ตอนที่ 115-116
ตอนที่ 115 : ความวุ่นวายที่ก่อตัว
สำหรับทหารรับจ้างเหล่านี้ ระหว่างกันมีความสัมพันธ์เป็นคู่แข่ง
มีทหารรับจ้างเพียงสองหน่วยที่ทราบสถานที่วิเศษเช่นร้านต้นตำรับ นั่นหมายความถึงพวกเขาสามารถควบคุมข่าวคราวของร้านนี้เอาไว้ได้!
เว่ยฉิงจู่เผยยิ้ม
ทั้งที่เจตนาของเถ้าแก่ คือต้องการให้ข่าวคราวร้านแพร่กระจายออกไป
กระนั้น มีแต่โจวหู่และคณะที่เชื่อคำกล่าวของนาง
“พบเห็นเมื่อครู่ เพิ่งกลับมาถึงนครจิ่วเหยากันกระมัง?” โจวหู่ยิ้มถาม
เว่ยฉิงจู่จึงพยักหน้ารับ “ได้เสือดาวเงามาตัวหนึ่ง ค่อนข้างดี แต่หลบหนีเก่งไปหน่อย ต้องใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะสังหารมันได้”
เสือดาวเงา เป็นสัตวือสูรที่มีเฉพาะเทือกเขาจิ่วเหยา เมื่อโตเต็มที่กำลังจะอยู่ราวขอบเขตโชคชะตาระดับที่ห้า
ทว่ามูลค่าของเสือดาวเงา มันเทียบเปรียบได้กับสัตว์อสูรขอบเขตคืนต้นกำเนิด!
เพราะเสือดาวเงามีความสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงา ดังนั้นจึงทำให้ยากตามรอยมันได้
ขนของมันก็มีความสามารถดังกล่าว
ผู้ฝึกตนทั่วไปสวมใส่ชุดขนเสือดาวเงา นั่นจะทำให้ช่วยซ่อนเร้นออร่าเอาไว้ได้ดียิ่งขึ้น
“เสือดาวเงา โชคดีไม่น้อย” โจวหู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออก
มูลค่าเสือดาวเงาหนึ่งตัว อย่างน้อยก็หลายพันผลึกวิญญาณ!
“หัวหน้าโจวก็กล่าวเกินไป” เว่ยฉิงจู่ยิ้มรับถ่อมตน “ได้ยินว่ารับงานไปแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“อย่าได้กล่าวถึงแล้ว” โจวหู่โบกมือ สีหน้าขณะนี้อับจน “สัตว์อสูรในเทือกเขาจิ่วเหยาช่วงนี้ไม่ทราบเป็นไรคลุ้มคลั่งกันหมด พวกมันวิ่งพล่านไปทั่ว”
“กองคาราวานที่หน่วยเราคุ้มกัน ทันทีเมื่อเข้าเทือกเขาจิ่วเหยา กะทันหันก็ถูกฝูงอสูรหมาป่าสีม่วงโจมตีเข้าใส่”
“หากโชคไม่ดีพอ ก็เกรงว่าจะกลับมาซื้อโคล่ากับแท่งเครื่องเทศจากร้านเถ้าแก่ไม่ได้แล้ว”
ทั้งสี่คนในหน่วยต่างเผยสีหน้าหวั่นเกรงออกมาเช่นกัน
ได้ยินคำของโจวหู่ คณะสามคนของเว่ยฉิงจู่จึงต้องขมวดคิ้ว
หรือภายในเทือกเขาจิ่วเหยาจะมีเรื่องใดเกิดขึ้นจริง?
เรื่องราวของโบราณสถานที่กำลังจะเปิดขึ้น มีแต่กองกำลังใหญ่และยอดฝีมือสูงส่งที่ทราบ
ผู้ฝึกตนทั่วไปเช่นโจวหู่และเว่ยฉิงจู่ย่อมไม่ทราบเรื่องโบราณสถานแต่อย่างใด
พวกเขาจึงได้แต่คาดเดา ว่าความเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นทั้งกับนครจิ่วเหยาและเทือกเขาจิ่วเหยา
“ช่วงนี้อย่าไปเทือกเขาจิ่วเหยาจะดีกว่า” เหยาซือหยานเผยคำขึ้น
รับฟังเช่นนี้ กลุ่มคนจึงเผยดวงตาเป็นประกาย
ในสายตากลุ่มคน กำลังของเหยาซือหยาน กล่าวได้ว่าอยู่ชั้นแนวหน้าของแนวหน้า
คำกล่าวของนางย่อมต้องมีต้นสายปลายเหตุ
“พี่ซือหยาน นี่เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ?” เว่ยฉิงจู่กล่าวถามด้วยความสงสัย
เหยาซือหยานส่ายศีรษะ “ด้วยกำลังที่มี เรื่องนี้ทราบไปก็ไม่อาจทำอะไรได้ ดังนั้นอย่าข้องเกี่ยวด้วยจะดีกว่า”
หน่วยทหารรับจ้างทั้งสอง แข็งแกร่งที่สุดคือโจวหู่ที่ขอบเขตโชคชะตาระดับสูงสุด
และเมื่อใดโบราณสถานเปิดออก แม้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตคืนต้นกำเนิดยังแทบไม่ต่างอะไรกับอาหารสัตว์ป่า
“เป็นเช่นนี้...”
กลุ่มคนได้แต่พยักหน้ารับรัวเร็ว
ในเมื่อเหยาซือหยานกล่าวออก เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่ธรรมดา
เพื่อความปลอดภัยของชีวิต ดังนั้นใช้ชีวิตสุขสงบในนครจิ่วเหยาจะดีกว่า
เล่นเกมในร้านเถ้าแก่ก็ช่วยเพิ่มการฝึกฝน นี่ไม่ใช่ว่าดีเยี่ยมไปเลยหรือไร?
ถัดจากนั้น กลุ่มคนจึงซื้อหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพร้อมเข้าเล่นหอคอยแห่งการทดสอบ
เพราะนี่คือครั้งแรกที่คณะเว่ยฉิงจู่ได้เล่น ดังนั้นจึงต้องจ่ายค่าลงทะเบียนเสียก่อน
ตอนที่ 116 : ภารกิจใหม่
“สิ่งของในร้านเถ้าแก่ราคาก็ยังสูงอยู่ดี” รับชมกระเป๋าเงินที่หดแฟ่บ เว่ยฉิงจู่ต้องถอนหายใจ
เพียงชั่วครู่ ทั้งสามก็ใช้จ่ายไปเกือบเจ็ดร้อยผลึกวิญญาณแล้ว!
“แม้ของในร้านเถ้าแก่ราคาสูง แต่ทั้งหมดก็คุ้มค่า!” โจวหู่เผยยิ้ม
“นั่นก็จริง” พวกนางทั้งสามได้แต่พยักหน้ารับ
หลังทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเรียบร้อย ประสาทรับรู้ได้ถึงออร่าเด่นชัดขึ้นสิบเท่าในร่าง กลุ่มคนจึงสวมหมวกพร้อมเข้าสู่หอคอยแห่งการทดสอบ
แรกเข้าหอคอยแห่งการทดสอบ เว่ยฉิงจู่และคณะต้องประหลาดใจไม่ใช่น้อย
หากไม่ทราบมาก่อน ก็คงคิดว่านี่คือโลกจริงอีกใบหนึ่ง!
“เหมือนพื้นที่เริ่มต้นจะแปลกออกไป!”
หนึ่งในคณะโจวหู่เผยเสียงออกด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้องแล้ว นั่นคือโหมดอารีน่า สำหรับให้ผู้เล่นปะทะกันเอง” เหยาซือหยานกล่าวบอก “ส่วนรายละเอียด ให้อ่านจากหน้าต่างข้อมูลเอาได้เลย”
ไม่นานจากนั้น กลุ่มคนจึงต้องส่งเสียงฮือฮากันครั้งใหญ่
“โหมดทั้งสองยังไงก็ต้องจ่ายผลึกวิญญาณ!”
“แหงอยู่แล้ว เถ้าแก่ก็เป็นเช่นนี้...”
คณะโจวหู่ทั้งห้าแบ่งกันเล่นโหมดท้าทายและโหมดอารีน่า
ในความเป็นจริง กำลังของโจวหู่นั้นมากพอปะทะผู้เล่นเป็นกลุ่มได้
แต่ในอารีน่า พื้นฐานคือกำลังจะอ้างอิงฝ่ายที่ด้อยกว่า
ดังนั้นคนทั้งสี่จึงเลือกท้าประลองโจวหู่
แน่นอนว่าเรื่องราวต้องดำเนินไปทีละคน
ดังนั้นคนที่เหลือจึงเข้าไปเล่นโหมดท้าทาย
คณะของเว่ยฉิงจู่ก็เลือกเข้าโหมดท้าทายเช่นเดียวกัน
“ส่งมอบภารกิจ ได้รับหนึ่งล้านผลึกวิญญาณ ระยะเวลาห้าสิบวัน รางวัลคือโอกาสสุ่มโชค”
เสียงพลันดังขึ้นภายในจิตของลั่วฉวน
“ภารกิจ? ระบบ เงียบหายไปนานขนาดนี้นึกว่าลืมเลือนเรื่องภารกิจไปเสียแล้ว” ลั่วฉวนบ่นออกอยู่ภายในใจ
ระบบเงียบใส่
เวลานี้ระบบกลายเป็นเย็นชาขึ้นมา
“แต่เหมือนจะยากไม่น้อย สะสมยอดขายหนึ่งล้านผลึกวิญญาณในห้าสิบวัน!”
ขณะนี้ร้านต้นตำรับมีลูกค้าแวะเวียนมาเรื่อย รายได้ต่อวันนั้นไม่น้อยไปกว่าหนึ่งพันผลึกวิญญาณ
แน่นอนว่าด้วยความคืบหน้าตอนนี้ คิดสำเร็จภารกิจในห้าสิบวันไม่อาจเป็นไปได้
แม้ไวน์หยกมีเข้ามาเติมทุกเจ็ดวันและขายออกโดยทันที อย่างนั้นมากสุดก็เจ็ดแสนผลึกวิญญาณ
ส่วนที่เหลืออีกสองแสนกว่าผลึกวิญญาณยังคงเว้นว่าง
ลั่วฉวนรู้สึกถึงความยากลำบากภายในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เหมือนว่าแผนการประชาสัมพันธ์ร้านต้นตำรับต้องเริ่มแล้ว!
แม้เขาคิดเช่นนี้ กระนั้นด้วยไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ลั่วฉวนรู้สึกว่าร่างถูกเก้าอี้ม้านั่งยึดติดเอาไว้
เช่นนี้ ช่วงบ่ายจึงผ่านพ้นไปอย่างเงียบงัน...
เพียงพริบตา หนึ่งวันก็ผ่านพ้น
เช้าตรู่วันถัดมา
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางต่างก็เป็นเหมือนทุกวัน เสร็จสิ้นมื้อเช้าจึงออกจากโรงเตี๊ยมมุ่งหน้าสู่ร้านต้นตำรับ
กระนั้นที่ทั้งสองไม่ทราบ คือมู่หรงไห่เถิงและหยิงอู๋จี้ต่างก็ออกจากโรงเตี๊ยมทันทีที่พวกนางออกมา
สถานที่เป้าหมายของสองกลุ่มคือที่เดียวกัน ร้านต้นตำรับ
เมื่อกู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางเดินเข้าในร้าน มู่หรงไห่เถิงและหยิงอู๋จี้ก็เดินเข้ามาในตรอก
“ที่นี่หรือ? ไม่น่าจะมีร้านได้เลย” มู่หรงไห่เถิงหันมองรับชมด้วยความสงสัย
สถานที่แห่งนี้มันรกร้างผู้คนขนาดไม่น่ามีร้านใดมาเปิด