บทที่ 182
การปะทะกันของผู้มีระดับพลังปราณระดับขั้นสีดำระหว่างชายหนุ่มและชายชราเสียงดังสนั่น พื้นดินโดยรอบยุบตัวลง ต้นไม้ถูกทำลายโดยปราณมีดและปราณฝ่ามือ แน่นอนว่าเมื่อเกิดการปะทะเสียงดังย่อมมีผู้ให้ความสนใจ หลายคนพุ่งทะยานมาที่จุดปะทะ มีกลุ่มคนเกือบสามสิบคนพุ่งทะยานเข้ามาในบริเวณ พื้นดินเป็นหลุมลึกต้นไม้โดยรอบถูกทำลายเสียหาย มีกองซากศพวางเกลื่อนพื้นอยู่ห้าศพ เสียงสบถดังลั่นออกมาจากลุ่มคนที่ติดตามมาถึง
" บัดซบ ผู้ใดกันสังหารน้องชายข้า "
เป็นชายชราทังมู่เองที่กล่าวสบถออกมา ไม่ถึงสองลมหายใจก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับมอบของบางอย่างให้แก่ทังมู่
" เรียนผู้อาวุโสทังมู่ขอรับ ข้าตรวจพบสิ่งนี้จากศพน้องชายท่านขอรับ "
ทันทีที่ชายผู้นั้นมอบสิ่งของให้ หลายคนจดจ้องไปที่สิ่งของในมือชายผู้นั้น แน่นอนว่าทันทีที่ทุกคนมองเห็นตื่นตกใจไม่น้อยพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
" ป้ายไม้ผาไม้ดำ "
หลายคนต่างจ้องมองชายชราทังมู่อย่างไม่วางตา
“เรื่องนี้ข้าอธิบายได้ต้องมีคนใส่ร้ายน้องชายข้าเป็นแน่”
ไม่ถึงสองลมหายใจก็มีเสียงกล่าววาจาสอบถามจากชายชราทังมู่ โดยมีผู้อาวุโสหลายคนด้วยกัน เนี่ยฟงและหยางเวยแอบดูอยู่นานก็หาได้ทำสิ่งใดเกิดขึ้น จึงค่อยๆถอนตัวออกมากลับไปที่กระโจมที่พัก เมื่อมาถึงทั้งสองนั่งโคจรลมปราณนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มีชายหนุ่มสองคมรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน ก้าวเดินเข้ามาหาทั้งสอง
“พวกเจ้าทั้งสอง ผู้อาวุโสทังมู่ต้องการพบพวกเจ้า”
เป็นหยางเวยที่ลืมตาขึ้นมาก่อนกล่าววาจาตอบกลับ
“เหอะ ท่านผู้อาวุโสของพวกท่านยิ่งใหญ่ไม่น้อย สามารถเรียกหาผู้ใดก็ได้ หรืออยากได้สิ่งใดจากผู้อื่นก็ย่อมได้เช่นนั้นรึ”
ชายหนุ่มสองคนที่มาแจ้งข่าวได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าไม่พอใจกล่าววาจาตอบกลับ
“บัดซบได้ลูกหมา พวกเจ้าทั้งสองจะไปด้วยตัวเองหรือว่าต้องให้พวกข้าทั้งสองทุบตีพวกเจ้า”
หยางเวยเองลุกขึ้นยืนพร้อมกับแผ่ลมปราณระดับสีดำขึ้นต้นเข้ากดดันชายหนุ่มทั้งสองด้านหน้า เสียงเข่ากระแทกลงพื้นดังลั่น ชายหนุ่มทั้งสองหน้าแดงก่ำลงไปคุกเข่าจากแรงกดดันที่หยางเวยแผ่ออกมา หยางเสยเดินเข้าไประหว่างที่ทั้งสองคุกเข่าพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“พวกเจ้ายิ่งใหญ่นักหรืออย่างไร ถึงได้กล่าววาจาทุบตีพวกข้า”
กล่าวสิ้นเสียงหยางเวย ใช้มือทั้งสองข้างแตะไปที่หัวไหล่ของทั้งสอง พร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาอีกครั้ง
“ข้ามีบางอย่างมอบให้เจ้า”
หยางเวยค่อยๆแผ่ลมปราณพิษผ่านมือทั้งสองเข้าไปในร่างของชายทั้งสอง หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ปล่อยให้ทั้งสองนั่งตัวสั่นสะท้านเพราะพิษร้ายกำลังเข้าสู่ร่างกาย ไม่ถึงสิบลมหายใจพวกเขาทั้งสองก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาเพราะความเจ็บปวดจากพิษร้าย ทันใดนั้นเองเป็นเหล่าผู้อาวุโสหลายคนเดินทางมาที่นี่ เสียงสบถดังแว่วออกมา หยางเวยหาได้สนใจยังคงให้พิษร้ายทำงานของมันต่อ ปราณฝ่ามือสีแดงพุ่งเข้าหา เนี่ยฟงหรี่มองเกราะสายฟ้าปรากฏออกมาต้านรับปราณฝ่ามือ เปรี้ยง หยางเวยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบเอ่ยวาจาออกมา
“พวกท่านเป็นถึงระดับผู้อาวุโส หลายคนต่างให้ความเคารพนับถือและมีบางคนที่ไม่สมควรเคารพนับถือก็ตาม เหตุใดถึงลงมือเช่นคนโง่เช่นนี้”
“ไอ้เด็กสารเลว กล่าววาจาบัดซบอันใด”
“แล้วท่านทังมู่ผู้น่าเคารพนับถือเหตุใดจึงพาผู้คนมากมายเดินทางมายังกระโจมที่พักพวกข้า หรือว่าท่านยังไม่พอใจที่ได้ชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้น พวกข้าหาได้มีสิ่งใดให้ท่านได้รีดไถแล้ว”
“ปากดีนักนะไอ้ลูกหมา บอกมาเมื่อครู่พวกเจ้าออกไปไหนหรือไม่”
“ออกไปไหนหรือไม่ เหอะ ที่นี่ผู้ใดจะไปที่ใดต้องรายงานให้ท่านรับรู้ด้วยรึ”
ทังมู่กำหมัดในมือทั้งสองแน่น หน้าตาเริ่มแดงก่ำเพราะอารมณ์โกรธ เนี่ยฟงยกยิ้มกล่าววาจา
“ใช่ขอรับ พวกข้าทั้งสองออกไปด้านนอกมา ไหนๆพวกท่านก็มาแล้ว หยางเวยนำของที่เราตรวจยึดได้ออกมา”
หยางเวยสะบัดมือขวานำบางอย่างออกมาโยนลงพื้น ทังมู่ถึงกับร้องคำรามเสียงดังเพราะสิ่งของที่เห็นเขาจดจำได้ดี เพราะมันคือแหวนที่สวมอยู่ในมือขวาของน้องชาย เนี่ยฟงที่เห็นอาการของทังมู่ก็แสยะยิ้ม
“ของที่หยางเวยเพื่อนข้านำออกมา เป็นแหวนของชายฉกรรจ์จำนวนห้าคนด้วยกัน บุกโจมตีพวกข้าที่ด้านนอก แน่นอนว่าผลของมันพวกท่านคงเห็นกันแล้ว จากการตรวจค้น พบว่าพวกเขาทั้งห้าเป็นคนจากผาไม้ดำ พวกท่านเดินทางมาที่แห่งนี้ก็ดีเช่นกัน”
ทังมู่หาได้กล่าวสิ่งใดพุ่งทะยานเข้าหาเนี่ยฟงพร้อมกับซัดฝ่ามือขวาออกมา เปรี้ยง ปราณฝ่ามือสีแดงพุ่งเข้าปะทะกับเกราะสายฟ้าที่ปรากฏออกมาต้านรับ ไม่ถึงครึ่งลมหายใจ เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกมาจากเกราะสายฟ้ารัดตัวทังมู่เอาไว้ ลมปราณระดับพลังสีดำขั้นต้นระเบิดออกมาจากร่างหวังทำลายเถาวัลย์สีฟ้า กลับถูกดูดพลังไปจนเกือบหมดเถาวัลย์สีฟ้ารัดแน่นยิ่งกว่าเดิม ทังมู่ถึงกับตื่นตกใจร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เนี่ยฟงเองก็ยังไม่สลายเกราะสายฟ้า ก้าวเดินออกมาจ้องมองผู้อาวุโสที่เหลือ หลายคนก้มหน้าหลบสายตา บางคนก็หันไปมองทางอื่น เนี่ยฟงง้างหมัดขวาต่อยไปที่ปลายคาง เปรี้ยง ใบหน้าสะบัดไปทางซ้ายฟันและเลือดสีแดงหกระเด็นลงพื้น ชั่วน้ำเดือนเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวาสลายเกราะสายฟ้า ทังมู่ค่อยๆร่วงลงไปนอนกับพื้น ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังลั่นออกมา
