ตอนที่ 127-128
ตอนที่ 127 : ระบบจอมงก
“ระบบ เหมือนรู้สึกมีบัคภายในร้าน” ลั่วฉวนเรียกระบบภายในใจ
เพียงลั่วฉวนคิดภายในใจระบบไม่ตอบกลับ ขณะนี้ถามแล้วจึงตอบมา “ร้านต้นตำรับได้เพิ่มกฎและไม่อนุญาตให้มีการขายสินค้าต่อ หากฝ่าฝืนจะถูกขึ้นบัญชีดำอย่างถาวร”
“ระบบ” ลั่วฉวนเรียกอีกครั้งหนึ่ง
“เจ้าของร้านมีอะไรหรือ?” ระบบถามกลับ
“พบเจอเรื่องแบบนี้ไม่คิดให้รางวัลหน่อยหรือ?”
ระบบถึงกับเงียบงันไปอีกครั้งหนึ่ง
ผ่านไปครู่ระบบจึงตอบกลับมา “รางวัลได้มอบให้ไปแล้วเมื่อคืนก่อนหน้านี้”
ลั่วฉวนถึงกับไปต่อไม่ถูก
เมื่อคืนก่อน มันก็ต้องเป็นระบบสอนทำอาหารเครื่องเล่นเสมือนจริงแล้ว
“ระบบจอมงก!” ลั่วฉวนสบถดังภายในใจ
“ขอย้ำเตือน หากเจ้าของร้านว่าร้ายระบบ ทางระบบมีสิทธิ์เพิกถอนรางวัลจากเจ้าของร้าน” เสียงของระบบกลับมาเป็นทางการราวหุ่นยนต์อีกครั้งหนึ่ง
ลั่วฉวนจึงได้แต่เงียบปาก
งกเกินไปแล้ว!
“แค่ก แค่ก แค่ก ร้านต้นตำรับมีกฎใหม่เพิ่มเข้ามา”
ลั่วฉวนกระแอมไอเสียงเบาทว่าพอให้ทุกคนได้ยิน
ทุกคนได้ยินดังนี้ ภายในอดไม่ได้ที่จะนิ่งงันไป
ลั่วฉวนจึงกล่าวออกมา “ห้ามมีการซื้อขายสินค้าในร้านต่อผู้อื่น หากฝ่าฝืนจะขึ้นบัญชีดำไม่อาจซื้อสินค้าจากทางร้านได้อีกต่อไป”
ถัดจากนั้น ลั่วฉวนจึงนำกระดานขาวอันเล็กออกมา
กฎใหม่ถูกเขียนเพิ่มเติมเข้าไป
“สงสัยเถ้าแก่เพ่งเล็งเสียแล้ว เงียบไว้ดีกว่า”
ศิษย์ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้คิดซื้อหาแท่งเครื่องเทศด้วยราคาสูง ขณะนี้ได้แต่กระซิบออกมา
ทว่าหาได้มีผู้ใดสนใจอีกฝ่ายไม่
ถัดจากนั้น ด้วยกู่หยุนซีช่วยแนะนำ กลุ่มคนจึงเริ่มรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
น้ำพุแห่งชีวิตในเครื่องทำน้ำร้อนได้เรียกเสียงฮือฮาของกลุ่มคนหนุ่มสาวอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนทางด้านชั้นที่เคยมีไวน์หยกตั้งอยู่ซึ่งมีป้ายเขียนว่าสินค้าหมด หาได้มีผู้ใดให้ความสนใจไม่
“เถ้าแก่ มื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว!”
เสียงของเหยาซือหยานดังพร้อมเดินลงมาจากบันได
ในมือของนาง เป็นข้าวผัดไข่สีทองสองถ้วยอันงดงาม
เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดของข้าวผัดจะอวบอิ่มชุ่มฉ่ำ พร้อมมีชิ้นไข่สีทองงดงามชิ้นเล็กประดับประดาเอาไว้
รับชมจากระยะไกล มันเสมือนจะมีแสงสีทองส่องออกมาได้
พริบตานี้กลิ่นหอมจึงฟุ้งกระจายทั่วทั้งร้านต้นตำรับ
เมื่อกลุ่มศิษย์หันมองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือ พวกเขาพลันรู้สึกย่ำแย่ในพริบตา
พบเห็นหน้าเหยาซือหยาน บรรดาศิษย์ทั้งหลายที่มาเยือนเป็นครั้งแรกต่างต้องชะงัก
กู่หยุนซีและคณะเมื่อครู่เพิ่งพูดกล่าวกันถึงเสมียนร้านอย่างเหยาซือหยานไป
พบเห็นแล้วขณะนี้ แทบทุกคนต้องตื่นตะลึง!
ลั่วฉวนลุกขึ้นยืนพร้อมไปรับข้าวผัดไข่มาจากมือเหยาซือหยาน
“เถ้าแก่ลองดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร” เหยาซือหยานเผยยิ้ม
ลั่วฉวนพยักหน้ารับพร้อมเริ่มรับประทาน
รสชาติค่อนข้างดี มีออร่าที่รุนแรงแผ่พุ่ง
กล่าวได้ว่าเหนือล้ำกว่าภัตตาคารเซียนวิหคอมตะแล้ว
ลั่วฉวนรับชมเหยาซือหยานด้วยความนึกทึ่ง เขาไม่ได้คาดคิดว่านางจะมีพรสวรรค์ทำอาหารน่าสะพรึงเพียงนี้
ด้วยกลืนอาหารลงปาก ลั่วฉวนจึงเผยสีหน้ายอมรับ “รสชาติที่ดี”
“จริงหรือ?” รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าเหยาซือหยานทันทีเมื่อลั่วฉวนกล่าวชม
“มัวมองอะไรกัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรีบทาน!” มู่หรงไห่เถิงจับจ้องยามเมื่อเห็นเหล่าศิษย์มองทางลั่วฉวนและเหยาซือหยาน
เช่นนี้ทุกคนจึงหันมาสนใจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อ
อาจารย์ไห่เถิงไม่อาจยอมรับเรื่องนี้
“เช้านี้ได้ออกไปข้างนอกมาหรือไม่?” ลั่วฉวนเอ่ยถามตามปกติพลางรับประทานข้าวผัดไข่
แม้เหยาซือหยานเป็นเสมียนประจำร้านต้นตำรับ กระนั้นลั่วฉวนไม่ได้เข้มงวดอะไร ออกจะให้อิสระมากมายด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ ยอดฝีมือขอบเขตราชันออกไปก็ไม่น่าพบเจออันตรายใด
“ไป” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “พบว่าวัตถุดิบในครัวไม่ค่อยดีพอ ดังนั้นจึงออกไปยังเทือกเขาจิ่วเหยามาพักหนึ่ง”
เป็นการกล่าวว่าสิ่งที่ระบบมอบให้ไม่ดีพอ เหยาซือหยานถือเป็นคนแรกที่เอ่ยคำเช่นนี้
ลั่วฉวนคล้ายทราบดี “อย่างนั้นวัตถุดิบเหล่านี้คืออะไร?”
เหยาซือหยานเผยยิ้มบางพร้อมชี้ไปยังข้าวผัดไข่ “ที่เทือกเขาจิ่วเหยาข้าได้พบวิหคที่มีสายเลือดวิหคอมตะ ดังนั้นจึงนำไข่มันกลับมา!”
ที่เหยาซือหยานไม่ได้กล่าว คือวิหคดังกล่าวไม่ได้วางไข่บ่อยนัก
ด้วยความเป็นถึงสัตว์อสูรราชวงศ์ วิหคตัวนั้นไม่อาจขัดขืน!
ตอนที่ 128 : อย่าปรามาสผู้อื่น
ขณะมู่หรงไห่เถิงกำลังรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฉับพลันจึงรู้สึกได้ว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ค่อยถูกต้อง
วิหคสายเลือดวิหคอมตะ?
เทือกเขาจิ่วเหยา?
ประเดี๋ยว จะบอกว่าเป็นวิหคลึกล้ำอัคคีทองของเทือกเขาจิ่วเหยาอย่างนั้นหรือ?
“แม่นางเหยา วิหคน้อยที่เจ้ากล่าวถึงนั้นแข็งแกร่งระดับใดกัน?”
คิดเช่นนี้ มู่หรงไห่เถิงจึงตัดสินใจถามออกมา
หากเป็นวิหคลึกล้ำสีชาดขึ้นมาจริงจะเป็นอย่างไร?
เหยาซือหยานสับสนไปคณู่ นางไม่เข้าใจว่าไฉนจึงเอ่ยคำถามนี้ออกมา
กระนั้นก็ยังตอบรับ “แข็งแกร่งพอสมควร น่าจะขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่สาม”
ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่สาม...
มู่หรงไห่เถิงได้แต่เผยยิ้มขื่นขม
คล้ายว่าที่นำกลับมาจะเป็นวิหคลึกล้ำสีชาดแล้ว
ทว่านางได้แต่เงียบงันเอาไว้
แม้ทราบว่าวิหคลึกล้ำสีชาดเป็นตัวเมีย แต่นี่ก็ยังไม่น่าจะถึงเวลาวางไข่กระมัง?
แน่นอนว่าคำถามนี้คงได้แต่คิดอยู่ภายใน...
“ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่สาม พูดออกมาได้!”
“เป็นแค่เสมียนประจำร้านแต่กล่าวคำเหล่านี้ออกมาได้...”
ได้ยินคำของเหยาซือหยาน กลุ่มศิษย์ที่มาเยือนเป็นครั้งแรกต่างต้องกระซิบกันเอง
ท่าทีพวกเขาต่อเหยาซือหยานแปรเปลี่ยน
แม้นางงดงาม ทว่าตัวตนนั้นก็แค่เสมียนประจำร้าน
กระทั่งมองอีกฝ่ายไม่ใช่คน!
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางทราบกำลังของเหยาซือหยาน ทว่าทั้งสองไม่กล่าวคำใดออก
ทั้งสองรู้สึกขบขันยามได้พบเห็นท่าทีของสหายร่วมชั้นเรียน
มู่หรงไห่เถิงไม่ได้กล่าวอะไรเช่นกัน
ในความเห็นนาง บางทีอาจเป็นโอกาสดีที่ศิษย์ชั้นแนวหน้าเหล่านี้จะได้ทราบโลกของผู้ฝึกตน
เหยาซือหยานไม่เก็บคำมาใส่ใจ นางหันมองเหล่าศิษย์พร้อมเผยยิ้ม “ทำข้าสงสัย ว่าทางตระกูลพวกเจ้าได้สอนถึงความเป็นจริงหรือไม่”
“ว่าอะไร?”
“อย่าได้ปรามาสผู้อื่น”
นิ้วของนางยาวเหยียดออกพร้อมชี้นิ้วบางออกมา
ที่ปลายนิ้ว ห้วงมิติกำลังพังทลาย
รูสีดำกำลังปรากฏขึ้นกลางห้วงอากาศ
ลั่วฉวนมองทางเหยาซือหยาน
แต่ด้วยเป็นเสมียนประจำร้าน ผ่อนปรนกฎให้หน่อยก็แล้วกัน
อย่างไรแล้วข้าวผัดไข่นี้ก็อร่อย ทว่าค่อนข้างแห้งไปบ้าง
ลั่วฉวนจึงเดินไปหยิบโคล่ามาดื่ม
อึก อึก...
ฮ่า!
ชื่นใจ!
“หือ!”
เหล่าศิษย์ต่างเผยดวงตาเบิกกว้างจับจ้องปลายนิ้วเหยาซือหยานด้วยอาการตื่นตะลึง
ที่พวกเขาได้เห็นคืออะไร?
ปลายนิ้วถึงกับฉีกกระชากมิติได้โดยตรง?!
กระทั่งเป็นคนธรรมดายังทราบ ว่าขอบเขตทดสอบเต๋ายังทำไม่ได้
ขณะนี้ เหยาซือหยานในใจกลุ่มศิษย์เหล่านี้ต้องแปรเปลี่ยน อีกฝ่ายคือผู้เหนือล้ำยิ่งกว่ามู่หรงไห่เถิง
“ยังคิดว่าข้าพูดกล่าวเกินจริงหรือไม่?”
ด้วยรูสีดำในห้วงอากาศเลือนหาย เหยาซือหยานค่อยเผยรอยยิ้มแก่ผู้อื่น
หากเป็นนางก่อนหน้าคงไม่จบที่การกระทำเพียงเท่านี้
กล้าสงสัยงั้นหรือ? เช่นนั้นตาย!
ทว่าด้วยอยู่ร้านต้นตำรับมานาน เหยาซือหยานค่อยทราบว่าขณะนี้ภายในใจของนางได้แปรเปลี่ยนอย่างมหาศาล
ผู้คนต่างส่ายศีรษะรัวเร็ว ความสงสัยในสายตาพวกเขาเลือนหายหมดสิ้น
พร้อมกันนี้ ร้านต้นตำรับในใจพวกเขาจึงปรากฏคำอย่าได้ลองดีอย่างเด่นชัด
ล้อกันเล่นหรือ เสมียนร้านแข็งแกร่งเพียงนี้ อย่างนั้นเถ้าแก่เล่า?
“เดี๋ยว พอคิดดูแล้ว วิหคลึกล้ำสีชาดที่พวกเราขี่มาก็ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่ส่ามไม่ใช่หรือ?”
“หรือก็คือ วิหคน้อยที่นางกล่าวถึงนั้น...”
บางคนเริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวผิดคาดแล้ว
รับชมเหยาซือหยาน สายตาพวกเขาต่างตื่นตะลึง
วิหคลึกล้ำสีชาดที่ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่สาม นางถึงกับเรียกหาเป็นวิหคน้อย
ยิ่งใหญ่เกินไป อย่าได้ล่วงเกิน...
เพียงครู่เดียว กลุ่มศิษย์เหล่านี้จึงค่อยกลับมาสำราญกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
พร้อมกันนี้ลั่วฉวนและเหยาซือหยานยังร่วมรับประทานข้าวผัดไข่ต่อไปอย่างไม่สนสายตาผู้อื่น
จัดการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเรียบร้อย กลุ่มศิษย์กว่าสิบคนจึงมองกันเอง บรรยากาศขณะนี้คล้ายผิดแผกไป
“กล่าวไปแล้วที่นั่งเล่นมีเพียงสิบ จะแบ่งกันอย่างไร?”
กู่หยุนซีต้องขมวดคิ้วยามรับชมสหายร่วมชั้นเรียน
ปัญหานี้นางเคยตระหนักมาก่อน ขณะนี้ต้องเผชิญหน้าเสียแล้ว