บทที่ 183
ผู้อาวุโสทังมู่และบุตรชายถูกนำตัวไปรักษาในกระโจม รอบด้านมีคนของสำนักคชสารธรณีและผู้อาวุโสอีกสามคนเฝ้าด้านหน้าเพื่อกันทั้งสองหลบหนี ส่วนในกระโจมใหญ่ ผู้อาวุโสที่ประจำอยู่ที่นี่ถูกเรียกตัวประชุมด่วนถึงการพบเจอป้ายไม้ผาไม้ดำ หลายคนพอทราบข่าวตื่นตกใจไม่น้อย โดยมีคำสั่งจับกุมทังมู่และบุตรชายรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องกับตระกูลทังทั้งหมดเพื่อสอบสวน เกือบสองชั่วยาม จดหมายถูกส่งแจ้งไปยังเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียงหลังจากประชุมเสร็จสิ้น ตอนนี้สถานการณ์ที่เขตรอบนอกแห่งนี้มีความกดดันไม่น้อย ผู้คนเริ่มแบ่งเป็นสองฝ่ายแยกไปทางทังมู่เกือบครึ่ง
ขณะที่ผู้คนเริ่มแบ่งแยกเนี่ยฟงและหยางเวยก็หาได้สนใจรวมไปถึงเสี่ยวจู ทั้งสามออกจากกระโจมในรุ่งเช้าเดินสำรวจบริเวณโดยรอบของม่านพลังปราณ แน่นอนว่าสองฝ่ายที่แบ่งแยกส่งคนออกติดตามพวกเชาทั้งสามอยู่ห่างๆ ฝ่ายหนึ่งหวังสังหาร อีกฝ่ายหนึ่งหวังกอบโกย ถึงแม้ทั้งสามจะรับรู้แต่ทำเป็นไม่สนใจ ตลอดเวลาทั้งวัน ไม่สังหารสัตว์อสูรก็สังหารปีศาจที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง การลงมือที่เฉียบขาดและการสังหารอย่างโหดเหี้ยม ของชายหนุ่มทั้งสอง คนติดตามทั้งสองฝ่ายเริ่มที่จะหวาดกลัวไม่น้อย
ปราณมีดสีม่วงปลิวว่อน บางทีก็พุ่งเข้าหาผู้แอบสะกดติดตามทำให้พุ่งหลบกันจ้าละหวั่น หยางเวยแสยะยิ้มหลี่ตามองเป็นระยะๆ ถึงแม้จะสังหารสัตว์อสูรและปีศาจเสร็จสิ้น หยางเวยก็แอบฟาดฟันมีดออกไปอยู่ดี แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงติดตามอยู่อย่างไม่ลดละ แน่นอนว่าไม่นานหยางเวยก็พุ่งทะยานเข้าหาทั้งสองฝ่าย
“พวกเจ้าเป็นผู้ใดกันแอบสะกดรอยติดตามพวกข้า”
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ปราณมีดสีม่วงพุ่งเข้าปะทะต้นไม้ใหญ่สองต้น เสียงดังสนั่นติดตามมาด้วยเสียงโค่นล้มของต้นไม้ใหญ่ ชายฉกรรจ์เจ็ดคนเดินออกมาจากชายป่า ฝั่งหนึ่งมาสี่คนและอีกฝั่งมาด้วยกันสามคน หยางเวยแสยะยิ้มกำชับมีดในมือแน่นหันไปมองเนี่ยฟงและเสี่ยวจูที่อยู่ด้านหลัง
“เนี่ยฟงเราจะทำอย่างไรกับคนเหล่านี้ดี”
“หากไม่เป็นมิตรสังหารให้หมด”
แน่นอนว่าเนี่ยฟงกล่าววาจาตอบรับหยางเวยเสียงดังทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งเจ็ดตื่นตกใจ ฝ่ายผู้อาวุโสทังมู่ทั้งสี่คนสะบัดมือขวากำชับอาวุธคู่ใจในมือพร้อมเข้าปะทะ แต่อีกกลุ่มหาได้กระทำสิ่งใดเดินเข้าหาหยางเวยอย่างช้าๆ ชั่วน้ำเดือดก็มีเสียงกล่าวดังมาจากชายฉกรรจ์ทั้งสามคน
“ใจเย็นๆก่อนพ่อหนุ่ม พวกข้าเพียงเฝ้าติดตามพวกเจ้าเพราะคำสั่งของเจ้าสำนักคชสารธรณี หากพวกเจ้าไม่พอใจพวกข้ายินดีถอยกลับ”
หยางเวยพยักหน้าให้พร้อมกับยกยิ้มตอบ แล้วหันไปมองชายฉกรรจ์ทั้งสี่ที่ถืออาวุธในมือแน่น ไม่ถึงสามลมหายใจหยางเวยถีบเท้าพุ่งทะยานเข้าหาอย่างรวดเร็ว เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงการปะทะกันระหว่างมีดและดาบดังลั่น เนี่ยฟงหันไปคุยกับชายผู้หนึ่ง
“ข้าและเพื่อนทั้งสองต้องขอขอบคุณพวกท่านมากขอรับ เพียงแต่ว่ารบกวนพวกท่านกลับไปแจ้งต่อเจ้าสำนักคชสารธรณี ว่าพวกข้าขอบคุณยิ่งนักที่ส่งพวกท่านติดตามว่า พวกข้าสามารถดูแลตัวเองได้ พวกท่านคงเห็นมาแล้ว ก่อนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินพวกข้าจะเร่งกลับมายังค่ายก่อนแน่นอนขอรับ ส่วนชายฉกรรจ์ทั้งสี่ พวกข้าไม่รับประกันว่าจะได้กลับหรือไม่”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียงเนี่ยฟงสะบัดมือขวาดาบสีดำปรากฏอยู่ในมือ พุ่งทะยานเข้าช่วยเหลือหยางเวย ไม่ถึงห้าลมหายใจ คมดาบสีดำวาดผ่านลำคอชายผู้หนึ่ง เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดศีรษะกระเด็นร่วงลงพื้น เนี่ยฟงยังคงเข้าปะทะกับอีกคน เคร้ง เคร้ง เคร้ง ปลายมีดจ้วงแทงไปที่หน้าอกทะลุออกไปด้านหลัง ไม่นานก็หลงเหลือเพียงชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งที่ตอนนี้แขนขวาขาดเช่นเดียวกับขาซ้ายที่หยางเวยหลงเหลือไว้เพื่อสอบปากคำก่อนสังหาร เนี่ยฟงสะบัดมือขวาโยนขวดยาให้แก่หยางเวยพร้อมกับหันไปมองชายฉกรรจ์ทั้งสามที่ยืนอยู่
“รบกวนพวกท่านเป็นพยานในการสอบสวนครั้งนี้ด้วยขอรับ”
หยางเวยรีบยัดเม็ดยาให้แก่ชายฉกรรจ์ผู้นั้นไม่นานการสอบสวนจึงเกิดขึ้น เนี่ยฟงสอบถามอยู่นานนับครึ่งชั่วยามจึงได้รับรู้ว่าผู้บงการคือทังมู่ แน่นอนว่าเป็นไปตามคาดหมาย ส่วนเรื่องของแผ่นป้ายผาไม้ดำชายผู้นี้หาได้ทราบเรื่อง หยางเวยคิดลงมือสังหารแต่ชายฉกรรจ์ทั้งสามรีบร้องขอเพื่อกันไว้เป็นพยานเอาผิดทังมู่ หลังจากนั้นไม่นานทั้งหกก็เดินทางกลับ โดยคนของเจ้าสำนักรับหน้าที่พาคนของทังมู่กลับค่าย ทันทีที่ทั้งหมดกลับมาที่ค่ายก็เกิดเรื่องขึ้น เพราะกลุ่มคนที่เฝ้าค่ายเวลานี้เป็นคนของทังมู่ทั้งหมด เมื่อเห็นเพื่อนได้รับบาดเจ็บก็คิดสอบถาม แต่ว่าชายฉกรรจ์ทั้งสามหาได้แจ้งอันใดต่อกลุ่มคนที่เฝ้าค่ายจึงมีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย
เสียงเอะอะโวยวายดังลั่น เกือบครึ่งเค่อเหล่าผู้อาวุโสและเจ้าสำนักคชสารธรณีก็มายังหน้าค่าย ชายฉกรรจ์ทั้งสามรีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันทังมู่และบุตรชายก็เดินทางมาถึงเช่นกัน การสอบสวนชายฉกรรจ์ผู้นั้นจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง ทังมู่และบุตรชายที่ไม่โดยจับกุมหรือควบคุมตัวเพราะคนส่วนใหญ่เป็นคนของตน แน่นอนว่าเนี่ยฟงแอบยัดยาให้ชายผู้นั้นอีกครั้ง ความจริงทั้งหมดจึงถูกกล่าวออกมา ทังมู่เองเตรียมการไว้อยู่ก่อนแล้วจึงให้คนแอบใส่ยาพิษสลายพลังในอาหาร เจ้าสำนักคชสารธรณีเอ่ยวาจาเสียงดังให้จับกุม เหล่าผู้อาวุโสเริ่มเคลื่อนไหว ไม่ถึงสามลมหายใจทั้งหมดก็ลงไปนั่งกับพื้นในสภาพอ่อนแรงรวมไปถึงเจ้าสำนักด้วยเช่นกัน เสียงหัวเราะดังลั่นมาจากทังมู่และบุตรชาย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดจะจับกุมข้าเช่นนั้นรึ พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
