ตอนที่ 207 ในที่สุดก็จบลง
ตอนที่ 207 ในที่สุดก็จบลง
เมื่อมู่อี้ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสโม่ก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่สักพัก บรรยากาศของที่นี่กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
จนกระทั่งหลังจากนั้นมู่อี้ก็พูดขึ้นมาว่า "ท่านบอกมาว่าหลี่เฉียจื่ออยู่ที่ใด แล้วข้าจะมอบตราหยกให้กับท่าน"
แม้ว่ามู่อี้อยากจะรู้ความลับของทัณฑ์สวรรค์สาปแต่ถ้าหากเทียบกันแล้วท่านปู่สำคัญสำหรับเขามากกว่า ในฐานะลูกศิษย์หลังจากที่ท่านปู่เสียชีวิตไป ศพก็ถูกทำให้กลายเป็นผีดิบทันที นี่ทำให้มู่อี้รู้สึกไม่พอใจจริงๆ แต่ในเมื่อท่านปู่เคยเป็นผู้ดูแลธงวิหคเพลิงเช่นนั้นแล้วกลุ่มทูตแห่งซวนหมิงจะไม่ทำอะไรหน่อยเลยหรือ? พวกเขาจะไม่ช่วยเรื่องการตามหาศพของท่านปู่กลับมาเลยหรือ?
ในเมื่ออีกฝ่ายจับตามองเขามานานขนาดนี้ เช่นนั้นแล้วมู่อี้ก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับท่านปู่ของเขา แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้ช่วยเหลือเขาเลย นี่ทำให้มู่อี้ไร้ซึ่งความประทับใจใดๆกับสิ่งที่เรียกว่ากลุ่มทูตแห่งซวนหมิง นอกจากนี้ในความคิดของเขานั้นธงวิหคเพลิงนับว่าเป็นของร้อนรับเอาไว้ในมือก็ลวกมือเสียเปล่าๆและเขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย
เมื่อมู่อี้คิดเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาก็พบว่าถ้าหากศพของท่านปู่ไม่ได้โดนแย่งชิงไปเขาก็คงอาศัยอยู่ในภูเขาฟุเนียวอย่าเงียบสงบต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าโลกนี้จะถูกแบ่งแยกหรือเกิดความโกลาหลใดๆก็ตามมันจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย
"แม้ว่าเจ้าไม่มอบตราหยกมา ข้าก็จะบอกเจ้าเรื่องของหลี่เฉียจื่ออยู่แล้ว น่าเสียดายถ้าหากท่านอาจารย์ของเจ้าไม่ได้สั่งให้พวกเราห้ามเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ คิดหรือว่าหลี่เฉียจื่อช่วงชิงศพอาจารย์ของเจ้าไปได้?" ผู้อาวุโสโม่ถอนหายใจออกมา เขาเองก็เห็นถึงความไม่พอใจของมู่อี้ในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
"แต่เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมอาจารย์ของเจ้าถึงไม่ยอมให้พวกเราเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้?" ผู้อาวุโสโม่ถามขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อผู้อาวุโสโม่อธิบาย มู่อี้ก็เข้าใจความคิดของท่านปู่ทันที ที่ท่านปู่ทำแบบนี้ก็เพื่อต้องการฝึกฝนเขาอย่างนั้นหรือ? น่าเสียดายที่มันเป็นแผนการที่วางเอาไว้ตายตัวไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้แต่นักพรตเต๋าเฒ่าเองก็คงไม่คิดหรอกว่ามู่อี้จะมีพัฒนาการที่รวดเร็วขนาดนี้ ซึ่งทำให้แผนการที่เขาวางเอาไว้มีช่องโหว่มากมาย
บางทีตามแผนการที่นักพรตเต๋าเฒ่าวางเอาไว้นั้น ในระหว่างที่เขาตามไล่ล่าหลี่เฉียจื่อเขาก็จะได้รับประสบการณ์มากมายและพลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งถึงระดับที่น่าพึงพอใจ เมื่อเสียชีวิตไปแล้วร่างกายของมนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรไปจากผิวหนังที่ใส่ของเน่าเสียเอาไว้ภายในเท่านั้น พลังชี่ในร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวอีกต่อไป แต่ไม่ว่าอย่างไรแผนการของเขาก็ทำให้มู่อี้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้ใช่ไหม?
มู่อี้ยอมรับว่าเหตุผลที่เขาฝึกฝนอย่างหนักก็เพราะเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้
ท่านปู่อาจจะไม่สนใจว่าศพของตนเองจะถูกกระทำอย่างไรบ้าง แต่สำหรับเขาแล้วนี่คือเรื่องที่ยอมไม่ได้เพราะท่านปู่คือคนที่ใกล้ชิดที่สุดของเขา
"เขาก็คือเขา ข้าก็คือข้า" มู่อี้พูดออกมาอย่างเย็นชาและจากนั้นเขาก็โยนตราหยกให้กับผู้อาวุโสโม่
ผู้อาวุโสโม่ไม่ได้รับตราหยกมาและสีหน้าของเขามีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เขาไม่คิดว่ามู่อี้จะเด็ดขาดขนาดนี้แม้จะได้รู้ความจริงแล้วก็ตาม เขามองไปที่มู่อี้และอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
"ข้าผิดไปแล้วจริงๆ"
ผู้อาวุโสโม่พูดกับตัวเองในใจ เดิมทีในความเห็นของเขานั้นมู่อี้ย่อมต้องตกลงรับตำแหน่งแน่นอนหลังจากที่ได้ทราบความปรารถนาของท่านอาจารย์ของตนเองหรือไม่ก็อาจจะใช้เวลาเตรียมตัวอีกเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะยังอายุน้อยและอ่อนแอไปหน่อย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขายังเติบโตได้ไม่มีที่สิ้นสุดในอนาคตข้างหน้า
เมื่อมองไปที่มู่อี้นั้น ผู้อาวุโสโม่เห็นความหวัง เขารู้ดีว่าท่านปู่นักพรตเต๋าเฒ่าคาดหวังกับมู่อี้มากเพียงใด ถ้าหากนักพรตเต๋าเฒ่าไม่พามู่อี้เดินทางไปยังที่ต่างๆเป็นเวลา 8 ปีเต็มแต่หาสถานที่ที่เงียบสงบและพักผ่อน เขาก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปได้อย่างน้อย 10 ปี
แต่เขากลับยกชีวิตที่เหลืออยู่ 10 ปีของตนเองให้กับมู่อี้ นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเหมือนกับมู่อี้ที่คิดว่านักพรตเต๋าเฒ่าคือคนที่ใกล้ชิดที่สุดของตนเอง นักพรตเต๋าเฒ่าก็มีความรู้สึกเช่นนี้กับมู่อี้เหมือนกัน
"เอาล่ะ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีข่าวคราวใดๆของหลี่เฉียจื่อมาสักพักแล้ว แต่เขาจะต้องปรากฏตัวในย่านเมืองเก่าของเมืองเซียงซีในวันที่ 5 ของเดือนพฤษภาคมอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าแค่ไปดักรอแล้วเจ้าจะได้พบกับหลี่เฉียจื่อ" ผู้อาวุโสโม่ตอบกลับมา
"วันที่ 5 ของเดือนพฤษภาคม? เมืองเซียงซี ย่านเมืองเก่า?" มู่อี้จดจำสถานที่และเวลาจากนั้นก็กล่าวขอบคุณผู้อาวุโสโม่ "ขอบคุณท่านมากที่บอกเรื่องนี้กับข้า"
หลังจากพูดจบมู่อี้ก็เดินออกไปจากที่นี่โดยไม่สนใจใยดี แต่อีก 2 คนที่เหลือก็ไม่ได้เดินตามเขาออกมา
จนกระทั่งมู่อี้ออกไปจากที่นี่แล้ว ผู้อาวุโสโม่ก็พูดขึ้นมาว่า "ข้ารู้ดีว่าคนอย่างเขาแม้จะรู้ความจริงแล้ว ก็อาจไม่ยอมรับเรื่องราวเหล่านี้ได้"
"ผู้อาวุโสโม่ ท่านคิดมากไปแล้ว ใครบ้างจะทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคตได้? บางครั้งอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะ เอาล่ะ วันนี้ข้าเหนื่อยมากแล้วขอตัวกลับไปอาบน้ำก่อน" เมื่อเหลิงหยู่พูดจบเขาก็หายตัวไปช้าๆ
เหลือเพียงผู้อาวุโสโม่เท่านั้นที่ยังอยู่ในสุสานแห่งนี้ เขาก้มลงมองตราหยกที่อยู่ในมือของตนเอง แต่สีหน้าของเขาไม่มีความประหลาดใจใดๆ
"พี่ชาย ท่านคิดว่ามันคุ้มค่าแล้วงั้นหรือ?" ท้ายที่สุดผู้อาวุโสโม่ก็ถอนหายใจออกมาและออกไปจากที่นี่
สุสานศพไร้ญาติแห่งนี้กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง แต่เปลวไฟที่ถูกจุดเอาไว้ก่อนหน้านี้ยังไม่ดับไปและบางครั้งก็จะส่งเสียงออกมาเบาๆ
ทันใดนั้นสายลมที่รุนแรงก็พัดเข้ามาในสุสานแห่งนี้จนทำให้เปลวไฟดับไปทันที เหลือเพียงเศษขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาเงินกระดาษของมู่อี้เท่านั้นที่ลอยไปมา จากนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ร่างนั้นปรากฏตัวออกมาท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยดวงวิญญาณมากมายในสุสานแห่งนี้
"ฮี่ ฮี่"
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาทันที
ดวงวิญญาณที่ลอยอยู่ในอากาศก็รีบหนีไปด้วยความตกใจ พวกมันกลับเข้าไปในส่วนลึกของสุสานอีกครั้ง
น่าเสียดายที่ความเร็วของดวงวิญญาณนั้นถือว่าช้าเกินไปหน่อย มือหยกเอื้อมออกมาคว้าดวงวิญญาณดวงหนึ่งเอาไว้ "ข้าต้องตอบแทนความดีของผู้ที่เผาเงินกระดาษครั้งนี้ด้วยหรือไม่? แต่ค่าตัวของข้าก็ไม่ได้ถูกขนาดนี้เสียหน่อย"
เมื่อมีเสียงพูดดังขึ้นมามือหยกข้างนั้นก็ออกแรงบีบทันที ดวงวิญญาณที่อยู่ในมือก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมา ทันใดนั้นทั่วทั้งสุสานศพไร้ญาติแห่งนี้ก็มีเสียงมากมายดังขึ้นมาและดวงวิญญาณนับร้อยดวงก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
"หนวกหู!"
น้ำเสียงที่โหดเหี้ยมดังขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ทั่วทั้งสุสานแห่งนี้กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง จากนั้นมือหยกก็ดึงกลับมาใกล้ตัวและดวงวิญญาณที่อยู่ในมือก็ไม่มีการดิ้นรนต่อไปและยอมให้ถูกกุมไว้ในฝ่ามือหยก
"ไม่เลวเลยนี่นา ในเมื่อเจ้ารับเงินกระดาษของเขาแล้วเจ้าก็ต้องตอบแทนเขากลับไปด้วยเช่นกัน" หลังจากพูดจบเจ้าของมือหยกก็หายตัวไปทันที ขี้เถ้าของเงินกระดาษที่ถูกเผาไหม้ยังคงลอยไปมากลางอากาศราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่
หลังจากนั้นครู่หนึ่งดวงวิญญาณมากมายถึงกล้าออกมาจากส่วนลึกของสุสานอีกครั้ง ถ้าหากมีใครผ่านเข้ามาที่นี่คงเห็นได้ว่าสุสานศพไร้ญาติแห่งนี้ดูวุ่นวายโกลาหลอย่างยิ่ง
หลังจากเดินออกไปได้สักระยะหนึ่งทันใดนั้นผู้อาวุโสโม่ก็หันกลับมาและมองไปที่สุสานศพไร้ญาติอีกครั้ง แม้จะรู้สึกได้แต่เขาก็ส่ายศีรษะ "ผู้ดูแลธงผู้นี้ยังเด็กนัก"
ส่วนมู่อี้นั้นก็ไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย เขากลับไปที่บ้านของตนเองและเห็นโม่เสี่ยวหยูกำลังจ้องมองมาที่เขาพร้อมกับต้าหนิว
"นายท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ" หลังจากได้เห็นมู่อี้ โม่เสี่ยวหยูก็รีบลุกขึ้นมาจากพื้นและมองมาที่มู่อี้ด้วยสีหน้าที่มีอารมณ์มากมายอยู่ภายในนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาแต่ทุกๆคนก็เข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดี
"เจ้ากลับไปที่บ้านของตัวเองได้แล้ว" มู่อี้พูดออกมาในขณะที่จ้องมองโม่เสี่ยวหยู
"กลับบ้าน?" โม่เสี่ยวหยูรู้สึกตกตะลึงจากนั้นก็ถามกลับมาว่า "นายท่าน ท่านหมายความว่าท่านเจ้าของร้านกลับมาแล้วหรือขอรับ?"
"เขาอาจจะรอให้เจ้ากลับไปที่นั่นอยู่" มู่อี้พยักหน้า
"ขอบคุณมากขอรับ" โม่เสี่ยวหยูกระโดดขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินข่าวดี จากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อเขาวิ่งไปถึงประตูเขาก็หยุดวิ่งและหันกลับมาโค้งคำนับมู่อี้อีกครั้ง "นายท่าน ข้ารู้ว่าต้องเป็นท่านแน่นอนที่ช่วยเหลือท่านเจ้าของร้านของข้าเอาไว้ เพียงแค่คำขอบคุณไม่สามารถตอบแทนสิ่งที่ท่านทำลงไปได้ ในอนาคตถ้าหากมีเรื่องใดที่โม่เสี่ยวหยูคนนี้สามารถช่วยท่านได้ ท่านก็จงบอกมาเลย ข้าจะไม่ปฏิเสธแน่นอน"
แม้ว่าโม่เสี่ยวหยูจะไม่รู้ว่าความจริงมันเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ ในทางกลับกันเขาทราบข้อมูลต่างๆได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ 2 วันก่อนเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าท่านเจ้าของร้านของเขาจะกลับมาอีกไม่นาน ในความคิดของเขานั้นต้องเป็นมู่อี้แน่นอนที่เป็นคนช่วยเหลือท่านเจ้าของร้าน
"เจ้ารีบกลับไปเถอะ" มู่อี้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย สำหรับคำพูดของโม่เสี่ยวหยูนั้นเขาไม่ได้เก็บเอาไว้ในใจ อย่างน้อยด้วยพลังของโม่เสี่ยวหยูในตอนนี้ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย
"ขอบคุณและลาก่อนขอรับ" โม่เสี่ยวหยูพยักหน้าและรีบออกไปทันที
หลังจากเห็นว่าโม่เสี่ยวหยูออกไปแล้ว มู่อี้ก็ส่ายศีรษะเบาๆ ความจริงแล้วเรื่องนี้เขาไม่โทษผู้อาวุโสโม่เลยและอีกฝ่ายก็เลยบอกข้อมูลของหลี่เฉียจื่อให้เขาได้ทราบแล้ว แต่ในตอนนี้ยังเหลือเวลาอีก 2 เดือนก่อนจะถึงวันที่ 5 ของเดือนพฤษภาคม เวลาเท่านี้มากพอที่ทำให้เขาเดินทางไปยังเมืองเซียงซีอย่างไม่รีบร้อนได้
ในขณะที่เขาถอนหายใจออกมานั้นเขาก็รู้สึกว่าตนเองเสียพลังงานไปมาก แต่สิ่งที่เขาทำไปก็ไม่ถือว่าสูญเปล่าเสียทีเดียว อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าหลี่เฉียจื่อจะปรากฏตัวขึ้นที่ย่านเมืองเก่าของเมืองเซียงซีในวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม การเตรียมการในเมืองลั่วหยางไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ลุงหลานตระกูลเซี่ยก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาอีกต่อไป
แน่นอนว่ามู่อี้ย่อมไม่มีทางพูดกับอีกฝ่ายตรงๆแบบนี้ เพราะทั้งลุงหลานตระกูลเซี่ยและฉงเจียอี่ย่อมมีประโยชน์สำหรับเขาในอนาคต
ส่วนตอนนี้มู่อี้ไม่รู้ว่าเขาควรทำอะไรก่อนดี หรือว่าเขาจะเตรียมข้าวของและออกเดินทางไปจากที่นี่ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ดี?
มู่อี้ส่ายศีรษะ นอกจากเวลายังเหลือเฟือแล้วเขายังรู้สึกเสมอว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองฉางโจว ดังนั้นมู่อี้จึงตัดสินใจอยู่ที่นี่ไปอีกสักระยะหนึ่ง ลึกๆในจิตใจของเขานั้นเขายังสงสัยเรื่องทัณฑ์สวรรค์สาปอยู่ดี เขารู้สึกสนใจความลับที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ แม้ว่าตราหยกยังไม่ได้อยู่ที่เขาอีกแล้วแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าความอยากรู้ของเขาจะหายไปด้วย
คำสาปของโลกใบนี้ ความเศร้าและความสุข ชีวิตและความตาย ความเกลียดชังและการลาจาก
ในขณะที่มู่อี้กำลังทำสมาธิอยู่นั้น เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ปรากฏตัวออกมาจากต้นไผ่แห่งชีวิตและตรงเข้ามาที่โต๊ะทันที
"พี่ชาย ท่านคิดถึงท่านปู่หรอ?" เนี่ยนหนิวเอ้อร์ถามด้วยความปรารถนาดี
"อื้ม ข้าไม่รู้ว่าท่านปู่เป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้" มู่อี้ส่ายศีรษะเล็กน้อย เขาไม่เคยเข้าใจความปรารถนาดีของท่านปู่เลย แต่ถ้าหากไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบใดๆ ย้อนกลับไปตอนนั้นแม้แต่กลุ่มทูตแห่งซวนหมิงก็ยังล่มสลาย แล้วจะมีประโยชน์อะไรกันถ้าหากเขาได้รับตำแหน่งเป็นผู้ดูแลธงวิหคเพลิง?
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้การเข้ารับตำแหน่งนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับเขาเลย
แต่ท่านปู่ของเขาล่ะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้? ท่านปู่กลายเป็นผีดิบ ผิวหนังมีกลิ่นเหม็นเน่า แม้ว่าเขาจะไม่สนใจว่าตนเองจะเป็นเช่นไรแต่มู่อี้ก็ไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ได้
"ท่านปู่ แม้ว่าท่านจะบอกว่าอย่ายึดติดกับสิ่งใด แต่จำเป็นด้วยหรือที่ท่านต้องวางแผนการมากมายขนาดนี้" มู่อี้อดคิดถึงสิ่งที่ท่านปู่พูดกับเขาในตอนที่เดินทางไปยังที่ต่างๆขึ้นมาไม่ได้ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เคยทำร่วมกันกับท่านปู่ในตอนนั้น ทั้งเรื่องการหลอกลวงมากมาย เขาก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้