ตอนที่แล้วบทที่ 12 ต้นหลิวกลายพันธุ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 กระโดด

บทที่ 13 สันดานมนุษย์


บทที่ 13 สันดานมนุษย์

ทุกชีวิตย่อมมีหนทางของตนเอง

นี่คือประโยคที่มีชื่อเสียงมากที่นักวิทยาศาสตร์ได้พูดเอาไว้ในยามที่เผชิญกับความเปลี่ยนแปลง

ทันทีที่การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้น แมลงและต้นหลิวก็เริ่มกลายพันธุ์ แมลงกลายพันธุ์และต้นหลิวกลายพันธุ์ได้ยืนยันความถูกต้องของประโยคนี้ ในฐานะเจ้าของหลักของโลกใบนี้ จึงเป็นธรรมดาที่มนุษย์ย่อมจะไม่ล้าหลัง

หลังวันสิ้นโลกเริ่มต้นได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง จากเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ ที่ยังใช้งานได้และประสบการณ์ส่วนตัว หลายคนได้ตระหนักถึงวันโลกาวินาศ พวกเขาเริ่มที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงนี้

แต่กระบวนการปรับตัวนี้ เป็นบททดสอบของมนุษย์ ว่ามันจะเป็นการปะทุออกมาของแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตา หรือการหลั่งไหลมาของความชั่วร้ายและเห็นแก่ตัวที่มีมาแต่กำเนิด

เช่นเดียวกับฉากที่เกิดขึ้นบนชั้นสองของโรงอาหาร

บันไดลงสู่ชั้นล่างถูกปิดกั้นไว้ด้วยกองโต๊ะและเก้าอี้ มีซอมบี้เกือบร้อยติดอยู่ตรงบันไดทางขึ้นระหว่างชั้นล่างกับชั้นสอง พวกมันปล่อยให้ขาโต๊ะเก้าอี้ทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายและดวงตา เพียงเพื่อต้องการขึ้นไปกัดกินเนื้อสดๆ ที่อยู่ข้างบน

“หวู่เกอ(พี่หวู่) ไม่เป็นไรจริงๆเหรอ? ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้ตำรวจเกิดโผล่มานะ”

สีหน้าของชายในชุดยีนส์เปื้อนน้ำมันที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าผู้ชายอีกคนที่รู้จักกันในนาม หวู่เกอ ดูกระสับกระส่ายขณะที่มองไปยังมุมหนึ่งของโรงอาหาร

ตรงนั้นมีกองโต๊ะเก้าอี้กระจัดกระจายอยู่ ภายในช่องว่างระหว่างโต๊ะเก้าอี้เหล่านั้น มีร่างเปลือยเปล่านอนอยู่ที่นั่น หญิงสาวมองดูหลังคาด้วยดวงตาเหม่อลอย ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีก ร่างกายละเอียดอ่อนนุ่มนวลของวัยรุ่น มีร่องรอยสีม่วงช้ำเป็นจ้ำๆ มีเลือดอยู่ใต้บั้นท้ายและบนหน้าท้องแบนราบมีคราบน้ำสกปรกของผู้ชายแปดเปื้อนอยู่

ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า หญิงสาวที่เป็นดั่งดอกไม้บริสุทธิ์คนนี้ ถูกย่ำยีทรมานโดยคนที่ไม่ใช่มนุษย์

หวู่เกอมองชายชุดยีนส์ตาเขม็ง มันยิ่งทำให้แผลเป็นบนหน้าผากของเขาขนานไปกับคิ้วดูน่ากลัว เขาเหยียดเท้าออกเตะชายชุดยีนส์ให้ออกไปห่างๆ เท้า

“บ้าชิป ตอนที่แกร้องอย่างมีความสุขไม่เห็นคิดถึงตำรวจ พอได้ยินเสียงปืนก็มาคิดซะงั้น!”

ชายหนุ่มที่ถูกเตะจนล้มลงลุกขึ้นยืน มองรอยยิ้มไร้หัวใจของชายอีกสามคนด้วยท่าทางที่ค่อนข้างอึดอัด

หวู่เกอลุกขึ้นยืนเปิดเผยร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับภูเขา บนแผ่นหลังมีรอยสักรูปมังกรตะวันตกสีดำ เมื่อใดที่กล้ามเนื้อของเขาสั่น มังกรตัวนี้ก็ขยับโผทะยานราวกับมีชีวิต

เขาเดินไปหาชายชุดยีนส์ แล้วกระชากคอเสื้อด้านหล้งขึ้น จากนั้นก็ลากชายชุดยีนส์ไปที่บันได ชี้มือไปยังเหล่าซอมบี้ที่เริ่มดุร้ายมากขึ้น “เอ้อเผิง แกเห็นนั่นมั๊ย ทุกคนกลายเป็นแบบนั้น และมีคนอีกมากมายที่เป็นแบบนั้น แกยังคิดว่าจะมีตำรวจมาอีกไหม? แกก็เคยเห็นวิกฤตทางชีวเคมีไม่ใช่เหรอ? เหมือนในหนังไง! นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด! ตำรวจนะเรอะ ช่างแม่งมันสิ!”