ทังมู่หันไปมองพวกของเนี่ยฟง แต่สายตาจับจ้องไปที่เนี่ยฟงเพียงผู้เดียว มือขวาถูกยกขึ้นเป็นสัญญาณบางอย่าง เหล่าผู้อาวุโสที่เป็นคนของทังมู่พุ่งทะยานออกมาล้อมตัวเนี่ยฟงและพวกเอาไว้ หยางเวยแสยะยิ้มหันไปมองเสี่ยวจูที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“แม่นางเสี่ยวจู รบกวนท่านทานยาถอนพิษที่ข้าเคยให้เอาไว้ด้วย”
เสี่ยวจูเองรีบทำตามแต่โดยดีเพราะเห็นความร้ายกาจของพิษร้ายที่หยางเวยปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง
“เนี่ยฟงเจ้าจะให้ข้าจัดการอย่างไร”
“ตามสมควร หากเป็นไปได้ข้าไม่อยากสังหารใครยกเว้นสองพ่อลูกตระกูลทังนั้น เพราะหลายคนข้าคิดว่าเพียงแค่ถูกชักจูงเท่านั้น แต่หากว่าต้องลงมือสังหารจริงก็รีบจัดการให้เด็ดขาด ส่วนแม่นางเสี่ยวจู”
เนี่ยฟงหันไปมองเสี่ยวจูพร้อมกับโยนขวดยาให้หนึ่งขวด
“นั้นเป็นยาถอนพิษ ในระหว่างการต่อสู้รบกวนท่านช่วยเหลือท่านเจ้าสำนักแล้วเหล่าผู้อาวุโสด้วย”
ทังมู่เองรับรู้ถึงความสามารถของเนี่ยฟงและพรรคพวกดี จึงสั่งการให้คนของตนล้อมตัวเจ้าสำนักคชสารธรณีเอาไว้กดดัน เนี่ยฟงหลี่ตามองพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“เป็นพวกท่านเองที่หาเรื่องใส่ตัว เช่นนั้นมาดูกันว่าพวกท่านจะมีใครหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้”
เสี่ยวจูรีบพุ่งทะยานออกไปทางพวกเจ้าสำนัก เสียงสะบัดมือดังแว่ว วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านบนศีรษะ ไม่ถึงสองลมหายใจก็กลายเป็นโดมม่านพลังครอบคนทั้งหมดเอาไว้ด้านใน เถาวัลย์สีเขียวมีหนามแหลมคมพุ่งออกมาจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีเขียวที่พื้นพุ่งเข้ารัดตัวคนของทังมู่ที่ล้อมตัวเหล่าผู้อาวุโสและเจ้าสำนัก เสียงร้องดังแว่วออกมา หยางเวยแสยะยิ้มพุ่งทะยานเข้ามาคนของทังมู่ที่กำลังตื่นตกใจ ตูม ปราณพิษถูกระเบิดออกมาควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังออกมาในควันพิษ หลายคนพุ่งทะยานออกมาเสื้อผ้าที่สวมใส่เน่าเปื่อยผิวหนังหลุดลอกออกมา เลือดสีแดงไหลซึมจากบาดแผล หลายคนลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น
สัตว์อสูรต่างถูกเรียกออกมาใช้ เนี่ยฟงเองยังไม่ได้ทำสิ่งใดจ้องมองทังมู่และบุตรชายอย่างไม่วางตา ตอนนี้คนทั้งสองเริ่มมีความหวาดกลัวต่อพิษร้ายที่หยางเวยปลดปล่อยออกมา เสียงตะโกนสั่งการดังมาจากทังมู่
“จัดการมันผู้นั้น อย่าเข้าปะทะกับเจ้ามนุษย์พิษนั้น”
หลายคนมองไปตามนิ้วชี้ของทังมู่ที่ชี้ที่ยังเนี่ยฟง หลายคนพุ่งทะยานเข้าหา ปราณดาบและเงาปราณกระบี่พุ่งเข้ามา เกราะสายฟ้าปรากฏออกมาต้านรับ ดาบสีดำถูกกำชับไว้ในมือขวา เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง หลายคนถูกจัดการโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเพราะประกายสายฟ้าจากดาบสีดำพุ่งเข้าโจมตี