ตอนที่แล้วบทที่ 6 การซื้ออย่างบ้าคลั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 คำเชิญจากจอมเวทย์

บทที่ 7 ไม่มีรากฐาน


"หนึ่งพัน?" เสียงของไฮนซ์ขาดหายไปในทันทีที่ได้ยิน เขามองไปที่ลูอิสด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเพื่อนคนนี้จะสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก

ลูอิสเผยรอยยิ้มจาง ๆ “ อะไรกัน? คุณไม่สามารถทำได้อย่างนั้นหรือ?”

“ แน่นอนว่า……” ไฮนซ์อยากจะตอบ แต่ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าไม่ใช่คนที่สามารถตัดสินใจได้ในเรื่องนี้ เขามองไปที่ซูยี่ส่งสัญญาณถึงเขาทางสายตาหวังว่าเขาจะตอบตกลงในเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว

นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ พัดลมเวทมนตร์หนึ่งพันตัวคำนวนเป็นเหรียญทองแล้วมันไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย นั่นเป็นจำนวนเงินถึงสองพันเหรียญทองเละนะ!

จาก 10% ที่เป็นค่าคอมมิชชั่น  เขาจะได้รับถึงสองร้อยเหรียญทองตามที่ได้ตกลงกันไว้!!

อย่างไรก็ตามไฮนซ์ก็คิดขึ้นได้ว่าถ้าลูอิสพูดคุยเรื่งการสั่งซื้อกับซูยี่โดยตรง เขาจะไม่สามารถมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ได้เลย และแน่นอนว่าค่านายหน้าของเขาก็จะไม่ได้เช่นกัน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ไฮนซ์ก็อดไม่ได้ที่จะร้อนรนขึ้นมา

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของไฮนซ์ลูอิสก็เข้าใจทันที คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจครั้งนี้คือ ซูยี่ เด็กหนุ่มผมสีดำหน้าตาธรรมดาคนนี้เขาจึงมองไปที่ซูยี่ในทันที

ซูยี่กำลังครุนคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวท่ามกลางสายตาที่คาดหวังของไฮนซ์

“ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทางเราไม่สามารถรับคำสั่งซื้อนี้ได้”

ลูอิสและไฮนซ์ตกตะลึง ลูอิสถามพร้อมกับขมวดคิ้ว“ ทำไม? คุณกลัวว่าผมจะจ่ายไม่ไหวเหรอ? ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมสามารถจ่ายก่อนคุณได้” เขาหยิบกระดาษสีทองอ่อนที่ดูพิเศษออกมาจากหน้าอกของเขาจากนั้นเขาก็พูดต่อ“ นี่คือธนบัตรทองของหอการค้าคิเมร่า ซึ่งสามารถใช้ได้ทั่วทั้งทวีปและมีมูลค่าหนึ่งพันเหรียญทอง คุณสามารถตรวจสอบดูได้เลย”

“ ธนบัตรทองของธนบัตรทองของหอการค้าคิเมร่า!” ไฮนซ์อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตกใจ

หอการค้าคิเมร่า เป็นหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดของทวีปไซน์ ว่ากันว่ามีอาณาจักรใหญ่สองอาณาจักรอยู่เบื้องหลังพวกเขาหนึ่งในนั้นคือราชวงศ์ของจักรวรรดิแคนดราซึ่งแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นธนบัตรทองที่พวกเขาออกให้จึงเป็นสกุลเงินทั่วไปในทวีปไซน์

ชายวัยกลางคนคนนี้สามารถหยิบธนบัตรทองของหอการค้าคิเมร่ามูลค่าหนึ่งพันเหรียญทองออกมาได้โดยไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างร่ำรวย มันเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านค้าเล็กๆอย่างร้านของไฮนซ์ยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้

“ นั่นไม่ใช่เหตุผล”ซูยี่ยังคงไม่ไหวติง“ที่ผมไม่สามารถรับคำสั่งซื้อของคุณได้ส่วนใหญ๋เป็นเพราะเหตุผลของผมเอง นี่เป็นเพราะผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าผมสามารถผลิตพัดลมเวทมนตร์ได้หนึ่งพันตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ และแม้ว่าผมจะหักโหมตัวเองทำให้เสร็จผมก็ไม่สามารถรับประกันคุณภาพของมันได้”

"คุณภาพ?" ลูอิสมองไปที่ซูยี่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเหมือนเขาพบสิ่งที่น่าสนใจ ริมฝีปากของเขาโค้งงอเป็นรอยยิ้ม“ถ้าอย่างนั้นคุณูซูยี่ถ้าผมจะเพิ่มราคาของพัดลมเวทมนตร์ไปอีกสองเหรียญเงินคุณเห็นว่ายังไง?”

หัวใจของไฮนซ์เต้นผิดจังหวะ

ราคาที่เพิ่มขึ้นสิบเหรียญเงินต่อพัดลมเวทมนตร์หนึ่งตัวแม้ว่ามันจะดูไม่มากนัก แต่นั่นก็เป็นเงินถึงหนึ่งร้อยเหรียญทองต่อพัดลมหนึ่งพันตัว!

ไม่ต้องพูดถึงว่าตามกฎปกติของธุรกิจเมื่อมีการสั่งซื้อจำนวนมากเช่นเดียวกับที่ลูอิส กำลังทำอยู่จึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องให้ส่วนลด ตอนนี้ลูอิสิป็นฝ่ายเพิ่มราคาเองดังนั้นจึงสามารถเห็นถึงความจริงใจของเขาได้

อย่างไรก็ตามซูยี่ยังคงส่ายหัวอย่างแน่วแน่“ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ นี่มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของราคา คุณภาพของสินค้ามีความสำคัญมาก หากไม่สามารถมั่นใจได้อาจเกิดภัยพิบัติขึ้นและผมไม่ต้องการที่จะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น”

“ ภัยพิบัติ?” ลูอิสขมวดคิ้วราวกับไม่เข้าใจว่าซูยี่หมายถึงอะไร

ซูยี่เผยรอยยิ้ม แต่เขาไม่ได้วางแผนที่จะตอบกลับ

ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับปัญหาที่เกิดจากคุณภาพของตัวสินค้าที่โลกก่อนหน้าของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเห็นปัญหาแบบนี้ปรากฏบนทวีปไซน์

บางทีอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งหมด แต่เขาจะพยายามอย่างเต็มที่

นี่เป็นหลักการพื้นฐานในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครื่องกล

เมื่อเห็นว่าซูยี่หนักแน่นแค่ไหนลูอิสก็ถอนหายใจ เขาหยิบธนบัตรสีทองกลับคืนมา แต่หยิบกระดาษอีกแผ่นที่มีสีแตกต่างออกไปซึ่งดูค่อนข้างพิเศษเพื่อมอบให้กับซูยี่

“คุณซูยี่การได้พบคุณเป็นโอกาสที่มีดี นี่คือนามบัตรของผมโปรดรับมันไว้”

ซูยี่หยิบนามบัตรและกวาดสายตามองมัน เขาสังเกตเห็นว่ามีเพียงชื่อและที่อยู่ธรรมดา ๆ บนนั้นไม่มีข้อมูลอื่น ๆ เลย

ที่อยู่นี้อยู่ในอันวิลมาร์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรลัมปุรี แต่ซูยี่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในอาณาจักรลัมปูรีเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยไปที่อันวิลมาร์เลยสักครั้ง

“ ถ้าคุณเปลี่ยนใจคุณสามารถมาหาผมได้ตามที่อยู่นั้นทุกเมื่อ บางทีคุณอาจจะมีอะไร่ที่แปลกใหม่เหมือนกับพัดลมเวทมนตร์อีกในอนาคตเมื่อถึงตอนนั้นผมหวังว่าคุณจะนึกถึงผมก่อนเป็นคนแรก ผมเชื่อว่าเราจะมีโอกาสร่วมมือกันในอนาคตอย่างแน่นอน”

แม้ว่าลูอิสจะรู้สึกว่าซูยี่ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเขานัก แต่เขาก็สามารถทำอะได้กลับกันใบหน้าของเขายังคงแสดงออกด้วยรอยยิ้ม ซูยี่พยักหน้าแสดงว่าเขาเข้าใจแล้ว

หลังจากที่ลูอิสจากไปไฮนซ์ก็หยิบนามบัตรจากมือของซูยี่ หลังจากมองดูแล้วเขาก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ“ มันคือถนนสโลน! พระเจ้า! เขาต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากแน่ๆ!”

“ โอ้?” ซูยี่มองไฮนซ์ด้วยสายตาสงสัย

“ นายไม่รู้เหรอ” ดูเหมือนไฮนซ์จะแปลกใจกับซูยี่มากที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับถนนสโลน“ ถนนสโลนเป็นที่ที่ตระกูลขุนนางใหญ่ของอันวิลมาร์ตั้งอยู่ ลูอิสต้องการให้คุณไปที่นั่นเพื่อติดต่อกับเขานั่นหมายความว่าเขาเป็นคนสำคัญที่อาศัยอยู่ที่นั่นแน่นอน!”

ซูยี่เผยรอยยิ้มไม่ใส่ใจ มันไม่สำคัญว่าลูอิสคนนี้จะเป็นคนสำคัญหรือไม่ พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันในตอนนี้

สิ่งที่เขาต้องสนใจตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะได้รับกำไรกว่าสี่ร้อยเหรียญทองจากพัดลมเวทมนตร์์ชุดแรกและอาจถือว่าร่ำรวยอยู่บ้าง แต่นั่นเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หากเขาต้องการที่จะได้รับผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาต้องทำ

เขาไม่ยอมรับคำสั่งซื้อของลูอิสในตอนนี้เป็นเพราะเหตุผลที่เขาพูดถึง เขาไม่สามารถรับประกันสายการผลิตของพัดลมเวทมนตร์ได้

สายการผลิตพัดลมเวทมนตร์ทั้งหมดเป็นเขาที่ติดต่อช่างตีเหล็กและเพื่อนร่วมงานของเขาเข้าด้วยกันมันเป็นสายการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ด้วยเหตุนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อการผลิต

ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเพื่อนร่วมงานทั้งสิบคนที่รับผิดชอบเรื่องรูปแบบเวทมนตร์ที่เป็นแกนกลางของพัดลมเวทมนตร์

เพื่อนร่วมงานสิบคนที่ได้รับผลประโยชน์จากการทำงานร่วมกับซูยี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ตราบใดที่ซูยี่ยังคงให้ค่าตอบแทนกับพวกเขาเหมือนเดิมพวกเขาก็จะวาดรูปแบบเวทมนตร์ให้เขามากขึ้นด้วยความเต็มใจ อย่างไรก็ตามความร่วมมือในลักษณะนี้ไม่มั่นคงอาจถูกตัดขาดได้ทุกเมื่อด้วยเหตุอันฉับพลันที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อซูยี่ทำสัญญาเพื่อจะจ้างพวกเขาเพื่อนร่วมงานทุกคนก็จะปฏิเสธเขาโดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ซูยี่ก็ชัดเจนในเหตุผลที่พวกเขาปฏิเสธ มันเป็นเพราะความมั่นใจและความภาคภูมิใจในฐานะนักเวมย์

พวกเขาไม่มีปัญหาใด ๆ ในการช่วยซูยี่วาดรูปแบบเวทมนตร์สักสองสามชิ้นมันถือได้ว่าเป็นรายได้พิเศษในเวลาว่าง

แต่ถ้าเป็นการเซ็นสัญญากับพวกเขานั่นหมายถึงการเป็นพนักงานของซูยี่สำหรับนักเวทย์เหล่านี้ที่ปกติเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจนี่เป็นสิ่งที่ยากที่จะยอมรับ

แม้ว่าพัดลมเวทมนตร์จะมีคำว่าเวทมนตร์ในชื่อของมันและเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ แต่ ทวีปไซน์ให้ความสำคัญกับการใช้เวทมนตร์ งานนี้ไม่ต่างจากการเป็นช่างฝีมือทั่วไปดังนั้นนักเวทย์โดยธรรมชาติแล้วจะดูถูกมัน

นอกเหนือจากนั้นร้านช่างตีเหล็กก็ไม่สามารถทำให้ซูยี่รู้สึกมั่นใจได้

แม้ว่าซูยี่จะวาดพิมพ์เขียวที่ละเอียดมากเมื่อเขาสั่งซื้อปลอกครอบด้านนอกของ พัดลมเวทมนตร์และเน็นย้ำในแต่ละส่วนด้วยรายละเอียดที่รอบคอบ แต่ก็ยังมีหลายส่วนของปลอกครอบด้านนอกที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของซูยี่

หากไม่ใช่เพราะความต้องการทางเทคโนโลยีของพัดลมเวทมนตร์นั้นไม่ร้ายแรงเกินไปซูยี่จะส่งคืนของที่มีข้อบกพร่องเหล่านี้ทั้งหมดและให้พวกเขาสร้างมันขึ้นมาใหม่

แน่นอนซูยี่รู้ว่าเป็นเขาที่เรียกร้องมากเกินไป

ในฐานะวิศวกรเครื่องกลระดับสูงจากโลกซูยี่เคยชินกับเครื่องจักรไฮเทคจากโลกที่่่ทำงานไม่แตกต่างจากข้อกำหนดแม้แต่มิลลิเมตรเดียว แต่นี่คือทวีปไซน์ ซึ่งเป็นโลกที่ไม่มีพื้นฐานทางเทคโนโลยีเลย หากเขาต้องการไปให้ถึงระดับเดียวกับเทคโนโลยีบนโลกนั่นเป็นเรื่องที่โง่เขลา

“ ไอปัญหาที่ร้ายแรงเช่นนี้” เมื่อนึกถึงปัญหาที่เขาเผชิญซูยี่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว ๆ

วันรุ่งขึ้นซูยี่ไปที่หอคอยเวทมนตร์เพื่อทำงานเหมือนปกติ

สถานะของซูยี่ในห้องปฏิบัติการวิจัยแตกต่างจากเมื่อก่อน แม้ว่าพลังเวทย์ของเขาจะไม่แข็งแกร่งขึ้น แต่อย่างน้อยเพื่อนร่วมงานสิบคนที่เคยทำงานร่วมกับเขาและได้รับประโยชน์จากเขาไม่น้อยก็เป็นมิตรกับเขามากกว่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน

เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องทดลองก็มีคนจำนวนมากมาทักทายเขา

ซูยี่ตอบกลับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขานั่งลงในที่นั้งของเขาทันใดนั้นเวลล่าก็ลุกขึ้นจากข้างๆเขาและวางพิมพ์เขียวรูปแบบเวทมนตร์ต่อหน้าซูยี่

“ ซูยี่ ฉันได้ศึกษารูปแบบเวทมนตร์ของนายอย่างละเอียดแล้ว!”

ซูยี่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเวล่าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจมาก เขามองย้อนกลับไปที่พิมพ์เขียวณูปแบบเวทมนตร์บนโต๊ะและสังเกตว่ามันคือรูปแบบเวทมนตร์ที่เป็นแกนกลางของพัดลมเวทมนตร์ รูปแบบเวทย์ลมหมุ่น

แต่เวลลาได้ใส่บันทึกย่อหลายฉบับลงบนพิมพ์เขียวแสดงความคิดเห็นในเกือบทุกอักขระ

เหมือนอย่างที่เวลล่าพูดโดยอาศัยพิมพ์เขียวเธอได้ศึกษาณูปแบบเวทมนตร์นี้อย่างละเอียด คำอธิบายประกอบแต่ละรายการมีรายละเอียดมากและสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย

แม้ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งสัมผัสกับเวทมนตร์หากพวกเขาดูพิมเขียวนี้พวกเขาก็จะสามารถเข้าใจมันได้อย่างง่ายดาย

ซูยี่กวาดตามองมันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเวลลา“ เฮ้เวลล่าเธอเก่งจริงๆ!”

เวลล่าส่งเสียงหึเบา ๆ และเผยให้เห็นความภาคภูมิใจ

“นี่เป็นเพียงร์ปแบบระดับต่ำไม่ใช่เรื่องยากที่จะศึกษา”

ซูยี่หัวเราะเห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเวลล่า เขายกพิมพ์เขียวขึ้นแล้วถามว่า“ เธอขายพิมพ์เขียวนี้ให้ฉันได้ไหม”

เวลล่าตะลึง“นายจะซื้อมันไปเพื่ออะไร?นายเป็นคนสร้างรูปแบบเวทมนตร์นี้ไม่ใช่เหรอ?”

ซูยี่ยักไหล่“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่มีคนทำคำอธิบายประกอบโดยละเอียดให้กับรูปแบบนี้ดังนั้นฉันจึงต้องการนำพิมพ์เขียวนี้กลับคืนมา แล้วยังไงล่ะ? เธอจะขายให้ฉันไหม ขอราคาหน่อย”

เวลล่ามองไปที่ซูยี่ด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะโบกมืออย่างสบาย ๆ “ อย่างน้อยนายก็มีความเป็นสุภาพบุรุษ ลืมมันไปเถอะฉันไม่ได้เห็นแก่เงินเท่านายที่ขายพัดลมเวทมนตร์ตั้งสองเหรียญทอง พิมพ์เขียวนี้ไม่มีค่าอะไรนายเอาไปเถอะ”

ซูยี่หัวเราะ“ งั้นก็ขอบคุณ”

หลังจากพูดสิ่งนี้เขาก็ไม่ลังเลที่จะรับพิมพ์เขียวมา

เขาอยากจะขอบคุณเวลล่าจริงๆ ด้วยพิมพ์เขียวนี้จะช่วยให้เขาแก้ปัญหาใหญ่ได้

หากเขาต้องการสอนผู้คนถึงวิธีวาดรูปแบบเวทมนตร์ในอนาคตเขาไม่จำเป็นต้องแนะนำพวกเขาอย่างใกล้ชิด เขาเพียงต้องการให้พวกเขาเห็นพิมพ์เขียวนี้และพวกเขาจะเข้าใจมากที่สุด มันช่วยเขาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อเขากำลังจะจดจ่อกับงานจู่ๆประตูห้องทดลองก็เปิดออก สเตลเดินอย่างรวดเร็วและมองไปรอบ ๆ ห้องทดลองก่อนที่เธอจะจ้องมองไปทีซูยี่

“ ซูยี่มากับฉัน คุณปู่อยากจะเจอนาย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด