ตอนที่ 107-108
ตอนที่ 107 : หารือ
“แล้วข้างเหล่าไป่นั้นคือ...”
กู่หยุนซีลังเลไปครู่ นางกล่าวถามด้วยความไม่มั่นใจ
ขณะนี้ คนทั้งสองได้เพียงแต่คาดเดาอยู่ภายใน
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “จักรพรรดิเทียนชิง จี้อู๋ฮุย”
ยามนี้เองที่กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางค่อยรู้สึกว่าเรื่องราวไม่น่าประหลาดใจแล้ว
ร้านต้นตำรับแห่งนี้มีอะไรชวนประหลาดใจเยอะเกินไป จนกระทั่งตอนนี้เกิดเป็นความเคยชิน...
“เถ้าแก่ร้านนี้นี่ช่าง...” เจียงเหวิ่นฉางเผยยิ้มเก้กัง ริมฝีปากชะงัก ก่อนจะทราบว่าควรกล่าวอะไรออก “ช่างไม่ธรรมดา!”
“หือ? หยุนซี เหวิ่นฉ่าง อยู่ที่นี่กันหรือ?”
เสียงประหลาดใจพลันดังขึ้น
ปู้ฉืออีถอดหมวกออกพร้อมรับชมคนทั้งสองอย่างแปลกใจ
“เสร็จมื้อเช้าพวกเราจึงมา ไม่นึกว่าพวกเจ้ามาก่อนเร็วขนาดนี้” กู่หยุนซียิ้มรับ
พวกนางคิดว่าตนมาเช้าแล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดว่าผู้อื่นจะมาเช้ายิ่งกว่า!
ร้านเถ้าแก่มีที่นั่งเล่นเพียงสิบตำแหน่งเท่านั้น
หากมีลูกค้าเยอะกว่านี้ เช่นนั้นก็ไม่เหลือที่ให้เล่นเกมแล้วกระมัง?!
เมื่อคิดเช่นนี้ สัมผัสถึงวิกฤตของพวกนางจึงปรากฏภายในใจ
ต้องไม่บอกต่ออาจารย์หรือศิษย์ผู้อื่นให้รู้จักร้านนี้เป็นอันขาด!
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางต่างเห็นพ้องเช่นเดียวกันภายในใจ
พวกนางไม่ทราบว่าคณะของปู้หลี่เกื๋อก็คิดเช่นเดียวกันนี้ ไม่ว่าใครต่างก็คิดเก็บเรื่องร้านต้นตำรับเป็นความลับ เรื่องนี้ไม่อาจบอกต่อผู้อื่นเป็นอันขาด!
“พูดคุยกันหน่อยได้หรือไม่?” ปู้ฉืออีกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา
กู่หยุนซีคือขอบเขตจิตวิญญาณระดับที่ห้า และเจียงเหวิ่นฉางคือระดับที่หก
กำลังของคนทั้งสามไม่ต่างกันมาก ดังนั้นปู้ฉืออีจึงเกิดความคิดยามพบเห็นคนทั้งสองมาเยือนร้าน
นี่คือสองคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม!
“หือ? หารือ?” กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางประหลาดใจเล็กน้อย
“ใช่” ปู้ฉืออีพยักหน้ารับ “ในโหมดอารีน่าของหอคอยแห่งการทดสอบ จะสามารถเลือกอุปกรณ์ที่ตนเองใช้งาน และทั้งสองฝ่ายจะมีกำลังทัดเทียมกัน มันคือการต่อสู้อย่างเท่าเทียม!”
เมื่อทั้งสองได้ยินคำนี้ก็พลันต้องเกิดความสนใจขึ้นมา
เจียงเหวิ่นฉางพยักหน้ารับ “ได้ แน่นอน! อย่างนั้นไปกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก่อน เพื่อที่จะได้เพิ่มความเร็วฝึกฝนเป็นสิบเท่า!”
“ได้ อย่างนั้นข้าขอตัวไปเล่นโหมดท้าทายก่อน เสร็จแล้วก็เรียกด้วย”
ถัดจากนั้น ปู้ฉืออีจึงสวมหมวกกลับเข้าหอคอยแห่งการทดสอบ
ส่วนทางเจียงเหวิ่นฉางและกู่หยุนซี ทั้งสองเดินไปหยิบถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันออกมา
แน่นอนว่ายังไม่ลืมซื้อหาโคล่าและแท่งเครื่องเทศไว้ติดตัว
แท่งเครื่องเทศและโคล่าที่เคยซื้อไปนั้นยังไม่ได้รับประทาน ทั้งสองเลือกจะเก็บเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
ขณะนี้คนทั้งสองต่างสงสัย
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติค่อนข้างดี อย่างนั้นแล้วโคล่ากับแท่งเครื่องเทศจะเป็นอย่างไร?
โดยไม่คิดให้มากความ ทั้งสองเลือกจะลิ้มรสของมันโดยทันที
ของกินเมื่อเข้าปาก คนทั้งสองจึงเบิกตาโพลงอย่างตื่นตะลึง
“ไม่เคยได้ลิ้มรสชาติอะไรแบบนี้มาก่อน!”
กู่หยุนซีถือขวดโคล่าไว้ในมือพร้อมดื่มด้วยสีหน้าอิ่มเอม
โคล่าเย็นจับใจไหลผ่านลำคอ ฟองอากาศแตกซ่านภายในปาก มันทำให้ผู้คนได้ดื่มด่ำ!
กู่หยุนซีคิดเห็น ว่าโคล่านี้สมควรเป็นสิ่งเลิศรสเท่าที่ชีวิตนี้จะเคยดื่มแล้ว!
“แท่งเครื่องเทศเองก็อร่อย ไม่มียาวิเศษใดเทียบเคียงมันได้เลย!”
เจียงเหวิ่นฉางพูดไปพลางกัดกินแท่งเครื่องเทศ
อร่อยเกินไปแล้ว!
ทั้งนี้ พลังวิญญาณในร่างของทั้งสองไม่เพียงถูกกระตุ้น แต่ยังเพิ่มพูนขึ้น
นี่คือผลของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและแท่งเครื่องเทศที่ประสานต่อกัน
สำหรับโคล่า ด้วยพวกนางไม่มีใครบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไร้ซึ่งผลลัพธ์ใดแสดงให้เห็น
ผ่านไปหลายนาที คนทั้งสองค่อยรับประทานกันจนเกลี้ยง
กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางถึงกับเรอออกมา สีหน้าพวกนางพึงพอใจในรสชาติเป็นอย่างดีเยี่ยม
วิเศษ!
นานมากแล้วที่พวกนางไม่เคยได้ลิ้มรสอะไรจนยินดีถึงเพียงนี้มาก่อน!
ตอนที่ 108 : องค์เหนือหัวไม่อยู่
ถัดไปจึงเป็นเวลาการเล่นหอคอยแห่งการทดสอบ
อีกฟากหนึ่ง หยิงอู๋จี้ได้เดินทางออกจากโรงเตี๊ยมมุ่งหน้าสู่พระราชวังหลวง
เขาคิดไปพบเหล่าไป่เพื่อสอบถามถึงวิธีการฟื้นคืนพลังชีวิต!
ด้วยความมั่นใจเด็ดเดี่ยว หยิงอู๋จี้กระทั่งนำแหวนมิติที่อัดแน่นด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่มีติดตัวมาด้วย
การเดินทางครั้งนี้ต้องประสบผลสำเร็จ!
เพียงไม่นาน หยิงอู๋จี้ค่อยมาถึงตรงหน้าประตูพระราชวังหลวง
พระราชวังหลวงนั้นโอ่อ่าและงดงาม กำแพงเมืองสูงกว่าสิบเมตรถูกย้อมด้วยสีแดงประดับประดาพร้อมเผยซึ่งความผันแปรทางพลังวิญญาณ มันคือค่ายอาคม!
ด้านข้างทางเข้าหลัก ร่างกว่าสิบในชุดเกราะต่างยืนเรียงรายอย่างเงียบงัน
เหล่านี้คือราชองครักษ์
ออร่าที่เผยออกจากคนเหล่านี้ค่อนข้างรุนแรง เพราะพวกเขาคือยอดฝีมือขอบเขตจิตวิญญาณ!
ผู้นำของกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุด คือขอบเขตคืนต้นกำเนิดระดับที่เก้า!
ผู้นี้คือผู้บัญชาการราชองครักษ์ เซี่ยเทียนอวี้!
“ผู้มาเยือนขอหยุดฝีเท้า!”
พบเห็นหยิงอู๋จี้เดินเข้ามา เขาจึงตะโกนดัง
พร้อมกันนี้ ราชองครักษ์กว่าสิบคนจึงเผยดาบแหลมคม สายตาพร้อมหันมองทางร่างหยิงอู๋จี้
ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตคืนต้นกำเนิดต้องเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ ก็เกรงว่าจะไม่อาจต่อกรคณะราชองครักษ์ได้!
สำหรับราชองครักษ์เหล่านี้ การร่วมแรงต่อกันย่อมให้ผลมากกว่าเพียงหนึ่งบวกหนึ่ง!
แต่ด้วยเผชิญหน้ากับหยิงอู๋จี้ที่ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุด แม้คนเหล่านี้ร่วมมือกันก็เกรงว่าจะไม่อาจจับได้แม้ปลายเสื้อ
นับเป็นโชคดี ที่หยิงอู๋จี้มาเยือนวันนี้ไม่ใช่เพราะเจตนาร้าย
เขากล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตรงเข้าโสดประสาทผู้คน “ข้าคืออาจารย์อาวุโสแห่งสถาบันวิญญาณเมฆา หยิงอู๋จี้!”
พร้อมกันนี้ ออร่าขอบเขตทดสอบเต๋าจึงแผ่กระจายออก
กระทั่งว่าเป็นผู้ที่ฝึกฝนจิตใจอย่างดีเยี่ยม ได้ยินคำของหยิงอู๋จี้ก็ยังต้องเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน
โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ขอบเขตพลังต่ำกว่า พวกเขาแทบไม่อาจต้านทานอะไรได้
สถาบันวิญญาณเมฆา เป็นสุดยอดขั้วอำนาจชั้นแนวหน้าของทวีปเทียนหลัน ไม่ว่าผู้ใดล้วนต้องเคยได้ยินนามนี้
สีหน้าเซี่ยเทียนอวี้ต้องแปรเปลี่ยน
แม้ไม่ทราบว่าหยิงอู๋จี้คือใคร กระนั้นออร่าที่ชวนสะพรึงนั้นไม่มีทางใช่ของปลอม
เขาต้องโบกมือบอกกล่าวกับเหล่าทหารองครักษ์ให้ลดอาวุธลง
ด้วยไม่กล้ายั่วยุอีกฝ่าย น้ำเสียงลุ่มลึกกล่าวคำออก “ขอท่านรอสักครู่ ข้าจะไปรายงาน”
คำกล่าวเช่นนี้เผยออกเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้และไม่ระเบิดโทสะใดออกมา
เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นหยิงอู๋จี้ ที่ทำได้ก็เพียงทำให้อีกฝ่ายใจเย็นเข้าไว้
ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุด ไม่ใช่อะไรที่จะขาดซึ่งความเคารพได้
และเซี่ยเทียนอวี้ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนรอที่หน้าประตู นี่จึงเป็นความหาญกล้าประการหนึ่ง!
กระนั้นด้วยนิสัยของหยิงอู๋จี้ เขาจึงไม่คิดอันใดให้มากความ
เขาพยักหน้ารับและไม่เอ่ยคำใดต่อ
เพียงแต่ยืนนิ่งและรอคอยอย่างเงียบงัน
เซี่ยเทียนอวี้เร่งรีบมุ่งหน้าไปยังห้องโถงที่จี้อู๋ฮุยมักอยู่ในช่วงเวลานี้
ซึ่งผิดคาด เขาไม่พบตัวจี้อู๋ฮุยแต่อย่างใด
“ไฉนองค์เหนือหัวไม่อยู่ในราชวัง?” เซี่ยเทียนอวี้เอ่ยถามหญิงรับใช้
“เรียนท่านผู้บัญชาการ องค์เหนือหัวและเหล่าไป่เดินทางออกจากพระราชวังหลวงแต่เช้าตรู่วันนี้” หญิงรับใช้กล่าวตอบกลับมา
เซี่ยเทียนอวี้พลันต้องขมวดคิ้ว
เขาย่อมได้ยินว่าเมื่อวานและเมื่อคืนเกิดเรื่องราวใด
ฝ่าบาทออกหน้าส่งมอบค่าชดเชย องค์ชายสองถูกส่งตัวไปอยู่ชายแดนใต้
กล่าวได้ว่าเป็นวันที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่ใช่น้อย
ขณะนี้องค์เหนือหัวและเหล่าไป่ออกจากพระราชวังหลวง ครานี้เป็นเรื่องอันใดอีก?
ด้วยไม่อาจคิดหาเหตุผล เซี่ยเทียนอวี้จึงหยุดคิด
เซี่ยเทียนอวี้กลับไปยังประตูหน้าพระราชวังหลวง สายตามองทางหยิงอู๋จี้ซึ่งยังคงรอคอย เขากล่าวคำออก “ผู้อาวุโส องค์เหนือหัวขณะนี้ไม่อยู่ที่พระราชวังหลวง”
“ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้ารอที่นี่จนกว่าองค์เหนือหัวของเจ้ากลับมา” หยิงอู๋จี้กล่าวคำเบารับโดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
ถัดจากนั้นเขาจึงหลับตานิ่งไปประหนึ่งรูปปั้น
เซี่ยเทียนอวี้กลายเป็นต้องปวดเศียรเวียนเกล้า
คิดจะยืนอยู่ตรงหน้าประตูพระราชวังหลวงเช่นนี้เลยหรือ?
กับผู้อยู่ขอบเขตทดสอบเต๋า พวกเขาจะไล่ไปก็ไม่ได้กระมัง?
ขณะนี้ พวกเขาไม่ทราบแล้วว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรและควรรับมืออย่างไรดี...