ตอนที่ 119-120
ตอนที่ 119 : ไม่มีอะไรหยุดมื้อเช้าได้
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ “ร้านต้นตำรับยินดีต้อนรับลูกค้าทุกเมื่อ”
ความหมายนี้ชัดเจน
มู่หรงไห่เถิงเผยท่าทียินดี “ขอบคุณเถ้าแก่!”
เมื่อกู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางได้ยินเช่นนี้ ทั้งสองจึงได้แต่ถอนหายใจอยู่ภายใน
ดูเหมือนว่าวันคืนหวานฉ่ำที่ร้านต้นตำรับต้องหยุดลงที่เท่านี้
กระนั้นทั้งสองก็ทราบดีว่ามันไม่อาจคงอยู่ได้ตลอด
แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความไม่สบายใจขึ้น
กล่าวลากับลั่วฉวนเรียบร้อย คนทั้งสี่จึงกลับไป
ไม่ช้า ระยะเวลาเล่นของปู้ฉืออี ปู้หลี่เกื๋อ และเจียงเฉิงจวินก็หมดลง
ช่วงบ่ายเป็นเวลาที่สองหน่วยทหารรับจ้างมาเยือน โจวหู่และเว่ยฉิงจู่ต่างมายังร้านทุกวี่วันเพื่อเล่นหอคอยแห่งการทดสอบ
เพียงพริบตา หนึ่งวันก็พ่านพ้นเงียบงันเช่นนี้
วันถัดมาช่วงเช้าตรู่
ลั่วฉวนลุกขึ้นมาล้างหน้า
และก็เหมือนดังเคย เดินลงบันได เปิดประตูร้าน ตระเตรียมไปซื้อมื้อเช้า
แสงตะวันยามเช้าสุกสว่างขนาดต้องหรี่ตารับชมภาพฉากที่ภายนอก
เมื่อดวงตาปรับแสงได้แล้ว ลั่วฉวนพลันต้องชะงักกับภาพที่เห็นหน้าร้าน
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางมารอคอยอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่” สตรีทั้งสองเผยยิ้มทักทาย
“ไฉนมาแต่เช้า?” ลั่วฉวนสับสนเล็กน้อย
ตามปกติ คนทั้งสองจะมาเยือนร้านก็ช่วงแปดถึงเก้านาฬิกา
ขณะนี้เพียงเพิ่งเจ็ดนาฬิกา
กู่หยุนซีถอนหายใจ “หากไม่มาแต่เช้า อย่างนั้นก็ไม่เหลือที่ให้เล่นแล้ว อาจารย์ไห่เถิงคิดนำคณะศิษย์มา ดังนั้นจึงมีหลายสิบ มาแต่เช้าย่อมได้สิทธิ์เล่นก่อน”
เจียงเหวิ่นฉางคิดไปครู่ก่อนจะเผยดวงตาที่ลุกโชน “เถ้าแก่พอจะเพิ่มจำนวนที่นั่งเล่นหอคอยแห่งการทดสอบได้หรือไม่? ไม่คิดหรือว่าสิบนี้ออกจะน้อยเกินไป?”
ลั่วฉวนจึงคิดตาม
“ส่งมอบภารกิจรอง ได้รับเงินผ่านหอคอยแห่งการทดสอบหนึ่งหมื่นผลึกวิญญาณ รางวัลคือเพิ่มจำนวนที่นั่งเล่นหอคอยแห่งการทดสอบเป็นยี่สิบที่นั่ง”
“ส่งมอบภารกิจรอง มีผู้เล่นหอคอยแห่งการทดสอบถึงสามสิบคน รางวัลคือโหมดใหม่ของหอคอยแห่งการทดสอบ”
ราวกับรู้เวลา เสียงของระบบดังในใจของลั่วฉวน
ดูเหมือนว่าภารกิจจากระบบก่อนหน้านี้ที่ให้หาหนึ่งล้านผลึกวิญญาณ จะถือว่าเป็นภารกิจหลัก
“ภายหน้าทางร้านจะเพิ่มจำนวนที่นั่ง” ลั่วฉวนกล่าวออก
“วิเศษ!”
เจียงเหวิ่นฉางและกู่หยุนซีค่อยเผยความยินดีออกมา
“แต่ตอนนี้ร้านยังไม่เปิด รอสักพักหนึ่ง ต้องทานมื้อเช้าก่อน”
ลั่วฉวนกล่าวคำจบจึงเดินออกจากตรอกไป
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ามื้อเช้า!
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางก็ได้รับการตอบรับเช่นเดียวกับที่จักรพรรดิเทียนชิงเคยโดน
และทั้งสองฝ่ายที่โดนต่างก็หัวเสียไม่ใช่น้อย
“เถ้าแก่ พูดเสร็จแล้วก็ไป...”
พบเห็นลั่วฉวนหายไปแล้ว กู่หยุนซีจึงไม่คิดเชื่อพร้อมพึมพำบ่น
“ไปแล้ว เถ้าแก่บอกจะไปซื้อมื้อเช้า...”
เจียงเหวิ่นฉางเกิดความสงสัยขึ้นมา
เถ้าแก่ออกไปแล้ว ทิ้งสองโฉมงามไว้หน้าร้านโดยตนไปซื้ออาหารเช้า กล่าวเช่นนี้มีผู้ใดเชื่อ?!
“เหมือนว่าพวกเราผิดเองที่มาเร็วเกินไป!”
กู่หยุนซีสูดลมหายใจเข้าลึก ทั้งร่างพยายามสงบสติอารมณ์
เพื่อมายังร้านต้นตำรับแต่เช้าตรู่ พวกนางกระทั่งยอมอดมื้อเช้า!
โครก...
เสียงอันไม่พึงประสงค์ดังจากท้องคนทั้งสอง
“หรือพวกเราควรไปหามื้อเช้าด้วย?” เจียงเหวิ่นฉางคิดอยู่ครู่จึงถามออก
“ช่างมัน” กู่หยุนซีถอนหายใจ “หากเถ้าแก่และอาจารย์มาเจอกันตอนพวกเรากินมื้อเช้าจะเป็นยังไง? ถึงตอนนั้นก็เสียเปล่าแล้ว!”
เจียงเหวิ่นฉางพยักหน้ารับ
นั่นคือสาเหตุที่พวกนางมาแต่เช้า
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางไม่คิดพูดคุยกันต่อ เพราะไม่เช่นนั้นจะยิ่งหิว
ทั้งสองจึงได้แต่ยืนเงียบงันหน้าประตูร้าน พร้อมอิ่มเอมไปกับสายลมเย็นโชยมาของยามรุ่งอรุณ...
ตอนที่ 120 : วิธีเดินทางประหลาดเกินไปแล้ว!
“อาจารย์ ร้านนั้นวิเศษดังที่กล่าวจริงหรือ?”
“เกมที่ช่วยเพิ่มพูนการฝึกฝน ดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลย!”
“ได้ยินว่าของอื่นในร้านก็น่าทึ่ง ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่...”
มู่หรงไห่เถิงกำลังเดินทางมาพร้อมศิษย์สี่คนจากสถาบันตามหลัง
เป็นสองชายและสองหญิง เหล่านี้เป็นหนุ่มสาวกะตือรือร้น
รายนามก็มีฮานหยาง เซียวเฉิง มู่อวี่โหรว และซูเทียนเฉวียน
สถานะคนเหล่านี้ไม่ด้อยไปกว่ากู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉาง
ทั้งสี่ต่างเผยสีหน้าตื่นเต้น
มู่หรงไห่เถิงเมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยม นางบอกกล่าวเหล่าศิษย์ว่าจะพาไปยังร้านอันแสนวิเศษแห่งหนึ่ง
เรื่องราวของร้านต้นตำรับ มู่หรงไห่เถิงเพียงกล่าวโดยคร่าว หาได้สาธยายอันใดมากความ
อย่างไรแล้วเถ้าแก่ก็ลึกลับเพียงนั้น ศิษย์เหล่านี้หากรู้มากไปคงไม่ใช่เรื่องดี
ศิษย์ของสถาบันวิญญาณเมฆาส่วนใหญ่เป็นตัวตนสูงศักดิ์ ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนใจร้านลึกลับที่มู่หรงไห่เถิงกล่าวสักเท่าใดนัก
บางคนกระทั่งแค่นเสียงใส่ด้วยซ้ำ
กับเมืองเล็กน้อยเช่นนครจิ่วเหยา ยังจะมีร้านวิเศษอันใด
เหล่านั้นล้วนแต่คิดว่าเรื่องราวนี้ชวนขบขัน
ท้ายที่สุด จึงเหลือเพียงสี่คนที่ตามมู่หรงไห่เถิงมา
ศิษย์ที่เหลือ มู่หรงไห่เถิงไม่ได้คิดบังคับให้มาแต่อย่างใด
โอกาสนั้นมอบให้แล้ว รับไว้หรือไม่ก็สุดแท้แล้วแต่
ส่วนทางด้านหยิงอู๋จี้ อีกฝ่ายวันนี้ไม่มาด้วย
เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องหอคอยแห่งการทดสอบ ในใจขณะนี้มีแต่รอคอยไวน์หยก
ระหว่างพูดคุยไปพลางหัวเราะ กลุ่มคนจึงค่อยมาถึงตรอกที่ตั้งร้านต้นตำรับ
“หยุนซี เหวิ่นฉาง ไฉนไม่เข้าไปในร้าน?”
รับชมคนทั้งสองยืนรอหน้าประตู มู่หรงไห่เถิงจึงถามด้วยความสงสัย
คนทั้งสี่ต่างเกิดความสงสัยขึ้นเช่นเดียวกัน
เมื่อได้เห็นมู่หรงไห่เถิงนำกลุ่มศิษย์มา กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางจึงค่อยรู้สึกว่าย่ำแย่
ทั้งหมดก็เพราะเถ้าแก่!
“เถ้าแก่บอกว่ายังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน ให้พวกเรารอที่นี่” กู่หยุนซีกล่าวบอก
“แล้วเถ้าแก่ไปไหนแล้ว?” มู่อวี่โหรวกล่าวถาม
มู่อวี่โหรว ชื่อหมายความถึงโอนอ่อน นิสัยค่อนข้างอ่อนโยนตามชื่อ
“ไปซื้อมื้อเช้า” เจียงเหวิ่นฉางตอบกลับอย่างอับจน
ผู้คนต่างเงียบงัน
“อย่างนั้นก็เลยรอที่นี่?” มู่หรงไห่เถิงยังต้องประหลาดใจ
เถ้าแก่ร้านแห่งนี้ออกจะเฉยชาเกินไปแล้ว!
มื้อเช้านั้นไม่ว่าอะไร แต่ปล่อยสองโฉมงามยืนรอหน้าประตูได้อย่างไร
ถูกต้องแล้ว เถ้าแก่ก็เป็นเช่นนี้
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางได้แต่พยักหน้ารับ
“รอสักประเดี๋ยวเถ้าแก่ก็กลับมา” มู่หรงไห่เถิงไม่ทราบว่าควรปลอบอย่างไร นางกล่าวได้เพียงเท่านี้
ก่อนจะทันสิ้นเสียง ความผันแปรทางพลังงานจึงปรากฏขึ้นภายในตรอก
มู่หรงไห่เถิงเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน “ระวังด้วย มาจากทางนั้น!”
ผู้คนตื่นตะลึงพร้อมถอยไปด้านหลัง
หากไม่แข็งแกร่งสูงกว่าขอบเขตจิตวิญญาณ อย่างนั้นก็ยากรับรู้ถึงพลังงานที่ผันแปร
แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางต่อต้านพลังงานเช่นนี้!
ด้วยสายตาตื่นตะลึงของกลุ่มคน รอยแยกมิติพลันปรากฏราวกระจกที่แตกออก
ท้ายที่สุดเส้นทางสีดำมืดจึงปรากฏขึ้น
ถัดจากนั้นจึงค่อยเผยตัวบุคคลก้าวเดินออกมา
เมื่อลั่วฉวนเดินออกจากเส้นทางมิติ เขาจึงได้เห็นคนทั้งเจ็ดเผยสีหน้าราวกับจ้องมองศัตรู
“ทำอะไรกัน?”
ลั่วฉวนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมถามออก
“เป็นเถ้าแก่...” มู่หรงไห่เถิงถอนหายใจโล่งอกยามได้ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“เถ้าแก่ร้านต้นตำรับ?”
“ยังเยาว์นัก ดูไม่ได้ร่างใหญ่กว่าพวกเราสักเท่าใด!”
“แต่ฉีกกระชากมิติเช่นนี้ อย่างน้อยก็ขอบเขตทดสอบเต๋า...”