หวู่เกอแสดงความกร่าง แล้วปล่อยคอเสื้อเอ้อเผิงลง และรู้สึกคันขึ้นมาในหัวใจ จากนั้นก็ถามลูกน้องทั้งสี่ด้วยความสงสัยว่า “พวกแกว่า ไอ้ที่อยู่บนหน้าผากซอมบี้มันคืออะไรวะ?”

ต่างคนต่างออกความคิดเห็นจนไม่มีอะไรจะพูด หวู่เกอได้ยินก็ค่อนข้างหงุดหงิด

พวกมันเป็นพวกอันธพาลที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่บังเอิญนัดกันมากินอาหารปิ้งย่างใกล้เมืองมหาวิทยาลัยในวันนี้ จากนั้นวันสิ้นโลกก็เริ่มขึ้น เมื่อเห็นคนรอบข้างกลายเป็นซอมบี้และเริ่มกินคน พวกมันเลยวิ่งเข้ามาในมหาวิทยาลัยด้วยความหวาดกลัว และวิ่งเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกับนักศึกษาอีกหลายคน

เนื่องจากโรงอาหารเปิดแต่ชั้นล่าง ดังนั้นบนชั้นสองเลยไม่มีใครอยู่ พวกเขาจึงปิดกั้นบันไดไว้ด้วยโต๊ะและเก้าอี้ แล้วขึ้นไปอยู่รวมกันบนชั้นสอง สุดท้ายก็โดนซอมบี้ปิดล้อมเอาไว้

หวู่เกอกับพวกพ้องทั้งสี่คนไม่ใช่คนดี ในยุคแห่งสันติภาพมีกฎหมายรุนแรงควบคุมพวกมันเอาไว้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด มีแม้กระทั่งสัตว์ประหลาดกินคน ทำให้ความชั่วร้ายในจิตใจของพวกมันปะทุออกมา

หลังจากรออยู่บนชั้นสองของโรงอาหารได้ไม่ถึงชั่วโมง เมื่อพวกมันพบว่าจะไม่มีความช่วยเหลือมาถึง และไม่มีตำรวจ พวกมันได้รู้จากอินเตอร์เน็ตว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือหายนะระดับโลก รัฐบาลกลายเป็นอัมพาต พวกมันจึงยื่นกรงเล็บเข้าหาเหล่านักศึกษาที่หนีภัยพิบัติขึ้นมาบนชั้นสองของโรงอาหารพร้อมๆ กับพวกมัน

หลังจากทุบตีเด็กที่ไม่เชื่อฟังจนกระอักเลือด สัตว์เหล่านี้ก็เลือกนักศึกษาสาวสวยมาเพื่อกระทำการรุนแรงต่อหน้าผู้คนเป็นโหล มันเป็นพฤติกรรมที่น่ากลัวมาก

ในหมู่นักศึกษาสิบกว่าคนที่อยู่บนชั้นสองมีกว่าครึ่งที่เป็นผู้หญิง มีนักศึกษาชาย 5-6 คนถูกทุบตีจนสลบ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือแม้จะโกรธ ก็ได้แต่ซุกตัวอยู่มุมห้องตัวสั่นเหมือนผู้หญิง

“มันจะกลายเป็นสิ่งนี้ถ้าติดเชื้อ แต่ถ้าไม่ก็โอเค….” สำหรับหวู่เกอ นอกจากร่างกายแข็งแกร่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงแล้ว เขายังคิดเป็น สัญชาติญาณทำให้เขารู้สึกว่า มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับผลึกเรืองแสงบนหน้าผากของซอมบี้ แต่เขาไม่มีความกล้าพอไปฆ่ามันแล้วขุดออกมาศึกษา

แต่คนเลว มักมีวิธีการน่ากลัวเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หวู่เกอหรี่ตามองไปทางกลุ่มนักศึกษา แล้วปฏิบัติตามแผนทันที

มันเดินเข้าไปในกลุ่มนักศึกษา กวาดสายตาไปยังเหล่านักศึก ษาที่กำลังกลัว แล้วสายตาของมันก็ไปตกลงที่ผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่านักศึกษาหญิงคนนี้จะไม่สวยเท่ากับคนที่พวกมันเพิ่งกระทำย่ำยี แต่แน่นอนว่าเธอคนนี้นับว่าเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่งเช่นกัน และที่สำคัญคือรูปร่างของเธอ เธอเป็นคนที่อวบอัดที่สุดในหมู่นักศึกษาหญิงที่อยู่บนนี้

“กงซื่อ อาคุน ลากนังนี่ออกมา”

สุนัขสองขาทั้งสองตัว แยกเขี้ยวกางกรงเล็บเดินผ่านเข้าไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องและร้องไห้ ดึงตัวนักศึกษาหญิงคนนั้นออกมา แต่หญิงสาวก็ดิ้นรนต่อสู้ขัดขืนอย่างรุนแรง พวกมันจึงตบหน้าเธอไปสองฉาด

“เอาหล่อนไปให้ซอมบี้พวกนั้นข่วน แล้วมัดเอาไว้ รอจนหล่อนกลายร่าง ข้าหวู่เกอ ก็จะรู้ว่าไอ้ผลึกนั่นมันคืออะไร”

หญิงสาวได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดทันที สัตว์ประหลาดเหล่านั้นน่ากลัวไม่น้อยไปกว่าสัตว์อันธพาลเหล่านี้ เธอต้องการร้องไห้และร้องให้คนอื่นช่วย แต่พอคิดว่าตอนเธอถูกพวกมันลากตัวออกมา ก็ยังไม่มีใครคิดจะช่วย หัวใจของเธอก็เริ่มเย็นชา

“เหอ เหอ กลัวเหรอ? ไม่อยากตายงั้นเหรอ?” หวู่เกอเดินมาหาหญิงสาวที่ทรุดตัวอยู่บนพื้นอย่างหมดแรง แล้วบีบคางเรียบเนียนของเธอไว้ จากนั้นก็ยื่นหน้าที่เหม็นไปด้วยกลิ่นควันบุหรี่ไปข้างๆ ใบหน้าที่น่ารักของเธอ “มีคนมากมายที่นี่ มันไม่จำเป็นต้องเป็นแก อาจเป็นคนอื่นก็ได้ เพียงแต่ ถ้าแกไม่อยากเป็นคนๆนั้น แกก็ต้องทำให้ข้าหวู่เกอรู้สึกดี”

พูดจบ มันก็ถอดกางเกงออก แสดงสิ่งสกปรกที่มีกลิ่นเหม็นพร้อมกับส่งเสียงตะคอก “ไม่อยากตาย ก็ทำให้ข้าหวู่เกอสบายตัว แล้วข้าจะปล่อยแกไป!”

ตอนแรกผู้ชายสองสามคนในกลุ่มพวกมันยังคงงงกันอยู่ แต่แล้วพวกมันก็หัวเราะร่าและสรรเสริญความช่างคิดของหวู่เกอ

นักศึกษาหญิงชาไปทั้งตัว ก่อนจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่สัตว์ตัวนั้น สั่งให้เธอทำ น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลลงมาอย่างสุดกลั้น เธอหันมองไปยังเหล่าเพื่อนร่วมชั้นของเธอ หวังว่าพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือเธอได้ แต่ทว่ามันมีแต่ความเงียบ ไม่ว่าจะเป็นชายที่เคยพูดจาดูถูก หรือว่าชายที่เคยตามจีบเธอ ทุกคนได้แต่ก้มหน้านิ่งทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร

เธอปฏิญาณในใจตราบใดที่มีใครช่วยเหลือตน แม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดแค่คำเดียว หรือแสดงท่าทางโกรธสัตว์เหล่านี้สักนิดเพื่อเธอ เธอจะอยู่กับเขาและมอบตัวเธอให้เขา

แต่ทุกอย่างมีแต่ความเงียบที่สิ้นหวัง

เธอรู้ว่าวันนี้เธออาจสูญเสียสิ่งมีค่ามากที่สุดไป และวันนี้เธอก็ได้รู้จักเหตุการณ์และสันดานผู้คนมากมาย เธอมองไปยังร่างของเพื่อนร่วมชั้นที่เพิ่งถูกสัตว์เหล่านี้กระทำย่ำยี การต่อสู้ดิ้นรนและความอัปยศอดสูวาบผ่านดวงตา แล้วแทนที่ด้วยการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด!

เมื่อทุกอย่างพังทะลาย งั้นก็มาตายไปพร้อมกันเถอะ!

เธอร่ำร้องอย่างบ้าคลั่งในใจ แล้วพุ่งเข้าหาสิ่งนั้น เปิดปากปล่อยให้สิ่งนั้นผ่านเข้าไป เธอรู้สึกได้ว่าสิ่งนั้นทำให้ปากของเธอเลือดออก!

มันทำให้เธอรู้สึกถึงความสุขอันบ้าคลั่ง

ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงปืนดังขึ้นที่ชั้นล่าง สัตว์ตัวนั้นทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเธอเอาไว้ ชายที่ชื่อว่าเอ้อเผิงกระแทกนั่งลงบนพื้นด้วยความตกใจ ขยับปากร้องว่า ตำรวจมา ตำรวจมาที่นี่แล้ว!

นักศึกษาคนอื่นๆ เงยหน้าขึ้นแล้วก็รีบก้มหน้าลง บนใบหน้าเริ่มมีประกายของความหวังและความภาคภูมิอีกครั้ง

เมื่อเสียงปืนดังขึ้น แม้แต่หวู่เกอก็ตัวสั่นเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะเป็นคนดุร้ายแต่เขาก็กลัวคนที่รุนแรงยิ่งกว่าตน เขาเป็นเหมือนกับเอ้อเผิง ที่กลัวการมาถึงอย่างฉับพลันของตำรวจ

หลังจากเสียงปืนเงียบไปได้ครู่หนึ่ง เขาก็สงบลง และรีบเดินมายังข้างๆ หน้าต่าง แล้วเขาก็ได้เห็นชายคนหนึ่งกับขวาน และต้นหลิวกลายพันธุ์ ชายคนนั้นกำลังขุดผลึกที่เหมือนกับผลึกกลางหน้าผากซอมบี้ออกมา!

ใจของหวู่เกอเต้นระทึก เขาตระหนักได้ถึงสองสิ่ง หนึ่ง คนที่มาไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นผู้รอดชีวิตเหมือนตน สอง ผู้รอดชีวิตคนนี้รู้ว่าผลึกทำงานยังไง!

เมื่อเขาเห็นชายหญิงทั้งคู่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หวู่เกอเริ่มตะโกนใส่คนของเขาทันที

“เร็ว เร็ว เร็ว รีบเก็บของแล้วออกไปจากที่นี่!”

กงซื่อ เอ้อเผิง อาคุน และจี้ผี ลูกน้องทั้งสี่คนงุนงง เอ่ยถามหวู่เกอเบาๆ ว่า พวกเราติดอยู่ในนี้ จะออกไปยังไง?

หวู่เกอเกลียดที่เหล็กไม่ยอมเป็นเหล็กกล้า (ไม่ได้ดังใจ) “ไอ้พวกโง่ ดูนั่นสิ!”

ทั้งสี่มองไปทางบันไดที่หวู่เกอชี้ให้ดู ซอมบี้ส่วนใหญ่ที่นั่นกำลังหันหลังเดินออกไปข้างนอก เห็นได้ชัดว่าถูกดึงดูดโดยเสียงปืน มีเพียงสิบกว่าตัวเท่านั้นที่ยังรออยู่ และส่วนใหญ่ของพวกมันก็ถูกแทงติดอยู่กับขาโต๊ะ ไม่สามารถขยับไปไหนได้

แม้จะเหลือซอมบี้อีกเพียงไม่กี่ตัว แต่บางคนก็ยังลังเล ไม่มีใครอยากเสี่ยง เพราะว่าพวกเขาเคยเห็นคนที่ถูกซอมบี้กัดหรือข่วนกลายเป็นซอมบี้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“ที่ด่าว่าพวกแกมันโง่ เพราะพวกแกมันโง่จริงๆ ที่นี่มีพวกนักเรียนอยู่ แค่โยนพวกมันให้ซอมบี้กิน แล้วพวกเราวิ่งหนีออกไปก็สิ้นเรื่อง!”

ลูกน้องทั้งสี่ตาสว่างขึ้นทันที พวกเขาจับนักศึกษาที่ออกวิ่งหนีหลังจากได้ยินสิ่งที่หวู่เกอพูดเอาไว้ได้

ก่อนหน้านี้หลายคนหน้ามืดตามัวเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ จึงไม่ได้ต่อต้าน ตอนนี้เลยต้องมาถูกจับและถูกลากไปที่บันได

หวู่เกอมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเย็นชาและยังคงยืนอยู่ตรงหน้า ต่างมองดูเย่จงหมิงกับหญิงสาวผมยาวที่กำลังวิ่งออกไป พร้อมกับมีร่องรอยของความสงสัยเกิดขึ้นในใจ

ทางนั้น ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ๆ แสงเพิ่งตกลงไป…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด