บทที่ 16 แบรนด์(อ่านฟรี 08-11-2020)
ซูยี่มองไปที่พัดลมเวทมนตร์ที่เกือบจะเหมือนกันบนโต๊ะ หลังจากนั้นซักพักเขาก็เอื้อมมือไปกดสวิตช์
พัดลมเวทมนตร์นิ่งอยู่ซักพักก่อนที่ใบพัดของมันจะเริ่มหมุ่นอย่างช้าๆ ไม่นานก็เริ่มมีลมเย็นๆพัดโชยออกมา
ซูยี่ที่ยืนอยู่หน้าพัดลมสัมผผัสได้ถึงสายลมเขาก็พยังหน้าเล็กน้อย “อืม แม้จะไม่เท่าแต่ก็ค่อนข้างเย็นทีเดียว”
ไฮนซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆรู้สึกไม่ดีเขายื่นมือออกไปเพื่อปิดพัดลมเวทมนตร์ ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดเพราะความวิตกกังวล “เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วนายยังจะไปชมมันอีกเหรอ รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า ฉันจะบอกนายนะว่านี่ไม่ใช้เจ้าเดียว ฉันให้คนไปสืบมาแล้วแม้ในเมืองบันต้านี่จะมีไม่มากนัก แต่ที่เมืองอื่นน่ะมีสินค้าเลียนแบบเต็มไปหมด”
“นายตรวจสอบพบมั้ยว่าของเลียนแบบมาจากใหน?”
“ไม่พบเลย” ไฮนซ์ตอบด้วยน้ำเสียงท้อแท้
“ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอก” ซูยี่โบกมือปมา “เพราะถึงเราจะรู้มันก็ไม่มีประโยชกับเรามากนัก”
“หมายความว่าไง ถ้าเรารู้ว่า...” ไฮนซ์ชะงักไปทันที
นี่เป็นเพราะจู่ๆเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าสำหรับสินค้าแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงภายในอาณาจักรลัมปูรีเพราะแม้แต่ทั่วทั้งทวีปไซน์ก็ไม่มีกฏหมายใหนที่ค้มครองเรื่องสินค้าเลียนแบบ แม้ว่าพวกเขาจะพบว่าใครเป็นคนเลียนแบบพัดลมเวทมนตร์นี้แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่อาณาจักรจะลงโทษบุคคลนั้น อาณาจักรอาจจะตำหนิพวกเขาด้วยซ้ำที่โวยวายเกินเหตุ
“นายรู้แล้วสินะ” เมื่อเห็นการแสดงออกของไฮนซ์ซูยี่ก็รู้ทันที่ว่าเขาเข้าใจเหตุผลแล้ว “จริงๆแล้วตอนที่ฉันออกแบบพัดลมเวทมนตร์นี้ก็เคยคิดไว้แล้วลันะว่าซักวันต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
ซูยี่ไม่ได้โกหกไฮนซ์ ตอนที่เขาออกแบบพัดลมเวทมตร์เขาก็หาข้อมูลไว้แล้ว เขามั่นใจว่าที่ทวีปไซน์นี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากฏหมายสิทธิบัตร เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องการป้องกันการเลียนแบบสินค้า
ดังนั้นเขาจึงมั่นใจมานานแล้วว่าการเลียนแบบพัดลมเวทมนตร์ซักวันมันก็ต้องเกิดขึ้น เพราะระดับเทคโนโลยีที่ใช้ทำมันไม่ได้มีระดับที่สูงเกินไปจนยากที่จะเลียนแบบ
“ในเมื่อน่ยคิดไว้ก่อนแล้วนายมีวิธีป้องกันมั้ย เราจะต้องทนดูพวกเวรตะไรนี่จริงๆเหรอ ซูยี่นายก็น่าจะรู้ใช้มั้ยว่าแต่ละตัวที่ขายได้นั้นหมายถึงยอดขายของเราจะน้อยลงไปด้วย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเหรียญทองที่เราจะได้รับก็ลดลงไปด้วยนะ”
