L.P.T ตอนที่ 97 ข้ามกำแพง
ด้วยความช่วยเหลือของโปเกมอนทั้งสองตัว มาตาโดกัซและอาร์บอก หัวหน้าไรเดอร์ก็สามารถฝ่าการปิดล้อมของสมาชิกพันธมิตรด้วยมอเตอร์ไซค์ได้สำเร็จและช่องว่างที่เขากำลังมุ่งหน้าไปก็คือร้านอาหารที่ซาโต้อยู่ตอนนี้
อาร์บอกได้เปิดทางตรงหน้าโดยพ่นกรดที่กัดกร่อนกำแพงกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่จากผนังด้านหนึ่งของร้านอาหารจากนั้นหัวหน้าไรเดอร์ก็รีบเข้าไปในร้านอาหารจากหลุมขนาดใหญ่นี้ทันที
หัวหน้าไรเดอร์ได้บุกเข้าไปในร้านอาหารและเพื่อค้นหาทางหลบหนีนั่นคือประตูด้านหลังของร้านอาหารเขาจึงสั่งให้ อาร์บอกจับบริกรมาถาม
ในเวลาเดียวกันเขายังปล่อยให้มาตาโดกัซรอบตัวเขาปล่อยควันดำจำนวนมากซึ่งทำให้ชั้นหนึ่งของร้านกลายเป็นหมอกหนาและเพิ่มระดับความวุ่นวายในร้านอาหารมากเข้าไปอีก
แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เพราะพนักงานเสิร์ฟที่ถูกจับโดยอาร์บอกนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่มีความกล้าหาญมากพอ เพราะหลังจากที่ถูกจับโดยอาร์บอกเธอก็หมดสติไปทันที
ในเวลานี้ร้านอาหารทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วควันหนาสีดำที่ปล่อยออกมาจากมาตาโดกัซ ในช่วงเวลานี้เพราะความเร่งรีบของหัวหน้าไรเดอร์ ควันดำหนาทึบไม่เพียงส่งผลกระทบต่อร้านอาหารและสายตาของลูกค้าแต่มันยังส่งผลต่อเขาเช่นกันและตอนนี้เขาก็ขังตัวเองอยู่ในร้านอาหารเหมือนคนอื่นๆแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นควันหนาสีดำที่ปล่อยออกมาจากมาตาโดกัซนั้นก็มีพิษมากกว่าโดกาซ ลูกค้าและพนักงานเสิร์ฟจำนวนมากที่สูดดมควันดำหนาทึบจำนวนมากได้ตกอยู่ในสถานะติดพิษ หัวหน้าไรเดอร์ที่รู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนก็รีบเอายาแก้พิษออกมาแล้วดื่มมัน
"ทำไมพวกไรเดอร์ถึงต้องมาที่นี้ด้วย? ซูแบทให้ความสนใจกับเจ้ามาตาโดกัซและอาร์บอกของไรเดอร์นั้นซะ ถ้าพวกมันมาที่นี่นายรีบบอกฉันทันที" ในตอนนี้ซาโต้กำลังซ่อนตัวอยู่ที่อยู่ใต้โต๊ะแล้วพูดกับซูแบทข้างๆเขาด้วยใบหน้าที่จริงจัง
เมื่อมาตาโดกัซของหัวหน้าไรเดอร์ปล่อยควันพิษออกมา ซาโต้ก็หยิบหน้ากากกันแก๊สออกมาทันทีและในเวลาเดียวกันเขาก็เก็บคิเรอิฮานะ,การ์ดีและนิโดรันกลับเข้าไปในโปเกบอลทันที แต่ซูแบทที่ไม่กลัวควันพิษและยังมีความสามารถในการตรวจจับคลื่นความถี่เขาจึงให้ซูแบทคอยปกป้องตัวเองก่อน
อย่างไรก็ตามการพุ้งมาแบบไม่ได้ตั้งใจของหัวหน้าไรเดอร์ก็มีผลดีที่ไม่คาดคิดสำหรับเขาเช่นกันเนื่องจากแขกทั่วไปจำนวนมากในร้านอาหารตอนนี้ได้มีอาการโคม่าและติดพิษและแขกธรรมดาเหล่านี้ก็กลายเป็นตัวประกันของหัวหน้าไรเดอร์ ในขณะนี้สมาชิกของพันธมิตรลีกนอกร้านอาหารจึงไม่กล้าทำอะไรที่รุนแรงมากเกินไปเพราะอาจจะกระทบกับตัวประกันได้
หลังจากเข้าใจสิ่งนี้แล้ว หัวหน้าไรเดอร์ก็สั่งให้มาตาโดกัซปล่อยควันสีดำหนาทึบปกคลุมชั้นแรกของร้านอาหารต่อทันที และคนของกลุ่มพันธมิตรลีกก็ถือโอกาสส่งคนไปล้อมร้านอาหารทั้งร้านเพื่อขัดขวางการหลบหนีของหัวหน้าไรเดอร์
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังติดอยู่ในทางตันที่แปลกประหลาดกันทั้งคู่ บางทีทั้งสองฝ่ายอาจรอได้แต่คนธรรมดาในร้านอาหารที่อยู่ในสภาพติดพิษนั้นไม่สามารถรอได้แล้ว หากสถานการณ์แบบนี้ยังคงดำเนินต่อไปพวกเขาทั้งหมดจะติดพิษจนตายแน่นอน
สำหรับสถานการณ์นี้เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายมีความคิดตรงกันมาก เนื่องจากกลัวว่าจะมีประชาชนทั่วไปได้รับอันตรายผู้คนของพันธมิตรลีกจึงไม่สามารถรอได้อีกต่อไปและเริ่มแอบเข้าไปในร้านอาหารพร้อมกับโปเกมอนพวกเขาอย่างเงียบๆ
และเมื่อพันธมิตรเริ่มเคลื่อนไหว หัวหน้าไรเดอร์ที่ยังถูกขังอยู่ในร้านอาหารและหาประตูหลังร้านอาหารไม่พบ ในเวลานี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมดบนหม้อไฟและกำลังกระวนกระวายอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็มีความคิดและตัดสินใจที่จะทำให้ตัวเองหลบหนีไปให้ได้
หลังจากเลือกทิศทางแล้วเขาก็เริ่มสั่งให้อาร์บอกของเขาทำการเปิดทางข้างหน้าและใช้กรดเพื่อทำลายอุปสรรคทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเขา
แต่เขาก็หนีความโชคร้ายไม่พ้น หัวหน้าไรเดิร์ได้เลือกทิศทางตรงกันข้าม เพราะนั่นคือทิศทางที่เขาเพิ่งเข้ามาในร้านอาหารแห่งนี้และอุปสรรคที่เขาต้องพบในทางข้างหน้าตอนนี้ก็คือซาโต้ที่กำลังแอบหนี
การกระทำของหัวหน้าไรเดอร์ที่กำลังเร่งความเร็วมาที่นี่ ซูแบทที่ตรวจจับทุกสิ่งในร้านอาหารด้วยคลื่นความถี่ก็สังเกตเห็นมันและรีบบอกข้อมูลนี้แก่ซาโต้ทันที
"โชคไม่ดีจริงๆที่เขากำลังพุ่งมาหาฉัน ซูแบทถ้าคู่ต่อสู้อยู่ห่างจากเราไม่เกิน5เมตร นายโจมตีไปที่เจ้านั้นทันทีด้วยใบมีดอากาศ" เมื่อได้ยินเสียงซูแบทกระซิบเตือนซาโต้ซึ่งกำลังใช้สมาธิอย่างสูงก็ตอบสนองทันทีและออกคำสั่งนี้ไปยังซูแบท
เดาได้ไม่ยากเลยจากพฤติกรรมของหัวหน้าไรเดอร์ที่รให้อาร์บอกใช้กรดเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง มันก็ไม่ยากที่จะเห็นว่าหัวหน้าไรเดอร์คนนี้เลิกใช้เหตุผลในการหลบหนีไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาก็กำลังขวางทางหัวหน้าไรเดอร์อยู่เขามั่นใจว่ามันหลีกเลี่ยงการต่อสู้อย่างแน่นอน
ซาโต้เพิ่งพูดจบเขาสังเกตเห็นซูแบทกำลังจะโจมตีไปที่หัวหน้าไรเดอร์ ซูแบทได้กระแทกปีกที่ห่อหุ้มด้วยชั้นพลังงานสีฟ้าใส่พวกหัวหน้าไรเกอร์ทันที
ในวินาทีต่อมาลมกระโชกแรงก็พัดไปข้างหน้าและควันที่อยู่ใกล้ๆก็ถูกพัดออกไปทันที ในเวลาเดียวกันใบมีดอากาศสี่ในเก้าอันก็โจมตีไปที่หัวหน้าไรเดอร์อย่างรวดเร็ว
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างกะทันหันของซูแบท หัวหน้าไรเดอร์ก็ก้มลงแต่เขาก็ไม่ได้ตกใจอะไรมาก ก่อนที่อาร์บอกและมาตาโดกัซข้างๆเขาก็รีบมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็วและใช้ร่างกายพวกเขาบล็อกการโจมตีของซูแบท
อย่างไรก็ตามการโจมตีของซูแบทก็เป็นเหมือนสัญญาณให้สมาชิกพันธมิตรที่แอบเข้าไปในร้านอาหารได้ปล่อยพวกโปเกมอนของเขาโจมตีทันทีและรีบเข้าร่วมการปิดล้อมหัวหน้าไรเดอร์ในช่วงเวลาสั้นๆ และแล้วภายใต้การล้อมของโปเกมอนจำนวนมาก หัวหน้าไรเดอร์กับเหล่าโปเกมอนของเขาก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
"ทำไมมันถึงมีหนูของไอ้พวกพันธมิตรปะปนอยู่มากมายจริงๆอยากจะจับตัวฉันงั้นเหรอ เอาไปแค่ระเบิดของมาตาโดกัซก็พอเถอะ มาตาโดกัซใช้ระเบิดใส่พวกมันเดียวนี้!" เมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์แล้ว หัวหน้าไรเดอร์ก็รู้สึกสิ้นหวังก่อนจะมีรอยยิ้มแสยะบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็สั่งให้มาตาโดกัซระเบิดใส่บริเวณโดยรอบทันที ด้วยคำสั่งนี้มันทำให้ใบหน้าของซาโต้และสมาชิกพันธมิตรโดยรอบหน้าเปลี่ยนสีทันที
และด้วยคำสั่งของหัวหน้าไรเดอร์นี้ มาตาโดกัซที่แกล้งทำเป็นหมดสภาพการต่อสู้ก็พุ่งตัวขึ้นมาทันที และไม่ลังเลที่จะทำตามคำสั่งของเทรนเนอร์เขาที่อยู่ในรัศมีระเบิดด้วยซ้ำ ก่นที่ทุกคนจะได้หลบหนีไปไกล มาตาโดกัซก็ได้ระเบิดตัวเองทันที
"ไอ้เวรเอ้ย! ซูแบทใช้ชาโดว์บอลใส่หน้าต่างซะ แล้วใช้โล่ลมกรดปกป้องพวกเรา" เมื่อเห็นการกระทำที่ไม่มีความลังเลของมาตาโดกัซ ใบหน้าของซาโต้ก็ซีดลงและเขาก็รีบวิ่งออกมาจากจุดเมื่อครู่และสั่งให้ซูแบททำลายหน้าต่างจากนั้นก็หนีออกจากร้านอาหารด้วยทางนั้น
ในขณะที่ใบหน้าของสมาชิกพันธมิตรคนอื่นๆนั้นคล้ายคลึงกับซาโต้ในตอนนี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลาช่วยเหลือคนธรรมดาในร้านอาหารที่กำลังติดพิษและอยู่ในอาการโคม่า พวกเขารีบพาโปเกมอนของตนเองหนีออกจากร้านอาหารด้วยวิธีต่างๆอย่างรวดเร็ว
ซาโต้ที่กำลังอยู่ห่างจากร้านอาหารไม่ไกลและมีเสียง"ตู้ม~" ดังมาจากร้านอาหารด้านหลังเขาและทันใดนั้นคลื่นอากาศอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นจากร้านอาหารพร้อมกับการระเบิดอย่างรุนแรง ผู้คนทั้งหมดรีบออกไปและหลายคนก็หมดสติไปด้วยแรงอัดอากาศอันทรงพลังนี้
แต่เรื่องก็ยังไม่จบลง จากการเกิดระเบิดอย่างรุนแรงที่ชั้นหนึ่งของร้านอาหาร เสาจำนวนมากที่ดูแลอาคารทั้งหลังก็ถูกทำลายอย่างรุนแรงเช่นกัน สักพักทั้งตึกก็เริ่มสั่นคลอนลง