บทที่ 26 สุนัขดินยามเฝ้าสมบัติ
บทที่ 26 สุนัขดินยามเฝ้าสมบัติ
(สุนัขดิน เป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองของจีน มีสีเหลืองเหมือนดิน จึงถูกเรียกว่าสุนัขดิน)
มีเสียงกรีดร้องดังมาจากถนนด้านหลังสนามเทนนิส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสียงกรีดร้องก่อนตายของมนุษย์
บางครั้งก็มีเสียงการต่อสู้อย่างรุนแรงเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ช่วงสั้นๆ คนทั้งห้าในสนามเทนนิสตกอยู่ในบรรยากาศแปลกๆ ช่วยไม่ได้ก็นี่มันวันสิ้นโลกนี่นา
ชายทั้งสาม ยกเว้นตำรวจหญิงต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย
เย่จงหมิงเป็นชายหนุ่ม หน้าตาดูดี ดวงตาแจ่มใส ทำให้ใครก็ตามที่ได้พบเห็นเกิดความประทับใจแรกที่ดี แต่เลือดบนตัวของเขาทำให้ เขาดูน่ากลัว และมีดนั่นก็ดูแปลกๆ มันดูเหมือนจะเปล่งแสงออกมาได้
ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ภายในห้องโถงของสนามเทนนิสเงียบสงบและว่างเปล่า ส่วนข้างนอกนั่นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดกินคน เมื่อจู่ๆ มีคนแปลกหน้าโผล่เข้ามา ไม่ว่าใครก็ต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้กันทั้งนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม้ว่าโลกจะเกิดความวุ่นวายได้เพียงครึ่งวัน แต่สิ่งที่ผู้หลบหนีพบเห็นมากที่สุดก็คือ… สันดานมนุษย์
พวกเขาไม่อาจรับประกันได้ว่า คนที่โผล่มาอย่างกะทันหันเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาหรือไม่ บางทีการป้องกันนี้อาจไม่ถูกต้องนัก แต่แนวคิดเรื่อง ‘คนๆ นี้เป็นความเสี่ยง’ ได้เกิดขึ้นในจิตใต้สำนึกของทุกคนแล้ว
“ก็เห็นอยู่ว่าพวกคุณมีปืน แค่นั้นมันคงพอจะรับประกันความปลอดภัยให้พวกคุณได้แล้วกระมัง ถ้าพวกคุณตกลงผมจะเป็นคนนำหน้ายอมรับความเสี่ยงเอง แล้วพวกคุณยังต้องกังวลอะไรอีก?”
เย่จงหมิงผายมือออก ขณะพูดประโยคเหล่านั้น
ทั้งสี่คนเพิ่งสูญเสียสหายร่วมทางไป ถึงแม้ตำรวจหญิงจะมีปืน แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตอนนี้กลับมีคนเสนอตัวขอเผชิญหน้ากับอันตรายเอง มันช่างเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก
แน่นอนว่ามันย่อมมาจากความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาต่อสิ่งลึกลับภายในห้องอาบน้ำของคนเหล่านี้
หลังจากการโจมตีเพียงไม่กี่นาทีที่ทำให้โลกเปลี่ยนไป ผู้รอดชีวิตมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เชื่อว่าจะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น
ความจริงสิ่งมหัศจรรย์ที่ว่านั้น มันยังอยู่ภายในห้องอาบน้ำนี้
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายสามคนนั้นเห็นด้วย แต่ผู้หญิงที่เป็นตำรวจยังคงลังเลอยู่ อาจเป็นเพราะอาชีพของเธอที่ทำให้สัญชาตญาณของเธอแจ้งเตือนให้ระวังเย่จงหมิง
“พวกคุณตายไปแล้วคนนึง มันเป็นเพราะหมาบ้านั่นไม่ใช่เหรอ ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมคิดว่ามีดของผมน่าจะใช้ง่ายกว่าปืนในมือคุณนะ”
ขณะที่พูดเย่จงหมิงยังคงจับตาอยู่ที่ปืนในมือตำรวจหญิง และความรู้สึกถึงอันตรายก็ไม่ได้ลดลงเลย
เย่จงหมิงไม่คาดคิดว่าจะมาเจอเข้ากับเรื่องแบบนี้ ปืนในมือของตำรวจหญิงคนนี้กดดันเขามากจริงๆ
“เอาล่ะ เตรียมมีดแล้วเดินมาช้าๆ”
ตำรวจหญิงลังเลอยู่สักครู่ แต่ท้ายที่สุดก็ยินยอมตามข้อเสนอ
เย่จงหมิงพยักหน้าตอบรับ แล้วเดินช้าๆ ไปที่หน้าประตูห้องอาบน้ำ หันหลังให้กับคนทั้งสี่
“คุณ นั่นมีดอะไรอ่ะ?
