ตอนที่ 10 นี่มันคนแก่หนิ!
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm
“หนานเห้อ แฟนคนปัจจุบันของนายชอบอะไร?”
ทันทีที่ได้ยินคำถามของพี่ชาย สีหน้าของกู้หนานเห้อก็ราวกับกำลังเห็นหลุมดำตรงหน้า เขาเองก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าเป็นเพราะกู้เฉิงเซียวอยู่กับพวกทหารเป็นเวลานานจึงทำให้เขาหันเหความสนใจไปที่เพศเดียวกัน และความปรารถนาในเพศตรงข้ามก็ลดลงจนกลายเป็นศูนย์ แต่ทว่าในตอนนี้ปีศาจเลือดเย็นผู้นี้กลับเลือกที่จะถามว่า ‘แฟนคนปัจจุบันของนายชอบอะไร’ ด้วยสีหน้าที่ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิดเนี่ยนะ!
ขอบคุณสวรรค์! ในที่สุดหมอนี่ก็เปิดใจได้สักที
“หึหึ พี่ถามถูกคนแล้วล่ะ จากที่ฉันคบหาดูใจกับแฟนมาไม่ต่ำกว่าร้อยคน สิ่งที่ผู้หญิงชอบที่สุดมีอยู่อย่างเดียว อย่างเดียวเท่านั้น สิ่งมหัศจรรย์ที่บันดาลให้พวกเธอได้ทุกอย่าง คำพยางค์เดียวสั้นๆง่ายๆได้ใจความแบบสุดๆเลยก็คือ —เงิน—”
“เหอะ” กู้เฉิงเซียวแค่นเสียง
“เฮ้ ว่าไม่ได้นะครับ นี่เป็นของที่มัดใจสาว ๆ อยู่หมัดเลยนะ แล้วจำนวนเงินก็ตัดสินจากอายุด้วย ยิ่งอายุเยอะเงินก็ต้องเยอะขึ้นตาม พี่สะใภ้อายุแค่ยี่สิบ แถมยังเรียนอยู่ด้วย ไม่ต้องใช้เงินเยอะหรอก พี่เชื่อผม”
“แล้วไงต่อ?”
กู้หนานเห้อแทบจะกลอกตา ‘ภูเขาน้ำแข็งก็คือภูเขาน้ำแข็งอยู่ดีสิน่า เฮ้อ~...พูดชัดเจนขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่เข้าใจอีก?’ “แล้วไงน่ะหรอ? พี่ก็ลองซื้อพวกเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าสวย ๆ แพง ๆ ให้เธอดูสิ แล้วค่อยถามเธออีกทีว่าเธอชอบอะไรมากกว่า หลังจากนั้นพี่ก็ค่อยไปซื้อตามสิ่งที่เธอชอบไง”
“แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ?”
“แน่นอนดิ ผมรับประกันเลย เวิร์คชัวร์”
กู้เฉิงเซียวพยักหน้าเป็นการตอบรับว่าเขาจะนำคำแนะนำนี้กลับไปพิจารณาดูอีกที
หลังจากบทสนทนาถึงภรรยาหมาด ๆ ของเขาจบลง ใบหน้าของกู้เฉิงเซียวก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง “เมื่อคืนก่อน เหล้าที่นายให้ฉันดื่ม นายใส่อะไรลงไปใช่ไหม?”
“…….” ‘หมดกัน ถึงเวลาคิดบัญชีแล้วสิ’ กู้หนานเห้อเหงื่อแตกพลั่ก เขาเริ่มเลิ่กลั่ก “เอ่อ...คือ...”
เมื่อคืนก่อน เป็นเพราะกู้เฉิงซียวเพิ่งจบปฏิบัติการลับลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหล่าผู้ร่วมภารกิจจึงพากันไปเลี้ยงฉลองที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นเองเขาก็บังเอิญได้พบกับกู้หนานเห้อที่มาจัดปาร์ตี้ที่จัดในโรงแรมเดียวกันพอดี
ด้วยคำเชิญชวนของหนานเห้อจึงทำให้กู้เฉิงเซียวอยู่ต่อในปาร์ตี้ของน้องชาย และเป็นเพราะภารกิจที่เพิ่งสำเร็จไปนั้นค่อนข้างหนักหนา เขาต้องใช้เวลายาวนานถึงเกือบครึ่งปีกว่าจะปิดฉากมันลงได้อย่างสวยงามแบบนี้ ในตอนนี้เมื่อผ่านพ้นมันมาได้เขาจึงต้องการผ่อนคลายที่มากเป็นพิเศษ
คืนนั้นเขาเรียกให้หลี่ปู้เหยียนมารับเอาเอกสารต่าง ๆ ที่โรงแรม เพื่อให้ลูกน้องคนสนิทเป็นคนรับช่วงเขียนสรุปรายงานทั้งหมดแทนเขา
ตอนที่กู้หนานเห้อเห็นว่าพี่ชายยังคงมีสติดีอยู่แถมยังสามารถพูดคุยเรื่องงานกับลูกน้องได้อย่างเคร่งเครียดจริงจัง เขาจึงคิดว่าการแอบใส่ใบวิลโลว์ลงไปในเครื่องดื่มของอีกฝ่ายคงจะทำอะไรนายพลหนุ่มที่ผ่านการฝึกทหารหน่วยรบพิเศษมาอย่างทรหดไม่ได้
“นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เหล้าแค่นั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” กู้เฉิงเซียวจ้องมองน้องชายด้วยสายตาคมเฉียบ กู้หนานเห้อเองก็รู้สึกราวกับสายตานั้นเป็นมีดโกนที่กำลังกรีดแทงใจจนทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
หลังจากรวบรวมสติและค้นหาเสียงของตัวเองจนเจอ คนมีชนักปักหลังก็พูดเสียงสั่นๆขึ้นมาเบา ๆ ว่า “พะ...พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
‘จบกันหนานเห้อ จบเห่แน่งานนี้’ กู้หนานเห้อคิดอย่างปลงตก ขณะที่เหงื่อเย็นๆซึมออกมาตามแผ่นหลังมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่า จู่ๆกู้เฉิงเซียวก็ยิ้มออกมาพร้อมกันนั้นสายตาของเขาก็เปลี่ยนไป! “สบายใจเถอะ ฉันไม่ตัดคอนายออกจากบ่าหรอก”
“....” หนานเห้อรู้สึกเสียววาบไปทั่วสันหลังก่อนที่จะรีบใช้มือจับคอตัวเองพร้อมกับวิ่งถอยหลังออกไปเกือบสองเมตร
เขาต้องรวบรวมความกล้ามากกว่าเดิมเพื่อที่จะพูดออกมา “พะ..พี่...มะ...เมื่อกี้พี่ยิ้มเหรอ?” ให้ตายเถอะ ใบหน้าที่ไม่เคยยิ้มแย้มมาก่อนจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมานี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าปกติซะอีก
แถม….ยิ้มนั่นยังหล่อกระชากใจขนาดนี้ ‘ให้ตายเถอะ!...ถ้านั่งอยู่ด้วยนานกว่านี้มีหวังสาว ๆ เทกระจาดเขา แล้วหนีไปหาปีศาจน้ำแข็งตรงหน้าหมดแน่ๆ’
………..
ในเวลาเดียวกัน หลินเฉี่ยนก็ตื่นจากหลับใหล สัมผัสบนเตียงนุ่มๆทำให้เธอรู้สึกสดชื่นจากการพักผ่อนครั้งนี้ไม่น้อย
ที่แท้ก็เป็นเพราะเธอไม่ได้อยู่บ้านตระกูลหลินนี่เอง มิน่าล่ะถึงได้หลับสบายขนาดนี้
ปกติเธอมักจะนอนอยู่ที่หอของมหา’ลัยและจะกลับบ้านตระกูลหลินทุก ๆ วันศุกร์ก่อนจะกลับไปที่หอพักอีกทีในวันอาทิตย์ ในขณะที่คนอื่นๆมีความสุขที่ได้กลับไปใช้เวลาที่บ้านในช่วงวันหยุด แต่เธอกลับเกลียดทุกครั้งที่จะต้องกลับไปบ้านหลังนั้น เธอมักจะหาข้ออ้างต่าง ๆ นานาเพื่อให้ตัวเองไม่ได้กลับบ้าน ยิ่งในช่วงปิดเทอมยิ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากที่สุดของเธอเพราะเธอต้องแปรสภาพจากนักศึกษากลายมาเป็นคนใช้ในบ้าน
ถ้าเป็นแค่คนใช้ธรรมดาทั่วไปก็คงไม่เท่าไหร่ ถ้าทำดีเจ้าของบ้านก็ต้องพึงพอใจอยู่แล้ว แต่อย่างหลินเฉี่ยนต้องเรียกว่าเป็น ‘ทาสในเรือนเบี้ย’ ไม่สิ...เป็น ‘ลูกเมียทาสที่เจ้านายชิงชัง’ ซะมากกว่า เพราะนอกจากคนบ้านนี้จะไม่เคยมองเธอในแง่ดีแล้ว เวลามีเรื่องอะไรก็ตามที่ไม่ดีเกิดขึ้นพวกเขาก็จะมักจะเลือกโทษเธอก่อนเสมอ
เธอบิดขี้เกียจไปหลายทีและพลิกตัวไปมาอยู่หลายครั้งบนเตียงกว้างก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างจริงจัง ห้องนอนนี้มีขนาดใหญ่กว่าห้องรับแขกของบ้านตระกูลหลินซะอีก ทันทีที่เธอตื่นขึ้นมาเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานมีผู้ชายพาเธอมาที่นี่
หลังจากคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเธอก็จำได้ว่าเธอเกาะกู้เฉิงเซียวออกมาจากบ้านหลิน—เขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรส—แถมยังพาเธอไปให้พ่อแม่เขาดูตัว—เขาพาเธอไปกินเนื้อย่าง—แล้วสุดท้ายก็มาจบลงที่นี่ เป็นเพราะเมื่อคืนดึกมากแล้วแถมเธอเองก็ง่วงมากจนหลับไป จึงไม่ทันได้สังเกตเลยว่ารถแล่นไปที่ใดและตอนนี้เธอกำลังอยู่ส่วนไหนของเมือง
ตอนนี้เธอตื่นแล้ว สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือจะต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
หลังจากเปิดประตูห้องก็พบว่าห้องรับแขกด้านนอกไม่มีคนอยู่ เธอจึงเดินสำรวจไปรอบ ๆ
เมื่อวานเธอคงจะเหนื่อยเกินไปจริง ๆ เลยไม่มีเวลาสังเกตดูรอบตัวบ้านให้ชัดเจน ตอนนี้ได้เห็นภายในบ้านของเขาแล้วและบอกได้คำเดียวเลยว่า ดูหรูหราแบบสุดๆ มันมากกว่าที่เธอเห็นเมื่อคืนเสียอีก
‘สุดยอดไปเลย!’
...วิวทิวทัศน์แบบพาโนราม่าสองร้อยเจ็ดสิบองศาสวยงามจับตาเมื่อมองทะลุผ่านกำแพงกระจกใสทั้งสามด้าน แค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็สามารถมองลงไปเห็นสวนกว้างของบ้านและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน...
ผู้ชายคนนี้นอกจากจะมาจากตระกูลที่ดีมากแล้ว ตัวเขาเองก็ยังมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอีก แถมหน้าตาและรูปลักษณ์ก็หล่อเหลามากเสียขนาดนั้น —แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่เขาอยากจะแต่งงานกับเธอ?—
หลินเฉี่ยนคิดกลับไปกลับมาอย่างมืดมน ทว่าเมื่อคิดมาถึงจุดหนึ่ง ในสมองที่งุนงงอย่างหนักของเธอกลับไม่สามารถหาคำนิยามอื่นใดให้แก่กู้เฉิงเซียวผู้นี้ได้เลย นอกเสียจากคำว่า ‘คนโง่ที่ร่ำรวย’
พื้นที่ส่วนนี้เป็นห้องรับแขก อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับใช้พักผ่อนหย่อนใจเพราะคนในบ้านสามารถเพลิดเพลินไปกับการนั่งชมทิวทัศน์ด้านนอกและสวนด้านล่างได้ เธอเดินสำรวจรอบๆก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ประตูห้องนอนใหญ่ เธอถือวิสาสะจับลูกบิดประตูและพบว่ามันไม่ได้ล็อก มือเล็กๆแง้มประตูออกช้าๆ ‘ไม่มีใครอยู่ในห้องด้วยแฮะ~’ หลินเฉี่ยนรู้ตัวอีกทีก็พบว่าเท้าทั้งคู่ของตัวเองได้พาร่างเล็ก ๆ นี้แอบย่องเข้ามาจนถึงด้านในเสียแล้ว
‘นี่เป็นห้องนอนของกู้เฉิงเซียวซินะ สะอาดสะอ้านดีจริงๆ’ แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ ‘ห้องเป็นระเบียบขนาดนี้ แต่ทำไมผ้าห่มบนเตียงของเขาถึงได้ดูเป็นก้อนเต้าหู้แบบนี้ได้เนี่ย?’
เธอรู้เพียงแค่ว่าคนที่เป็นเจ้าของห้องนี้ชื่อกู้เฉิงเซียวและอายุของเขาก็คงจะมากกว่าเธอแน่ ๆ แต่จะมากกว่ากี่ปีเรื่องนี้เธอไม่รู้เลย
‘จริงสิ ใบทะเบียนสมรสต้องมีบอกไว้แน่ๆ’
หลินเฉี่ยนจำได้ว่าเมื่อวานกู้เฉิงเสียวยื่นใบทะเบียนสมรสให้ แล้วเธอก็เก็บใส่ลงในกระเป๋านักเรียน หลินเฉี่ยนไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ห้องรับแขก รูดซิป เปิดกระเป๋า หยิบหนังสือสีแดง 2 เล่มขึ้นมาและอ่านรายละเอียดในนั้น
เขาชื่อกู้เฉิงเซียว ส่วนอายุของเขา...
“อายุยี่สิบแปดก็ต้องมากกว่าแปดปี เชร้ดเข้! นี่แก่กว่าฉันขนาดนี้เลยเรอะ!?” หลินเฉี่ยนอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
ในเวลานั้นเองเสียงจากนอกห้องนอนก็ดังขึ้น หลินเฉี่ยนจึงรีบเดินออกมา เธอพบกับร่างของกู้เฉิงเซียวที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับแขก ตอนนี้เขาใส่ชุดออกกำลังกายสีขาวพร้อมกับพาดผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ที่ต้นคอ มือใหญ่ข้างหนึ่งกำลังใช้ชายผ้าซับเหงื่อบนหน้าของตัวเอง
ทันทีที่ร่างของชายหนุ่มปรากฏขึ้น หลินเฉี่ยนก็ถึงกับตกตะลึงไป ‘ให้ตายเถอะนี่มันอาหารตาชัด ๆ แทบจะคนละคนกันกับคนเมื่อวานเลย’
‘จึๆๆ นี่มันความหล่อระดับละลายใจสาวเลยนะเนี่ย ทำไมความหล่อของหมอนี่ถึงได้ดาเมจรุนแรงเบอร์นี้’
กู้เฉิงเซียวเองก็กำลังมองดูหลินเฉี่ยนอยู่เช่นกัน เขาคิดในใจว่าหญิงสาวตรงหน้ายังดูอ่อนเยาว์มากจริง ๆ เวลานี้รอยปูดบวมบนใบหน้าของเธอเริ่มยุบลงไปแล้ว “ตื่นแล้วเหรอ?”
“อื้อ”
“ข้างล่างมีอาหารเช้า ลงไปกินสิ”
“อื้อ...เอ่อะ...ขอเวลาเดี๋ยวนึงสิ...คือ..เรามาคุยเรื่องข้อตกลงกันก่อนได้ไหม?” หลังจากกลับไปนอนคิดอยู่ค่อนคืนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าควรจะทำยังไงกับชีวิตแต่งงานนี้ และสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ—การทำข้อตกลง!
กู้เฉิงเซียวชะงัก “ข้อตกลงอะไร?” ‘ทะเบียนสมรสก็จดแล้ว เธอก็เป็นของฉันแล้ว จะยังมีข้อตกลงอะไรอีก?’
หลินเฉี่ยนใช้ตาใส ๆ มองเขา เธอฉีกยิ้มทำใจดีสู้เสือ “มานั่งก่อนสิ นั่งก่อน นี่นะ ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว นายมาดูก่อนก็ได้ว่าอยากจะแก้ไขหรือเพิ่มเติมส่วนไหนอีกหรือเปล่า”
.
.
.
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm