ตอนที่ 31 : คุณชายผู้นี้ไม่คิดแยแสเจ้าสักนิด! ฟรี วันที่ 2020/11/19
เทือกเขาร้อยอสูร เป็นที่ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นธรรมชาติที่ไร้ซึ่งการหลับไหล บุปผาปกคลุมไปทั่วส่งกลิ่นหอม หญ้าและสมุนไพรกระจัดกระจายไปทั่ว ส่งผลให้อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นยา
ภายในป่า ผู้เยาว์กำลังสู้กับสัตว์อสูรตัวเล็ก สิ่งมีชีวิตที่เขาสู้ด้วยคือตัวลิ่น ลูกสัตว์อสูรซึ่งเกือบจะบรรลุการเป็นปีศาจระดับกลาง มีเกล็ดบนหลังที่หนามาก ทำให้ดาบทั่วไปนั้นยากจะฟันเข้า
ผู้เยาว์แบกกระบี่ตัดหินผาและฟันมันครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกการฟันหนึ่งครั้งมีพลังมากกว่าห้าร้อยกิโลกรัม ซึ่งค่อย ๆ ตัดผ่านเกล็ดของตัวลิ่น เมื่อมันได้พบศัตรูที่ยากจะเอาชนะ ตัวลิ่นจึงล่าถอยและพุ่งตรงไปยังภูเขา
“เจ้าคิดจะหนีรึ? ไม่มีโอกาสหรอก! เจ้าไล่ตามข้ามานานแล้ว! กินกระบี่ข้าเสีย!” เมื่อเห็นถึงความตั้งใจของตัวลิ่น เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขณะทรงตัว กระบี่หนักหนึ่งร้อยหาสิบกิโลกรัมฟาดลงมาอย่างแรง
ฟึ่บ!
เคร้ง!
แสงสว่างพุ่งออกจากดาบ ก่อให้เกิดสายใยพลังปราณที่กระบี่พุ่งเข้าใส่ตัวลิ่นซึ่งกำลังหลบหนี ส่งผลให้แยกออกเป็นสองส่วนทันที นี่คือตัวลิ่นที่กำลังจะกลายเป็นปีศาจชั้นกลาง ทว่าแม้เกล็ดแข็งจะสามารถต้านทานการโจมตีจากอาวุธระดับหนึ่งได้ทั้งหมด แต่ก็มิอาจต้านทานความพลังเต็มกำลังของเด็กหนุ่มระดับพื้นฐานได้ ผู้เยาว์ผู้นี้มิใช่ใครอื่น เป็นเซี่ยงเส้าหยุนผู้ที่เข้ามายังเทือกเขาร้อยอสูรเมื่อสามวันที่แล้วนั่นเอง
เหล่าสัตว์อสูรที่อยู่ในเทือกเขาร้อยอสูรนั้นมีมากมาย เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจจำได้ว่าหนีสัตว์อสูรมากี่ครั้งแล้วในสามวันที่ผ่านมา มันมากกว่าจำนวนที่เขาสู้กับสัตว์อสูรตัวเล็กเสียอีก ทำให้ตอนนี้ร่างกายมอมแมมเต็มไปด้วยบาดแผล และมีรอยกรงเล็บขนาดใหญ่พาดผ่านหลัง เขาถูกฝูงหมาป่าจู่โจมตั้งแต่วันแรก
หากเขาไม่เปิดใช้งานก้าวราชันเก้าปรโลกในตอนนั้น คงได้เป็นอาหารหมาป่าไปนานแล้ว แม้สามวันที่ผ่านมาจำไร้ซึ่งความปราณี แต่ตอนนี้เริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในป่าแล้ว นอกจากนี้รากฐานของเขาเติบโตขึ้นมากในเวลาที่ผ่านมา ไม่นานนักก่อนจะบรรลุสู่ระดับพื้นฐานขั้นแปด
หลังจากสังหารตัวลิ่ม เขาได้พบสมุนไพรหลายต้นใกล้เคียงกัน หลังจากผสมสมุนไพรสองถึงสามชนิด ก่อนจะนำไปบดแล้วพันไว้รอบบาดแผลอย่างรวดเร็ว
“ประสบการณ์ในการต่อสู้ที่แท้จริงเป็นวิธีรวดเร็วที่สุดสำหรับควบคุมอารมณ์ตนเอง ผ่านไปเพียงสามวัน เรากลับรู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ได้เพิ่มจากการฝึกฝน แต่เรากลับรู้สึกได้ถึงสัมผัสในการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้น ในแง่ของความไวและสัญชาตญาณในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบากับตนเองขณะนั่งพักบนพื้น
การฝึกฝนอันขมขื่นไม่ใช่วิธีเดียวในการเพิ่มความแข็งแกร่ง การนั่งพักเพียงชั่วครู่เพื่อไตร่ตรองทิศทางและจุดมุ่งหมายกลับเป็นประโยชน์อย่างคาดไม่ถึงสำหรับการฝึกยุทธ์ หลังจากนั่งสมาธิเป็นเวลาสองชั่วโมง จากนั้นจึงเริ่มกินเนื้อสัตว์ร้ายตากแห้งอีกครั้ง สภาพร่างกายเริ่มฟื้นตัวถึงขีดสุด นอกจากนี้โลหิตภายในร่างกายยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้นมาก
สิ่งนี้เป็นผลมาจากการกินเนื้อสัตว์ร้ายเป็นจำนวนมาก มันช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย เช่นเดียวกันนั้นเขาเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เนื่องจากได้ยินเสียงดังห่างออกไปไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่ โดยไม่รีรอ เขารีบวิ่งไปยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที
ผ่านไปไม่นาน เขาเห็นชายผู้หนึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลกำลังวิ่งมาทางตน ดูเหมือนจะถูกไล่ล่าจากสัตว์ร้ายตัวมหึมา แน่นอนว่าเซี่ยงเส้าหยุนได้ยินเสียงคำรามมาจากบริเวณใกล้เคียง
โฮก!
เสียงเสือคำรามขณะที่มันเดินด้อม ๆ มอง ๆ ผ่านป่า สร้างความมีชีวิตชีวาแก่สวรรค์และโลก
“เสือตัวนี้ช่างแข็งแกร่งนัก อย่างน้อยคงเป็นปีศาจชั้นสูง” เซี่ยงเส้าหยุนตัวสั่นเทาอยู่บนต้นไม้ หากต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายระดับสูงเช่นนี้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ เขาหวังให้ชายผู้ที่ถูกไล่ล่าจะไปให้ไกลโดยไว แต่ชายผู้นั้นกลับเป็นลมล้มลงใกล้เคียงกับตัวเขาเสียอย่างนั้น
“เวรเอ้ย! ป่าออกจะกว้างใหญ่ เหตุใดต้องเป็นที่นี่กัน?” เซี่ยงเส้าหยุนไม่คิดช่วยเหลือแต่ก็ก่นด่า ไม่รีรอเขากระโดดลงจากต้นไม้และเริ่มวิ่งด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เห็นได้ชัดว่าชายผู้นั้นได้ทำให้เสือขุ่นเคือง ส่งผลให้ถูกเสือไล่ล่าเช่นนี้ ไม่เพียงเท่านั้นหากตัวเขาเองไม่ไปให้ไกลพอ อาจกลายเป็นเป้าหมายถัดไปของเสือตัวนี้เป็นแน่! ทว่าระหว่างที่วิ่งนั้นเขารู้สึกว่ามีบางสิ่งเกาะอยู่บนหลัง
“บ้าฉิบ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน?! ไปให้พ้น!” ด้วยไม่กล้าหันกลับไปมอง เซี่ยงเส้าหยุนเขย่ากระเป๋าที่หลังขณะวิ่งไปด้วย จนกระทั่งข้าวของเริ่มทะลักออกมา ทว่าไม่ว่าจะเขย่าแรงเพียงใด สิ่งที่เกาะอยู่ด้านหลังก็ยิ่งเกาะแน่นขึ้นราวกับกาว ไม่แม้จะขยับเขยื้อน
โชคดีสำหรับเซี่ยงเส้าหยุน สิ่งมีชีวิตนั้นดูราวกับไม่มีพิษภัยต่อเขา ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ขณะที่แบกสิ่งมีชีวิตตัวนี้ไว้บนหลัง ระหว่างที่วิ่งเขาได้แต่คิดว่า หรือเพราะมีปีศาจชั้นสูงปรากฏตัวกัน เขาจึงไม่ถูกสัตว์อสูรจู่โจมเลยระหว่างทาง
หลังจากที่วิ่งเป็นเวลานาน จนกระทั่งเซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกปลอดภัย หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าสัตว์อสูรคงมิอาจไล่ตามเขามาไกลถึงเพียงนี้ ขณะที่หยุดเขาจึงหยิบกระเป๋าลงจากหลังด้วยมือข้างเดียว และจับสิ่งมีชีวิตตัวดังกล่าวออกด้วยมืออีกข้าง
“เหมียววว”
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมือส่งเสียงนุ่มนวลละเอียดอ่อน เมื่อมองดูให้ดี เซี่ยงเส้าหยุนพบว่าสิ่งมีชีวิตที่เขาอุ้มอยู่เป็นลูกเสือลายตัวน้อย นอกจากลวดลายสีดำพาดแล้ว มันปกคลุมไปด้วยขนสีขาวตั้งแต่หัวจรดอุ้งเท้า ดวงตาวาววับกำลังฉายแววสำนึกผิด ทำให้ผู้พบเห็นต่างมิกล้าทำอันตรายใดต่อมัน
“ดูเหมือนเจ้าหนูนี่จะรั้งเราไว้นะ! เจ้าคงมิใช่บุตรของสัตว์อสูรตัวมหึมาหรอก ใช่ไหม? มิเช่นนั้นคงลำบากเป็นแน่” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะอย่างขมขื่นขณะอุ้มลูกเสือตัวน้อย
เจ้าเสือตัวน้อยเป็นทารกที่เพิ่งเกิด ชายผู้นั้นคงจะลักพาตัวมันมาและกระตุ้นความโกรธของสัตว์ร้ายตัวใหญ่อย่างมิตั้งใจ มิเช่นนั้นคงไม่หนีอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ เจ้าเสือน้อยอาจหนีจากชายผู้นั้นขณะที่เป็นลมและพบกับเซี่ยงเส้าหยุนที่กำลังวิ่งหนีเป็นแน่ มันจึงเกาะติดตัวเขาเช่นนี้
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์นั้นต่างชอบที่จะมีสัตว์อสูรไว้ขี่ โดยปกติแล้วพวกเขาจะฝึกสัตว์อสูรที่อ่อนแอกว่าตนให้เชื่อง ด้วยวิธีนี้จะเป็นวิธีที่รวดเร็วที่จะขี่พวกมัน อีกวิธีที่ใช้กันทั่วไปคือฟูมฟักพวกมันตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่อครบกำหนด โดยธรรมชาติแล้วมันจะกลายเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของอย่างมาก ชายผู้นั้นอาจพยายามจับมันไปเลี้ยงดูเองหรือไม่ก็นำมันไปขาย
เซี่ยงเส้าหยุนเข้าใจแนวคิดนี้อย่างชัดเจน แต่ตัวเขาไม่ต้องการจะตกเป็นเป้าหมายของสัตว์อสูรระดับสูงที่โตเต็มวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใกล้จะบรรลุจุดสูงสุด ทันทีที่มันจัดการชายผู้นั้นแล้วคงจะตามกลิ่นเจ้าเสือน้อยจนมาถึงตนเป็นแน่
เซี่ยงเส้าหยุนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในทันที
“หนูน้อย เจ้าอยู่ที่นี่จะเป็นการดีที่สุด คุณชายผู้นี้คงมิอาจดูแลเจ้าได้” เซี่ยงเส้าหยุนมองไปยังเจ้าเสือน้อยและกล่าว แม้เขาจะชื่นชอบการเลี้ยงเสือ แต่เสือลายก็มิได้มีเกียรติอย่างที่เขาต้องการ เมื่อพวกมันเติบใหญ่ก็เป็นปีศาจชั้นสูง
ช่างห่างไกลกับความทะเยอทะยานของเขานัก เขาวางลูกเสือลงก่อนจะเริ่มวิ่งอีกครั้ง หลังจากก้าวเพียงไม่กี่ก้าว ด้วยรู้สึกถึงน้ำหนักที่หลังอีกครั้ง! เป็นเจ้าเสือน้อยเองที่กระโดดขึ้นไปบนหลังอีกครา
“บ้าฉิบ! เจ้าต้องการให้ข้าตายหรืออย่างไร?! หรือเจ้าอยากให้ข้าผูกเจ้าไว้ตรงนี้กัน?!” เซี่ยงเส้าหยุนดุเจ้าเสือน้อยขณะดึงมันออกจากหลัง
“เหมียววว!”
เจ้าเสือน้อยขยับตัวบางเบาขณะเกาะที่แขนของเซี่ยงเส้าหยุน ราวกับพยายามให้เขายอมรับ เช่นเดียวกันกับที่เซี่ยงเส้าหยุนพยายามทิ้งสิ่งมีชีวิตตัวนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในช่วงเวลานุ่มนวลซึ่งหาได้ยาก เขากล่าวอย่างไม่พอใจ “ลืมมันไปเสีย ข้าจะพาเจ้าไปด้วยในตอนนี้ หลังจากส่งเจ้าให้แก่มารดาของเจ้าแล้วเมื่อนางมาถึง ข้าหวังว่านางจะไม่กินข้าเข้าไปนะ”