บทที่ 4 ขาย
มีเสียงเบา ๆ จากประตู จอมเวทย์คามิลล่าไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมามองก็รู้ว่าเป็นหลานสาวที่มีค่าของเขา
นอกจากเธอแล้วจะมีใครที่กล้าเปิดประตูเข้ามาในห้องของจอมเวทย์คามิลล่าโดยไม่เคาะก่อนกัน
“ปู่หนูกลับมาแล้ว” น้ำเสียงอ่อนเยาว์ของสเตลดังมาจากด้านหน้าของคามิลล่า
คามิลล่าเงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้มเขามองไปที่ สเตลด้วยความอ่อนโยน สายตาของเขาอดไม่ได้เลื่อนสายตาจากใบหน้าของสเตลลงมาที่อ้อมแขนของเธอซึ่งมีสิ่งแปลกประหลาด… .. ก้อนเหล็ก?
"นี่คืออะไร?" จอมเวทย์คามิลล่าขมวดคิ้ว
“หนูเพิ่งซื้ออะไรสนุก ๆ มามันเรียกว่า พัดลมเวทมนตร์ ลองดูสิ.” เธอยังคงตอบด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอวางสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนลงบนโต๊ะตรงหน้าคามิลล่า จากนั้นเธอก็กดอะไรบางอย่างที่ยื่นออกมาที่ฐานโดยไม่ตั้งใจ
“ กลิ่ก -
ด้วยเสียงนี้ใบพัดทั้งสามที่คามิลล่าคิดว่าเป็นเพียงเครื่องประดับเริ่มหมุนอย่างช้าๆ หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็เร็วขึ้นและปล่อยสายลมอ่อน ๆออกมา
“ข้างในนี้คือ… ..รูปแบบเวทมนตร์?”
ในฐานะจอมเวทย์ระดับสามดาวซึ่งได้รับการยอมรับจากสมาคมนักเวทพลังเวทย์์ของคามิลล่านั้นเหนือกว่าเรมและคนอื่นๆมาก ดังนั้นเมื่อพัดลมเวทมนตร์ถูกเปิดใช้งาน เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของเวทมนตร์ที่อยู่ภายในพัดลมเวทมนตร์ได้ในทันที
"ใช้แล้ว คุณปู่ไม่คิดว่าเจ้านี่มันน่าสนใจเหรอ” สเตลพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“มันก็น่าสนใจอยู่นิดหน่อย” คามิลล่าเอื้อมมือไปแตะฐานพัดลมเวทมนตร์และสัมผัสถึงรูปแบบเวทมนตร์ที่อยู่ภายในจากความผันผวนของเวทมนตร์ จากนั้นเขาก็ส่ายหัว“มันเป็นเพียงรูปแบบเวทย์ลมหมุนธรรมดาไม่ใช่ของหายากอะไร” หลังจากพูดเสร็จเขาก็มองมายังสเตลแล้วพูดอย่างจริงจัง“แต่หลานควรจะเอาเวลาไปศึกษาเวทมนตร์ ไม่ใช่เอาเวลามาสนใจกับของพวกนี้นะ”
ที่คามิลล่าเอาใจหลานสาวคนนี้ไม่ใช่เพียงเพราะเธอน่ารักและกตัญญูเท่านั้น เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นเป็นเพราะเธอมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์ที่สูงส่ง เมื่อสามปีก่อนเธอได้เข้าเรียนในโรงเรียนเวทย์มนตร์ระดับสูงสุดของลัมปุรีนั่นคือสถาบันเวทย์มนตร์ลัมปุรีซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทวีปไซน์ ยิ่งไปกว่านั้นเธอได้ผ่านการทดสอบการรับรองของสมาคมนักเวทย์เมื่อปีที่แล้วและกลายเป็นนักเวทย์อย่างเป็นทางการที่ได้รับการยอมรับจากสมาคมนักเวทย์
การที่จะมีความสำเร็จแบบนี้เมื่ออายุเพียงสิบเก้าแม้ว่าจะมองไปทั่วทั้งทวีปไซน์ เธอก็ยังถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะแห่งเวทมนตร์
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่คามิลล่าเอาใจใส่สเตล ในขณะเดียวกันก็มีข้อกำหนดที่เข้มงวดกับเธอด้วย เขามักจะตำหนิสเตล ที่ชอบเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้
"หนูรู้น่า" เธอคุ้นเคยกับท่าทางแบบนี้ของคามิลล่าดี เพราะงั้นเธอจึงไม่ได้กลัวเลย นอกจากนี้เธอยังแลบลิ้นน้อยๆของเธอออกมาอย่างน่ารักอีกด้วย
เธอเข้าใจว่าถ้าเธอยังอยู่ที่นี่เธอจะต้องถูกเทศนาจากคุณปู่คามิลล่าอย่างแน่นอน เธอจึงรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสเตลจากไปคามิลล่าก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่มีทางจัดการกับหลานสาวคนนี้ได้เลยจริง ๆ
เมื่อมองไปที่รูปแบบเวทมนตร์อีกครั้งความตกใจก็ปรากฏขึ้นในใจของคามิลล่า
“นี่มัน!”
สายตาของคามิลล่าจ้องมองไปที่พัดลมเวทมนตร์บนโต๊ะทำงาน โดยไม่รู้ตัว เขาวางมือไปที่มัน พลังเวทย์ค่อยใหลลงมา
ฐานของพัดลมเวท์มนตร์ค่อยๆเรืองแสงสีเขียวอ่อนและใบพัดก็เริ่มหมุนไปเรื่อย ๆ และค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น พัดลมเวทมนตร์ก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นไม่นานเสียงแปลก ๆ ก็ดังมาจากพัดลมเวทมนตร์ใบพัดของพัดลมไม่สามารถทนต่อความเร็วขนาดนี้ได้และหลุดออกมา มันชนเข้ากับตาข่ายเหล็กอย่างรุนแรง
ด้วยความเร็วสูงของใบพัดพวกมันจึงหลุดออกจากกัน แม้แต่ตาข่ายเหล็กป้องกันที่อยู่ด้านหน้าก็บิดเบี้ยว
คามิลล่าถอนมือกลับมาและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
สาเหตุที่จู่ๆเขาต้องการตรวจสอบพัดลมเวทมนตร์ เป็นเพราะว่าจู่ๆเขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ รูปแบบเวทย์ลมหมุนเป็นเพียงรูปแบบเวทมนตร์ระดับต่ำดังนั้นลมที่สร้างขึ้นจากมันจึงเป็นเวทมนตร์ระดับต่ำ
ถ้ามันถูกปล่อยออกมาโดยตรงบางทีมันอาจจะแรงกว่าลมที่ปล่อยออกมาจากพัดลมเวทมนตร์ แต่มันจะไม่คงที่ ลมที่ปล่อยออกมา มันจะเต็มไปด้วยความผันผวนและไม่เสถียร
แต่พัดลมเวทมนตร์นี้หมุนมาเป็นเวลานานกว่าสิบนาทีแล้ว แต่ใบพัดก็ยังคงหมุนอย่าคงที่ และลมที่ปล่อยออกมาก็มีความเสถียรเป็นอย่างมาก
“เจ้านี่มันถูกสร้างขึ้นมายังไงกัน” คามิลล่าครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อยและพบว่าแม้แต่เขาที่เป็นถึงจอมเวทย์ เขาก็ไม่สามารถเข้าใจเจ้าสิ่งนี้ได้
เมื่อมองไปยังพัดลมเวทมนตร์ที่บิดเบี้ยว คามิลล่าทำเพียงโบกมืออย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นพัดลมเวทมนตร์ก็ถูกแยกออกจากกัน และเผยให้เห็นส่วนภายในของพัดลมเวทมนตร์
คามิลล่ามองไปที่พัดลมเวทมนตร์อย่างถี่ถ้วน แม้แต่ส่วนเล็กๆก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขา
แต่หลังจากมองผ่านรูปแบบเวทมนตร์เขาก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่ามีหลายส่วนที่เขาไม่เข้าใจ!
บางทีเขาอาจจะทำเลียนแบบรูปแบบเวทมนตร์ขึ้นมาได้ แต่ว่าเพราะอะไรรูปแบบเวทมนตร์ถึงออกมาเป็นแบบนี้ และทำไมมันถึงทำให้ใบพัดมีความเสถียรนั้นเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลย!
ในใจของคามิลล่าเกิดเป็นเครื่องหมายคำถามขึ้นมาทันที
“ใครเป็นคนสร้างรูปแบบเวทมนตร์นี้ขึ้นมากัน?”
###
ไฮนซ์มองดูผู้คนที่เดินออกไปนอกร้านอย่างเบาบางก่อนที่จะหันกลับมามองที่พัดลมเวทมนตร์ที่กำลังหมุนอยู่บนโต๊ะของเขา เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อวานมีนักเวทย์หนุ่มที่ชื่อว่าซูยี่ได้นำพัดลมเวทมนตร์มาฝากขายสามตัว ในตอนแรกเขาก็ต้องการปฏิเสธ
เขาไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งแปลกๆนี่คืออะไร
แต่เป็นเพราะว่าซูยี่มักจะมาซื้อของที่ร้านของเขาประจำ ในที่สุดเขาก็ตอบตกลง
โชคดีที่ซูยี่ไม่ได้บอกว่าต้องขายให้ได้ เขาแค่ต้องนำพัดลมเวทมนตร์ตัวนึงมาวางไว้เท่านั้น
พูดได้ว่าตั้งแต่มีพัดลมเวทมนตร์มาวางไว้ในร้าน ร้านของเขาก็ไม่อบอ้าวเหมือนที่ผ่านมา มันทำให้เขารู้สึกสบาย
“ถ้ามันขายไม่ได้จริงๆฉันก็จะซื้อมันไว้เอง เพราะถึงยังไงซูยี่ก็บอกว่าแค่ผลึกเวทย์ระดับต่ำก็เพียงพอแล้วที่จะให้มันทำงานได้ตลอดสามวัน”
ขณะที่ไฮนซ์กำลังคิดถึงสิ่งที่จะทำอยู่นั้นร่างสูงก็เดินเข้ามาในร้าน
“เฮ้คาร์ลเพื่อนรักทำไมวันนี้นายมาเร็วจัง” ไฮนซ์รีบเข้ามาทักทายเขาทันทีบุคคลนี้เป็นลูกค้าประจำในร้านของเขา
ผู้ชายคนที่ถูกเรียกว่าคาร์ลมีหัวยุ่งและมีผมสีน้ำตาลแล้วก็มีเคราหนา เขาค่อนข้างสูงและมีท่าทางตรงไปตรงมา เขาโบกมือเมื่อได้ยินคำเหล่านี้และพูดเสียงดังว่า“เอาล่ะไฮนซ์หยุดพูดแล้วรีบส่งเบียร์เย็น ๆ ให้ฉันสักแก้วที ฉันจะโดนย่างอยูแล้ว!”
ไฮนซ์หัวเราะและเติมเบียร์เย็น ๆ ก่อนจะเดินตรงไป
คาร์ลดื่มมันเข้าไปหลายอึกใหญ่และหายใจเข้ายาว ๆ ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงอ้าา
“ ไฮนซ์ทำไมฉันรู้สึกว่าข้างในมันเย็นกว่าข้างนอกล่ะ แปลก? ลมนี้มาจากไหน? ข้างนอกมันไม่มีลมหนิ? อย่าบอกนะว่าคนขี้เหนียวอย่างนายยอมติดตั้งรูปแบบเวทมนตร์ไว้ในร้านด้วย”
“แม้ว่าฉันจะยอมติดตั้งมันฉันก็ไม่สามารถใช้มันได้อยู่ดี” ไฮนซ์ชี้ไปที่พัดลมเวทมนตร์ซึ่งทำงานอยู่ข้างๆเขา“พัดลมเวทมนตร์ตัวนี้ไงที่กำลังเป่าลมออกมา”
“พัดลมเวทมนตร์?” คาร์ลมองไปที่พัดลมเวทมนตร์อย่างอยากรู้อยากเห็นและรู้สึกถึงลมเย็น ๆ ที่พัดออกมา จู่ๆเขาก็ตบโต๊ะและชี้ไปที่ไฮนซ์ขณะที่เขาคำรามออกมา“ดีไฮนซ์ทำไมนายไม่บอกฉันว่านายมีของดีๆแบบนี้อยู่ บอกราคามา นายคงไม่บอกฉันใช่มั้ยว่าไม่ขายน่ะจริงมั้ย?”
ดวงตาของไฮนซ์สว่างขึ้นทันทีและจงใจพูดขึ้มมา“นี่… .. สิ่งนี้มันไม่ถูกเลยนะ”
"อะไร?นายคิดว่าฉันไม่มีเงินเหรอ“ตาของคาร์ลหรี่ลงทันที” พูดมา! ตราบใดที่มันไม่แพงเกินไปฉันจะซื้อ! บอกตรงๆถ้าอากาศมันร้อนกว่านี้ฉันก็กะจะติดตั้งรูปแบบเวทย์น้ำแข็งขนาดใหญ่แล้ว!”
ไฮนซ์หัวเราะขึ้นมา แม้ว่าคาร์ลจะดูหยาบคาย แต่จริงๆแล้วเขา็เป็นคนค่อนข้างฉลาดและมีความอดทนมาก เขามีธุรกิจเล็ก ๆ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรในเมืองบันต้า แต่เขาก็มีเงินมากกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน หากเขาวางแผนที่จะติดตั้งรูปแบบเวทย์น้ำแข็งขนาดใหญ่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย
“แน่นอนว่ามันไม่ได้แพงเท่ากับรูปแบบน้ำแข็งขนาดใหญ่ ราคาของมัน...” ไฮนซ์ลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นสองนิ้วไปทางคาร์ล
“สองเหรียญทอง?” เมื่อเห็นไฮนซ์พยักหน้าคาร์ลก็หยิบเหรียญทองสี่เหรียญออกมาจากกระเป๋าโดยไม่พูดอะไรแล้วตบลงบนโต๊ะ“ มันถูกขนาดนี้ให้ฉันสองตัว
เมื่อเห็นเหรียญทองสี่เหรียญบนโต๊ะไฮนซ์ก็อดจะตกตะลึงไม่ได้“นายแน่ใจนะว่าต้องการสองตัว?”
คาร์ลมองกลับมาที่เขา“อะไร? นายไม่มีอีกตัวเหรอ? ถ้าฉันไม่ซื้อไปอีกตัวเจ้าเด็กเหลือขอที่บ้านต้องทำให้ฉันรำคารตายแน่!”
“ใช่ใช่ใช่แน่นอนว่าฉันมี” ไฮนซ์รีบหยิบพัดลมเวทมนตร์สองตัวที่เหลือออกมาและมอบให้คาร์ล
เมื่อเขาเห็นว่าคาร์ลกำลังจะจากไป ทันใดนั้นไฮนซ์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนร้องเรียกให้เขาหยุด
“เดี๋ยวก่อนคาร์ลยังมีบางอย่างที่ฉันต้องบอกนาย”พัดลมเวทมนตร์นี้จำเป็นต้องใส่ผลึกเวทย์ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ทำงาน”
“ทำไมนายไม่รีบบอกล่ะ” คาร์ลขมวดคิ้ว เขาไม่ใช่นักเวทย์ แต่เขารู้ดีว่าตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์มันก็จำเป็นต้องใช้ผลึกเวทย์เป็นจำนวนมาก“สิ่งนี้ต้องใช้ผลึกเวทย์มากไหม?หากมันต้องใช้เป็นร้อยผลึก มันจะดีกว่าถ้าติดตั้งรูปแบบเวทย์น้ำแข็งขนาดใหญ่แทน”
“ไม่แน่นอนไม่แน่นอน……” ไฮนซ์ โบกมืออย่างรวดเร็ว“เจ้านี่ไม่ได้ใช้ผลึกเวทมากมายขนาดนั้นแค่ผลึกเวทย์ระดับต่ำก็พอให้มันทำงานไปสามวันแล้ว”
คาร์ลมองไปที่ผลึกเวทย์ก้อนเล็กๆที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือในมือของไฮนซ์ และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นทันที เขาโพล่งออกมาด้วยเสียงหัวเราะ“แค่นี้เองเหรอ มันราวกับไม่ต้องเสียเงินเลย”
หลังจากพูดจบเขาก็โบกมือให้ไฮนซ์แล้วเดินออกไปพร้อมกับพัดลมเวทมนตร์ทั้งสองตัว
ไฮนซ์หันกลับไปมองเหรียญทองที่ส่องประกายสี่เหรียญบนโต๊ะและตะลึงไปชั่วขณะ
ขายไปแล้วสองตัวทั้งแบบนี้น่ะเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นมันขายได้สี่เหรียญทองอย่างนั้นเหรอ?
ซูยี่เด็กนั่นพูดอะไรไว้ก่อนหน้านี้? เขาบอกว่าให้เก็บ 10% ไว้เป็นค่าคอมมิชชั่นได้เลย ไม่ใช่ว่านั่นหมายความว่าเขาแค่ขายพัดลมเวทมนตร์ได้สองตัวเขาก็จะได้รับเงินสี่สิบเหรียญเป็นค่าคอมมิชชั่นหรืออ
เป็นที่รู้กันว่ากำไรสุทธิประจำวันของร้านของเขาอยู่ที่เหรียญทองเพียงเหรียญเดียว… ...
ได้รับสี่สิบเหรียญเงินเพียงแค่ขายพัดลมสองตัว ถ้าเขาจะขายยี่สิบหรือสองร้อย… ...
ในขณะที่ไฮนซ์กำลังเพ้อฝันเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีอีกคนเข้ามา
“เฮ้ไฮนซ์ฉันชนกับคาร์ลเมื่อกี้ ฉันได้ยินมาว่านายมีของที่เรียกว่าพัดลมเวทมนตร์ขายเหรอ? เอามาให้ดูหน่อย ถ้ามันดีจริงฉันจะซื้อมันสองตัว”
"อา?" ไฮนซ์ตะลึง เมื่อเขากำลังจะ บอกว่ามันเหลือแค่ตัวเดียวลูกค้าอีกคนก็เดินเข้ามา เขาเองก็ต้องการพัดลมเวทมนตร์ด้วย
ไฮนซ์ตกตะลึงและประหลาดใจเมื่อเห็นผู้คนเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังจะรวยแล้ว?