บทที่ 6 การซื้ออย่างบ้าคลั่ง
ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปี แม้ว่าจะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่เมื่อแดดออกถนนในเมืองบันต้าก็ค่อนข้างร้อนอบอ้าว
เมืองบันต้าดูราวกับเมืองร้างเมื่อแสงแดดเริ่มแผดเผาไปทั้งเมือง ไม่ต้องพูดถึงผู้คนที่ในตอนนี้แม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยิน
อย่างไรก็ตามในถนนสายธุรกิจทางตะวันตกของเมืองมันเป็นฉากที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
มีร้านค้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่กว่าร้อยแห่งมารวมตัวกันบนถนนสายธุรกิจนี้และมีผู้คนหลายร้อยคนมารวมตัวกันที่นี่ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้คนหลายร้อยคนเหล่านี้มารวมตัวกันที่หน้าร้านเดียวกันเหมือนนัดกันไว้
“ ่โอ้ว? โจเซฟทำไมนายถึงมาที่นี่ด้วยละ”
“ไร้สาระน่าทำไมฉันจะมาไม่ได้? เออใช่ไอค์นายก็มาซื้อพัดลมเวทมนตร์เหมือนกันเหรอ?”
"ใช่แล้ว นายพูดว่าเหมือนกัน เป็นไปได้มั้ยว่านายก็มาซื้อพัดลมเวทมนตร์”
"ใช่สิ ฉันสั่งจองล่วงหน้าเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว!”
… ...
บทสนทนาที่คล้ายกันดังขึ้นเป็นครั้งคราวจากฝูงชน
เมื่อฟังจากบทสนทนาจะพบว่าที่คนกว่าหลายร้อยคนมารวมกันที่ร้านไฮนซ์ที่ดูธรรมดานี้ทั้งหมดเป็นเพราะเพื่อมาซื้อพัดลมเวทมนตร์
มีคนกลุ่มเล็กๆที่จองไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนและมาวันนี้เพื่อรับมัน และมีอีกหลายคนที่มาที่นี่เพราะได้ยินข่าวจากที่อื่นเรื่องพัดลมเวทมนตร์
“ คนเยอะขนาดนี้แล้วพัดลมเวทมนตร์จะพอขายเหรอ” จู่ๆก็มีคนถามคำถามนี้ขึ้นมา
เมื่อเขาถามคำถามนี้คนที่กำลังคุยกันก็เงียบเสียงลง จากนั้นพวกเขาก็ราวกับนึกอะได้ทันใดนั้นทุกคนก็พุ่งไปที่ประตูร้านอย่างรวดเร็ว
“ อย่าผลักฉันเซ่ วันนี่ถ้าฉันไม่ได้พัดลมเวทมนตร์กลับไปเมือฉันด่ายับแน่!”
"บัดซบ แกคิวว่าแกมีเมียคนเดียวหรือไง ฉันจะบอกอะไรให้ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้พัดลมเวทมนตร์ไปไม่เพียงเมียฉันจะด่าฉันเท่านั้นเธอยังจะพาลูกออกไปนอนข้างถนนด้วย”
“เอาล่ะเอาล่ะ พวกนายหยุดผลักกันได้แล้ว ฉันจองล่วงหน้าไว้แล้ว”
“ โถ่เอ้ย! ทำไมเพื่อนที่สั่งจองล่วงหน้าถึงดันมากับเรา!”
… ...
ซูยี่ได้ส่งพัดลมเวทมนตร์ให้ไปที่ร้านของไฮนซ์ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และตอนนี้เขากำลังพูดคุยเรื่องซื้อหุ้นกับไฮนซ์ ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกและหลังจากมองไปที่ไฮนซ์พวกเขาก็พากันเดินออกมาที่หน้าร้านด้วยกัน
เมื่อพวกเขาเปิดประตูทั้งสองก็ต้องตกใจกับฉากตรงหน้า
ผู้คนหนาแน่นพุ่งเข้ามาในร้านราวกับน้ำทะลักทำให้ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนทันที
“ ไฮนซ์พัดลมเวทมนตร์ที่ฉันสั่งไว้อยู่ที่ไหน”
“เฮ้เจ้าของร้านฉันไม่ได้สั่งจองไว้ล่วงหน้าแต่ฉันจะซื้อสอง ไม่สิ สามไปเลย!”
"ฉันด้วยไฮนซ์ฉันเป็นลูกค้าเก่าที่นี่นายต้องขายพัดลมเวทมนตร์ให้ฉันสองตัวนะ!”
“ให้ตายเถอะเป็นลูกค้าเก่าแล้วไง นายต้องขายให้ฉันถ้าฉันให้เงินนาย ฉันก็ต้องการเหมือนกันนะ”
“ นายจะซื้อแค่ตัวเดียวก็อย่าผลักฉันเซ้ไปต่อแถวข้างหลังโน้น!”
… ...
ในตอนนี้มันก็ร้อนมากอยู่แล้ว แต่เมื่อฝูงชนพุ่งเข้ามาอากาศมันก็ร้อนขึ้นไปอีก เป็นความจริงทีนี่คือครั้งแรกที่ซูยี่ต้องจัดการกับสถานการณ์นี้ เมื่อคิดขึ้นมาเขาก็รู้สึกเหงือแตกขึ้นมาทันที
แต่ทว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของไฮนซ์ที่ต้องเผชิญกับฝูงชนจำนวนมากตั้งแต่เขาเปิดร้านนี้มาหลายปี ดังนั้นเขาจึงรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับซูยี่ที่มักจะศึกษาร่ำเรียน เขาสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วและตะโกนดัง ๆ ว่า“ ทุกคนใจเย็น ๆ ! ใจเย็น ๆ! เราได้เตรียมพัดลมเวทมนตร์ไว้ห้าร้อยตัวในครั้งนี้เรารับประกันว่าเราสามารถขายให้พวกคุณได้ทุกคนแน่ๆ”
เมื่อได้ยินว่ามีห้าร้อยตัวทุกคนก็สงบลงเล็กน้อย
แต่ความสงบนี้คงอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้นเมื่อทุกคนนึกถึงอะไรบางอย่าง มีคนหลายร้อยคนที่อยู่นอกร้านและแม้ว่าแต่ละคนจะซื้อเพียงหนึ่งตัว แต่ก็แทบจะไม่เพียงพอและยังมีอีกหลายคนที่ยังมาไม่ถึงอีก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ฝูงชนก็ดุร้ายยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเห็นเช่นนี้ไฮนซ์ก็รู้ว่าไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เขารีบมองไปที่่ซูยี่เพื่อให้เขาและอเล็กซ์หลานชายของเขาที่เขาโทรตามกลับมาเมื่อสองวันก่อนเพื่อมุ่งหน้าไปที่สวนหลังบ้านและนำสินค้าออกมา
พัดลมเวทมนตร์ตัวนึงมีน้ำหนักน้อยกว่าสามกิโลดังนั้นซูยี่และอเล็ก จึงสามารถนำมารวมกันได้สิบตัว อย่างไรก็ตามทันทีที่ทั้งสิบตัวนี้ปรากฏขึ้นมาพวกมันก็ถูกฝูงชนรุมล้อมที่นอกร้านทันที พวกเขาสองคนทำได้แค่มุ่งหน้ากลับไปและนำมันออกมาเพิ่ม
ในขณะที่ซูยี่และอเล็กซ์เดินไปมาระหว่างร้านค้าและโกดังในสวนหลังบ้านพัดลมเวทมนตร์ทั้งสี่ร้อยแปดสิบเจ็ดตัวก็ถูกขายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานคนในร้านก็ไม่สามารถรอได้อีกต่อไปและพวกเขาก็พุ่งตรงไปที่โกดังในสวนหลังบ้านโดยมี ซูยี่และอเล็กตามมา
ไฮนซ์ยังใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในการเปลี่ยนสถานที่ขายเป็นคลังสินค้า ดังนั้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงพัดลมเวทมนตร์ทั้งหมดในโกดังก็ถูกขายไป
ยังมีคนอีกกว่าร้อยคนที่ยังไม่ได้ซื้อ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพ์ดลมเวทมนตร์ทั้งหมดถูกขายไปแล้วพวกเขาก็รู้สึกผิดหวังทันทีและบางคนที่ใจร้อนกว่านี้ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“ เตรียมของไวเไม่พอนี่มันร้านแบบใหนกัน”
สำหรับคนที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ซูยี่และไฮนซ์ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น
แต่ในรอยยิ้มอันขมขื่นของพวกเขาก็มีความพึงพอใจและผ่อนคลายอย่างชัดเจน
พวกเขาคิดว่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะขายพัดลมเวทมนตร์ได้มากกว่าสี่ร้อยตัว แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะขายได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสองคนประหลาดใจจริงๆ
สำหรับคนที่เหลืออีกร้อยคนที่ยังไม่ได้ซื้อพัดลมเวทมนตร์ ไฮนซ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยไป หลังจากได้รับคำยืนยันจากซูยี่เขาก็บอกทุกคนว่าจะมีพัดลมเวทมนตร์จำนวนมากในอนาคต หากต้องการก็สามารถสั่งล่วงหน้าได้
คราวนี้ไม่มีใครลังเลอีกต่อไป ทุกคนสั่งล่วงหน้าทันที
หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงผู้คนก็ค่อยๆกระจัดกระจายกันกบับไปและร้านค้าก็กลับสู่ความสงบตามปกติ
หลังจากส่งลูกค้าคนสุดท้ายออกไปไฮนซ์ก็ดึงซูยี่เข้าไปในห้องด้านหลังทันที
“ กลิ้ง กลิ้ง กลิ้ง——”
ไฮนซ์เขย่าถุงเงินในมือและเหรียญทองจำนวนมากก็ไหลออกมาราวกับน้ำ มันใหลลงมาและก่อตัวเป็นภูเขาเหรียญทองขนาดเล็กบนโต๊ะต่อหน้าพวกเขาสองคน
เมื่อเห็นภูเขาลูกเล็ก ๆ ที่เปล่งประกายสีทองไฮนซ์ก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
นี่มันเยอะมาก!
ไฮนซ์ต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่เขาจะสงบจิตใจที่กำลังตื่นเต้นและดันเงินไปที่หน้าซูยี่
พัดลมเวทมนตร์ที่ขายได้ทั้งหมดสี่ร้อยแปดสิบเจ็ดตัว ด้วยราคาตัวละสองเหรียญทอง เงินที่ได้คือเก้าร้อยเจ็ดสิบสี่เหรียญทอง เมื่อรวมกับพัดลมเวทมนตร์อีกหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดตัวพวกเขาก็จะได้เงินทั้งหมดแปดร้อยห้าสิบเจ็ดเหรียญทอง
หลังจากไฮนซ์ตรวจเช็คของในคลังเสร็จแล้วเขาหันกลับมาพูดกับซูยี่
“ ซู… .. ซูยี่วันนี้เรารวยแล้ว!” แม้ว่าเขาจะเตรียมใจกับเงินจำนวนนี้แล้วก็ตาม แต่เมื่อเห็นเหรียญทองกว่าแปดร้อยเหรียญอยู่ตรงหน้าเขาไฮนซ์ก็อดรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยไม่ได้
การเปิดร้านค้าทั่วไปในเมืองบันต้านั้นรายได้ตลอดทั้งปีของเขาจะไม่เกินสามร้อยเหรียญทอง แต่ว่าแคเช่วงเช้าวันเดียวเขาได้รับมากกว่าแปดร้อยเหรียญทอง!
เขาไม่กล้าเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง!
แม้ว่าภายนอกซูยี่จะมีท่าทางที่สงบกว่าไฮนซ์มาก แต่เขาก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ลึก ๆ
หลังจากมาถึงโลกนี้เป็นเวลาสามปี เขาไม่มีทางเลือกมากนัก แม้ว่าเขาจะไม่อ่อนไหวต่อเงินมากนัก แต่ด้วยรายได้แบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะผ่อนคลายได้มากขึ้น
ทั้งสองเงียบไปเล็กน้อย ซูยี่ทำใจให้สงบและหยิบเหรียญทองสี่ร้อยเหรียญออกจากกองและดันไปหาไฮนซ์
ไฮนซ์ตะลึง“ นี่มันไม่ถูกต้องใช่ไหม”
ตามข้อตกลงระหว่างเขากับไฮนซ์เขาควรจะจ่ายเงินให้ไฮนซ์ 10% ซึ่งควรเป็นค่าคอมมิชชั่นเก้าสิบเจ็ดเหรียญทอง นอกเหนือจากนั้นเมื่อเขาสร้างพัดลมเวทมนตร์เขาพบว่าเงินทุนของเขาไม่เพียงพอ เขาจึงยืมไฮนซ์มาอีกสองร้อยเหรียญทอง เขาสามารถคืนมันทังหมดได้เลยตอนนี้
พูดให้ถูกคือซูยี่ควรจะให้ไฮนซ์สามร้อยเหรียญทอง สามร้อยเหรียญทอง เหรียญทองที่เหลืออีกร้อยเหรียญคือสิ่งที่ไฮนซ์ประหลาดใจ
ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ “ ไม่มีอะไรผิดหรอก ที่เพิ่มให้อีกร้อยเหรียญทองก็เพื่อจะให้คุณช่วยฉันหาที่เช่าที่ใหญ่กว่าในตอนนี้ เพื่อให้สะดวกต่อการทำพัดลมเวทมนตร์จำนวนมาก ไม่คงจะไม่สะดวกนักที่จะทำที่บ้านต่อน่ะ”
ไฮนซ์พยักหน้าเล็กน้อย ห้องเล็ก ๆ ของซูยี่มีพื้นที่น้อยกว่าสิบตารางเมตรมันค่อนข้างจะไม่สะดวกเท่าใหรนัก
ซูยี่ต้องการจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมแก่ไฮนซ์ทันใดนั้นอเล็กซ์ที่เฝ้าอยู่ที่ร้านก็พุ่งเข้ามา
“ ลุงไฮนซ์ซู… .. คุณซูยี่… ... มีลูกค้ารายใหญ่มาครับ!”
“ ลูกค้ารายใหญ่?” ซูยี่และไฮนซ์มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ“ ลูกค้ารายใหญ่เหรอ?”
ทั้งสองมองหน้ากันและเข้าใจทันทีว่าอเล็กซ์หมายถึงอะไรที่ว่า "ลูกค้ารายใหญ่"
คนที่มาเป็นชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบปีตัวค่อนข้างส่วนสูงและหน้าตาธรรมดา แต่ท่าทางของเขาให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นคนฉลาด เมื่อเขาหรี่ตามองผู้คนมันเหมือนกับว่าเขากำลังมองเห็นสินค้า
"หนึ่งพัน." หลังจากได้เห็นไฮนซ์และซูยี่ชายวัยกลางคนที่ชื่อลูอิสก็ได้พูดขึ้นมาว่า“ ฉันต้องการสั่งซื้อพัดลมเวทมนตร์ล่วงหน้าหนึ่งพันตัว”