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องตื่นตูมขนาดนั้น” ซูยี่โบกมือเพื่อให้ไฮนซ์สงบสติตัวเองลง “ผ่อนคลายเข้าไว้ ในเมื่อฉันบอกว่าได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้วเพราะฉะนั้นฉันก็ต้องคิดวิธิแก้ไว้แล้วเป็นธรรมดาจริงมั้ยนายลองมาดูนี่สิ”
ซูยี่คว้าหนึ่งในพัดลมเวทมนตร์ที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาและชี้ไปที่ฐานของมันให้ไฮนซ์ดู
“อะไรเหรอ?” ไฮนซ์รูสึกงุนงง
“นายเห็นสัญญลักษณ์ตรงนี้มั้ย” ซูยี่ชี้ไปที่ไอคอนวงกลมเหนือสวิตช์ที่ฐานของพัดลมเวทมนตร์ “นี่คือโลโก้แบรนที่ฉันออกแบบมาเพื่อพัดลมเวทมนตร์ของเรา”
ไฮนซ์ขมวดคิ้วมองดูปีกข้างหนึ่งภายมนวงกลมจากนั้นจึงถามด้วยความสับสนว่า “เจ้านี่เอาไว้ใช้ทำอะไร? โลโก้แบรที่นายพูดถึงมัน... คืออะไร”
“นี่...เอ่อนี่คือ เอาเป็นว่านายก็คิดว่านี่คือตราซึ่งเป็นตราที่มีเฉพาะในพัดลมเวทมนตร์ของเราเท่านั้น ฉันส่งเรื่องไปรัฐสภาของอาณาจักรเพื่อให้นี่เป็นตราของเราแล้ว จากนี้ไปหากไม่ได้รับอณุญาติจากเราไม่ว่าใครก็ตามที่ใช้ตรานี้จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงจากรัฐสภา”ซูยี่อธิบาย
“ยื่นเรื่องขอตราจากรัฐสภางั้นเหรอ” ดวงตาของไฮนซ์เบิกโพลงขณะที่เขามองไปที่ซูยี่ด้วยความตกใจ “พระเจ้า นายยื่นเรื่องกับรัฐสภาเพื่อของตราเนี่ยนะ นายนี่มัน เดี่ยวก่อน นายยื่นเรื่องขอตราเกรดอะไร”
ซูยี่ยิ้มขณะที่เขาเหยียดสามนิ้วออกมา
“บ้าไปแล้ว” “ฮนซ์ตบหัวตัวเองอย่างแรงเขาพูดอย่างเจ็บปวดว่า” แม้ว่ารัฐสภาจะไม่ได้สนใจเรื่องตรานัก แต่ตราระดับสาม...ตอนนี้เราก็ต้องจ่ายเงินให้รัฐสภาสามร้อยเหรียญทองในแต่ละปีแล้ว”
“อืมจริงๆแล้วรัฐสภาไม่สามารถออกตราที่เหนือกว่านี้ให้ได้ พวกเขาจะออกให้ก็ต่อเมื่อฉันจ่ายเงินของหนึ่งปีแรกให้ก่อนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นฉันคงจะขอตราระดับทองคำขาวแล้ว”
“ตราระดับทองคำขาว?” ทันใดนั้นไฮนซ์ก็ขึ้นเสียงและตะโกนออกมาว่า“นั่นมันต้องจ่ายถึงหนึ่งพันเหรียญทองในแต่ละปีเลยนะ นายต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ”
“ไม่นะ ตอนนี้ฉันสติยังดีอยู่” ซูยี่ให้ไฮนซ์นั่งลงพร้อมกับส่งน้ำชาให้เขา “ฉันคิดว่าตรานี้จะสามารถช่วยเราได้ในตอนนี้ ด้วยการช่วยเหลือจากตรานี้เราจะสามารถติดมันลงไปที่พัดลมเวทมนตร์ของพวกเราได้ ถึงแม้พวกเขาจะสามารถเลียนแบบพัดลมเวทมนตร์ได้ แต่ด้วยกฏของรัฐสภาพวกเขาจะไม่สามารถติดตรานี้ลงไปที่พัดลมเวทมนตร์ที่พวกเขาสร้างขึ้นได้”
ไฮนซ์ดื่มชาเต็มปากแล้วส่ายหัว“ฉันยังไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร แม้ว่าเราจะมีตรานี้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรขึ้นมาล่ะ”
“มีประโยชน์มากมายเลยล่ะ!” ซูยี่กล่าวอย่างมั่นใจว่า“ตรานี้จะสามารถใช้เพื่อแยกความแตกต่างของพัดลมเวทมนตร์ที่เราผลิตและของที่เลียนแบบขึ้นมาได้และด้วยความแตกต่างนั้นสิ่งนี้จะกลายมาเป็นแบรนด์ของเรา!”