ในที่สุดชายที่มีจมูกโตที่สุดในกลุ่มก็หยุดถามเกี่ยวกับมีดประหลาดที่ดูเหมือนจะมีแสงเป็นประกายในตัวเอง
“มีดใช้ฆ่า”
พอได้ยินคำตอบของเย่จงหมิง สี่คนทางด้านหลังก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ขณะที่เดินผ่านคนทั้งสี่ไป ในใจของเย่จงหมิงมีร่องรอยของการเข่นฆ่า เขาสามารถฆ่าคนเหล่านี้ได้ งั้นก็จัดการซะข้างในเลยก็แล้วกัน
แต่ความจริงเย่จงหมิงก็ไม่มั่นใจนัก เพราะตำรวจหญิงคนนั้น เห็นได้ชัดว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพ ถึงแม้ว่ามนุษย์ธรรมดาอาจไม่มีความสามารถเทียบเท่าผู้วิวัฒนาการระดับ 1 ดาว แต่ทักษะการต่อสู้และการยิงปืนของเธอเทียบเท่ากับเย่จงหมิงแน่ๆ หากรีบร้อนจู่โจมไปก็ไม่แน่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ แม้ว่าเย่จงหมิงจะอยู่ในช่วงเวลาแห่งวันโลกาวินาศมาถึง 10 ปี แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเพชฌฆาตเลือดเย็นที่สามารถเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้โดยไร้ซึ่งเหตุผล เพราะว่าลึกๆ ในใจเขายังเป็นมนุษย์และมีลิมิตในการกระทำของตน
ที่เขาตอบไปแบบนั้นก็เพื่อเตือนคนเหล่านี้ แต่พวกเขาจะเข้าใจหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของพวกเขา
ความโลภของมนุษย์มักเกิดขึ้นเมื่ออันตรายหายไป หากทุกอย่างจบลงแล้วคนเหล่านี้ต้องการชิงกุญแจลับ เย่จงหมิงก็ไม่รังเกียจที่จะส่งพวกเขาไปยมโลก
พูดตรงๆ เย่จงหมิงไม่ได้ใส่ใจตำรวจหญิงนัก เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปแง้มประตูห้องอาบน้ำ
มีแอ่งเลือดบนพื้นและมีรอยเลือดจำนวนมากสาดกระจายอยู่บนผนัง ฉากที่เห็นรบกวนจิตใจของคนที่กำลังส่องไฟฉายโทรศัพท์อยู่ทางด้านหลังจนถึงกับหยุดชะงัก
เมื่อประตูถูกเปิดกว้าง พวกเขาก็ได้เห็นศพร่างกายบิดเบี้ยวจากความหวาดกลัวต่อความตายอย่างรุนแรงอยู่ท่ามกลางแอ่งเลือด
มีเสียงคำรามต่ำๆ อย่างต่อเนื่อง เย่จงหมิงมองไปตามเสียงนั้นทันที แล้วเขาก็ได้พบกับสุนัขดินกำลังโก่งตัวแยกเขี้ยวเตรียมจู่โจมอยู่ทางด้านหน้า
“มันนี่แหละ! ไอ้หมาบ้า! ที่ฆ่าน้องชายของผม!”
พอเห็นสุนัขสีเหลืองเตรียมพร้อมที่จะกระโจนเข้าจู่โจม ชายทั้งสามที่อยู่ทางด้านหลังก็แตกตื่นขึ้นมาทันที บางคนก็กลัวจนถอยกรูดไปทางด้านหลัง บางคนก็รีบไปหลบซ่อนอยู่ข้างประตู และมีบางคนที่รีบไปหลบอยู่ด้านหลังของตำรวจหญิง นี่ทำให้ตำรวจหญิงซึ่งควรจะเป็นผู้เดินปิดท้ายกลายมาเป็นคนที่อยู่ถัดจากเย่จงหมิงไปในทันที
แต่ตอนนี้เย่จงหมิงไม่ได้สนใจพวกเขา สายตาของเขาถูกดึงดูดไว้โดยของสิ่งหนึ่งที่มีแสงสีเงินที่อยู่ตรงมุมห้องด้านหลังของสุนัข
กุญแจลับ!
ถึงเย่จงหมิงจะไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน แต่เมื่อได้เห็นแสงสีเงินเขาก็แน่ใจว่าสิ่งนี้แหล่ะคือกุญแจลับ!
ภายใต้กลุ่มแสงสีเงินมีวัตถุรูปร่างเป็นแถบยาวๆ อยู่ในนั้น หัวใจของเย่จงหมิงเต้นเร็วขึ้น
เย่จงหมิงต่อต้านกับความปรารถนาที่จะเข้าไปคว้ามันมา
เพราะเขารู้ว่าต้องแก้ปัญหาเรื่องเจ้าหมาสีเหลืองตัวนี้ให้ได้เสียก่อน อย่างไรก็ตามสำหรับเขาแล้วสุนัขสีเหลืองพันธุ์พื้นเมืองธรรมดาที่ยังไม่ได้กลายพันธุ์ไม่มีภัยคุกคามใดๆ ต่อเขาแม้แต่น้อย
แต่พอสังเกตดูใกล้ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
เจ้าตัวนี้ควรจะเป็นสุนัขพันธุ์จีน ที่เรียกกันว่าสุนัขดิน แต่ตัวของมันกลับใหญ่กว่าสุนัขดินทั่วไป ขาทั้งสี่ก็เริ่มจะแข็งแรงขึ้น เขี้ยวแหลมคมขึ้น และดวงตาก็กลายเป็นสีเลือด สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณของการกลายพันธุ์
แต่เหตุผลที่ทำให้เย่จงหมิงรู้สึกแปลกๆ ก็คือ เขารู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าสุนัขดินตัวนี้
เจ้าเหลืองตัวนี้ดูเหมือน…
ขณะที่เย่จงหมิงจ้องมองดูสุนัขดิน เจ้าสุนัขดินก็จ้องมองดูเย่จงหมิงด้วยเช่นกัน เย่จงหมิงตื่นตัวเตรียมการตั้งรับการจู่โจมอย่างรุนแรงของมัน แต่จู่ๆ มันก็ร้องออกมาสองครั้ง เขามองมันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
สุนัขดินยืดตัวยืนขึ้น การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันนี้ทำให้ทั้งสี่คนที่อยู่ทางด้านหลังของเย่จงหมิงตื่นตระหนกอีกครั้ง แต่เย่จงหมิงยกมือขึ้นหยุดไม่ให้พวกเขาขยับ
สุนัขดินค่อยๆ เดินมาหาเย่จงหมิง เมื่อเห็นว่ามนุษย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้ายืนนิ่งๆ ไม่ได้ขยับ มันก้มลงดมที่ขาของเขา แล้วก็เริ่มส่ายหางเร็วๆ หัวใหญ่ๆ เริ่มถูไปมาบนขาของเย่จงหมิง!