บทที่ 185
หิมะสีขาวโพลน ปกคลุมต้นไม้ใบหญ้ามองจากด้านบนประดุจภาพวาด ทั้งสามออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าเมืองหลวงทันทีที่ได้รับจดหมายแนะนำจากเจ้าสำนักคชสารธรณี ตลอดการเดินทางเร่งรีบ แวะสังหารสัตว์อสูรและเก็บสมุนไพรตลอดเวลาเมื่อพบเจอ สัตว์อสูรระดับสีดำถูกสังหารนับสิบตน หยางเวยให้เนี่ยฟงประทับอักขระศักดิ์สิทธิ์ลงไปในแก่นพลังปราณสำหรับดูดซับได้ง่ายยิ่งขึ้นมอบให้แก่เสี่ยวจู เพราะตอนนี้ระดับพลังใกล้ตัดเป็นระดับขั้นสีดำแล้ว เมื่อถึงเวลาหยุดพักเสี่ยวจูก็จะมาขอคำแนะนำเรื่องอักขระศักดิ์สิทธิ์จากเนี่ยฟง ส่วนหยางเวยทำหน้าที่เป็นพ่อครัวเช่นเดิม ย่างเข้าวันที่เก้าทั้งสามก็มองเห็นเมืองหลวงไกลๆ กำแพงหินดำขนาดใหญ่มีทหารและเหล่าชาวยุทธเดินลาดตระเวน ด้านหน้าถูกขุดเป็นแม่นำ้ขนาดใหญ่ล้อมรอบ เนี่ยฟงหรี่ตามองไปที่กำแพงหินมองเห็นชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์จำนวนไม่น้อยฝั่งอยู่ด้านใน
ทั้งสามลงจากหลังสัตว์อสูรเดินเท้าเข้ามายังด้านหน้าเมือง ทันทีที่ผู้คนด้านบนกำแพงเห็น มีเสียงเป่าดังมาจากบนกำแพงหินดัง ผู้คนบนกำแพงต่างกำชับอาวุธในมือแน่นจ้องมองมายังคนทั้งสามอย่างไม่วางตา ชั่วน้ำเดือดได้มีเสียงตะโกนดังลั่นมาจากด้านบน
“เนี่ยฟง หยางเวยพวกเจ้ายังไม่ตาย”
ทั้งสองหันไปมองตามเสียงพบเห็นจงเหรินป้าและหยางเฟยยืนจ้องมองอยู่ หยางเวยก้าวเดินออกมา
“เป็นพวกข้าทั้งสองเอง ส่วนนี้คือแม่นางเสี่ยวจูศิษย์ผู้อาวุโสเคอะเสี่ยวหม่า พวกเราทั้งสามได้รับจดหมายแนะนำจากเจ้าสำนักคชสารธรณีให้เดินทางมาที่นี่”
จงเหรินป้าพยักหน้าให้ทั้งสองหลังจากนั้นก็หายไปจากกำแพง ชั่วน้ำเดือดแผ่นไม้ขนาดใหญ่ค่อยๆลงมาเป็นทางเดินข้ามแม่น้ำ ประตูเมืองค่อยๆเปิดออกมา ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มสี่คนและหญิงสาวอีกสองคนพุ่งทะยานออกมา ทั้งหกหาได้กล่าวสิ่งใดฟาดฟันอาวุธในมือ ปราณดาบและปราณกระบี่พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เกราะสายฟ้าหมุนวนรอบกายออกมาต้อนรับ หยางเวยสะบัดมือขวานำถุงมือไหมออกมาสวมใส่ หันไปมองเนี่ยฟงที่ยืนยกยิ้มอยู่ ทันทีที่ทั้งหกพุ่งเข้ามาในระยะประชิด หยางเวยระเบิดพลังปราณพิษออกมาเสียงดัง ตูม ควันพิษสีม่วงพุ่งพวยออกมา คนทั้งหกตื่นตกใจรีบถีบเท้าถอย
แต่ก็ช้าไปเสียแล้วเนี่ยฟงชี้นิ้วออกไป เกราะสายฟ้าพุ่งหายเข้าไปในควันพิษสีม่วง เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกมาจากเกราะสายฟ้าเข้ารัดตัวคนทั้งหก หยางเวยแสยะยิ้ม กำหมัดขวาในมือแน่นพุ่งเข้าประชิดทีละคน เปรี้ยง เสียงหมัดขวาต่อยเข้าที่ใดสักแห่งพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนดังออกมา ไม่ถึงหกลมหายใจควันพิษจางหายไปกับสายลม คนทั้งหกนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นลมหายใจรวยริน หยางเวยยกยิ้มเดินเข้าไปปลดแหวนของทั้งหกออกมาอย่างช้าๆ
“พวกเจ้าจะโทษข้าไม่ได้ พวกเจ้าไร้ซึ่งฝีมือเอง”
หยางเวยเดินกลับมาเนี่ยฟงก็สลายเกราะสายฟ้า ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ การลงมือที่โหดเหี้ยมและรวดเร็ว หลายคนแทบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เนี่ยฟงจ้องมองขึ้นไปยังด้านบนกำแพง รีบสะบัดมือขวานำจดหมายแนะนำออกมายื่นให้แก่เสี่ยวจู
“แม่นางเสี่ยวจูรบกวนท่านส่งจดหมายฉบับนี้แทนข้าทีขอรับ เห็นทีคงมีพวกอยากลองของอีกเยอะพอสมควร”
ทันทีที่เสี่ยวจูรับจดหมายแนะนำตัวไป ก็มีกลุ่มคนพุ่งทะยานออกมาจากกำแพงหลายสิบคนด้วยกัน แต่ละคนแผ่พลังปราณระดับสีดำขั้นต้นออกมาหวังกดดันทั้งสาม เสียงสะบัดมือดังแว่วออกมา วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาที่พื้นขนาดใหญ่ ทันทีที่คนพวกนั้นพุ่งเข้ามาในระยะ เนี่ยฟงกระทืบเท้าลงพื้น เถาวัลย์สีฟ้านับสิบเส้นพุ่งออกมารัดตัวเหล่าผู้คนที่พุ่งทะยานเข้ามา หยางเวยยกยิ้มพุ่งเข้าหาทีละคน เปรี้ยง เสียงหมัดเข้าปะทะพร้อมกับได้ยินเสียงกระดูกแตกดังลั่นติดตามมา หยางเวยประดุจพยัคฆ์ในฝูงแกะพุ่งทะยานไปที่ใดแต่ละคนล้วนลงไปนอนกองกับพื้น
วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏที่ด้านหน้ากำแพง เถาวัลย์สีแดงพุ่งเข้าหาหยางเวยและเนี่ยฟง ดาบสีดำในมือขวาถูกกำชับแน่น ไม่ถึงครึ่งลมหายใจเนี่ยฟงฟาดฟันดาบสีดำในมือออกไป ปราณดาบสีฟ้าพุ่งเข้าปะทะเถาวัลย์สีแดง เปรี้ยง เถาวัลย์สีแดงถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ปราณดาบสีฟ้าพุ่งเข้าปะทะกับกำแพงเมืองเสียงดังสนั่น มองเห็นเป็นรอยปราณดาบฝังในกำแพง เนี่ยฟงชี้ดาบไปที่บนกำแพง
“เป็นพวกท่านลงมือบีบบังคับพวกข้าเอง เช่นนั้นหามีคนตกตายไปอย่าหาว่าข้าไม่เตือน หยางเวยเพื่อนข้าแจ้งไว้แล้วว่าพวกข้าได้นำจดหมายแนะนำมาจากเจ้าสำนักคชสารธรณี พวกท่านยังไม่ทันได้เปิดอ่านจดหมายก็ส่งคนออกมาทำร้ายพวกข้า”
เนี่ยฟงหันไปมองหยางเวยด้านหลัง
“หยางเวย นับตั้งแต่นี้ไป หากมีผู้ใดพุ่งเข้าโจมตีพวกเราให้สังหารให้หมด”
หยางเวยรีบถอดถุงมือไหมเก็บไว้ในแหวนกำชับมีดอันแปลกประหลาดเอาไว้ในมือแน่น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาจากประตูด้านหน้าเมือง เนี่ยฟงหรี่ตามองพบเห็นเป็นองค์ชายสี่แห่งเขตสายลมก้าวเดินออกมาพร้อมกับผู้ติดตามอีกนับสิบคน
“พวกเจ้ามาด้วยกันเพียงสามคน คิดกล่าววาจาใหญ่โตที่นี่รึ เห็นทีข้าคงต้องสั่งสอนพวกเจ้าเสีย”
เปรี้ยง ตูม ยังไม่ทันที่องค์ชายสี่จะกล่าวสิ่งใดจบ เนี่ยฟงก็พุ่งเข้าประชิดต่อยหมัดขวาเข้าไปที่ปลายคางอย่างถนัดถนี่ ใบหน้าสะบัดไปทางซ้ายกระเด็นร่วงลงไปในแม่น้ำ ส่วนคนที่เหลือได้แต่ตื่นตกใจยืนนิ่งค้างเพราะเนี่ยฟงแผ่แรงกดดันระดับสีดำขั้นต้นออกมากดทับ หยางเวยพุ่งทะยานไปที่ข้างแม่น้ำด้านซ้าย ทันทีที่เห็นองค์ชายสี่โผล่หัวขึ้นมาเพราะความหนาวเย็นของแม่น้ำ ก็ฟาดฟันมีดในมือออกไป ปราณมีดสีม่วงพุ่งเข้าปะทะเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เสี่ยวจูเองได้แต่ส่ายศีรษะไปมา นำจดหมายแนะนำตัวที่รับมาจากเนี่ยฟงออกมาถือเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“รบกวนท่านผู้อาวุโสบนกำแพง ตรวจสอบจดหมายก่อนเถอะเจ้าคะ ก่อนที่คนพวกนี้จะตกตายไปเสียก่อน เพื่อนของจ้าทั้งสองคนกล่าวสิ่งใดมักทำสิ่งนั้นเสมอ”
สิ้นเสียงกล่าวของเสี่ยวจูก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาจากบนกำแพง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเจ้ายังคงมีฝีมือที่ไว้ใจได้เสมอ ไม่พบกันนานพวกเจ้าเก่งกาจขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว หรืออาจจะเก่งกาจกว่าผู้อาวุโสบางคนเสียอีก ต้องขออภัยที่ใช้คนพวกนี้ไปทดสอบฝีมือพวกเจ้า เอาละพวกเจ้าเข้ามาในเมืองเถอะ ข้าได้รับจดหมายด่วนจากด่านหน้าแล้ว”
เนี่ยฟงจดจำผู้อาวุโสท่านนั้นได้ดีเพราะเคยพบเห็นเมื่อครั้งไปเยือนสำนักอักขระเต่าดำ จึงก้มคารวะ
“คารวะท่านอาวุโส”
เนี่ยฟงหันไปมองหยางเวยที่ตอนนี้กำลังสนุกกับการฟาดฟันมีดในมือเข้าโจมตี
“หยางเวย หยุดมือเข้าเมืองเถอะ”
หยางเวยยกยิ้มเก็บมีดในมือเดินเข้าหาเนี่ยฟงเช่นเดียวกับเสี่ยวจู ทั้งสามเดินเข้าเมืองโดยทิ้งให้คนที่เหลือตรงทางเดินลงไปนอนแน่นิ่งลมหายใจรวยรินเพราะถูกแรงกดดันกดทับเป็นเวลานาน ส่วนองค์ชายสี่ค่อยๆขึ้นมาจากน้ำสายตาจ้องมองเนี่ยฟงและหยางเวยเดินเข้าไปในเมืองด้วยความโกรธแค้น ไม่ถึงครึ่งลมหายใจก็สะบัดมือถือดาบคู่ใจพุ่งทะยานเข้ามาจากด้านหลัง หยางเวยที่รับรู้อยู่แล้ว หันหลังซัดฝ่ามือออกไป เปรี้ยง องค์ชายสี่ที่พุ่งทะยานเข้ามาหาได้ระวังถูกฝ่ามือหยางเวยซัดเข้าเต็มๆ ตูม กระเด็นตกลงไปในแม่น้ำอีกครั้ง
ทันทีที่เข้ามาด้านในก็ถูกต้อนรับอย่างดี เป็นจงเหรินป้าและหยางเฟยเดินเข้ามาต้อนรับ
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะตกตายไปเสียแล้ว”
“พวกข้าสบายดีขอรับ ศิษย์พี่จงเหรินป้า”
“ดีแล้ว จากฝีมือที่พวกเจ้าทั้งสองอาละวาดเมื่อครู่คงทำให้หลายคนไม่พอใจ โดยเฉพาะองค์ชายสี่ที่พวกเจ้าทุบตี คนผู้นั้นเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่น้อยอีกทั้งยังมีกำลังคนในมือพอสมควร เอาเถอะข้าจะพาพวกเจ้าไปที่พัก”
เสี่ยวจูยื่นจดหมายแนะนำให้แก่จงเหรินป้า จงเหรินป้ามอบจดหมายให้แก่หยางเฟย
“หยางเฟย เจ้านำจดหมายแนะนำไปมอบให้ผู้อาวุโส ข้าจะพาพวกเขาทั้งสามไปยังที่พักเอง”
ระหว่างทางเดินไปยังที่พักจงเหรินป้าก็แจ้งสถานการณ์ที่นี่ให้ทั้งสามฟัง จนได้รับรู้ว่าที่นี่รวบรวมผู้คนที่เหลือรอด มีทั้งชาวบ้าน ชาวยุทธ์ และศิษย์สำนักจำนวนไม่น้อย ก่อตั้งสำนักพยัคฆ์ขาวขึ้นมาเพื่อสอนวิชาความรู้ให้แก่คนที่สนใจหาได้มีการคัดเลือกเช่นในอดีต ส่วนศิษย์สำนักต่างๆรวมกลุ่มกันออกล่าสังหารสัตว์อสูร รวมไปถึงออกทำภารกิจสังหารปีศาจที่หลุดรอดเข้ามาหรือออกไปสังหารปีศาจด้านนอก ทำให้ศิษย์หัวกะทิต่างๆมีระดับพลังสูงขึ้นกว่าเดิมมานะนัก ไม่นานทั้งสี่ก็มาถึงที่พัก ที่นี่ถูกจัดแบ่งเป็นโซนที่อยู่โดยใช้บ้านของชาวบ้านเดิม ส่วนชาวบ้านถูกย้ายเข้าไปอยู่ด้านในเมืองอีกชั้น