ไฮนซ์ยังคงไม่เข้าใจ“แล้วแบรนด์ล่ะ? มันคืออะไร”
ซูยี่ส่ายหัว เพื่อที่จะอธิบายคุณค่าของแบรนด์ให้กับผู้คนบนโลกนี้เข้าใจมันค่อนข้างที่จะลำบากเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นมันยากมากสำหรับผู้คนที่จะเข้าใจสิ่งนี้ ผู้คนจะเข้าใจได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาเคยเห็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ซูยี่ก็โบกมือให้กับไฮนซ์
“อืม ไฮนซ์ที่เมืองบันต้านี้มีมั้ย ไอที่เหมือนกัยหนังสือพิมพ์น่ะ”
###
อเฟย์เลียรู้สึกโกรธมาก
สำหรับนักล่าชราที่อาศัยการล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพเหรียญทองสองเหรียญเป็นรายได้ครึ่งเดือนจากการล่าสัตว์ในภูเขา โดยปกติเขาจะไม่เต็มใจที่จะใช้จ่ายจำนวนมากในครั้งเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะหลานชายที่รักของเขาเป็นลมเพราะความร้อนในช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาคงไม่ตัดสินใจซื้อพัดลมเวทมนตร์ที่มีราคาแพงนี้มา
แม้ว่าพัดลมเวทมนตร์นี้จะค่อนข้างดี ูแรกๆตอนที่มันส่งลมเย็นๆออกมามันทำให้หลายชายของเขายิ้มด้วยความสุข แต่… ..เวรเอ้ย! พัดลมตัวนี้ทำงานแค่สองวันใบพัดนี้ก็ไม่หมุนอีก!
อเฟย์เลียซื้อผลึกเวทย์มาใส่หลายชิ้นแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะใช้ผลึกเวทย์แบบใหนพัดลมเวทมนตร์ก็ไม่ทำงานเลย
เมื่อเห็นใบหน้าของหลานชายตัวน้อยของเขาแดงซ่านเพราะความร้อนแค่ไหน ในที่สุดอเฟย์เลียก็ไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป เขาหยิบพัดลมเวทมนตร์ในมือข้างหนึ่งและเข้าไปในเมืองบันต้า
คนที่ขายพัดลมเวทมนตร์ให้กับเขาบอกว่าเขาซื้อพัดลมเวทมนตร์มาจากร้านที่ชื่อร้านขายของทั่วไปไฮนซ์ ตอนที่พัดลมเวทมนตร์มีปัญหาเจ้าพ่อค้าเวรนี่ก็บอกปัด ไม่เป็นไร เขาก็แค่ไปที่ร้านขายของทั่วไปไฮนซ์ก็ไม่น่ามีปัญหา
อเฟย์เลียไม่ได้มาที่เมืองบันต้าบ่อยนัก เขาใช้เวลาในเมืองไม่มากนักก่อนที่จะพบร้านขายของทั่วไปไฮนซ์ อย่างก็ตามเมื่อเขามาถึงร้านขายของทั่วไปไฮนซ์เขาก็ตกตะลึงทันที
เนื่องจากทางเข้าร้านค้าทั่วไปเต็มไปด้วยผู้คน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสบาย ๆ มีคนมากกว่าร้อยคน
สิ่งที่ทำให้อเฟย์เลียอยากรู้มากขึ้นก็คือคนเหล่านี้ล้วนมีพัดลมเวทมนตร์อยู่ในมือ
“เฮ้เจ้าหนุ่มเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมถึงมีคนมากมายที่นี่” อเฟย์เลียดึงชายหนุ่มคนหนึ่งออกจากฝูงชนอย่างอยากรู้อยากเห็นและถามเขา
ชายหนุ่มมองไปที่อเฟย์เลียและเห็นพัดลมเวทมนตร์ในมือของเขาเขาก็เผยให้เห็นความเข้าใจทันที
“ลุง พัดลมเวทมนตร์ของลุงก็พังเหรอ”
“ใช้แล้ว อย่าบอกนะทุกคนที่นี่ก็เป็นเหมือนกันน่ะ”
“ใช้ ไอ้พวกค้าแต่กำไรนี่” ชายหนุ่มถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความโกรธ “ฉันซื้อพัดลมเวทมนตร์มาแต่แค่คืนเดียวมันก็หยุดหมุนแล้ว เหงื่อฉันออกทั้งคืนจนฉันนอนไม่หลับเลย”
เสียงของชายหนุ่มดังมากและคนข้างๆเขาก็ได้ยินอย่างชัดเจนดังนั้นทุกคนจึงเห็นด้วยกับเขา
“ใช้แล้ว พัดลมเวทมนร์ของฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน มันหยุดหมุนหลังจากใช้ไปแค่คืนเดียว ถึงแม้ว่าจะเปลียนผลึกเวทย์แล้วมันก็ไม่ได้ผล”
“ของฉันดีกว่าของนายนิดหน่อย ฉันใช้มันมาสองวันแล้ว แต่มันก็ไม่ทำงานเมื่อช่วงเทียงของวันนี้”
“ดูเหมือนว่าฉันจะโชคร้ายที่สุด ฉันใช้มันเพียงไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนที่มันจะหยุดอย่างกะทันหัน ให้ตายเถอะฉันใช้เงินไปสามเหรียญทองเลยนะ!”
"หา? นายใช้เงินไปสามเหรียญทอง? ราคาของมันแค่สองเหรียญทองไม่ใช่หรือ?”
"สอง? ทำไมคนขายถึงขายให้ฮันสามเหรียญทองล่ะ”
“นายถูกหลอกแล้ว……”
… ...
เมื่อได้ยินการพูดคุยของผู้คนรอบตัวเขาอเฟย?เลียรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
หากมีแค่พัดลมของเขาที่มีปัญญาหาเจ้าของร้านอาจไม่ยอมรับ แล้วปัญหาของเขาก็คงจะไม่สามารถแก้ได้ง่ายนัก
ตอนนี้คนที่นี่ทั้งหมดมีปัญหาที่เหมือนกันกับเขา หากเจ้าของร้านไม่คิดจะรับผิดชอบละก็ เขาจะต้องรับความโกรธของฝูงชนแน่
ขณะที่พวกเขากฎลังพูดคุยกันประตูของร้านขายของทั่วไปไฮนซ์ก็เปิดออกอย่างช้าๆ
ทุกคนรีบหันไปทันที
“เฮ้พัดลมเวทมนตร์ของฉันเสีย คุณซ่อมมันได้มั้ย?”
“ของฉันก็พังเช่นกัน! ฉันต้องการแลกกับอันอื่น!”
"ถูใช้แล้ว แลกกับอันอื่น!”
"ขูดเลือดขูดเนื้อ! พ่อคนนี้ใช้เงินไปทั้งหมดสองเหรียญทองแต่มันก็พังในวันเดียว! ระวังพ่ออาจแจ้งเรื่องนี้กับทางการ!”
… ...
เมื่อประตูร้านเปิดออกไฮนซ์ก็ออกมาด้วยท่าทางที่ค่อนข้างแปลก
เมื่อเห็นฝูงชนที่กำลังอยู่ในความวุ่นวายไฮนซ์ก็รู้สึกตกใจมาก
“นี่ซูยี่เขารู้ได้ไงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
เรื่องที่เขาพูดคุยกันเมื่อคืนปรากฏขึ้นในใจของเขา ไฮนซ์ยกมือขึ้นก่อนจะตบลง เขาพูดเสียงดังว่า “ทุกคนใจเย็นๆ มีปัญหาอะไรก็ค่อยๆพูดกัน ฉันเป็นเจ้าของร้านนี้ชื่อไฮนซ์! หากมีปัญหากับร้านค้าของฉันฉันจะแก้ปัญหานี้ให้ทุกคนอย่างแน่นอน!”
“ดีแล้วที่คุณจะแก้ปัญหานี้ นี่ฉันซื้อพัดลมเทมนตร์มาจากร้านของคุณแต่ว่าใช้ไปแค่วันเดียวมันก็พังแล้ว ช่วยอธิบายมันหน่อยได้มั้ย”ชายร่างใหญ่กล่าวด้วยเสียงอันดัง
“คุณจะชดเชยให้กับเรายังไง ของชิ้นนี้มีราคาตั้งสองเหรียญทองมันคงไม่พังง่ายขนาดนี้หรอกใช่มั้ย” อีกคนตะโกนออกไป
“ถึงคุณจะไม่ชดเชยให้ฉัน แต่คุณก็ต้องซ่อมให้ฉัน! ไอเสือในบ้านฉันเกลียดความร้อนมาก!”
… ...
“ทุกคนใจเย็น ๆ ก่อน!” ไฮนซ์ตะโกนออกมาอีกครั้งและกดเสียงของทุกคนลง เมื่อมองไปรอบ ๆ เขาชี้ไปที่ชายร่างใหญ่ที่เสียงดังที่สุดแล้วพูดว่า“ให้ฉันดูพัดลมเวทมนตร์ของคุณหน่อย”
ชายร่างใหญ่ยื่นพัดลมเวทมนตร์ให้ไฮนซ์ด้วยคนจำนวนมากที่กำลังเฝ้าดูเขาจึงไม่กังวลว่าไฮนซ์จะกล้าหลอกลวงเขา
ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ไฮนซ์ดูมันเล็กน้อยเขาจะส่ายหัว“ฉันขอโทษจริงๆพัดลมเวทมนตร์นี้ไม่ได้ขายโดยเรา ฉันแก้ปัญหาของคุณไม่ได้”
“ฮะ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?” เมื่อเห็นไฮนซ์ปฏิเสธเขาจริงๆชายร่างใหญ่ก็กะโจนเข้ามาทันทีด้วยความโกรธ“ฉันถามไปแล้วมีเพียงร้านของคุณเท่านั้นที่ขายพัดลมเวทมนตร์ในเมืองบันตา ถ้าคุณไม่ได้ขายมัน แล้วมันหล่นลงมาจากฟ้าหรือไง”
“ใช้แล้วไม่มีร้านอื่นที่ขายสิ่งนี้ นอกจากว่าของคุณคุณไม่กล้ายอมรับอย่างนั้นหรือ”
“ไอ้บ้านี่ต้องการโกงเรา!”
"ขูดเลือดขูดเนื้อ! ทุบตีเขาให้ตาย!”
… ...
เมื่อเห็นฝูงชนระเบิดความโกรธออกมาไฮนซ์ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ เขาก็สงบสติอารมณ์ลงแล้วตะโกนว่า“พัดลมเวทมนตร์ตัวนี้ไม่ได้ขายโดยเราเพราะไม่มีตราสินค้าของเรา”