“บัดซบผู้ใดทำร้ายบิดาข้า”
ไม่ถึงสิบลมหายใจ มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง รูปร่างสูงโปร่งหน้าตาคล้ายชายชราทังมู่ มัดผมหางม้าอายุประมาณสามสิบปี ทันทีที่ชายผู้นั้นมาถึงก็รีบเข้าไปดูอาการของทังมู่ ชายหนุ่มรีบป้อนยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หลังจากนั้นก็จ้องมองเนี่ยฟงด้วยสายตาอำมหิต
“เป็นเจ้าหรือไม่ลูกหมา ที่ทำร้ายบิดาข้า”
“ใช่ เป็นข้าเอง”
“ดี ดี เป็นลูกผู้ชายดีกล้าทำกล้ารับ เช่นนั้นเจ้าคงไม่ว่าหากข้าจะแก้แค้นแทนบิดา”
เนี่ยฟงก้าวเดินมาข้างหน้ายกมือซ้ายกวักเรียก
“บิดาของท่านข้ายังทุบตี ท่านคิดว่าจะรอดรึ”
ชายหนุ่มด้านหน้าขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นจ้องมองเนี่ยฟง มือทั้งสองกำหมัดแน่น ไม่ถึงสองลมหายใจ เนี่ยฟงจางหายไปต่อหน้าต่อตา หมัดขวาของเนี่ยฟงต่อยไปที่หน้าท้องชายหนุ่มเสียงดังสนั่น เปรี้ยง ตัวงอประดุจตัวกุ้ง ฝ่ามือซ้ายตบไปที่ใบหน้า เพียะ ชายหนุ่มผู้นั้นค่อยๆร่วงลงไปนอนกับพื้น เนี่ยฟงหันไปมองเหล่าผู้อาวุโสพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“พวกท่านทั้งหมดคงเห็นแล้ว ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่ อีกอย่างคนที่พวกข้าสังหารบนเขา แอบติดตามพวกข้าตั้งแต่เขามาในค่ายแล้ว พวกข้าทั้งสองยืนยันได้ว่าคนกลุ่มนั้นเป็นคนของผาไม้ดำ เพราะพวกข้าตรวจสอบได้จากแหวนที่ยึดมาได้ ที่นี่มีใครไม่เชื่ออีกหรือไม่ แน่นอนว่าพวกท่านสามารถตัดสินได้ด้วยตัวเองว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ทางที่ดีพวกท่านรีบจัดการกับคนจากผาไม้ดำเสียเถอะ หาไม่แล้วจะเป็นเช่นในอดีต”
ยังคงเป็นเช่นเดิมสิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงเหล่าผู้อาวุโสต่างนิ่งเงียบหาได้มีผู้ใดกล่าวสิ่งใดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เป็นเจ้าสำนักคชสารธรณีพุ่งทะยานมากับผู้ติดตามอีกสามคน
“เกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่”
เนี่ยฟงยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใดก็มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งกระซิบแจ้งต่อเจ้าสำนัก ไม่นานก็เอ่ยวาจาออกมาพร้อมกับมองไปที่เนี่ยฟงและหยางเวย
“ข้าต้องขอโทษและขอบใจพวกเจ้าด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ลงมือทำร้ายหรือสังหารผู้คนแน่นอนว่ามีความผิด แต่สิ่งที่พวกเจ้าทำมันเป็นครั้งแรกข้าจะให้อภัย แต่อย่าได้มีครั้งหน้าหาว่าข้าไม่เตือน”
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนักมาขอรับ”
“เอาเถอะพวกข้าคงรบกวนพวกเจ้ามาแล้ว เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน”
สิ้นเสียงกล่าว มีชายหนุ่มหลายคนพุ่งทะยานแบกร่างของทั้งสองไม่นานทั้งหมดก็พุ่งทะยานออกไป