไปด้วยความพึงพอใจ
“เจ้าสัตว์อสูรนั่นเอาโสมภูเขาปีศาจไปแล้ว เร็วเข้าเถอะ เราต้องไล่ตามมันให้ทัน”
ด้วยเชื่อในที่มาที่ไปของนาง เขาจึงเชื่อในการตัดสินใจของนางเช่นกัน แต่ก่อนหน้านั้น เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังศพของอสูรหมาป่าปฐพีทั้งห้าตัว และเก็บผลึกอสูรออกมาจากร่างของพวกมัน
“ผลึกพวกนี้เอาไปแลกเป็นของมีค่าได้หลายอย่างเลยนะ”
“เจ้าคนโลภมาก รีบตามไปเสียทีสิ แต่ไม่ว่ายังไงก็ห้ามให้มันรู้ตัว ไม่อย่างนั้นเจ้าตายแน่”
เมื่อเทียบกับหลงเฉินแล้ว หลิงซีมีความกระตือรือร้นกว่ามาก
อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงไม่ได้จากไปเร็วนัก หลังจากที่หลงเฉินเก็บผลึกอสูรเสร็จ เขาก็รีบตามรอยเท้าของมันไปทันที อย่างไรก็ตาม เขาทำได้เพียงเฝ้ามองมันจากระยะไกลเท่านั้น
“เสี่ยวซี ทำไมต้องให้ข้ารีบตามไปขนาดนั้นด้วยล่ะ? ปีศาจโสมภูเขาถูกแย่งไปแล้ว พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้วนะ”
หลิงซีพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย
“มันเอาปีศาจโสมภูเขาไปก็จริง แต่ปกติแล้ว มันจะกินสมุนไพรวิญญาณพวกนี้เป็นอาหารธรรมดา หากไม่ได้สกัดมันให้ดีก่อน ก็เท่ากับว่าสมุนไพรวิญญาณที่มันกินเข้าไปจะเสียเปล่า อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงตัวนี้อาจจะเป็นเจ้าถิ่นในบริเวณนี้ก็ได้ ข้าคิดว่ามันจะต้องเก็บสมุนไพรวิญญาณเอาไว้ในถ้ำของมันแน่ ๆ ยิ่งสะสมได้มากเท่าไร มันก็จะยิ่งรู้สึกพอใจมากเท่านั้น พวกเราจะตามมันไปที่ถ้ำ จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างไรล่ะ”
หลังจากหลิงซีอธิบายทั้งหมด หลงเฉินจึงเข้าใจทุกอย่างและคิดในใจ
‘หากเป็นอย่างที่หลิงซีว่าจริง ข้าก็จะไปกับนาง หากได้อะไรติดมือมาบ้างก็ถือว่าไม่เสียเวลาเปล่า’
ก่อนเวลาจะผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงก็หยุดอยู่หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง และรีบเข้าไปในนั้น หลงเฉินเฝ้าสังเกตการณ์อยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ด้านนอกถ้ำ
“เสี่ยวซี พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปล่ะทีนี้?”
หลิงซีพูดด้วยน้ำเสียงประหม่า
“รอก่อนเถอะน่า ข้ามีแผน”
หลงเฉินไม่อยากคะยั้นคะยอนางมากไปกว่านี้ เขาจึงเพิ่งสมาธิไปที่ถ้ำ หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงก็ออกมาจากถ้ำ มันเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ หลงเฉินรีบข่มลมหายใจและไม่กล้าไหวติง อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม
หลังจากสังเกตการณ์บริเวณโดยรอบและทางเข้าถ้ำอยู่ครู่ใหญ่ อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงก็ส่งเสียงหอน ขาทั้งสี่เริ่มเคลื่อนไหว แล้วมันก็หายไปจากสายตาของหลงเฉินภายในชั่วพริบตา
หลิงซีพูดอย่างมีความสุข
“เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย เจ้าคนบ้า รีบเข้าไปในถ้ำเร็ว ต้องมีของดีอยู่ข้างในแน่ ๆ”
ต่อให้นางไม่บอก หลงเฉินก็พอจะรู้ อสูรหมาป่าดาราจรัสแสงเข้าไปในถ้ำเพียงไม่นาน หากมันกินโสมภูเขาปีศาจเข้าไปแล้ว มันคงไม่ออกมาเร็วเช่นนี้
หลงเฉินรีบเข้าไปในถ้ำ ถ้ำนั้นมืดสนิทและลึกมาก กลิ่นสาบหมาป่าเหม็นคละคลุ้งจนแสบจมูก
“ที่นี่สมกับเป็นถ้ำของอสูรหมาป่าดาราจรัสแสงจริง ๆ”
ไม่นานนัก บริเวณโดยรอบก็พลันสว่างขึ้น หลงเฉินรีบเข้าไปบริเวณเวิ้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ ที่นี่เป็นถ้ำของอสูรหมาป่าดาวจรัสแสงจริง ๆ แม้ว่าจะมีกลิ่นมูลของสัตว์อสูร แต่กลิ่นอันเข้มข้นรุนแรงของสมุนไพรวิญญาณก็อบอวลไปทั่วถ้ำ
“มีโสมภูเขาปีศาจอยู่ตั้ง 2 กองแน่ะ ... หลงเฉิน เจ้านี่โชคดีจริง ๆ อย่ามัวเสียเวลาเลย รีบเก็บพวกมันไปให้หมดเถอะ”
เมื่อหลิงซีพูดจบ หลงเฉินก็ลงมือในทันที เขารีบเก็บโสมภูเขาปีศาจ แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
“อา... ข้าลืมไปเสียสนิทเลย เพราะเจ้าโสมภูเขาปีศาจพวกนี้ชอบวิ่งไปมา มันก็เลยต้องสร้างม่านพลังบางอย่างเพื่อกักตัวพวกมันไว้ ในเมื่อตอนนี้เจ้าจับตัวปีศาจโสมพวกนั้น ข้าเกรงว่ามันคงรู้ตัวเข้าแล้วล่ะ”
หลงเฉินเลือดขึ้นหน้า เขาสบถออกมา
“บัดซบ! ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้เล่า ข้าต้องซวยเพราะเจ้าแน่!”
โดยไม่รอช้า เขารีบเก็บทุกอย่างและวิ่งพรวดออกมา หลิงซีทำพลาด จึงไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว และตามหลงเฉินมาเงียบ ๆ
สัมผัสอันเลือนรางไม่ไกลจากทางเข้าถ้ำ เสียงหอนที่เกรี้ยวกราดของอสูรหมาป่าดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามรัตติกาล หัวใจของหลงเฉินเย็นเยียบขณะที่เขารีบพุ่งตัวออกจากถ้ำแห่งนั้น
“ตรงนั้น!” หลิงซีชี้เป้า
หลงเฉินรีบหนีไปตามทางที่บอก เขาสัมผัสได้ว่ามีเสียงหอบหายใจรุนแรงไล่หลัง และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“ครั้งนี้ ถ้าข้าจะต้องตาย สิ่งแรกที่ข้าจะทำคือลากเจ้าออกมาจากกระบี่และขืนใจเจ้าซะ!”
“โธ่... ข้า... ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ข้าแค่ลืมไปเท่านั้นเอง... ฮือ...”
*******************
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm