บทที่ 181
ทางเดินถูกแหวกออกมาจากด้านหลังเจ้าสำนักคชสารธรณี ชายชราผู้หนึ่งผมยาวถึงกลางหลังมัดผมหางม้าสีดอกเดา สวมชุดสีม่วงขลิบเทาก้าวเดินออกมา หลายคนต่างก้มคารวะ
“คารวะผู้อาวุโสทังมู่”
แน่นอนว่าทั้งสามคนหาได้มีใครรู้จักว่าทังมู่ชายผู้นี้เป็นผู้ใด เนี่ยฟงเองจ้องมองชายชราทังมู่อย่างไม่วางตา ไม่ถึงสามลมหายใจชายชราทังมู่ก็เอ่ยวาจาออกมาอีกครั้งพร้อมกับจ้องมองเนี่ยฟง
“เจ้ารีบมอบชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์มาเสียเถอะ มันเป็นการดีที่ทุกคนผู้ใช้ชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่นี่จะได้ศึกษามัน อาจารย์ของเจ้าเองก็คงมีเจตตาที่ดีที่จะมอบให้ทุกคนได้ศึกษา”
“ต้องขออภัยขอรับชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่เห็นหาได้เป็นท่านอาจารย์ที่มอบให้ แต่เป็นข้าคิดค้นและศึกษาเองขอรับ”
“ผายลม เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันเจ้าเด็กน้อย บังอาจกล่าววาจาว่าเจ้าเป็นคนคิดค้นเอง รีบมอบชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ออกมาเถอะ”
เนี่ยฟงขมวดคิ้วทั้งสองขึ้น เป็นหยางเวยที่เอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง
“เหอะ เป็นถึงผู้อาวุโส เหตุใดจึงกล่าววาจาบีบบังคมเด็กน้อยเช่นพวกข้าเช่นนั้น ตัวท่านเองถูกใครหลายคนต่างกล่าวเรียกว่าผู้อาวุโส ทำไมท่านเองไม่คิดค้นชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ละขอรับ หากท่านอยากได้จริงๆ คงต้องกราบเพื่อนเสียแล้ว”
ผู้คนที่อยู่ในบริเวณต่างตื่นตกใจในสิ่งที่หยางเวยกล่าว ทังมู่เองกำหมัดในมือทั้งสองข้างแน่น หน้าตาแดงก่ำไปด้วยอารมณ์โกรธจ้องมองหยางเวยอย่างไม่วางตา หยางเวยเองก็หาได้หวาดกลัวจ้องมองกลับด้วยเช่นกัน เสี่ยวจูเอ่ยวาจาห้ามเสียก่อนที่เรื่องราวจะใหญ่โตยิ่งกว่าเดิม
“ต้องขออภัยท่านผู้อาวุโสทังมู่ ก่อนที่เจ้าสำนักจางหลิงจะเสียชีวิตหาได้มีการมอบสิ่งใดให้แก่คุณชายเนี่ยฟง เพราะเมื่อก่อนการปะทะเมื่อหนึ่งปีก่อนข้าและอาจารย์อยู่กับเจ้าสำนักจางหลิง ข้ายืนยันได้เป็นอย่างดี”
“เหอะ พวกเจ้าทั้งสามมาด้วยกัน ย่อมกล่าววาจาเข้าข้างกันอยู่แล้ว ทางที่ดีมอบคัมภีร์ชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ออกมาเถอะ”
เนี่ยฟงก้าวเดินออกมาสะบัดมือขวานำหนังสัตว์ออกมาหนึ่งผืนยืนให้แก่เจ้าสำนักคชสารธรณี พร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“นั้นเป็นหนังสัตว์ที่มีชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าคิดค้นมา ด้านในมีชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านต้องการ แต่พวกท่านจะศึกษามันได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกท่านเอง”
หลายคนจ้องมองหนังสัตว์อสูรในมือเจ้าสำนักคชสารธรณีอย่างไม่วางตา รวมทั้งผู้อาวุโสทังมู่ด้วยเช่นกัน
“หากไม่มีสิ่งใดแล้ว พวกข้าขอตัวพักก่อนขอรับ”
“ได้ ได้ เช่นนั้นข้าจะให้คนนำทางพวกเจ้าไปที่พัก”
สิ้นเสียงกล่าวมีชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมชุดสีเทาเดินนำทั้งสามออกไปทางด้านข้าง ไม่ถึงยี่สิบลมหายใจก็พบกระโจมขนาดกลางหลังหนึ่งตั้งอยู่รอบนอกของกลุ่มกระโจมตั้งแยกออกมา
“ถึงแล้วขอรับที่พักของพวกท่าน”
“ต้องขอบใจท่านมาขอรับที่นำทาง”
ทันทีที่ชายผู้นั้นเดินจากไป หนางเวยก็รีบเอ่ยถามเนี่ยฟง
“เนี่ยฟง เจ้ามอบคัมภีร์ชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ของจริงให้ตาแก่พวกนั้นจริงรึ”
เสียงสะบัดมือดังแว่ววงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏที่พื้น เนี่ยฟงกระทืบเท้าลงพื้นเกิดม่านพลังสีฟ้าปกคลุมคนทั้งสาม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าคิดว่าข้าจะมอบของจริงให้เช่นนั้นรึ หากคนพวกนั้นมีความสามารถแก้ไขวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ในหนังสัตว์อสูรผืนนั้นได้ คงมีความรู้เกี่ยวกับชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย”
“ข้าไม่เข้าใจ คุณชายเนี่ยฟงกล่าวได้โปรดอธิบาย”
“ความสามารถที่แม่นางเสี่ยวจูเห็น มันเป็นความสามารถพิเศษของข้าขอรับ หาได้มีชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คนพวกนั้นเข้าใจ และชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าให้ไปเป็นเพียงชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่มความแข็งแกร่งต่อเถาวัลย์เท่านั้น”
“ไอ้บ้าเนี่ยฟง ข้าคิดว่าเจ้าจะมอบของจริงให้ตาแก่พวกนั้นเสียแล้ว ว่าแต่เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป จะอยู่ที่นี่หรือไม่”
“รอดูสถานการณ์ไปก่อน ข้าไม่รู้ว่าปีศาจจะบุกมายังที่นี่อีกหรือไม่”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาสลายม่านพลังซึ่งเนี่ยฟงเองก็รับรู้อยู่แล้วว่ามีคนแอบมองอยู่แต่ก็หาได้สนใจ หันไปมองเสี่ยวจู
" เชิญแม่นางเสี่ยวจูเข้าพักด้านในกระโจมขอรับ พวกข้าทั้งสองจะเฝ้ายามที่ด้านนอกเอง "
เสี่ยวจูพยักหน้าเนี่ยฟงเป็นการขอบคุณ หันหลังเดินหายเข้าไปในกระโจม เนี่ยฟงเองก็หันมามองหยางเวย
" หยางเวย เจ้าสนใจออกไปทุบตีผู้อื่นหรือไม่ "
" แน่นอน ข้าคันไม้คันมือตั้งแต่เถียงกับตาแก่ทังมู่นั้นแล้ว บัดซบแท้เป็นถึงผู้อาวุโสแต่จิตใจละโมบยิ่งนัก "
เนี่ยฟงยกยิ้มใช้มือซ้ายแตะไปที่หัวไหล่ด้านขวาของหยางเวย พร้อมกับกระซิบเบาๆ
" ใจเย็นๆ ตราบใดที่ข้าและเจ้ายังอยู่ที่นี่ ข้าย่อมหาทางให้เจ้าจัดการตาแก่นั้นแน่นอน "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก ดี เช่นนั้นเจ้านำทางไปทุบตีผู้อื่นเถอะ "
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าที่พื้นรอบข้างกระโจม หลังจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าจางหายเนี่ยฟงก็เดินออกจากระโจมนำหน้าหยางเวยออกไปด้านนอกค่าย เมื่อออกมาได้สักระยะเนี่ยฟงก็พุ่งทะยานไปตามกิ่งไม้ใหญ่มุ่งหน้าขึ้นเขาซึ่งหยางเวยก็ติดตามประดุจเงาตามตัว ทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นเขาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าคนที่แอบติดตามอยู่ก็เร่งฝีเท้าพุ่งทะยานติดตามเช่นกัน ไม่นานเนี่ยฟงและหยางเวยก็ขึ้นมาบนเขาลูกหนึ่งทั้งสองเลือกลานกว้างขนาดใหญ่พอสมควรท่ามกลางต้นไม้ใหญ่รอบด้าน
ทันทีที่หยุดฝีเท้าหยางเวยที่แอบสวมถุงมือไหมพร้อมกับโคจรลมปราณเอาไว้ ถีบเท้าถอยหลังพร้อมกับหันหลังกลับซัดฝ่ามือขวาออกไป ฝ่ามือสีม่วงพุ่งเข้าปะทะกับต้นไม้ต้นหนึ่ง เปรี้ยง เสียงดังสนั่นควันสีม่วงพุ่งพวยออกมา ไม่นานก็มีชายฉกรรจ์สี่คนพุ่งทะยานออกมาจากควันพิษสีม่วง เนี่ยฟงที่รออยู่ก่อนแล้วสะบัดมือขวาเรียกเกราะสายฟ้าออกสี่อัน เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งเข้ารัดตัวชายฉกรรจ์ทั้งสี่อย่างรวดเร็ว หยางเวยแสยะยิ้มพุ่งทะยานเข้าหา
หมัดขวาต่อยเข้าที่ปลายคางของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่ง เปรี้ยง ใบหน้าสะบัดไปทางซ้ายเลือดสีแดงและฟันอีกสามซี่พุ่งกระฉูดออกมา ทันทีที่จัดการชายผู้หนึ่งเสร็จสิ้นหยางเวยก็หันหน้ามามองชายทั้งสามคนที่ตอนนี้จ้องมองหยางเวยด้วยสายตาเคียดแค้น แน่นอนหยางเวยหาได้สนใจแสยะยิ้มกำชับหมัดในมือแน่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เนี่ยฟงเห็นว่าคนทั้งสี่โดนจัดการไปแล้วจึงสลายเกราะสายฟ้า ชายฉกรรจ์ทั้งสี่จึงร่วงลงไปนอนกับพื้น หยางเวยรีบเก็บถุงมือไหมยกมือทั้งสองข้างขึ้นถูเดินเข้าหาชายฉกรรจ์ทั้งสี่ ค่อยๆปลดแหวนออกจากนิ้วของทั้งสี่ หลังจากนั้นหยางเวยก็นั่งตรวจสอบแหวนของทั้งสี่
" เนี่ยฟงเจ้าดูนี้ "
หยางเวยนำของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนวงหนึ่งโยนให้แก่เนี่ยฟง ทันทีที่คว้าจับเขาตกใจไม่น้อย เพราะมันคือป้ายไม้ผาไม้ดำ
“เหตุใดคนจากผาไม้ดำถึงมาอยู่ที่นี่กัน หยางเวยเห็นทีที่นี่จะมีปัญหาใหญ่เข้ามาเสียแล้ว”
“แล้วเจ้าจะทำยังไงกับคนทั้งสี่ดี”
“สังหารให้หมดแล้วทิ้งป้ายไม้ผาไม้ดำไว้ที่นี่”
หยางเวยสะบัดมือขวากำชับมีดอันแปลกประหลาดในมือ ก้าวเดินเข้ามาชายฉกรรจ์ทั้งสี่ ทันใดนั้นหยางเวยยกมีดในมือขึ้นต้านรับอาวุธลับที่ซัดออกมาจากชายป่า เคร้ง อาวุธลับร่วงลงพื้นมองเห็นเป็นมีดสั้นเล่มหนึ่ง แต่นั่นหาได้หยุดให้หยางเวยสังหารชายฉกรรจ์ทั้งสี่ไม่ เสียงตวัดมีดในมือ ปราณมีดสีม่วงพุ่งเข้าปะทะกับร่างชายฉกรรจ์ทั้งสี่ เปรี้ยง มีเกราะสีแดงปรากฏออกมาต้านรับไว้ ไม่ถึงสองลมหายใจมีชายชราผู้หนึ่งผมสีดอกเลา สวมชุดสีเทาขลิบฟ้าพุ่งทะยานออกมาจากชายป่า ปราณฝ่ามือสีแดงพุ่งเข้าหาหยางเวยอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง ฝ่ามือสีแดงพุ่งปะทะพื้นดินในจุดที่หยางเวยยืนอยู่
ทั้งสองยืนจ้องมองกันอย่างไม่วางตา ไม่ถึงสองลมหายใจทั้งสองระเบิดพลังปราณสีดำขั้นต้นออกมา ตูม แรงดันปราณพุ่งเข้าปะทะกันมองเห็นเป็นปราณสีม่วงและปราณสีแดงต้านทานระหว่างทั้งสอง ชายชราขมวดคิ้วทั้งสองขึ้น ทันใดนั้นเป็นหยางเวยพุ่งทะยานเข้าหาพร้อมฟาดฟันมีดในมือ เช่นเดียวกับชายชราที่ซัดฝ่ามือทั้งสอง ปราณมีดสีม่วงและปราณฝ่ามือสีแดงเข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง